บทที่ 328 ตบซุนซื่อ

บทที่ 328 ตบซุนซื่อ

ซุนซื่อกุมใบหน้าที่ถูกตบพลางมองไปที่ใบหน้าที่ชั่วร้ายของกู้ฉวนลู่อย่างไม่อยากเชื่อ นางทั้งขุ่นเคืองและไม่พอใจ “กู้ฉวนลู่ เจ้ากล้าตบข้าหรือ?”

หลังจากแต่งงานมาหลายปี ในตอนที่กู้ฉวนลู่โกรธที่สุด เขาแค่ดูถูกนางด้วยคำพูดเท่านั้น แต่คราวนี้กู้ฉวนลู่กล้าทำร้ายนางอย่างนั้นหรือ?

ซุนซื่อรู้สึกว่าใบหน้าซีกหนึ่งของตนเองร้อนผ่าวและรู้สึกเสียใจอย่างถึงที่สุด อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าใบหน้าจะเจ็บปวดเพียงใดก็ไม่สามารถเทียบได้กับความผิดหวังในหัวใจของนางได้เลย

ใบหน้าของกู้ฉวนลู่ที่ปกติจะเคร่งขรึม แต่ตอนนี้กลับแสดงเจตนาฆ่าอย่างชัดเจน

“ซุนซื่อ หากเจ้ายังพูดจาไร้สาระอยู่อีก วันนี้ข้าจะจัดการเจ้าเสีย” กู้ฉวนลู่ไม่ได้ล้อเล่น

หลังจากซุนซื่อเข้าคุก เรื่องนี้ก็ทำให้เขาเสียหน้าเป็นอย่างมาก และกู้จือเหวินก็ไม่ยอมไปเรียนอีก กู้ฉวนลู่จึงเกลียดซุนซื่อมากและหวังให้นางตายในคุก ถ้านางตายจะทำให้เขาหลุดพ้นจากเรื่องที่มีภรรยาโลภมาก

ในวันนี้ซุนซื่อยังไม่ตายและยังมาขู่ตนเองว่าจะไปฟ้องศาลเรื่องของเขา เช่นนี้กู้ฉวนลู่จะไม่เกลียดนางได้อย่างไร เขาจะไม่โหดร้ายได้อย่างไร!

กู้ฉวนลู่เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับชื่อเสียงมากกว่าชีวิต และเกียรติยศก็เป็นทุกอย่างสำหรับเขา

ถ้าเขาไม่มีเกียรติก็คงไม่มีผู้ใดเคารพ ซุนซื่อรู้ดีอยู่แล้วว่าอะไรสำคัญที่สุดสำหรับกู้ฉวนลู่ ดังนั้นนางจึงขยี้จุดอ่อนของเขา

สิ่งที่ซุนซื่อไม่เคยคิดก็คือ กู้ฉวนลู่ผู้นี้จะโหดเหี้ยมและไร้ยางอายเช่นนี้ เมื่อเห็นกู้ฉวนลู่จ้องมองเข้าไปในดวงตาของนางราวกับหมาป่าผู้หิวโหย เส้นเลือดสีเขียวในมือของเขาปูดโปนขึ้นมา ดูเหมือนว่าถ้าซุนซื่อยังกล่าวอีกคำ กู้ฉวนลู่ก็จะฉีกนางออกเป็นชิ้น ๆ

ซุนซื่อรู้สึกหวาดกลัว นางรู้จุดอ่อนของกู้ฉวนลู่ดี แต่นางไม่คิดเลยว่ากู้ฉวนลู่จะฆ่านางเพราะเรื่องนี้จริง ๆ

อย่างไรก็ตาม นางไม่เชื่อว่ากู้ฉวนลู่จะกล้าทำมันจริง ๆ นอกจากการอวดเบ่งก็ยังมีความเกลียดชังที่นางกล่าวต่อกู้ฉวนลู่ “เจ้ากล้าอย่างนั้นหรือ? จู่ ๆ คนคนหนึ่งก็หายไป ข้าไม่เชื่อว่าทางการจะไม่สอบสวนเรื่องนี้กับเจ้า!”

“เหอะ…” กู้ฉวนลู่ไม่สนใจเลยสักนิด “จริงหรือ? ข้าแค่บอกว่าเจ้าเพิ่งถูกปล่อยออกจากคุก จากนั้นจึงไม่สบายแล้วตายไป ใครเล่าจะมาสนใจ?”

ร่างกายของซุนซื่อแข็งทื่อด้วยความตกใจ สิ่งที่กู้ฉวนลู่กล่าวด้วยรอยยิ้มไปด้วยนั้น ในสายตาของซุนซื่อ รอยยิ้มนี้เป็นเครื่องเตือนใจ หากนางยังต่อต้านเขาเช่นนี้ กู้ฉวนลู่คงทำให้นางไปรายงานตัวที่วังแห่งนรกในทันที

“ฉวนลู่ ฉวนลู่…” ซุนซื่อหวาดกลัวและรีบคลานไปกอดขาของกู้ฉวนลู่พลางขอร้อง “ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้ว สามี เจ้าให้อภัยข้าเถอะ ข้าเพียงแค่รู้สึกเศร้าใจ เจ้าอย่าใส่ใจมันเลย ซุนซื่อผู้นี้เป็นคนเช่นไรเจ้ายังไม่รู้แจ้งอีกหรือ? เจ้าคือเทพของข้า ข้าจะไม่พูดมันออกไป เจ้าไม่ต้องกังวล ต่อไปนี้ข้าไม่กล้าทำอีกแล้ว เจ้าให้อภัยข้าเถอะ!”

“วันแรกคือสามีภรรยา ส่วนคืนที่ร้อยคือความผูกพัน*[1] ข้าให้กำเนิดบุตรชายและบุตรสาวกับเจ้าด้วย เจ้านึกถึงหน้าพวกเขาสิ โปรดยกโทษให้ข้าสักครั้งด้วยเถอะ สามี ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้ว” ซุนซื่อกอดขากู้ฉวนลู่และยังคงพูดต่อไปด้วยน้ำตานองหน้า

ครึ่งหนึ่งคือหวาดกลัว อีกครึ่งหนึ่งคือเกลียดชัง

ตอนนี้ซุนซื่อเป็นเหมือนพระโพธิสัตว์โคลนข้ามแม่น้ำยากที่พระองค์จะทรงป้องกันตัว*[2] นางเพิ่งจะออกมาจากคุก จึงรู้ว่าสิ่งที่กู้ฉวนลู่เพิ่งจะข่มขู่นางไปนั้นไม่ใช่เรื่องโกหก

ในเมืองไม่ใช่ว่าจะไม่มีเรื่องเช่นนี้ ผู้ใดจะรู้ว่านางป่วยตั้งแต่อยู่ในคุกหรือป่วยข้างนอกกันแน่

ผู้ใดจะล่วงรู้!

แม้ว่ากู้ฉวนลู่จะทุบตีนางจนตายในตอนนี้ ถ้ามีคนมาสอบสวน เขาอาจกล่าวได้ว่ารอยแผลเป็นทั่วทั้งตัวนางเป็นเพราะถูกเฆี่ยนตีมาจากในคุก

ไม่มีหลักฐาน แล้วผู้ใดจะรู้?

ซุนซื่อยังไม่อยากตาย วันที่ดีของนางยังผ่านไปไม่ถึงวันเลย!

นางจะตายเช่นนี้ได้อย่างไร ถ้านางตายกู้ฉวนลู่คงจะได้เปรียบน่าดู?

ในตอนนี้ความรู้สึกของซุนซื่อที่มีต่อกู้ฉวนลู่นั้นไม่ใช่ความรักอีกต่อไป มันไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากความโกรธแค้น

เมื่อกู้ฉวนลู่เห็นว่าซุนซื่อกำลังร้องขอความเมตตา เจตนาฆ่าก็ค่อย ๆ จางหายไป

เมื่อสักครู่เขาไม่ได้อยากจะฆ่าซุนซื่อจริง ๆ เดิมทีเขาเพียงอยากจะข่มขู่เท่านั้น แต่ซุนซื่อผู้นี้ปากสว่างและบอกว่าจะไปฟ้องร้องเขา ถ้าเขาถูกฟ้องร้องขึ้นมา ชื่อเสียงของเขาก็จะพังยับเยิน

ถ้าชื่อเสียงของกู้ฉวนลู่ถูกทำลาย ชื่อเสียงของกู้จือเหวินก็คงไม่ต่างกัน

การเรียนหนังสือของเขาคาดว่าคงจะจบสิ้น เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ กู้ฉวนลู่จะไม่เกลียดนางได้อย่างไร

เขาจะไม่ปล่อยให้ใครมาทำลายตัวเองหรือลูกชายของเขาได้

ซุนซื่อยิ่งไม่ได้เข้าไปใหญ่!

หากนางไม่ฟัง เขาก็มีอีกหลายพันหลายหมื่นวิธีที่จะใช้จัดการกับนาง

อย่างไรก็ตาม ความรักระหว่างสามีภรรยาก็ยังคงเหลืออยู่ กู้ฉวนลู่กลัวว่ากิ่งก้านจะเติบโตในที่ที่ไม่ควรโต*[3] แต่ซุนซื่อก็สำนึกผิด นั่นทำให้กู้ฉวนลู่วางใจ

เขากล่าวอย่างจริงจัง “เจ้าอย่าตำหนิข้า การเป็นสามีก็เป็นเรื่องยาก!”

เขาถอนหายใจยาวราวกับว่าเขาต้องการสร้างความประทับใจให้ซุนซื่อด้วยคำพูด

หลังจากตบหน้าก็ให้พุทราหวาน นี่เป็นนิสัยของเขาจริง ๆ

“ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากไปเยี่ยมเจ้า เพียงแต่ว่ามีเรื่องมากมายในครอบครัว โดยเฉพาะเหวินเอ๋อร์ เขาทะเลาะกับเด็กคนอื่นในสำนักศึกษา และกลับมาด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผล”

เมื่อซุนซื่อได้ยินว่ากู้จือเหวินได้รับบาดเจ็บ หัวใจของนางก็พลันปวดร้าว และเอ่ยถามอย่างกังวลว่า “เหวินเอ๋อร์บาดเจ็บตรงไหน มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”

ความกังวลในดวงตาของนางไม่ได้เสแสร้ง กู้ฉวนลู่เห็นมันและมีความสุขในหัวใจของเขา ตราบใดที่ซุนซื่อยังคงกังวลเกี่ยวกับลูกสองคน เขาก็ไม่กลัวว่าซุนซื่อจะหลุดปากบอกความจริงในเรื่องนี้ออกไป

เมื่อกู้ฉวนลู่คิดเรื่องนี้ ใบหน้าของเขาก็หม่นหมองลง “เหวินเอ๋อร์บาดเจ็บ ข้าต้องอยู่บ้านเพื่อดูแลเขา ต้องเชิญหมอมาและต้องทายาจึงจะดีขึ้น ต่อมาก็มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในร้านอาหาร และเจ้าของร้านขู่ข้าว่า ถ้าข้ายังไม่ไปทำงานอีก เขาจะเลิกจ้างข้า! ถ้าข้าไม่มีงานทำ ครอบครัวของเราก็จะอดอยาก”

กู้ฉวนลู่เน้นคำหนักที่ประโยคสุดท้าย และเห็นซุนซื่อพยักหน้าอย่างที่คาดไว้

“ที่ข้าไม่ไปช่วยเจ้าก็เพราะข้าคิดถึงครอบครัวของเราก่อน” กู้ฉวนลู่กล่าว “ตั้งแต่เจ้าเข้าคุก ในบ้านก็มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ถ้าข้าเข้าคุกเช่นกัน ครอบครัวของเราจะเป็นอย่างไร? และถ้าข้าเสียชื่อเสียง ลูกชายก็จะเสียชื่อเสียงไปเช่นกัน เขาจะไปเรียนอย่างไร เขาจะสอบขุนนางได้อย่างไร แล้วเขาจะเป็นขุนนางได้อย่างไร? ถ้าทั้งพ่อและแม่ถูกคุมขัง ชีวิตของลูกชายก็พังทลายลงอย่างสิ้นเชิง”

*[1] เมื่อแต่งงานแล้วมีความเมตตาอย่างลึกซึ้ง

*[2] อุปมาว่าไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ นับประสาอะไรกับการช่วยผู้อื่น

*[3] หมายถึง การจงใจตั้งสิ่งกีดขวางให้ไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างราบรื่น