ตอนที่ 407 ลงมืออย่างอำมหิต (2)

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

ตอนที่ 407 ลงมืออย่างอำมหิต (2)

คุณหนูบอกว่า ตนกับคุณหนูเป็นเหมือนพี่น้องกัน วันข้างหน้าต้องปรนนิบัติบุรุษคนเดียวกัน หลังจากชายชุดสีน้ำเงินฟังก็อมยิ้มแล้วพยักหน้าเห็นด้วย

เขาบอกเพียงว่ารอบาดแผลหายดีจะมาสู่ขอคุณหนู รับคุณหนูเข้าตระกูล หลังจากนั้นจะยกนางเป็นอนุภรรยา ให้พวกนางไม่ต้องแยกจากกัน

สุดท้ายชายชุดสีน้ำเงินมาทาบทามสู่ขอจริงๆ ทว่าหัวหน้าตระกูลปฏิเสธอย่างหนักแน่น ทั้งยังไม่รอชายชุดสีน้ำเงินพูดจบ หัวหน้าตระกูลก็โมโหแล้วขับไล่เขาลงจากหุบเขา

ห้วหน้าตระกูลออกคำสั่งขั้นเด็ดขาดกับองครักษ์เฝ้าหุบเขา ขอเพียงเป็นคนๆ นี้ ห้ามปล่อยให้เขาขึ้นหุบเขาเด็ดขาด หากบุกรุกขึ้นมา ฆ่าได้ทันทีโดยไม่มีโทษ ยังไม่เพียงแค่นี้ หัวหน้าตระกูลยังมีคำสั่งอีกว่า ให้ทุกคนในตระกูลปิดปากเงียบ พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ชายชุดสีน้ำเงินไม่เคยมาตระกูลอวี้ฉือ คนตระกูลอวี้ฉือก็ไม่เคยพบเจอเขามาก่อน…

เรื่องภายใน นางกับคุณหนูพอรู้มาบ้าง ชายชุดสีน้ำเงินมีฐานันดรศักดิ์สูงส่ง ทว่าเขามีหน้าที่สำคัญต้องแบกรับ เขามาตระกูลอวี้ฉือเพื่อขอเป็นพันธมิตร ทว่า ตระกูลอวี้ฉือไม่อยากเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้

เมื่อหมดหนทาง คุณหนูไปขอร้องฮูหยินผู้เฒ่า ขอร้องหัวหน้าตระกูล สุดท้ายด้วยความจนปัญญา คุณหนูได้แต่สารภาพความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาของทั้งคู่กับท่านทั้งสอง

อวิ๋นอิ๋นรู้ดีว่าคุณหนูไม่ใช่หญิงไร้ยางอาย วันนั้น คุณหนูไม่อาจหักห้ามใจตนเองจริงๆ นางเผลอปล่อยตัวปล่อยใจ

คุณหนูคุกเข่าอ้อนวอน หวังเพียงท่านพ่อ ท่านแม่และท่านย่าที่รักใคร่และตามใจเสมอมาจะให้โอกาสเขาสักครั้ง คิดว่าหากเขาเป็นบุตรเขยของตระกูลอวี้ฉือ ตระกูลอวี้ฉือย่อมไม่มีทางไม่สนใจเขา

ทว่า สิ่งที่ทั้งสองคิดไม่ถึงก็คือ

หัวหน้าตระกูลที่รักและเอ็นดูคุณหนูมาโดยตลอดสั่งให้คนขับไล่นางและคุณหนูลงมาจากหุบเขา

องครักษ์ที่พาตัวพวกนางลงมาจากหุบเขาบอกเพียงว่า ‘นายท่านป่าวประกาศแล้วว่า คุณหนูรองของตระกูลอวี้ฉือสิ้นใจแล้ว อวิ๋นอิ๋นสาวใช้ที่จงรักภักดีตายไปพร้อมกับคุณหนู บอกให้พวกนางดูแลกันเอง’

นางและคุณหนูไม่เคยออกนอกหุบเขามาก่อน ไม่รู้ทิศทาง ยิ่งไม่รู้ว่าจะไปตามหาเขาที่ใด

คุณหนูไม่เคยลำบากมาก่อน เดินทางมาถึงเมืองเทียนเซียงก็ล้มป่วยแล้ว แม้จะมีเงินที่องครักษ์ให้ไว้ก่อนออกมาจากหุบเขา แต่ถูกขับไล่ออกจากตระกูล ทั้งยังหาเขาไม่เจอ คุณหนูเศร้าสลด ป่วยทั้งกายทั้งใจ หมอในเมืองเทียนเซียงจนปัญญา สุดท้ายทำได้เพียงให้ดื่มน้ำโสมประคองลมหายใจเท่านั้น

สุดท้ายของสุดท้าย พวกนางใช้เงินจนหมด ถูกเถ้าแก่โรงเตี๊ยมไล่ออกมา ต้องย้ายไปอยู่ในวัดร้าง เมื่อไม่มีน้ำโสมให้ดื่ม คุณหนูก็สิ้นใจในคืนวันนั้น

คุณหนูสิ้นใจแล้ว นางไม่อาจปล่อยให้คุณหนูที่งดงามของนางถูกห่อด้วยเสื่อฟางเน่าๆ

ได้ยินว่าคนที่ถูกห่อด้วยเสื่อฟาง คือพวกสัมภเวสี แม้กลับไปเกิดใหม่ก็ไม่ได้เกิดในครอบครัวดีๆ คุณหนูปฏิบัติกับนางเยี่ยงน้องสาวแท้ๆ มาตั้งแต่เล็ก ไม่เพียงคืนสัญญาทาสให้ตนตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว ทั้งยังยินดีจะแบ่งปันสามีกับตน นางไม่อาจไร้หัวใจ

คุณหนูดีกับนางเช่นนี้ นางจะปล่อยให้คุณหนูจากไปอย่างอนาถาได้อย่างไร

อวิ๋นอิ๋นคนนี้ ต้องหาโลงศพดีๆ มาให้คุณหนูให้ได้

เมื่อหมดหนทาง นางทำได้เพียงขายตัวเพื่อฝังคุณหนู

หลังจากขายตัว หัวใจของนางก็พังทลายลงไปแล้ว คิดเพียงว่าจะเฝ้าสุสานของคุณหนู อยู่รับใช้ตระกูลผู้มีเมตตากับนางไปชั่วชีวิตก็เท่านั้น

ทว่าสวรรค์กลั่นแกล้ง หลังจากที่นางแต่งเข้าตระกูลไปไม่นาน…บุรุษผู้ที่ได้เป็นสามีของนางเพียงค่ำคืนเดียวก็สิ้นใจ หลังจากนั้นพ่อและแม่สามีก็ตาย ตนเป็นตัวอัปมงคล

หากไม่ใช่เพราะมีซีซี นางคงฆ่าตัวตายไปนานแล้ว

ทว่า เดิมทีคิดว่า คนที่ชีวิตนี้จะไม่มีวันพบเจอแล้ว กลับบังเอิญพบเจอกันในภัตตาคาร

พูดตามตรง สามีอายุสั้นคนนั้น หน้าตาอย่างไรนางยังไม่ทันได้มองให้แน่ชัด ทั้งยังลืมหน้าตาของเขาไปนานแล้ว ในใจของนางมีเพียงบุรุษชุดสีน้ำเงินคนนี้ท่านั้น วีรบุรุษผู้ทำลายลูกธนูมากมายที่พุ่งมา

แม้เขาจะเอาชีวิตของนาง นางก็ไม่ลังเลที่จะมอบให้เขา แต่ว่า สิ่งที่เขาต้องการ กลับเป็น…

นางถูกสอนมาตั้งแต่เล็กให้ซื่อสัตย์และจงรักภักดีกับเจ้านาย หากมีคนข่มขู่นาง ต้องการเอาชีวิตของนาง เอาชีวิตของซีซีมาข่มขู่ นางไม่มีวันยอม ก็แค่ความตายเท่านั้น นางไม่กลัว ซีซีก็ยิ่งไม่กลัว

แต่ว่า…ตรงหน้าคือความปรารถนาของคุณหนูก่อนตาย…ตรงหน้าคือความสุข…อวิ๋นอิ๋นหวั่นไหวแล้ว…

เห็นอวิ๋นอิ๋นหวั่นไหวเล็กน้อย ชายชุดสีน้ำเงินโอบกอดนางเบาๆ

ตัวของอวิ๋นอิ๋นสั่นเทา คล้ายจะผลักออก แต่สุดท้ายก็หลับตาลง นางรออ้อมกอดนี้ รอมานานหลายปีเหลือเกิน

ความเป็นจริงนางหวั่นไหวมานานแล้ว แค่ว่ายังไม่ได้ตัดสินใจก็เท่านั้น

เสียงแผ่วเบาดังขึ้นที่ข้างหู “กับอวี่เอ๋อร์ ข้าเองก็รู้สึกละอายกับนาง! ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าตระกูลอวี้ฉือจะไร้เยื่อใยเช่นนี้ เฮ้อ…ผ่านมาหลายปีแล้ว ความเป็นจริงไม่มีสักวันหนึ่งที่ข้าไม่คิดถึงพวกเจ้า…แม้ข้าจะไม่ได้เป็นคนสังหารนาง ทว่านางกลับตายเพราะข้า! อิ๋นเอ๋อร์ วันหน้า ข้าจะดีกับเจ้าเป็นสองเท่า เพื่อชดเฉยให้กับการติดค้างนี้…”

น้ำตาของอวิ๋นอิ๋นรินไหลลงมา ชายชุดสีน้ำเงินกระชับอ้อมกอด แล้วพูดขึ้นอีกครั้ง “ความเป็นจริงข้าไม่คิดอยากจะเอาชีวิตของมั่วเชียนเสวี่ย แต่เจ้ากับอวี่เอ๋อร์น่าจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของข้าจากหัวหน้าตระกูลแล้ว รู้ว่าข้ามีหน้าที่ต้องทำ เรื่องบางเรื่องข้าไม่อาจตัดสินใจได้…ข้าเพียงอยากสร้างความวุ่นวาย หาของบางอย่าง เมื่อได้ของที่ต้องการแล้ว ข้าจะพาเจ้ากับซีซีไป”

อวิ๋นอิ๋นยื่นมือออกมา กอดตอบอย่างลังเล ซุกศีรษะของนางเข้าไปในอ้อมกอดที่อบอุ่นของชายชุดสีน้ำเงิน “จริงหรือเจ้าคะ” เขาไม่รังเกียจที่นางเคยแต่งงานมาก่อน มีลูกมาก่อน ทั้งยังยินดีที่จะทำดีกับนาง น้ำตาของอวิ๋นอิ๋นรินไหลลงมาราวกับหยาดฝน

แม้อวิ๋นอิ๋นจะเอ่ยถาม แต่น้ำเสียงของนางกลับเปี่ยมไปด้วยความเชื่อใจ

สำหรับความเชื่อฟังของอวิ๋นอิ๋น ชายชุดสีน้ำเงินพอใจอย่างเห็นได้ชัด! เขายิ้มร้ายกาจ “วางใจเถอะ ซีซีเป็นเด็กดีและน่ารัก ข้าจะรักนางเหมือนลูกของตนเอง…สำหรับข้าแล้ว อิ๋นเอ๋อร์ยังคงเป็นหญิงสาวน่ารักคนเดิมในอดีต…”

หลังจากพูดถ้อยคำสุดท้ายจบลง คล้ายชายชุดสีน้ำเงินที่ได้ยินเสียงบางอย่างมาจากที่ไกลๆ เขาระมัดระวังตัวขึ้นมาทันที

พูดกำชับกับอวิ๋นอิ๋น “เจ้าระวังคนรอบตัวด้วย ข้าคิดว่า พวกเขาคงสงสัยเจ้าแล้ว หากไม่จำเป็น อย่าเปิดเผยตัวเด็ดขาด ฟังคำสั่งของข้านะ มีคนมาแล้ว ข้าต้องไปแล้ว!”

พูดจบ เท้าของเขาแตะพื้น หายไปอย่างไร้ร่องรอย

อวิ๋นอิ๋นในเวลานี้ รีบลุกขึ้นจากพื้น เช็ดน้ำตา แกล้งทำเป็นมองรอบๆ ทั้งยังพูดพึมพำ

“ที่ตรงนี้ห่างไกลยิ่งนัก ประเดี๋ยวมีเวลาต้องรายงานคุณหนูใหญ่ หลังจากเก็บกวาดแล้ว สามารถนำเครื่องปรุงมาวางไว้ได้ วางน้ำส้มสายชูตรงนี้ พื้นที่กว้างขวางยิ่งนัก…วางซีอิ๊วที่นี่ มีลมโกรกสบายยิ่งนัก…”

คล้ายว่าคนที่ซ่อนตัวอยู่ในที่ลับมองไม่เห็นความผิดปกติใดๆ ของอวิ๋นอิ๋น สิ่งที่นางพูดก็ไม่มีอะไรน่าสงสัย หลังจากมองครู่หนึ่ง ก็กระโดดตัวขึ้นแล้วจากไป

สวนดอกไม้เป็นพื้นที่ส่วนรวม ไม่แบ่งแยกชายหญิง แน่นอนว่าย่อมครึกครื้น ผู้คนยืนเกาะกลุ่มกัน มีทั้งสามคนและห้าคน มีคุณชายยืนเสวนากับสตรีชั้นสูง ทั้งยังมีคนเดินหมากในศาลา นอกจากนี้ยังมีคนพูดคุยกันบนทางเดิน

หลังจากหนิงเซ่าชิงออกมาจากป่าไผ่ มีสตรีมาคำนับและโปรยเสน่ห์ให้เขาไม่หยุด ทั้งยังมีคนแกล้งสะดุดล้มตรงหน้าเขา บางคนถึงขั้นที่ว่า แกล้งทำผ้าเช็ดหน้าตกใกล้ๆ เขา

หลังจากเขาตำหนิคนเหล่านั้น เขารู้สึกหงุดหงิดยิ่งนัก เมื่อสั่งให้เตาหนูไปบอกมั่วเชียนเสวี่ยเสร็จ เขาก็กลับไปเงียบๆ เขาเข้าใจแล้วจริงๆ ที่แท้สตรีเหล่านี้ล้วนวิปลาส หากจวนหนิงมีคนกล้าทำเช่นนี้ คงถูกเขาสั่งให้เตาหนูที่อยู่ด้านหลังโยนลงในสระดอกบัวเพื่อเรียกสตินานแล้ว

มั่วเชียนเสวี่ยเดินออกมาจากเรือน เข้าไปในสวนดอกไม้ เดินไปไม่ไกลเท่าใดนัก นางก็เจอหลันรั่วเมิ่ง หลันรั่วเมิ่งกำลังพูดคุยกับสตรีชั้นสูงอยู่