บทที่ 459 พลังธาตุ

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 459 พลังธาตุ

บทที่ 459 พลังธาตุ

ตอนที่ลำแสงนี้เข้ามาใกล้ ชายหนุ่มก็แค่ก้าวหลบไปข้าง ๆ อย่างสบาย ๆ ลำแสงนั้นยิงผ่านเสื้อของเขาไป! แม้ว่าลำแสงนี้จะเร็ว แต่จากการใช้จิตวิญญาณ มันก็ทำให้เขาสามารถมองความเร็วได้อย่างชัดเจน ด้วยวิธีนี้ทำให้ฉู่เหินสามารถหลบการโจมตีได้อย่างง่ายดาย

พอฉู่เหินหลบการโจมตีได้ ยอดฝีมือที่ซ่อนตัวอยู่ก็อดที่จะตบหัวตัวเองไม่ได้ ตอนนี้พวกเขาเพิ่งนึกออกว่าถ้าพวกเขาใช้จิตวิญญาณเตรียมการป้องกันล่ะก็ แสงพวกนี้ยังไงก็ไม่มีทางโดนตัวพวกเขาได้แน่ มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำร้ายพวกเขาได้!

ตอนนี้พวกเขาถึงเพิ่งรู้สึกว่าฉู่เหินนั้นละเอียดรอบคอบขนาดไหน! ต้องเข้าใจว่าท่ามกลางภัยอันตราย คนส่วนมากกลับเลือกที่จะหนี แต่เขาสามารถวิเคราะห์จุดอ่อนของอีกฝ่ายออก อาศัยเพียงข้อเดียวฉู่เหินก็เยี่ยมยอดแล้ว!

ทว่าแม้จะเป็นอย่างงั้น พวกเขาก็ไม่รู้สึกว่าฉู่เหินจะชนะได้เลย! ยังไงร่างกายของมนุษย์ต่างดาวนี้มีโล่แสงคุ้มกายอยู่ ขนาดนักพรตหูเชิงยังไม่สามารถทำลายได้ หรือว่าอาศัยขั้นราชันดาราอย่างเขาจะสามารถทำลายได้? จะให้คิดยังไง? เรื่องนี้ยังไงก็เป็นไปไม่ได้!

มนุษย์ต่างดาวที่เมื่อเห็นว่าปืนไม่สามารถทำอะไรฉู่เหินได้ก็ตกใจนิดหน่อย เขาคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเร็วพอที่จะหาจุดบ่งพร่องของตัวเองเจอ! แต่แม้จะเป็นอย่างงั้นแล้วยังไงล่ะ? เขาไม่คิดว่าฉู่เหินจะสามารถทำลายโล่แสงได้หรอก! โล่แสงของตัวเองไร้เทียมทานที่สุด

ปัง ปัง ปัง! เขาใช้ปืนยิงใส่ฉู่เหินอีกหลายนัด และทุก ๆ นัดฉู่เหินก็สามารถหลบได้อย่างสบาย ๆ! อีกทั้งระยะห่างระหว่างพวกเขาสองคนที่ยิ่งใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย จากที่เดิมห่าง 60-70 เมตร ก็หดสั้นไม่ถึง 30 เมตรแล้ว!

จนถึงตอนนี้ใบหน้าของฉู่เหินก็เผยยิ้มออกมา! รอมาตั้งหลายปี รอจนถึงตอนนี้ถึงเข้าใจ ตอนนี้ชายหนุ่มเพิ่งจะเลื่อนขั้นเป็นราชันดารา แม้ว่าจิตวิญญาณของตัวเองจะสามารถไปได้ไกลกว่าร้อยเมตร แต่พลังธาตุกลับใช้ได้ในระยะ 30 เมตรเท่านั้น!

ไม่ผิดจากที่ฉู่เหินคิดไว้ ในเมื่อจิตวิญญาณสามารถทะลุผ่านโล่ป้องกันของอีกฝ่ายได้ งั้นพลังธาตุที่ตัวเองชอบใช้ก็คงไม่มีปัญหา ! แม้ว่าพลังธาตุกับจิตวิญญาณจะไม่ได้มีพลังเหมือนกัน แต่ทั้งสองสิ่งนี้มีความเหมือนอยู่ นั้นก็คือมันจำเป็นต้องโคจรพลังวิญญาณเพื่อใช้งาน !

ตอนที่ร่างกายของทั้งสองเข้าใกล้กัน ฉู่เหินก็พลันโบกมือทีหนึ่ง ปรากฏเปลวไฟขึ้น! เปลวไฟนี้ไม่ใช่ของเจ้าเปลวเพลิงที่อยู่ในร่างเขา แต่เป็นพลังธาตุที่เขาจับมารวมเป็นเปลวไฟ!

พอผู้คนในที่นี้เห็นเปลวไฟปรากฏขึ้นก็รู้สึกแปลกใจไปตาม ๆ กัน พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมฉู่เหินต้องสร้างเปลวไฟที่สร้างจากพลังธาตุขึ้นมาด้วย! เพราะไฟจากพลังธาตุนั้นไม่ได้มีพลังสูงอะไรเลย เกรงว่าด้วยไฟเพียงแค่นั้นคงไม่มีทางทำลายโล่ป้องกันของเจ้าเอเลี่ยนได้แน่!

พลังธาตุไฟเป็นสิ่งที่ฉู่เหินเข้าใจมันอย่างลึกซึ้ง ดังนั้นเมื่อนำมาใช้จึงสามารถดึงพลังมันมาใช้ได้เต็มที่ แต่สำหรับฉู่เหินแล้วไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย เขาเพียงแค่ทดลองใช้ดูเท่านั้น

มนุษย์ต่างดาวตัวนั้นเตรียมที่จะโจมตีอีกครั้ง พอเห็นฉู่เหินโบกมือและเปลวไฟนั้นก็ปรากฏออกมา หลังจากนั้นไม่นานเปลวไฟนี้ก็คล้ายดั่งลูกศรที่พุ่งจากคันธนูจนเกิดเสียงดังควับ! เมื่อโล่แสงอันแข็งแรงเมื่อโดนเปลวไฟพุ่งเข้าใส่ก็คล้ายจะไม่มีกำลังต่อต้านแม้แต่นิดเดียว!

เมื่อเห็นดังนั้น แม้แต่ฉู่เหินก็ยังอดตะลึงตาค้างไม่ได้ เขาไม่คิดเลยว่าตัวเองจะมาถูกทางจริง ๆ! สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้อยู่ในความคิดของเหล่ายอดฝีมือที่ซ่อนตัวอยู่เลยเช่นเดียวกัน! ต่อมาพวกเขาก็เหม่อลอยคล้ายจะคิดอะไรออก พวกเขาคิดออกแล้วว่าโล่นี้ไม่ใช่ต้องเจอแข็งกับแข็ง แต่ต้องเจออ่อนแอกับอ่อนแอด้วยกันต่างหาก!

เหมือนกับที่เมื่อครู่ที่ฉู่เหินปล่อยเปลวไฟนั้นออกไป เพราะว่ามันไม่ได้มีพลังโจมตีแข็งแกร่งอะไร ดังนั้นโล่แสงที่ไม่เคยเจอมาก่อนเลยไม่สามารถป้องกันได้! เมื่อคิดถึงหลักการนี้ขึ้นมาได้พวกที่ซ่อนอยู่นั้นคล้ายจะกลายเป็นอัมพาตไปเลย!

พอเปลวไฟถูกปล่อยออกไปแล้วฉู่เหินกระพริบหายตัวไปไม่กี่ครั้ง มุ่งไปด้านนอกโถงใหญ่ มนุษย์ต่างดาวที่เห็นว่าฉู่เหินจะหนีก็ติดตามออกไปทันที ที่จริงเขาค่อนข้างรู้สึกแปลกใจ ว่าเมื่อกี้ทำไมเปลวไฟนั้นสามารถทะลุโล่แสงตัวเองได้ จุดนี้แหละที่เขาไม่เข้าใจ!

ขณะที่พวกเขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้นฉู่เหินก็หมุนกายจากไป แล้วเรื่องอะไรที่เขาจะปล่อยให้ฉู่เหินหนีไปได้เลยรีบตามไปอย่างรวดเร็ว หลังจากทั้งสองหายไป คนอื่น ๆ ก็พากันถอนหายใจอย่างโล่งอก ส่วนคนที่มีพลังน้อยนั้นแน่นอนว่าไม่ได้ตามออกไปด้วย

ล้อเล่นหรือไงหลบก็จะไม่พ้นอยู่แล้ว ตามรนหาที่ตายเหรอ? พวกเขาไม่ได้ตามไป แต่เหล่ายอดยุทธที่ซ่อนตัวอยู่รวมไปถึงผู้เฒ่าสามนั้นตามออกไปด้วย

หลังจากฉู่เหินออกมาจากห้องโถงใหญ่มาไกลแล้วถึงค่อยหยุดเคลื่อนไหว ที่เขาต้องหนีออกมาก็เพราะในขั้นตอนที่เขาจะทำต่อไปนั้น ชายหนุ่มกลัวว่าคนอื่น ๆ จะบาดเจ็บไปด้วยน่ะสิ พอมนุษย์ต่างดาวเห็นว่าฉู่เหินหยุดแล้ว ริมฝีปากของมันก็เผยให้เห็นรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม เจ้าเอเลี่ยนคิดว่าฉู่เหินเป็นเพียงเนื้อก้อนหนึ่งที่ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็ต้องถูกฆ่าตายอยู่ดี

ฉู่เหินหยุดยืนตรงนี้ไม่ได้ยืนอยู่เฉย ๆ ในมือทั้งสองข้างของเขาปรากฏเปลวไฟแบบเมื่อครู่ ทว่ามือข้างขวากลับปรากฏเป็นประกายสายฟ้าแทน และในเวลาเดียวกันก็มีมีดน้ำแข็งลอยอยู่เหนือหัวของฉู่เหินอีกด้วย! ภายในพริบตาก็เห็นว่าชายหนุ่มได้หลอมรวมธาตุทั้งสามเข้าด้วยกัน

เมื่อหลอมรวมเสร็จสิ้น พลังของมันก็ระเบิดออกอย่างกระทันหันโดยมีฉู่เหินอยู่ตรงกลาง! จากเดิมทีมนุษย์ต่างดาวเห็นว่าฉู่เหินสร้างเปลวไฟขึ้นมาอีกครั้ง ในใจเริ่มสังหรณ์ถึงอะไรบางอย่าง เพราะแค่เมื่อกี้เปลวไฟนั้นก็ทะลุโล่แสงเขามาได้ครั้งหนึ่ง!

แต่หลังจากทั้งสามหลอมรวมกันก็กลายเป็นพลังมหาศาล! เมื่อเห็นแบบนี้มนุษย์ต่างดาวก็คลายความกังวลเพราะโล่แสงของตัวเองรับมือกับพลังมหาศาลได้ดี!

ฉู่เหินพบว่าพลังธาตุที่ไม่เหมือนกันเลยเมื่อหลอมรวมกันแล้วมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดการระเบิด แต่ว่าเขาใช้จิตวิญญาณของตัวเองเพื่อปรับสมดุลไปด้วย เลยทำให้พวกมันค่อย ๆ สมดุลมากขึ้น แต่ชายหนุ่มเองก็รู้ดีว่ามันจะสมดุลอย่างนี้ไม่นานนัก บางทีเพียงชั่วลมหายใจเดียวก็อาจจะระเบิดได้เลย

ดังนั้นเมื่อหลอมรวมเสร็จฉู่เหินก็โบกมือหนึ่งที จัดแจงโยนก้อนพลังออกไปทันที! มนุษย์ต่างดาวที่เห็นแบบนั้นก็เริ่มมีความรู้สึกลังเลอยากจะหลบหนีไป

แต่เมื่อคิดอีกทีพลังที่อีกฝ่ายใช้นั้น โล่แสงของตัวเองสามารถขัดขวางได้ ดังนั้นเมื่อคิด ๆ ดูเจ้าเอเลี่ยนก็เลือกที่จะไม่หลบและยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับไปไหน! และก็ในตอนนี้เองที่ลูกบอลพลังของฉู่เหินได้เข้ามาใกล้ร่างกายแล้ว ตอนนี้ไม่เพียงแต่ฉู่เหินที่ตื่นเต้น แม้แต่มนุษย์ต่างดาวก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน!

ทันทีที่พลังสองขั้วปะทะกัน ลูกบอกพลังก็คล้ายจะหยุดการเคลื่อนไหว! วินาทีนั้นในใจของฉู่เหินเย็นเฉียบไปถึงขั้นหัวใจ กระทั่งเขาอดสงสัยไม่ได้ว่าตัวเองทำอะไรผิดพลาดหรือเปล่า ตามหลักการแล้วมันไม่น่าจะเป็นแบบนี้! อย่างไรก็ตามความจริงที่เกิดขึ้น มันไม่ได้ง่ายอย่างที่เขาคิด!

กลับเป็นฝ่ายมนุษย์ต่างดาวที่หัวเราะอย่างสะใจ มันรู้สึกตลกฉู่เหินชะมัด อาศัยของพรรค์นี้มาโจมตีตัวเองช่างเป็นความฝันของคนบ้าชัด ๆ! หลังจากนั้นก็ยกปืนในมือเตรียมยิงสวนกลับ!

ทว่าจู่สถานการณ์ก็พลิกผัน ก้อนพลังที่เพิ่งหยุดอยู่ด้านนอกโล่แสง ฉับพลันมันได้ทะลุผ่านไปเข้าหาร่างของมนุษย์ต่างดาวตนนั้นทันที ทุกอย่างนั้นเกิดขึ้นเร็วมาก จนมนุษย์ต่างดาวไม่ทันได้ตอบโต้

ก้อนพลังนี้ปรากฏคล้ายจะไม่ถึงหนึ่งลมหายใจเดียวด้วยซ้ำ เพียงชั่วพริบตามันก็ปะทะเข้ากับผิวกายของเจ้าเอเลี่ยน ไม่รู้ว่านานเท่าไร บางทีอาจจะ 10 นาที บางทีอาจจะนาน 1 ชั่วโมง หรือบางทีอาจจะแค่พริบตาเดียวเท่านั้น