บทที่ 327 จิตใจของซุนซื่อ

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 327 จิตใจของซุนซื่อ

บทที่ 327 จิตใจของซุนซื่อ

ครั้นซุนซื่อเห็นว่าลูกสาวหลบเลี่ยงตนเองเช่นนี้ นางดึงมือกลับด้วยความโกรธ แล้วยกมือของตนเองขึ้นมาดม นางได้กลิ่นเหม็นเปรี้ยวจริง ๆ เมื่อเห็นว่าลูกสาวไม่ชอบ ซุนซื่อจึงทำได้เพียงยอมแพ้

นางคลี่ยิ้มอีกครั้งพลางมองไปที่กู้ซินเถาอย่างระมัดระวัง

ในช่วงเวลานี้ ซุนซื่อต้องทนทุกข์ทรมานไม่เพียงแต่ทางร่างกายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงจิตใจด้วย

ในเวลาหนึ่งเดือนที่นางอยู่ตามลำพังในห้องขังโดยไม่มีใครไปเยี่ยม

ถ้านางไม่รู้ว่ากู้ฉวนลู่เป็นคนเช่นไร นางก็คงจะอยู่กับเขามานานกว่าสิบปีอย่างเปล่าประโยชน์

ในเวลานั้น หากชื่อในโฉนดเป็นชื่อของกู้ฉวนลู่ก็คงจะไม่เป็นเช่นนี้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม นี่คือส่วนฉลาดที่สุดของกู้ฉวนลู่

ซุนซื่อหัวเราะอย่างเย็นชาในใจ ในเวลานั้นที่กู้ฉวนลู่กล่าวว่าจะให้ที่ดินยี่สิบห้าหมู่อยู่ภายใต้ชื่อของตน ซุนซื่อดีใจเป็นอย่างมาก และคิดว่าเขาต้องการให้หลักประกันกับตนเองไว้

ซุนซื่อมีความสุขได้ไม่กี่วันก็ถูกคุมขังไปเสียแล้ว

ในห้องขังนั้น กู้ฉวนลู่ไม่เหลียวแลเลยว่านางจะต้องต้องทนทุกข์ทรมานจากการถูกทำร้ายทางจิตใจและถูกดุด่ามากเพียงไหน นั่นทำให้จิตใจของซุนซื่อผิดหวังมากขึ้นเรื่อย ๆ

เดิมทีเป็นเพราะกู้ฉวนลู่คิดทั้งหมดมาดีแล้ว

ไม่แปลกใจเลยที่เขาต้องการใส่ชื่อของนางไว้ในโฉนด นั่นเป็นเพราะว่าเขากลัวว่าไฟจะลามมาถึงตัว

แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ที่โง่เขลาที่สุดคงจะเป็นนางเสียเอง เนื่องจากกู้เสี่ยวหวานไปทำโฉนดทางการที่ที่ว่าการอำเภอแล้ว พวกเขาจะไปแย่งมาอย่างง่ายดายได้อย่างไร เดิมทีเพราะกู้ฉวนลู่กลัวว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นในภายหลัง ดังนั้นเขาจึงทิ้งนางไว้ตามลำพัง

ไม่รู้ว่ากู้เสี่ยวหวานโชคดีเพียงใดที่ได้เจอขุนนางที่ดีอย่างหลิวจือเสี้ยน

เมื่อมองไปที่กู้ซินเถาอีกครั้ง หัวใจของซุนซื่อก็พลันเย็นชา

“ซินเถา ทำไมมองข้าเช่นนั้นล่ะ?”

“ฮึ่ม…” กู้ซินเถาสูดลมหายใจเย็นชา จากนั้นจึงหันศีรษะออกไปด้วยความไม่พอใจราวกับว่าถ้ามองไปที่ซุนซื่ออีกครั้ง จะทำให้ดวงตาของนางแปดเปื้อน

“ถ้าไม่ใช่เพราะท่านแม่ ข้าจะถูกผู้อื่นล้อเลียนได้อย่างไร ถ้าไม่ใช่เพราะท่านแม่ เจียงหย่วนจะเพิกเฉยต่อข้าได้อย่างไร!” กู้ซินเถากล่าวอย่างโกรธเคือง

“ว่าอย่างไรนะ?” เมื่อซุนซื่อได้ยินเรื่องนี้ นางก็ตกตะลึงและเอ่ยถามอย่างกังวลว่า “เจ้าบอกว่าเจียงหย่วนเพิกเฉยต่อเจ้าอย่างนั้นหรือ?” เมื่อซุนซื่อได้ยินว่าเจียงหย่วนเพิกเฉยต่อลูกสาวของตน นางก็กังวลมากกว่าสิ่งอื่นใด

“แล้วมันไม่ใช่เพราะสิ่งที่ท่านทำหรืออย่างไร!” เมื่อกู้ซินเถาเห็นว่าซุนซื่อไม่เชื่อก็ยิ่งโมโหขึ้นไปอีก “ในตอนนั้น ถ้าท่านแม่ไม่บอกให้ข้าไปขอให้เจียงหย่วนทำลายหลักฐาน แล้วเขาจะเพิกเฉยต่อข้าได้อย่างไร ตอนนี้ทุกคนต่างไม่อยากเห็นหน้าข้าอีกต่อไป ทั้งหมดเป็นเพราะท่าน ทั้งหมดเป็นความผิดของท่าน ท่านแม่จะกลับมาทำไมอีก ตายในห้องขังไปก็สิ้นเรื่องแล้ว” กู้ซินเถาตะโกนด้วยเสียงแหบแห้ง ดวงตาของนางลุกโชนด้วยความโกรธเกรี้ยว

เมื่อซุนซื่อได้ยินเช่นนี้ หัวใจของนางก็รู้สึกหดหู่ลง นางมองดูกู้ซินเถาที่กำลังร้องไห้คร่ำครวญ และนางก็รู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง “ซินเถา อย่าเกลียดข้าเลย ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อของเจ้า ข้าก็จะไม่มีชะตากรรมเช่นนี้!”

ซุนซื่อคิดมาเสมอว่าที่ตนเองต้องติดคุกอยู่นานเป็นเพราะกู้ฉวนลู่ไม่ยอมจ่ายเงินให้ เขาเป็นคนตระหนี่ เรื่องที่ไม่ควรใช้เงินเขาก็ไม่ยอมใช้เลยแม้แต่สักนิดเดียว เขาเป็นคนเห็นแก่ตัว

กู้ซินเถากล่าวอย่างโกรธเคือง “ท่านแม่กำลังโทษท่านพ่ออีกแล้ว ท่านพ่อบอกเราแล้วว่าท่านเป็นคนอยากได้ที่ดินของกู้เสี่ยวหวานเอง และเขาก็ไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย”

เกิดเสียงดังสนั่นราวกับเสียงฟ้าผ่าลงที่หูของซุนซื่อ

ว่าอย่างไรนะ?

กู้ฉวนลู่กล่าวว่าเขาไม่รู้เรื่องทั้งหมดนี้?

เรื่องทั้งหมดนี้นางเป็นคนทำทั้งหมด?

มือของซุนซื่อสั่นเทาด้วยความโกรธ และริมฝีปากของนางกระตุก แต่ไม่สามารถกล่าวอะไรออกมาได้ เมื่อกู้ซินเถาเห็นท่าทางของซุนซื่อเช่นนั้น นางจึงคิดว่าตนเองจี้โดนจุดอ่อนผู้เป็นมารดาเข้าเสียแล้ว และยังคงโจมตีซุนซื่อด้วยคำพูดที่รุนแรง “ถ้าท่านไม่โลภ ท่านพ่อก็จะไม่ถูกคนในร้านอาหารหัวเราะเยาะ และท่านพี่ก็จะได้ไปเรียนหนังสือ มันเป็นความผิดของท่าน ท่านมันเป็นตัวซวย!”

ตัวซวย ลูกสาวของตนด่าตนเองว่าเป็นตัวซวย

ซุนซื่อทนไม่ไหวและทรุดตัวลงกับพื้น โชคดีที่มีโต๊ะอยู่ข้าง ๆ นางจึงไม่ล้มลง

นางทั้งคับข้องใจ ทั้งเกลียดชัง และผิดหวัง

ลูกสาวที่นางสั่งสอนมากับมือกำลังชี้หน้าด่านางอย่างหยาบคาย

และสามีที่นอนร่วมเตียงกันมานับสิบปีก็ผลักภาระทั้งหมดมาให้นางแบกไว้

ซุนซื่อรู้สึกสำนึกผิดในทันที เหตุใดนางถึงต้องอยากได้ของของกู้เสี่ยวหวาน แต่เมื่อคิดอีกที เรื่องทั้งหมดนี้เกิดจากกู้เสี่ยวหวาน ถ้าไม่ใช่เพราะนาง ซุนซื่อจะติดคุกได้อย่างไร? แล้วถ้าไม่ติดคุกครอบครัวของนางก็คงจะไม่เป็นเช่นนี้

หลังจากที่ได้เจอกู้จือเหวินอีกครั้ง ซุนซื่อถึงได้เข้าใจว่าตนเองนั้นถูกฝูงชนต่อต้าน ญาติมิตรหลีกหนี*[1]

ครอบครัวไม่แยแส ทุกคนล้วนมองนางด้วยความขุ่นเคืองและรังเกียจ

ซุนซื่อเข้าใจดีว่าทั้งหมดนี้เป็นความผิดของกู้ฉวนลู่ ถ้าเขาไม่สร้างเรื่องต่อหน้าลูก ลูก ๆ ก็คงไม่เกลียดนางเช่นนี้

ซุนซื่อนั่งรอกู้ฉวนลู่อยู่ในห้อง

รอจนดึกดื่น กู้ฉวนลู่ก็กลับบ้านมาด้วยอาการเมามาย

ซุนซื่อไม่เคยเห็นกู้ฉวนลู่เมามากมาก่อน ในอดีต ถ้าต้องดื่ม เขาก็จะดื่มเพียงไม่กี่แก้วเท่านั้น

แต่คราวนี้ทั้งตัวเขาคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นเหล้า ซุนซื่ออดไม่ได้ที่จะปิดจมูกของนาง

นางก้าวไปข้างหน้าและตำหนิ “กู้ฉวนลู่ เจ้าใจร้ายมาก เจ้าบอกลูก ๆ ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะข้าและไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า ตอนนี้ซินเถาและจือเหวินจึงเกลียดข้า!”

เมื่อกู้ฉวนลู่เห็นว่าซุนซื่อกำลังจ้องมองเขาอย่างเย็นชา และกำลังตำหนิตนเองอยู่ เขาจึงกล่าวอย่างไม่พอใจ “ถ้าเจ้าไม่ได้ทำเรื่องนี้ แล้วผู้ใดเป็นคนทำ?”

เมื่อซุนซื่อเห็นว่ากู้ฉวนลู่ข้ามแม่น้ำแล้วรื้อสะพาน ในใจของซุนซื่อก็โกรธจนแทบระเบิดออกมา “ในตอนที่กู้เสี่ยวหวานซื้อที่ดิน คนที่รู้ข่าวคนแรกคือใคร? ไม่ใช่เจ้าหรอกหรือ? เป็นเจ้าที่อยากได้ของของผู้อื่นมาเองแล้วจะเศร้าทำไมกัน?”

เสียงของซุนซื่อแหบแห้งขณะสาปแช่งกู้ฉวนลู่ไม่หยุด “ข้าถูกจำคุกแต่ก็ไม่ได้พาดพิงถึงเจ้า เพราะหวังว่าเจ้าจะสามารถช่วยข้าได้ แม้ว่าจะช่วยไม่ได้ แต่ก็ควรจะให้เงินสินบนคนในนั้นไว้บ้าง ข้าจะไม่ต้องทนทุกข์มากเช่นนี้ เจ้าดูข้าตอนนี้สิ ทั้งตัวข้าเป็นเช่นไร ข้าต้องลำบากเช่นไร ต้องทุกข์ทรมานเพียงไหน ห้ะ? สุดท้ายลูกสาวก็รังเกียจข้า ลูกชายก็เกลียดข้า และสามียังกล่าวหาข้าแบบผิด ๆ ถ้าก่อนหน้านี้ข้ารู้ว่าเรื่องมันจะเป็นเช่นนี้ ในชั้นศาลข้าควรจะพูดเรื่องทั้งหมดของเจ้าออกมา หากเจ้าไม่เมตตาก็อย่าตำหนิข้าที่ไม่ยุติธรรม!”

“เจ้า!” เมื่อกู้ฉวนลู่เห็นว่าซุนซื่อกำลังข่มขู่ตนเอง ฤทธิ์เหล้าก็พลันตีขึ้นมา เขาตะโกนเสียงดังและหันกลับมาเพื่อจะตบซุนซื่อ เมื่อซุนซื่อเห็นว่าตนเองกำลังจะโดนกู้ฉวนลู่ทำร้าย แต่นางกลับหลบไม่ทันและถูกตบจนล้มลงไปกับพื้น

*[1] เปรียบเปรยถึงสิ่งที่ไม่ถูกใจประชาชน ไม่ได้รับการยอมรับสนับสนุนจากคนส่วนใหญ่ การถูกทอดทิ้ง หรือถูกตีตัวออกห่าง