บทที่ 329 พูดให้ซุนซื่อเข้าใจ

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 329 พูดให้ซุนซื่อเข้าใจ

บทที่ 329 พูดให้ซุนซื่อเข้าใจ

คำพูดของกู้ฉวนลู่ไม่ผิดเพี้ยน

ในการสอบขุนนางมีกฎดังกล่าว

หากทั้งพ่อและแม่เคยถูกคุมขังมาก่อน เรื่องนี้จะเป็นจุดด่างพร้อยและจะส่งผลกระทบต่อคนสองรุ่นหลัง และพวกเขาจะไม่สามารถเข้าร่วมการทดสอบขุนนางได้ นับประสาอะไรกับการเป็นขุนนาง

นี่ยังเป็นวิธีคัดกรองสมาชิกในครอบครัวที่ดีและไม่ดี

กฎนี้มีความหมายว่า ถ้าทั้งสามีและภรรยาถูกคุมขังก็แสดงว่าในครอบครัวมีปัญหา และเด็กที่ถูกสั่งสอนมาจากครอบครัวเหล่านั้นก็จะมีปัญหาเช่นกัน เพื่อเป็นการปรับปรุงลักษณะนิสัย และคุณภาพทางศีลธรรมของขุนนางจึงเป็นที่เข้าใจได้ในการใช้กฎนี้

ซุนซื่อไม่รู้เรื่องเหล่านี้ แต่หลังจากฟังคำอธิบายและการวิเคราะห์ของกู้ฉวนลู่แล้ว ซุนซื่อก็ตกใจจนเหงื่อไหลซึมออกมา

ถ้าเกิด…ถ้าเกิดว่าในเวลานั้นนางปากไวและสารภาพเรื่องกู้ฉวนลู่ออกไป

เมื่อดูสถานการณ์ในตอนนั้นที่หลิวจือเสี้ยนอยู่ข้างกู้เสี่ยวหวานโดยสมบูรณ์ เขาอาจจะสั่งคุมขังกู้ฉวนลู่ไว้ด้วยกันก็เป็นได้

แล้วถ้าเกิดว่าพวกเขาซึ่งเป็นสามีภรรยากัน ต่างติดคุกกันทั้งคู่…

อนาคตของเหวินเอ๋อร์…

ซุนซื่อเบิกตากว้างอ้าปากค้าง นางไม่กล้าแม้แต่จะคิดเรื่องนี้ ถ้ามันเป็นเรื่องจริง ชีวิตของเหวินเอ๋อร์จะต้องถูกทำลาย!

ร่างกายของซุนซื่อสั่นสะท้านด้วยความหวาดหวั่น และความหนาวเย็นเสียดแทงไปที่กระดูกสันหลังของนาง แต่ก็ยังโชคดีอยู่บ้าง ยังดี ยังดี!

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ความเกลียดชังของซุนซื่อที่มีต่อกู้ฉวนลู่พลันมลายหายไป

กู้ฉวนลู่ที่สังเกตซุนซื่อมาตลอดก็เห็นได้ว่าหลังจากที่เขากล่าวเช่นนี้ ดวงตาของซุนซื่อก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและความหวาดกลัว เผยให้เห็นสีหน้าหลากหลาย และในท้ายที่สุดเมื่อนางมองมาที่ตนเอง ความรู้สึกเกลียดชังเหล่านั้นก็หายไป กู้ฉวนลู่จึงโล่งใจ

ดูเหมือนซุนซื่อจะเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว และนางรับปากว่าจะไม่ทำอีก

ในตอนนั้นที่กู้ฉวนลู่กล่าวว่าเขาจะฆ่าซุนซื่อ นั่นเป็นเพราะว่าเขาพยายามข่มขู่ให้นางกลัว

แต่ถ้าเขาลงมือฆ่าซุนซื่อจริง ๆ และจัดการอย่างแยบยล คงจะไม่เกิดปัญหาในอนาคต แต่ถ้าจัดการไม่ดี บ้านหลังใหญ่ครอบครัวกู้นี้มันก็จะพังยับเยิน

กู้ฉวนลู่ลูบหัวซุนซื่ออย่างอ่อนโยนพลางกล่าวปลอบใจ “ซีเอ๋อร์ ในเวลานี้เจ้าลำบากมามากแล้ว ควรปล่อยวางได้แล้ว ความลำบากของเจ้าจะไม่เปล่าประโยชน์อย่างแน่นอน เจ้าแค่ต้องดูแลตัวเองให้ดี อดีตเป็นมาอย่างไร ตราบใดที่เราเป็นสามีภรรยากัน เหวินเอ๋อร์จะมุ่งมั่นเพื่ออนาคตที่ดีอย่างแน่นอน ตราบใดที่อนาคตของเราดีขึ้น ความคับแค้นใจของพวกเราในตอนนี้ก็จะกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่ใช่หรือ?”

กู้ฉวนลู่แนะนำทีละขั้นตอน ส่วนซุนซื่อก็ทำตามอย่างว่าง่าย

ใช่แล้ว ตราบใดที่ในอนาคตเหวินเอ๋อร์ได้รับตำแหน่งขุนนาง นางก็จะกลายเป็นแม่ของขุนนาง มีสิ่งใดไม่ดีบ้างเล่า?

ความคับแค้นใจในตอนนี้จะไปเทียบอะไรได้?

แต่ยังโชคดีที่กู้ฉวนลู่ไม่ถูกคุมขัง ทั้งหมดนี้ยังเหลือโอกาสอยู่!

ซุนซื่อตบหน้าอกและแอบถอนหายใจ ไม่เป็นอะไร ไม่เป็นอะไร

หลังจากกู้ฉวนลู่กล่าวจบ เขามองไปที่ซุนซื่ออย่างคาดหวัง ภายใต้ตะเกียงน้ำมันสลัว เจตนาฆ่าในดวงตาของกู้ฉวนลู่หายไป และซุนซื่อก็สามารถมองเห็นความรักเพียงเล็กน้อยได้จากมัน

ซุนซื่อไม่ได้ลิ้มรสนั้นมาเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้ว และนางก็สัมผัสได้ถึงกระแสน้ำอุ่นที่หน้าท้องส่วนล่าง นางควบคุมสติไม่ได้ และปากก็เผยอออก แม้แต่นางก็ไม่ได้นึกถึงความนุ่มนวลนี้ด้วยซ้ำ

“สามี ข้ารู้แล้ว เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะปิดปากเงียบอย่างแน่นอน” ใบหน้าของซุนซื่อผ่ายผอมจนแทบไม่มีเนื้อ เดิมทีดวงตาของนางมีขนาดพอดี แต่ตอนนี้มันกลับใหญ่โตจนน่าตกใจ ปูดโปนออกมาราวกับคางคก

ซุนซื่อไม่ได้คิดถึงรูปลักษณ์นั้นเลย และจ้องไปที่กู้ฉวนลู่อย่างอ่อนโยน

ในตอนแรกกู้ฉวนลู่รู้สึกสะอิดสะเอียนเล็กน้อย แต่หลังจากหนึ่งเดือนที่ต้องใช้ชีวิตราวกับพระ และเขาไม่ได้ทำสิ่งนั้นมาเป็นเวลานาน กู้ฉวนลู่เพียงรู้สึกว่าด้านล่างของตนคับแน่น เมื่อมองไปที่ร่างกายที่ผอมราวกับไม้ขีดของซุนซื่ออีกครั้ง เขาก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันขวางหูขวางตาอีกต่อไป เขาเดินเข้าไปกอดซุนซื่อและผลักลงบนเตียง

กลายเป็นค่ำคืนที่หวานหอม

เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อซุนซื่อตื่นขึ้นก็พบว่าข้างกายของนางว่างเปล่า กู้ฉวนลู่ไปร้านอาหารตั้งแต่เช้าตรู่ ซุนซื่อนอนตะแคงอยู่บนเตียง จ้องมองไปที่เครื่องเรือนในบ้านโดยไม่กะพริบตา

พวกเขาย้ายเข้ามาอยู่ภายในบ้านนี้ได้เพียงครึ่งปีเท่านั้น เครื่องเรือนที่ไม่ได้ใช้มาก่อนบางส่วนได้สูญหายไป หลังจากที่พวกกู้ฉวนลู่ย้ายเข้ามา พวกเขายังซื้อเครื่องเรือนใหม่ด้วย

เมื่อมองดูของในบ้าน ทั้งหมดเป็นเพราะตนเองลำบากลำบนหามา แม้แต่บ้านหลังนี้ก็เป็นน้ำพักน้ำแรงของนางครึ่งหนึ่งเช่นกัน กู้ฉวนลู่ก็ไม่สามารถมาบังคับนางได้

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ แม้ว่าเตียงด้านข้างจะว่างเปล่า แม้ว่าจะปวดเมื่อยไปทั้งร่างกาย แต่นางก็ยังรู้สึกเป็นสุข

ตราบใดที่กู้ฉวนลู่ยังคงใส่ใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขาในฐานะสามีและภรรยา ซุนซีเอ๋อร์ผู้นี้ก็ยังอยู่บ้านนี้ต่อไปได้

เรื่องในตอนนี้เป็นเพราะนางส่วนหนึ่ง และในอนาคต ถ้าเหวินเอ๋อร์จะได้รับเกียรติและความมั่งคั่ง นั่นก็เป็นเพราะนางส่วนหนึ่งเช่นกัน

ดูเหมือนว่าหลังจากค่ำคืนผ่านไป บ้านใหญ่ของตระกูลกู้ก็ได้กลับสู่ความสงบเช่นเคย

กู้ฉวนลู่ยังคอยนำสิ่งดี ๆ กลับมาให้ซุนซื่อบำรุงร่างกายอยู่เสมอ นั่นทำให้ซุนซื่อรู้สึกประทับใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด หลังจากพักฟื้นมาหลายเดือน ซุนซื่อก็กลับไปสู่ความรุ่งโรจน์อีกครั้ง

กู้ซินเถาและกู้จือเหวินก็เป็นเพียงเด็ก และซุนซื่อก็ยังคงเป็นแม่ของพวกเขา ไม่ว่าจะเกลียดชังนางเพียงใด แต่เมื่อเวลาผ่านไปซุนซื่อที่คอยดูแลเอาใจใส่พวกเขาก็ทำให้ความรู้สึกของเด็กทั้งสองก็เปลี่ยนไป

แม้ว่าจะยังบิดเบี้ยวอยู่บ้าง แต่ก็ยังดีกว่าเด็กสองคนที่มองตนราวกับศัตรูในตอนแรก

ความสัมพันธ์ของซุนซื่อและกู้ฉวนลู่ดูเหมือนจะกลับมาเหมือนเดิม และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ดีขึ้นทุกวัน ภายใต้การหล่อเลี้ยงความรักและความเสน่หา ซุนซื่อจึงรู้สึกวางใจขึ้นเรื่อย ๆ

เมื่อเห็นว่าทุกสิ่งดูเหมือนหวนกลับไปสู่อดีต ซุนซื่อก็กลับคืนสู่สภาพที่มีความสุขดังเดิม

กู้จือเหวินกลับไปเรียนที่สำนักศึกษานานแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปทุกคนก็มักจะหลงลืม แม้ว่าพวกเขาจะพูดถึงเป็นครั้งคราว อย่างไรก็ ตามตอนนี้เขามีภูมิคุ้มกันแล้ว และมันไม่มีอันตรายถึงชีวิตมากนัก

แต่หัวใจของก็กู้ซินเถายังคงมีหนามคอยทิ่มแทงอยู่

และหนามนั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่คือเจียงหย่วน!

เรื่องของซุนซื่อผ่านมานานมากแล้ว เดิมทีกู้ซินเถาคิดว่าพอเรื่องนี้ผ่านไป เจียงหย่วนก็จะมาหาตนเองทันที แต่เมื่อหลายเดือนผ่านไปกลับไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา มันไม่ง่ายเลยที่จะขอให้ผู้อื่นไปสืบข่าวมา และตอนนั้นเองที่ได้รู้ว่าเจียงหย่วนเดินทางไปเมืองหลวงหลายเดือนแล้ว และเขาไม่มีความตั้งใจที่จะกลับมาเลย