บทที่ 373 เชื้อเชิญ

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 373 เชื้อเชิญ

หยางฟางฟางเป็นห่วงมาก ยังไงซะมู่เซิ่งก็เป็นคนที่เธอพามา แม้ว่าจะหวังดีให้มู่เซิ่งเข้าร่วมสี่องค์กรใหญ่ แต่มู่เซิ่งไม่ชอบ เธอก็ไม่สามารถบังคับได้ แต่คาดไม่ถึงว่า เรื่องราวจะพัฒนามาถึงขั้นนี้

ถ้าหากมู่เซิ่งและหัวหน้าเซี่ยต่อสู้กันขึ้นมาจริงๆ งั้นผลที่ตามก็ไม่สามารถคาดการณ์ได้จริงๆ

ต้องรู้ว่า สี่องค์กรใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังของหัวหน้าเซี่ย เป็นกลุ่มพันธมิตรนักเสวียนเลยนะ แม้ว่ามู่เซิ่งจะเอาชนะหัวหน้าเซี่ยได้ ขอแค่พันธมิตรเหล่านั้นออกตัวต่อต้าน มู่เซิ่งก็ยากที่จะรับไหวอย่างแน่นอน และท้ายที่สุดอาจมีอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ หยางฟางฟางพุ่งตัวเข้าไปอย่างรวดเร็ว ขวางอยู่ตรงกลางระหว่างหัวหน้าเซี่ยและมู่เซิ่ง“มู่เซิ่ง นายอย่าได้ใจร้อนเด็ดขาด เขาเป็นหัวหน้าเซี่ยเลยนะ นายรีบไปเถอะ”

“ไป ทำให้สมาชิกในทีมของฉันจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ก็อยากไปโดยที่ไม่สนใจอะไร? ฮ่าๆ แกคิดว่าทีมเต่าดำของเรา เป็นที่ที่แกอยากมาก็มา อยากไปก็ไปเหรอ!” หัวหน้าเซี่ยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“หัวหน้าเซี่ย อย่าได้ปล่อยให้เขาไปเด็ดขาด ถ้าหากเซียวจ้านบาดเจ็บขึ้นมา ใครจะเป็นคนรับผิดชอบ?” หยางฉางจวินก็พูด

สภาพในตอนนี้ของเซียวจ้านคาดว่าถูกทำร้ายแล้ว ไม่มีความหวังนี้ หยางฉางจวิน ไม่มีทางปล่อยมู่เซิ่งไปเด็ดขาด เขายังคิดว่าจะเอายาจากบนตัวของมู่เซิ่งมาบ้าง

ถ้าหากได้มาเม็ดหนึ่งก็ได้ อย่างน้อยก็ทำให้เขาทะลวงถึงแดนปรมาจารย์บู๊ ไม่อย่างนั้น เขามาครั้งนี้ก็ขาดทุนเกินไปแล้ว

“ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ ฉันดูสิว่าใครกล้าขวางฉัน?”มู่เซิ่งกวาดสายตาเยือกเย็นมองแวบหนึ่ง ทีมเต่าดำอะไร ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาด้วยซ้ำ

อย่าว่าแต่เต่าดำ เลย ต่อให้กลุ่มพันธมิตรนักเสวียนออกหน้า ก็ไม่ได้มีเรื่องอะไร ความแข็งแกร่งตอนนี้ของเขา บรรลุถึงแดนของนักเสวียนระดับสองตั้งนานแล้ว ขาดแค่ยาเม็ดหนึ่งก็ทะลวงได้ ถ้าหากอยู่ภายใต้การระเบิดอย่างเต็มที่ ต่อให้เป็นนักเสวียนระดับสาม ก็ต้องหลบ

“เชี่ย หยิ่งมากจริงๆ!”

“นี่มันหยิ่งเกินไปแล้วนะ แกคิดว่าไม่มีใครลงมือกับแกจริงๆเหรอ?”

“อย่าดูถูกคนอื่น!”

พวกสมาชิกในทีมเต่าดำเหล่านั้น แต่ละคนก็ด่าทออย่างไม่พอใจ

พวกเขาผ่านการแข่งขันคัดเลือก ประกอบกับว่าเต่าดำเป็นทีมที่จะได้รับความเคารพจากผู้คนนับหมื่น ตอนนี้เห็นมู่เซิ่งดูถูกเช่นนี้ ความโกรธในใจก็เพิ่มขึ้นมาอยู่แล้ว

หัวหน้าเซี่ยก็หัวเราะกลับด้วยความโกรธ เขาไม่เคยเห็นชายหนุ่มที่หยิ่งผยองเช่นนี้มาก่อน เขากำหมัดทั้งสองแน่น และพูดด้วยความโกรธว่า: “ดี ดีมาก ฉันอยากจะดูสิว่า ฉันมีสิทธิ์ที่จะขวางแกได้มั้ย!”

“หยุดเดี๋ยวนี้!”

ในตอนที่การต่อสู้กำลังจะเริ่มขึ้น เสียงตำหนิอย่างโกรธเกรี้ยวของชายชราก็ดังขึ้น

สายตาของทุกคนมองตามไป ท่ามกลางฝูงชน ชายชราคนหนึ่งในชุดจงซานจวงเดินเข้ามา ผมหงอกเต็มหัว กลับมีรัศมีกดขี่ เดินเหมือนเสือตัวหนึ่งหมอบลงพื้น ทุกคนกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว และไม่อยากพูดอะไร

คนแก่คนนี้ ก็ต้องเป็นครูฝึกฝานหรงอยู่แล้ว

“ครูฝึกฝานหรงมานี่เอง”

“สวัสดีครับครูฝึกฝานหรง”

“สวัสดีค่ะครูฝึกฝานหรง”

สมาชิกในทีมเต่าดำเหล่านั้นทยอยขยับไปข้างๆ และทำความเคารพด้วยความเคารพ

หัวหน้าเซี่ยที่เดิมทีกำลังจะลงมือก็นิ่งอึ้ง รีบหยุดการเคลื่อนไหวในมือ วิ่งไปตรงหน้าของครูฝึกฝานหรงอย่างรวดเร็ว ท่าทีเคารพนับถือเป็นอย่างยิ่ง และคารวะว่า: “ครูฝึกฝานหรง ท่านมาแล้ว”

“อือ” ครูฝึกฝานหรงพยักหน้า ทุกทวงท่าทางมีความสง่างาม แฝงไปด้วยความน่าเกรงขามยิ่งใหญ่ยากที่ผู้คนจะเพิกเฉยได้

“ครูฝึกฝานหรง ไม่นึกเลยว่ามู่เซิ่งจะลงมืออยู่ที่นี่ ยังจู่โจมเซียวจ้านด้วย หวังว่าคุณจะลงมือจัดการคนจองหองคนนี้!” หยางฉางจวินก็ตะโกนอยู่ด้านหลัง

ในฐานะผู้นำตระกูลหยาง เขามีช่องข่าวของตัวเอง ดังนั้นก็รู้จักครูฝึกฝานหรงดีกว่าคนอื่นๆ

ครูฝึกฝานหรงไม่เพียงแต่เป็นครูฝึกของทีมเต่าดำ สิบกว่าปีก่อน ก็เป็นลูกศิษย์ทรงพลังคนหนึ่งของกลุ่มพันธมิตรนักเสวียน เป็นเพราะว่าได้รับบาดเจ็บในที่ลับ อายุมากเกินไป ถึงได้เกษียณจากยุทธภพ กลายเป็นครูฝึกของทีมเต่าดำ แต่ถึงแม้เขาจะอายุมาก ความแข็งแกร่งก็ยังคงสูงอยู่ ได้ยินว่าความแข็งแกร่งทรงพลังกว่าปีนั้น ครูฝึกในสี่องค์กรใหญ่ นั่นก็เป็นคนที่มีชื่อเสียงในอันดับต้นๆ

คนระดับนี้ ไม่ใช่นักเสวียนทั่วไปจะเทียบได้ เพราะเขาใหล้จะเข้านักเสวียนระดับสองแล้ว

ครูฝึกฝานหรงออกโรงในตอนนี้ หยางฉางจวินรู้สึกโล่งใจมาก ต่อให้มู่เซิ่งจะทำลายกฎของธรรมชาติแค่ไหน แล้วยังไง? หรือว่าเขาจะสู้ครูฝึกฝานหรงได้เหรอ?

ใบหน้าที่สวยงามของหยางฟางฟางซีดเผือด ตอนแรกคิดว่าหัวหน้าเซี่ยอยู่ เธอก็ยังพามู่เซิ่งไปได้ ตอนนี้ครูฝึกฝานหรงออกมา ตอนนี้เธอไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะพูด

“หึ ไอ้หมอนี่ตายแน่!”ลูกศิษย์ของเซียวจ้านมองดูฉากนี้อย่างมีความสุข

“นี่มันไร้สาระไม่ใช่เหรอ ครูฝึกฝานหรงออกโรง ต่อให้ไอ้หมอนี่มีสิบชีวิตก็ไม่พอ!”

“ฮ่าๆๆ ใครให้เขาจู่โจมพี่เซียวของเรา รอรับการลงโทษเถอะ? พวกนายว่า มู่เซิ่งจะโดนตีแขนทั้งสองหัก หรือว่าทำลายเส้นลมปราณทั้งตัว? ก่อนหน้านี้มีคนกล้าวางยาพิษสมาชิกในทีมเต่าดำของเรา ก็โดนหักแขนขาทั้งสองข้างในทันที”

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ อยู่ด้านล่างโดยไม่รู้ตัว

มู่เซิ่งมองดูครูฝึกฝานหรงที่เดินเข้ามาอย่างไม่แยแส การแสดงออกในดวงตา สงบนิ่งไม่ไหวหวั่นกับสิ่งภายนอก ราวกับว่าแม้ครูฝึกฝานหรงจะออกโรง ก็ไม่มีอิทธิพลต่อเขาเลยสักนิด

ครูฝึกฝานหรงเข้าหามู่เซิ่งทีละก้าว และยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าของเขา

ระยะห่างระหว่างทั้งสอง ห่างกันเพียงไม่กี่หมัด และบรรยากาศก็ตึงเครียด

หยางฟางฟางที่ขวางอยู่ข้างหน้าของมู่เซิ่ง ก็รู้สึกประหม่าจนลืมหายใจ

สายตาของครูฝึกฝานหรงมองดูเซียวจ้านที่โดนกระแทกอยู่กำแพง และรอยบุบลึกด้านบน ในดวงตาก็จริงจัง และถามว่า: “นี่เป็นสิ่งที่นายทำเหรอ? ทำไมนายต้องทำแบบนี้ด้วย?”

“มีบางคนตาบอด ฉันก็ต้องสั่งสอนเขาเป็นธรรมดา”มู่เซิ่งพูดอย่างสบายๆ น้ำเสียงไม่แยแส ก็ทำให้ลูกน้องของ เซียวจ้านเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองโดยชอบธรรม

ครูฝึกฝานหรงพยักหน้า“เช่นนี้เขาก็สมควรแล้ว มู่เซิ่งใช่มั้ย ฉันฝานหรงขอเชิญนายด้วยความจริงใจ หวังว่านายจะเข้าสู่ทีมเต่าดำได้ ทำหน้าที่หัวหน้าทีมหน่วยพิเศษ นายยินดีมั้ย?”

“……”

ตามด้วยการเอ่ยปากของครูฝึกฝานหรง ทั้งสมานดูเหมือนจะหยุดชั่วคราว และทุกคนตกตะลึงอยู่กับที่ ยืนนิ่งไม่ขยับ

เกิดอะไรขึ้น?

ลูกน้องเหล่านั้นของเซียวจ้านต่างสบตากันซึ่งกันและกัน สงสัยว่าตัวเองฟังผิดหรือเปล่า

“ครู ครูฝึกฝานหรง คุณพูดผิดหรือเปล่า?”แม้แต่หัวหน้าเซี่ยก็ท่าทางเหมือนเห็นผี และถามขึ้นมา

ไม่โทษความสามารถในการแบกรับของเขาต่ำเกินไป แต่เป็นเพราะว่าตำแหน่งที่ครูฝึกฝานหรงให้นั้นสูงเกินไป

คุณไม่ลงมือกับมู่เซิ่งก็ช่างเถอะ แต่ไม่นึกเลยว่าคุณจะให้เขาเป็นหัวหน้าทีมหน่วยรบพิเศษของทีมเต่าดำ หัวหน้าทีมหน่วยพิเศษคืออะไร? นั่นคือหัวหน้าทีมที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นการส่วนตัวจากครูฝึก ในทีม เป็นคนที่สามารถทำหน้าที่แทนครูฝึกได้ และตำแหน่งนั้นใหญ่กว่าหัวหน้าเซี่ยอย่างเขา

หัวหน้าเซี่ยไม่สามารถยอมรับสิ่งนี้ได้เลย

“ไม่ใช่มั้ง เขาเพิ่งจะลงมือจู่โจมพี่เซียวเลยนะ มีสิทธิ์อะไรเข้าร่วมในทีมเต่าดำ?”

“นั่นนะสิ ครูฝึกฝานหรงกำลังล้อเล่นหรือเปล่า? แม้ว่าจะกรณีพิเศษ แต่ก็เป็นหัวหน้าโดยตรงไม่ได้นะ เรื่องแบบนี้ อย่าว่าแต่ทีมเต่าดำของฉันไม่มีเลย ทีมรบทั้งสามทีมก็ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”

คนอื่นๆก็ประหลาดใจไม่แพ้กัน

รู้สึกว่าฉากตรงหน้านี้ เหมือนความฝัน เต็มไปด้วยความรู้สึกไม่จริง

ครูฝึกฝานหรงเพิกเฉยต่อคำพูดของหัวหน้าเซี่ย สีหน้าเคร่งขรึม และพูดขึ้นมาว่า: “มู่เซิ่ง คนอย่างฉันรักอย่างทะนุถนอมคนความสามารถมากที่สุด ทีมเต่าดำของเรา แม้ว่าจะข้อกำหนดสูง แต่ปกติก็จัดการได้ง่ายมาก ยิ่งไปกว่านั้น ฉันรับรองได้ว่า ขอแค่นายยอมเข้าร่วมทีมเต่าดำ ฉันจะสอนวิชาให้นายทุกอย่าง ขอแค่นายต้องการ ตำแหน่งครูฝึกเต่าดำในอนาคต ต้องเป็นของนายแน่ๆ!”

ครูฝึกฝานหรงสาบานที่น่าเชื่อ ท่าทางมุ่งมั่นที่จะดึงมู่เซิ่งเข้าร่วมในทีม

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ทุกคนก็ประหลาดใจอย่างไร้ข้อกังขาแล้ว

ครูฝึกคนนี้ชอบมู่เซิ่งมากแค่ไหน ไม่นึกว่าแม้แต่ตำแหน่งของครูฝึกในอนาคต ก็จะมอบให้มู่เซิ่งมาสืบทอด?

นอกจากความประหลาดใจแล้ว ทุกคนยังรู้สึกหวาดกลัวในใจ

ถ้าหากมู่เซิ่งกลายเป็นครูฝึกจริงๆ งั้นก็เป็นลูกพี่ของพวกเขาทั้งหมด ตอนนี้พวกเขามีเรื่องกับมู่เซิ่ง ต่อไปถ้าหากมู่เซิ่งจะแก้แค้น ก็แค่เรื่องที่พูดคำเดียว ก็สามารถทำให้พวกเขาไสหัวออกจากในทีมเต่าดำได้?

หัวหน้าเซี่ยรู้สึกเสียใจในทันที เมื่อกี้นี้ทำไมเขาต้องมีเรื่องกับมู่เซิ่งด้วย ตำแหน่งของเขาดูเหมือนจะดี แต่ตราบใดที่ครูฝึกเอ่ยปาก เขาก็ต้องไสหัวออกไปให้พ้น

มู่เซิ่งคนนี้ มีสิทธิ์อะไรให้ครูฝึกฝานหรงยื่นข้อเสนอมากมายขนาดนั้นออกมา? เป็นลูกนอกสมรสของเขาเหรอ?

หัวหน้าเซี่ยพูดตะกุกตะกักว่า“ครูฝึกฝานหรง คุณทำแบบนี้……ไม่ค่อยตรงตามกฎไปหน่อยแล้วนะ?”

“มีอะไรไม่ตรงตามกฎ? ครูฝึกอย่างฉันจะจัดการตำแหน่งยังไง ต้องให้นายมาสอนด้วยเหรอ?” ฝานหรงหันหน้าไปตะโกนอย่างโหดเหี้ยม

หัวหน้าเซี่ยร่างกายสั่น“ไม่กล้าครับ การตัดสินใจของครูฝึกฝานหรง ผมไม่กล้าคัดค้านอยู่แล้ว”

จากนั้น เขาก็มองไปทางมู่เซิ่ง และพูดด้วยเสียงต่ำ: “มู่เซิ่ง เมื่อกี้นี้ฉันขอโทษด้วย เซียวจ้านคนนี้ต่อสู้กับนาย เขาสมควรได้รับบาดเจ็บ เป็นเพราะเขาเก่งไม่เท่าคนอื่น มู่เซิ่ง ฉันขอโทษนายเรื่องก่อนหน้านี้ด้วย”

หัวหน้าเซี่ยไม่ได้สนใจว่าสมาชิกในทีมมองดูอยู่มากมายขนาดนั้น เริ่มขอโทษมู่เซิ่งอย่างนอบน้อม ยังไงซะหน้าตาจะสำคัญแค่ไหน ก็ไม่สำคัญเท่าอาชีพทางการ

“มู่เซิ่ง หัวหน้าเซี่ยขอโทษแล้ว เรื่องนี้ก็แล้วกันไปเถอะ นายไปเตรียมตัวหน่อย เก็บข้าวของ กลับไปที่ฐานทัพพร้อมฉัน ฉันเชื่อว่า สี่องค์กรใหญ่และกลุ่มพันธมิตรต่อจากนี้ไป เป็นที่ที่นายแสดงพรสวรรค์ออกมา” ฝานหรงก็มองดูมู่เซิ่งด้วยความพึงพอใจแล้วพูด

สายตาอิจฉาริษยาของทุกคนก็มองมา ทันทีที่เข้าร่วมทีมเต่าดำ ก็จะถูกปฏิบัติเช่นนี้ จุดเริ่มต้นของมู่เซิ่งคือจุดสิ้นสุดที่พวกเขาปรารถนามาตลอดชีวิต

หยางฟางฟางก็ตกอยู่ในความตกใจเช่นกัน แต่เธอรู้สึกปีติในใจมากขึ้น ดีใจที่มู่เซิ่งเข้าสู่สี่องค์ใหญ่ได้ และภูมิใจในตัวเอง

เห็นหรือยัง? คนที่ฉันพามา ไม่ได้แย่กว่าของพี่สาว และยังแข็งแกร่งมากด้วย!

หยางเหม่ยหลินก็มองไปที่มู่เซิ่งด้วยดวงตาที่สดใส คาดไม่ถึงว่ามู่เซิ่งจะเก่งขนาดนี้ เธอยักไหล่ทั้งสองเล็กน้อย ในดวงตาที่มองดูมู่เซิ่ง ก็มีร่องรอยเย้ายวนมีเสน่ห์ ริมฝีปากสีแดงดั่งน้ำ ดวงตาสวยหยาดเยิ้มเย้ายวนดุจใยไหม

ในเวลานี้

มู่เซิ่งซึ่งเป็นจุดสนใจ กวาดสายตามองหยางฉางจวินอย่างราบเรียบแวบหนึ่ง อีกฝ่ายสั่นสะท้านไปทั้งตัว ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตากับมู่เซิ่ง มู่เซิ่งอดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะเบาๆ

ต่อจากนั้น เขาพูดกับฝานหรงว่า: “ครูฝึกฝานหรง ขอบคุณสำหรับความกรุณาของคุณ แต่ว่า ฉันไม่อยากเข้าร่วมทีมเต่าดำ”

ประโยคนี้ ราวกับสายฟ้าฟาด ใส่ท่ามกลางฝูงชน

เขาพูดว่า……

เขาไม่อยากเข้าร่วมทีมเต่าดำ?