ตอนที่ 364 เรือ เต้าเหยี่ยกำลังรอพวกเราอยู่!

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

ตอนที่ 364 เรือ เต้าเหยี่ยกำลังรอพวกเราอยู่!

“วี้ด…”

คนชุดดำที่อยู่บนหน้าผาพลันเงยหน้าผิวปากออกมา เสียงก้องไปทั่วหุบเขา วิหคยักษ์ที่อยู่ด้านข้างตกใจร้อง “กรู” ออกมา

ผ่านไปสักพักหนึ่ง คนที่ลงไปแหวกว่ายค้นหาในกระแสน้ำเชี่ยวกรากก็พากันโผล่ขึ้นมา ทยอยเหินมุ่งมาทางด้านนี้ คนที่ขี่วิหคอยู่ก็ร่อนลงมาจากท้องนภา

คนสิบห้าคนมารวมตัวกันในจุดเดียว

ชายชุดดำที่ผิวปากเอ่ยถามว่า “หาพบหรือไม่?”

ใครคนหนึ่งตอบว่า “ภูมิประเทศแห่งนี้ซับซ้อน ด้านล่างมีโพรงมากมายที่เกิดจากกระแสน้ำกัดเซาะ เป็นอุปสรรคต่อการค้นหามากขอรับ”

คนชุดดำเอ่ยว่า “นับว่าข้าคำนวณพลาดไป”

เขาค่อนข้างเสียใจที่โจมตีสองคนนั้นจนร่วงลงไป ถึงอีกฝ่ายจะปลอดภัยก็คงไม่มีทางวิ่งกลับมาที่นี่อีก ไม่มีใครทราบถึงภูมิประเทศของสถานที่แห่งนี้มาก่อน หากทราบแต่แรกว่าภูมิประเทศเป็นเช่นนี้ เขาไหนเลยจะโจมตีจนอีกฝ่ายร่วงลงไป ตอนนี้กลายเป็นสร้างความลำบากให้ตัวเองเสียแล้ว

พอเห็นว่าทุกคนล้วนส่ายหน้าสื่อว่าหาไม่พบ คนชุดดำจึงเอ่ยว่า “ สองคนนั้นไม่ใช่เป้าหมาย เป้าหมายคือหนิวโหย่วเต้า หากพวกเรายังเสียเวลากับสองคนนี้อยู่ที่นี่ต่อไป เช่นนั้นก็คงติดกับหนิวโหย่วเต้าเข้าจริงๆ จุดนี้ไม่ไกลจากชายฝั่งแล้ว หากเสียเวลาที่นี่ต่อไป หนิวโหย่วเต้าต้องหนีหายไปอย่างไร้ร่องรอยแน่”

ใครคนหนึ่งถามขึ้นมา “หากว่าสองคนนี้ทราบถึงเบาะแสของหนิวโหย่วเต้าละขอรับ จะปล่อยไปเช่นนี้หรือ?”

คนชุดดำกล่าวว่า “ทิ้งคนส่วนหนึ่งไว้ค้นหาที่นี่ต่อไป ส่วนคนที่เหลือไปตามสืบร่องรอยของหนิวโหย่วเต้า จะมาเสียเวลาที่นี่กันหมดไม่ได้”

วาจานี้มีเหตุผล คนอื่นๆ จึงไม่คัดค้าน ทิ้งคนกลุ่มหนึ่งเอาไว้ที่นี่ ส่วนอีกสี่กลุ่มที่เหลือกระโดดหนึ่งหลังวิหคบินจากไป

เมื่อเฝ้ามองจนสหายคนอื่นหายลับไปในท้องนภายามราตรีแล้ว สามคนที่เหลืออยู่ก็แบ่งหน้าที่กัน มีสองคนทะยานออกไป ค้นหาในบริเวณก่อนหน้านี้ต่อ ส่วนอีกคนหนึ่งขี่วิหคคอยสอดส่องจากมุมสูงบนอากาศ

หารู้ไม่ว่าตำแหน่งที่ต้วนหู่ซ่อนตัวอยู่นั้นอยู่ด้านล่างไม่ไกลจากพวกเขาเลย ทว่าพวกเขาคิดว่าเคยสำรวจดูด้านล่างไปแล้ว จึงคิดว่าไม่จำเป็นต้องค้นหาอีกครั้ง

เวลานี้ต้วนหู่ที่อยู่ในถ้ำกลับร้อนรนอย่างยิ่ง เฮยหมู่ตานถูกฝ่ามือของยอดฝีมือคนนั้นโจมตีเข้าอย่างจัง ได้รับบาดเจ็บสาหัส เส้นปราณหลายจุดภายในร่างถูกสะบั้น อวัยวะภายในก็ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง

ด้วยการปฐมพยาบาลอย่างเร่งด่วนทำให้เฮยหมู่ตานที่สลบอยู่สำรอกโลหิตออกมาหลายคำ

ต้วนหู่นำยารักษาอาการบาดเจ็บออกมา ป้อนใส่ปากนางแล้วใช้พลังช่วยให้นางกลืนลงไป จากนั้นโคจรพลังช่วยสลายยาให้นาง

ทว่าอาการบาดเจ็บของเฮยหมู่ตานสาหัสอย่างมากจริงๆ ยารักษาอาการบาดเจ็บธรรมดาไม่มีผลใดๆ เลย ตอนนี้จำเป็นต้องได้รับโอสถวิญณาณยื้อชีวิตอย่างเร่งด่วน

“แย่แล้ว ลูกพี่ อาการบาดเจ็บของท่านรอช้าไม่ได้แล้ว” ต้วนหู่ยื่นมือออกไปต้องการจะอุ้มนางขึ้นมา

เฮยหมู่ตานครวญครางด้วยความเจ็บปวด ส่ายหน้าไปมาอย่างยากลำบากพลางเอ่ยว่า “ไม่ได้ พวกเขายังค้นหาพวกเราอยู่ด้านนอกแน่นอน จะออกไปตอนนี้ไม่ได้”

“แต่อาการบาดเจ็บของท่านรอต่อไปไม่ได้แล้ว!” ต้วนหู่ร้อนใจจนจะร้องไห้ออกมาแล้ว

เฮยหมู่ตานเอ่ยอย่างอ่อนแรงว่า “พลังของคนพวกนั้นแกร่งกล้าเกินไป หากพวกเราออกไปไม่มีทางหนีรอดแน่ ถ้าตกอยู่ในกำมือพวกเขาจะชักนำความเดือดร้อนมาให้เต้าเหยี่ยได้”

ต้วนหู่เอ่ยว่า “ท่านเป็นสตรีของเต้าเหยี่ย เต้าเหยี่ยต้องเข้าใจได้แน่ เต้าเหยี่ยก็คงไม่อยากให้ท่านเป็นอะไรไปเช่นกัน หากท่านเป็นอะไรไป ข้าจะอธิบายต่อเต้าเหยี่ยว่าอย่างไรเล่า!”

“สตรีของเต้าเหยี่ยอย่างนั้นหรือ…” เฮยหมู่ตานพึมพำแล้วยิ้มออกมา ดูเหมือนทุกคนจะเข้าใจผิดไปหมดแล้ว แต่สำหรับนางแล้ว ความเข้าใจผิดนี้ช่างงดงามจริงๆ “ต้วนหู่ เจ้าฟังข้านะ มีความเป็นไปได้สูงว่าคนที่อยู่ด้านนอกจะเป็นคนจากหอจันทร์กระจ่าง กองกำลังนี้ก็น่าจะเป็นคนจากหอจันทร์กระจ่างเช่นกัน คนของหอจันทร์กระจ่างให้ความสำคัญกับการปกปิดความลับมาโดยตลอด หากพวกเราพลาดท่าตกอยู่ในกำมือของพวกเขา พวกเขาไม่มีทางไว้ชีวิตแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นพวกเราทั้งสองล้วนจะไม่มีผู้ใดรอด การมีความหวังในตัวพวกเขานับว่าเป็นการหลอกลวงตัวเองเท่านั้น ทั้งยังจะกลายเป็นการชักนำปัญหาใหญ่มาให้เต้าเหยี่ยด้วย วิธีการง้างปากคนของหอจันทร์กระจ่างเจ้าเองก็เคยได้ยินมาแล้ว การจะหลบเลี่ยงภัยในครั้งนี้ไป อย่างน้อยต้องมีคนใดคนหนึ่งในหมู่พวกเรารอดชีวิตไปเพื่อปกป้องเต้าเหยี่ย อู๋ซานเหลี่ยงและเหล่ยจงคังถึงจะมีที่พึ่ง ต้วนหู่เจ้าทำได้ดีมาก สามารถหลบรอดจากสายตาพวกเขามาได้ เจ้าพยายามเต็มที่แล้ว…”

ฟ้าสว่างแล้ว

เรือยังคงล่องลอยอยู่เหนือท้องทะเล หนิวโหย่วเต้ายันกระบี่ไว้ด้านหน้ายืนนิ่งอยู่ข้างกราบเรือมองไปทางชายฝั่งอยู่ตลอด

ก่วนฟางอี๋ที่มักจะพูดจาก่อกวนคนอยู่เสมอก็ปิดปากเงียบเช่นกัน นางรู้ดีว่ายิ่งเวลายืดยาวออกไปเท่าไร โอกาสที่สองคนนั้นจะประสบอันตรายก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ในช่วงเวลานี้ขืนไม่หุบปากไว้อีก เช่นนั้นถือเป็นการหาเรื่องใส่ตัวแล้ว

กงซุนปู้คอยมองไปทางฝั่งทะเลเป็นระยะ จากนั้นก็มองแผ่นหลังของหนิวโหย่วเต้าที่ยืนนิ่งเป็นครั้งคราว แผ่นหลังเปื้อนคราบฝุ่นมอมแมมไม่มีเวลาไปอาบน้ำทำความสะอาดเลย

เขาเงยหน้ามองท้องฟ้า อึกอักลังเลคล้ายอยากจะพูดอะไร สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยถามเรื่องที่ว่าฟ้าสางแล้วต้องการให้ออกเรือเลยหรือไม่

ลู่หลีจวินยืนกอดอกพิงประตูห้องโดยสารอยู่ เฝ้ามองภาพนี้อย่างเงียบงันพลางใช้ความคิด

จนกระทั่งดวงตะวันโผล่พ้นพื้นดินขึ้นมา แสงทองสาดส่องไปทั่ว กงซุนปู้จึงได้เดินเข้าไปหยุดด้านหลังหนิวโหย่วเต้าแล้วเอ่ยถาม “เต้าเหยี่ย ฟ้าสว่างแล้ว ต้องการให้จากไปก่อนตามที่เฮยหมู่ตานบอกไว้หรือไม่ขอรับ”

หนิวโหย่วเต้ามีสีหน้าไร้อารมณ์ เอ่ยเสียงขรึมว่า “รอ!”

ในมุมมองของเขา บทสรุปของเฮยหมู่ตานและต้วนหู่มีอยู่เพียงสองประการ ปลอดภัยดีหรือไม่ก็ประสบอันตรายเข้าแล้ว

เมื่อรอมาจนถึงยามนี้แล้ว การที่ทั้งสองยังไม่กลับมา มันก็มีบทสรุปอยู่เพียงสองประการเช่นกัน ประสบอันตรายเข้าให้แล้ว หรือไม่ก็มุ่งหน้าไปรอพบพวกเขาในสถานที่เดียวกันกับพวกเสิ่นชิวแล้ว

หากว่าเป็นอย่างหลัง รอนานอีกหน่อยก็ไม่เป็นไร

แต่หากว่าประสบอันตรายเข้าแล้ว เขาเชื่อว่าหากคนจากหอจันทร์กระจ่างจับตัวพวกเขาสองคนได้คงไม่มีทางรีบร้อนสังหารทิ้ง คงต้องเค้นถามถึงที่อยู่ของเขาจากทั้งสองคนแน่ ร่ำลือกันว่าเมื่อเผชิญหน้ากับโอสถเทพระทมของหอจันทร์กระจ่าง ทุกคนล้วนง้างข้อมูลออกมาหมดทั้งสิ้น

หลังจากหอจันทร์กระจ่างเค้นข้อมูลจากทั้งสองคนแล้ว จะต้องพาตัวทั้งสองมาพิสูจน์ยืนยันแน่นอน

หากเขายังอยู่ก็ยังพอมีช่องทางสำหรับจัดการหอจันทร์กระจ่าง เขายังมีไพ่ตายสำหรับจัดการอยู่ในมือ มีโอกาสที่จะช่วยเหลือทั้งสองคนได้

หากว่าเขาไม่อยู่ หลบหนีไปโดยไม่สนใจไยดีความเป็นความตายของคนทั้งสอง เช่นนั้นเฮยหมู่ตานและต้วนหู่จะตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายอย่างแท้จริง คุณประโยชน์ใช้สอยต่ำเกินไป มีความเป็นไปได้ที่อีกฝ่ายจะสังหารทั้งสองคนทิ้ง

ตอนนี้หากว่าเฮยหมู่ตานและต้วนหู่ตกอยู่ในกำมือของหอจันทร์กระจ่างจริงๆ ก็มีเพียงตัวเขาเท่านั้นที่พอมีโอกาสช่วยเหลือทั้งสองได้

แต่ตอนนี้สรุปแล้วสถานการณ์เป็นอย่างไรก็ไม่มีผู้ใดทราบ เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่แน่ชัด จึงน่าอึดอัดเป็นที่สุด หากทราบสถานการณ์แล้วเขาถึงจะรู้ว่าควรลงมืออย่างไร

…..

คนจำนวนยี่สิบเอ็ดคนดิ่งลงมาจากฟ้า ร่อนลงบนชายฝั่งทะเล ยืนเรียงแถวหน้ากระดาน แต่ละคนสวมผ้าคลุมมีหมวกสีดำ วิหคยักษ์เจ็ดตัวร่อนโฉบวนอยู่บนท้องฟ้า ตะวันทอแสงเจิดจ้า

ไม่นานนัก มีวิหคบินเข้ามาอีกสามตัว รวมเป็นสิบตัวบินวนอยู่กลางอากาศ คนจำนวนเก้าคนร่อนลงมาเข้าร่วมแถวหน้ากระดาน

“พบอะไรบ้างหรือไม่?”

“ไม่พบขอรับ!”

“เห็นๆ อยู่ว่าเป้าหมายต้องการหลบหนีไปทางทะเล นี่ก็ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว ระยะทางเพียงเท่านี้ เขาคงหลบหนีลงทะเลไปแล้ว ไม่มีทางอยู่บนบกได้”

“ท้องทะเลกว้างใหญ่ไพศาลจะค้นหาอย่างไรเล่า? ด้วยตัวตนของพวกเรา คงไม่สามารถขวางเรือเดินสมุทรทั้งหมดเพื่อตรวจค้นได้กระมัง? เมื่อไม่ทราบทิศทางของเป้าหมาย พวกเรามีกำลังคนเพียงเท่านี้ หากบินร่อนเหนือท้องทะเลอันกว้างใหญ่โดยไร้จุดมุ่งหมาย จะหาอย่างไรก็ไม่มีทางพบ อีกอย่างก็ยังไม่แน่ว่าเขาจะโดยสารเรือไป”

“ต่อให้ขึ้นเรือไปก็ไม่มีประโยชน์เช่นกัน ไอ้คนสารเลวผู้นั้นจะต้องระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลาแน่ เกรงว่าทันทีที่พวกเราโผล่หน้าออกไป ถึงแม้จะยังไม่ทันเข้าใกล้หรือสังเกตเห็นเขา เขาก็คงมุดหนีลงทะเลไปเสียแล้ว”

“เฮ้อ! ถึงหาต่อไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว หากยังค้นหาอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้ต่อไป จะทำให้กลุ่มอิทธิพลอื่นรู้ตัวเอาได้ ส่งข่าวกลับไปรายงานสถานการณ์ต่อเบื้องบนเถอะ”

“ดั้นด้นเดินทางมาไกล เรียกระดมกำลัง แต่กลับได้ผลลัพธ์เช่นนี้หรือ?”

“พวกเรามาช้าไป! ไม่ทราบเช่นกันว่าเบื้องบนทำงานอย่างไร เป้าหมายใกล้จะถึงชายฝั่งแล้วเพิ่งส่งข่าวให้พวกเราตามมาสกัด”

“ยังมีพื้นที่เลี้ยงสัตว์ที่ถูกวางเพลิงแห่งนั้นอีก เรียกรวมคนในพื้นที่ไปที่นั่นแล้ว แต่กลับปล่อยให้ข่าวรั่วไหลออกไปได้ งามหน้านัก เรียกระดมกำลังไปแล้ว แต่กลับแหวกหญ้าให้งูตื่นเสียได้ ทำให้เขารู้ตัวแล้วหลบหนีไป สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลวกันหมด เขาคิดจะหลบหนีอย่างไรก็ปล่อยให้หนีไปเช่นนั้น ไม่มีแม้แต่คนคอยดักขวาง เบื้องบนเล่นอะไรอยู่กันแน่?”

“ต้องมีสาเหตุแน่นอน มาพูดเอาตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ ไปเถอะ!”

วิหคยักษ์สิบตัวบินโฉบลงมา รับตัวคนสามสิบคนที่ดีดตัวพุ่งขึ้นไป กระพือปีกบินจากไปอย่างรวดเร็ว

….

คำกล่าวที่ว่าหนึ่งวันยาวนานเหมือนหนึ่งปีก็ยังไม่เพียงพอจะใช้บรรยายความรู้สึกของต้วนหู่ในเวลานี้ สำหรับต่วนหู้แล้ว ทุกลมหายใจล้วนเป็นความทรมานอันไร้ที่สิ้นสุด

เฮยหมู่ตานบาดเจ็บสาหัสจนกลายเป็นเช่นนี้ เขาทำได้เพียงเฝ้าอยู่ข้างกายเฮยหมู่ตาน มองดูชีวิตของเฮยหมู่ตานที่ค่อยๆ นับถอยหลังไปทีละนิด แต่กลับไม่มีกำลังพอจะช่วยเหลือได้ เมื่อหวนนึกถึงช่วงเวลาที่ทุกคนอยู่ร่วมกันหลายปีมานี้ ชายร่างใหญ่อย่างเขาสะอื้นไห้อยู่ท่ามกลางความมืดมิดเช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว

เฮยหมู่ตานสั่งให้เขารอ รอจนกว่าศัตรูจากไปแล้วถึงจะออกไปได้ ยิ่งรอได้นานเท่าไรก็ยิ่งดี มิเช่นนั้นไม่เพียงแต่จะช่วยชีวิตนางไม่ได้ แต่ชีวิตของทั้งสองคนก็คงรักษาไว้ไม่ได้ด้วย!

มือที่กำชายเสื้อของเขาไว้เพื่อไม่ให้เขาบุ่มบ่ามเคลื่อนไหวดูเหมือนจะคลายตัวออก ต้วนหู่ยื่นมือออกไปคว้า ห้านิ้วของเฮยหมู่ตานหมดแรงจนคลายออกแล้วจริงๆ

“ลูกพี่!” ต้วนหู่เรียกด้วยความกระวนกระวาย

เฮยหมู่ตานไม่ขานรับ ต้วนหู่ตรวจอาการอย่างรวดเร็ว พบว่าเฮยหมู่ตานสลบไปแล้ว

ต้วนหู่กัดฟันไม่สนใจอะไรมากขนาดนั้นแล้ว ต้องการจะออกไปให้ได้ เขาเคลื่อนตัวไปอย่างรวดเร็ว มุดลงน้ำอีกครั้ง จากนั้นดำออกไปโผล่เข้าสู่กระแสน้ำไหลเชี่ยว

เมื่อศีรษะโผล่พ้นมุมหนึ่งในแม่น้ำขึ้นมา เขาถึงแน่ใจว่าฟ้าสว่างแล้ว

มองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นความเคลื่อนไหวใดๆ จึงไต่ขึ้นหน้าผาไปอย่างรวดเร็ว ยื่นหน้าโผล่ขึ้นไปบนริมผามองสำรวจรอบข้าง สุดท้ายก็ปีนขึ้นมายืนบนหน้าผาแล้วทอดสายตามองไปทั่ว แสงตะวันส่องเจิดจ้า

ไหนเลยจะยังมีเงาร่างของคนที่ต้องการค้นหาตัวพวกเขาอยู่ ไม่ทราบเช่นกันว่าจากไปตั้งแต่ตอนไหน

ต้วนหู่กระทืบเท้าด้วยความหงุดหงิด ควรจะออกมาตรวจสอบสถานการณ์ตั้งนานแล้วถึงจะถูก เขาชิงชังตัวเองที่ปล่อยให้เวลาชีวิตของเฮยหมู่ตานเสียเปล่าไปไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร

เขาหันหลังกลับ กระโจนลงจากหน้าผาอีกครั้ง ไม่นานนักก็พาเฮยหมู่ตานขึ้นจากแม่น้ำมาอีกครั้ง

เมื่อปีนขึ้นมาถึงยอดเขาก็แบกเฮยหมู่ตานขึ้นหลัง สองแขนของเฮยหมู่ตานหักไปแล้ว ห้อยร่องแร่งไร้เรี่ยวแรง

ต้วนหู่ร้อนรนขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากพาเฮยหมู่ตานออกมาแล้วเขาถึงเพิ่งตระหนักได้ว่าไม่รู้จะไปทางไหนดี!

ตกลงกับทางเรือไว้ว่าให้ออกเดินทางยามรุ่งสาง ตอนนี้กี่โมงกี่ยามกันแล้ว?

ไปยังจุดนัดพบแห่งนั้นของพวกเสิ่นชิวหรือ? ไม่มีทางเป็นไปได้เลย เฮยหมู่ตานไหนเลยจะอดทนไปจนถึงสถานที่แห่งนั้นได้

ตอนนี้ควรไปที่ใดเล่า? ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่จะไปหาสถานที่ช่วยเหลือเฮยหมู่ตานได้ที่ไหน?

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะรับรู้ได้ถึงแสงแดดที่แผดเผาหรือไม่ เฮยหมู่ตานลืมตาขึ้นมาเล็กน้อย นางได้สติขึ้นมา รออยู่สักพักก็คล้ายว่านางจะรับรู้ถึงความคิดของต้วนหู่ได้ จึงเอ่ยขึ้นมาอย่างอ่อนแรงว่า “เรือ เต้าเหยี่ยกำลังรอพวกเราอยู่!”

ต้วนหู่ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดนางถึงมั่นใจว่าเต้าเหยี่ยยังรอพวกเขาอยู่ แต่ตอนนี้เขาไม่มีหนทางแล้ว ทำได้เพียงลองพยายามดู ทำได้เพียงเลือกเชื่อในความหวังเสี้ยวสุดท้ายที่นางยึดมั่น แบกนางไว้แล้วมุ่งหน้าไปยังชายฝั่งทะเลอย่างรวดเร็ว

ตลอดการเดินทางเฮยหมู่ตานกระอักโลหิตออกมาเป็นระยะๆ ไหลหยดลงบนไหล่ของต้วนหู่

………………………………………………………………