ตอนที่ 403 เย่ว์เลี่ยงท้องลูกแฝด

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 403 เย่ว์เลี่ยงท้องลูกแฝด

หลังออกจากโรงพยาบาล มู่เถาเยากับเหลียงจีก็ไปกินข้าวกลางวันกับสวีเสี่ยวเจิงและลูกสาว

ระหว่างนั้นโทรศัพท์ของมู่เถาเยาดังขึ้น พอเห็นว่าอาโทรมาเธอก็รีบกดรับ

“อาคะ”

“…”

“หา…จริงเหรอคะ”

“…”

“ค่ะ สุดสัปดาห์หน้าหนูจะไปหานะคะ”

หลังวางสายใบหน้าของมู่เถาเยาก็มีรอยยิ้ม

สวีเสี่ยวเจิงยิ้มถาม “เสี่ยวเยาเยาอารมณ์ดีขนาดนี้ หรือว่ามีข่าวดีเกิดขึ้นในครอบครัวจ๊ะ”

“คุณอาของหนูท้องลูกแฝดค่ะ”

เหลียงจีถามด้วยความตื่นเต้นดีใจ “แฝดเหรอ”

“ค่ะ ฝาแฝด”

“เยี่ยมไปเลย!”

“ช่วงก่อนคลอดหนูจะจบปริญญาเอกพอดี มีเวลาดูแลอา” และยังมีอาจารย์ใหญ่กับอาจารย์สาม ไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดปัญหา

น่าหลานอวิ๋นหร่านถามด้วยความสงสัย “ท้องตอนนี้คลอดปีหน้าไม่ใช่เหรอคะ ทำไมปีหน้าพี่ก็จบดอกเตอร์แล้วล่ะคะ”

มู่เถาเยายิ้มดวงตาโค้งมน “ตอนนี้พี่เรียนดอกเตอร์แล้วจ้ะ จบปีหน้า”

น่าหลานอวิ๋นหร่าน “…”

สวีเสี่ยวเจิงมองลูกสาวที่มีสีหน้าช็อก เธอรู้สึกขำ “คนแบบเสี่ยวเยาเยามีน้อยมากบนโลก ลูกไม่ต้องเอาตัวเองไปเปรียบ แต่เอาเป็นแบบอย่างได้นะ”

น่าหลานอวิ๋นหร่าน “…หนูอายุสิบแปด เพิ่งเรียนปีสอง…แตกต่างขนาดนี้…แอบรับไม่ได้…”

เธอคิดว่าตัวเองเป็นคนหัวดีพอสมควร แต่พอเทียบกันแบบนี้เธอดูโง่ไปเลย…

สวีเสี่ยวเจิงลูบหัวลูกสาว “ถ้าลูกรู้ว่าปู่ของลูกรวมกับพ่อรวมกับอา รวมกับพี่ชายสองคนของลูกอีก หกคนรวมกันก็ยังสู้เสี่ยวเยาเยาไม่ได้ ลูกจะยอมรับได้ง่ายขึ้นหรือเปล่า”

น่าหลานอวิ๋นหร่าน “…!”

มู่เถาเยากับเหลียงจีรู้สึกขำ มองใบหน้าสวยของสาวน้อยที่ตะลึงอย่างหนัก

สวีเสี่ยวเจิงยิ้มถาม “เสี่ยวเยาเยากลับเย่ว์ตูตอนบ่ายเลยไหมจ๊ะ”

“ตอนบ่ายไปทำยาให้อาซานค่ะ จริงสิ ต่อไปอาซานจะเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้พี่มู่หว่านของหนู ตอนนี้พี่สาวหนูเรียนอยู่ที่สถาบันศิลปะการแสดงในเมืองหลวงค่ะ”

“ก็คือเด็กสาวที่หนูเอาเบอร์ให้อวิ๋นไคใช่ไหมจ๊ะ”

“ใช่ค่ะ พี่เสี่ยวหว่านโตกว่าหนูแค่เดือนเดียว ฝึกยุทธ์มาด้วยกันตั้งแต่เด็ก หนูเกิดได้เดือนเดียวก็ถูกอาจารย์ใหญ่เก็บได้ จากนั้นก็ใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านเถาหยวนซาน กินนมป้าเฟยมาจนโต ถือว่าเป็นพี่น้องกับเสี่ยวหว่านก็ยังได้ ดังนั้นหนูจะช่วยดูแลสุขภาพของอาซานค่ะ”

“โรคมีลูกยากของจิงเทากับอาซานก็หนูเป็นคนรักษาให้ใช่หรือเปล่าจ๊ะ”

มู่เถาเยาพยักหน้า “ค่ะ อาซานติดต่อมาทางป้าสะใภ้ตระกูลอวิ๋นค่ะ”

“ป้าสะใภ้ตระกูลอวิ๋นเหรอ”

“ราชินีภาพยนตร์หยางแห่งตระกูลอวิ๋นค่ะ”

“หนูก็รู้จักชิงเฉวียนด้วยเหรอ”

“ฟังจากน้ำเสียงของน้าเจิง ก็เหมือนจะรู้จักด้วยไหมคะ”

“น้าเป็นเพื่อนมหา’ลัยของพี่สาวฝาแฝดของชิงเฉวียนที่ชื่อชิงเถียน เพียงแต่พวกเราแต่งงานเร็ว แถมชิงเถียนยังอยู่เมืองนอกเป็นส่วนใหญ่ก็เลยไม่ค่อยได้ติดต่อกัน”

มู่เถาเยา “…”

เธออุทานมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วว่าโลกนี้มันแคบจริง! ตอนนี้ถึงกับต้องอุทานอีกครั้ง!

สวีเสี่ยวเจิง “ตระกูลมู่เกี่ยวดองกับตระกูลอวิ๋นเหรอจ๊ะ” ในเมื่อเรียกว่าป้าสะใภ้ งั้นก็แสดงว่ามีความเกี่ยวข้องกับตระกูลอวิ๋น

“อาเขยของหนูชื่ออวิ๋นไป๋ค่ะ”

สวีเสี่ยวเจิงมีสีหน้าตื่นตะลึง “หนูเป็นคนในตระกูลหัวหน้าเผ่าหมาป่าพระจันทร์เหรอ”

หลังจากพิธีแต่งงานแห่งศตวรรษที่ผู้คนทั่วโลกได้เห็นผ่านพ้นไป ยังมีใครไม่รู้อีกเหรอว่าอวิ๋นไป๋น้องชายของสตรีอันดับหนึ่งแห่งประเทศเหยียนหวงเป็นสามีของหัวหน้าเผ่าหมาป่าพระจันทร์!

“ค่ะ หนูเป็นหลานสาวของคุณอาเย่ว์เลี่ยง”

สวีเสี่ยวเจิงกับลูกสาวมีสีหน้าเหมือนกัน

มู่เถาเยายิ้มพูด “ไม่ว่าจะมีสถานะแบบไหนหนูก็ยังคงเป็นหนูค่ะ”

“มันก็ใช่! แต่น้าตกใจที่ว่าหนูถูกหมอเทวดาหยวนเก็บได้ได้ยังไง” เผ่าหมาป่าพระจันทร์สามัคคีกันขนาดไหนใครไม่รู้บ้าง แล้วจะทำองค์หญิงหายได้ยังไง

“เรื่องมันยาวค่ะ”

สวีเสี่ยวเจิง “งั้นก็ช่างเถอะจ้ะ” เธอไม่ชอบถามเรื่องส่วนตัวของคนอื่น แล้วนับประสาอะไรกับเรื่องที่อาจเกี่ยวพันถึงความลับสุดยอดทางการเมือง

องค์หญิงหายไปได้อย่างไร ฟังดูเหมือนผิดปกติ แต่มันก็ปกติ

“ค่ะ”

“งั้นวันหน้าหนูจะกลับไปอยู่ที่เผ่าไหม พวกเราคงมีโอกาสเจอกันน้อยลง…”

“น่าจะอยู่ทั้งสองที่นะคะ หมู่บ้านเถาหยวนซานก็เป็นบ้านเกิดของหนู น้าเจิงไปเที่ยวที่เผ่าได้นะคะ”

น่าหลานอวิ๋นหร่านยกมือขึ้นทันที “แม่คะ หนูก็อยากไปด้วย”

“รอเรียนจบมหา’ลัยก่อน แม่กับพ่อจะพาไปเที่ยวที่เผ่าฉลองเรียนจบนะ”

มู่เถาเยายกมุมปากเล็กน้อย “ถ้าเสี่ยวหร่านอยากไป รอปิดเทอมหน้าร้อนหรือปิดเทอมหน้าหนาวไปพร้อมกับเสี่ยวหว่าน เสี่ยวเหมียน และก็เสี่ยวเหยาได้นะ”

สวีเสี่ยวเจิงยิ้มถาม “เสี่ยวเหยาก็คือลูกสาวของชิงเฉวียนใช่ไหม แล้วเสี่ยวเหมียนนี่ลูกใครเหรอจ๊ะ”

“เสี่ยวเหมียนเป็นลูกสาวของอาจารย์อาเล็กของหนูค่ะ ตอนนี้อายุสิบแปด เรียนที่เมืองหลวงเหมือนเสี่ยวหว่านกับเสี่ยวเหยา”

“พวกเด็กๆ มีเพื่อนไปเรียนด้วยกัน”

“ใช่ค่ะ เสี่ยวหร่านรู้จักกับเสี่ยวเหยาไหมคะ” พวกผู้ใหญ่รู้จักกัน โอกาสที่เด็กๆ จะรู้จักกันก็มีสูง

น่าหลานอวิ๋นหร่านพยักหน้าแล้วพูด “เคยเจอค่ะ แต่ไม่สนิท หนูมาเรียนที่เจียงตู เสี่ยวเหยาไปเรียนเมืองหลวง บ้านก็ห่างกันไกล เล่นด้วยกันไม่ได้”

“ก็จริง ถ้ามีโอกาสได้เล่นด้วยกันก็คงสนิทกัน อายุเท่ากันน่าจะเข้ากันได้”

สวีเสี่ยวเจิงกับเหลียงจีหัวเราะออกมา

“เสี่ยวเยาเยา หนูก็อายุเท่าๆ กับพวกเขานะ”

มู่เถาเยาก็หัวเราะ “หนูอาจมีความคิดที่โตเกินวัย เลยชอบลืมว่าตัวเองก็ยังเป็นเด็กค่ะ”

อืม ในโลกนี้ ตราบใดที่ยังเรียนหนังสือก็ยังเป็นเด็ก

ถึงขั้นที่ว่า ตราบใดที่ยังไม่แต่งงานก็ยังเป็นเด็ก ไม่ว่าจะอายุเท่าไรก็ตาม!

สวีเสี่ยวเจิงยิ้มพูด “เรานี่นะ หน้าตาก็ออกจะดูเด็ก แต่กลับวางตัวเป็นผู้ใหญ่ ว่างๆ ก็เล่นกับเพื่อนวัยเดียวกันบ้างนะ”

“…ค่ะ” ต่อให้เล่นกับคนวัยเดียวกันเธอก็มองอีกฝ่ายเป็นเด็กอยู่ดี

แม้แต่เฉิงอันนั่วที่โตกว่าเธอเจ็ดปีก็ยังเป็นเด็กในสายตาเธอ

“เสี่ยวหร่าน พี่สาวพี่มีกลุ่มเพื่อนสนิท อยากเข้าไหม พี่รองของเธอก็อยู่นะ พี่เสี่ยวหว่านเป็นคนลากเข้าไป”

“เอาสิคะ”

น่าหลานอวิ๋นหร่านหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเพิ่มเพื่อนกับมู่เถาเยาแล้วถึงเข้ากลุ่ม

ตอนนี้เป็นสุดสัปดาห์ อีกทั้งเป็นเวลารับประทานอาหาร พอน่าหลานอวิ๋นหร่านเข้าไปก็มีแต่คนทักทาย

น่าหลานอวิ๋นหร่านยิ้มกว้างคุยกับทุกคน

สวีเสี่ยวเจิงยิ้มพูด “เสี่ยวเยาเยาจ๊ะ ช่วงนี้น้ามาทำงานต่างถิ่น จากนั้นจะกลับไปเยี่ยมพ่อแม่แล้วไปเมืองเย่ว์ตู ไว้ถึงตอนนั้นนัดกินข้าวกันนะจ๊ะ”

“ได้ค่ะ นัดล่วงหน้าหนึ่งวัน ระยะนี้พอถึงสุดสัปดาห์หนูจะไปเยี่ยมอาที่เผ่าค่ะ รออาคลอดผ่านช่วงแรกไปก็จะไม่ไปทุกอาทิตย์แล้วค่ะ”

“จ้ะ น้าจะเลี่ยงนัดช่วงสุดสัปดาห์นะ วันหน้าว่างๆ พาเสี่ยวหว่าน เสี่ยวเหมียน เสี่ยวเหยา ไปเที่ยวชมทุ่งนาทางตะวันตกของพวกเราได้นะ เดือนกุมภากับมีนาดอกคาโนลาบานสวยมากเลยล่ะ”

“ค่ะ ไว้จะไปแน่ค่ะ ตอนปิดเทอมหน้าหนาวหนูจะเข้าเขตป่าชั้นใน น้าเจิงบอกอาใหญ่อารองไว้หน่อยนะคะ ประมาณวันที่สิบมกราพอปิดเทอมหน้าหนาวกลับไปก็จะเข้าเลย ประมาณหนึ่งสัปดาห์ก็ออกมา จากนั้นหนูจะไปฉลองตรุษจีนที่เผ่าค่ะ”

เผ่าหมาป่าพระจันทร์ก็ฉลองเทศกาลตรุษจีน

“จ้ะ กลับไปน้าจะบอกพวกเขา พอถึงตอนนั้นน้ากับพี่สะใภ้ใหญ่พาลูกๆ ไปด้วยได้ไหม ในหมู่บ้านมีที่พักหรือเปล่า”

“มีค่ะ พักที่บ้านเราได้ค่ะ”

เนื่องจากอาท้องแล้ว ปู่ย่าตายายของเธอจึงไม่มีทางมา ในบ้านจึงว่างอยู่

แน่นอนว่าห้องของเจ้าของบ้านต่อให้ว่างก็ไม่มีทางจัดให้คนอื่นมาอยู่ แต่ห้องพักแขกเพียงพอให้ครอบครัวน่าหลานมาพัก

“จ้ะ งั้นพวกเราก็ตกลงกันตามนี้นะ”

“ค่ะ”

กินอาหารกลางวันเสร็จก็แยกย้าย

มู่เถาเยากับเหลียงจีไปหาศิษย์พี่รองที่โรงพยาบาลผิงคัง

ทำยาเสร็จก็กลับบ้านศิษย์พี่รองกินข้าวเย็นแล้วเอายาไปส่งให้ฉือซานที่โรงพยาบาลประชาราษฎร์เจียงตู

ช่วงเช้าวันอาทิตย์ค่อยไปดูฉือซานกับฉือปู๋อี้ ตอนบ่ายถึงกลับเมืองเย่ว์ตู