บทที่ 460 เรือล่มในหนองทองจะไปไหน

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 460 เรือล่มในหนองทองจะไปไหน

บทที่ 460 เรือล่มในหนองทองจะไปไหน

ไม่ว่าจะฉู่เหินหรือว่าเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลาย พวกเขาต่างก็ได้ยินเสียงกัมปนาทราวกับฟ้าจะถล่ม! แม้แต่ห้องโถงซึ่งอยู่ไกลออกไปก็ยังได้ยิน!

แต่ฉู่เหินที่อยู่ตรงนี้ยิ่งกว่า เมื่อเสียงดังสิ้นสุดลงก็ตามมาด้วยกลุ่มควันที่พวยพุ่งขึ้นฟ้าจนเห็นเป็นดอกเห็ด! ชายหนุ่มที่อยู่ไม่ไกลจากจุดระเบิดได้เตรียมการหนีเอาไว้ก่อนแล้ว เขาหนีออกมาไกลถึงกลางทะเล! ในสถานการณ์แบบนี้เขาเคยมีประสบการณ์มาหลายครั้ง ดังนั้นเขาเลยจัดการได้อย่างเป็นธรรมชาติ!

กลับเป็นเหล่าผู้อาวุโสเสียอีกที่พอได้ยินเสียงระเบิดสั่นไหวอย่างรุนแรงต่างก็ลอยออกมาจากที่ซ่อนตัว! นัยน์ตาของเหล่าผู้ยอดยุทธเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ พวกเขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าพลังของฉู่เหินเมื่อครู่นั้นใกล้เคียงกับพลังโจมตีของจอมยุทธขั้นปราชญ์ดาราระดับสูงคนหนึ่งไปแล้ว

ทว่าพลังนี้กลับเกิดจากผู้ใช้พลังขั้นราชันดาราเท่านั้น พวกเขาเลยไม่อยากจะเชื่อว่ามันคือเรื่องจริง แต่จู่ ๆ ทุกคนก็คล้ายจะนึกถึงมนุษย์ต่างดาวขึ้นมาได้ พวกเขาพากันรีบฝ่าฝุ่นควันเข้าไปดู ก่อนจะพบว่าพื้นที่มนุษย์ต่างดาวเคยยืนอยู่นั้นปรากฏหลุมขนาดใหญ่ขึ้นแทน ภายในนั้นมีเพียงแขนข้างหนึ่งและปืนอันหนึ่งตกอยู่ นอกนั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว

ขณะที่ทุกคนกำลังอึงอยู่นั้น ฉู่เหินที่หนีมาถึงกลางมหาสมุทรไม่รู้เรื่องอะไรเลย ก่อนที่ชายหนุ่มจะมาปรากฏตัวที่ท้องทะเล เขาได้หายตัวไปยังตำแหน่งที่มนุษย์ต่างดาวเคยยืนอยู่! พอมาถึงก็ทำการสำรวจอย่างละเอียดสักพัก ก่อนจะพบเพียงปืนอันนั้นเท่านั้น!

สำหรับโล่แสงอันนั้นที่ติดกับเสื้อผ้าได้ถูกระเบิดทำลายไปตั้งแต่แรกแล้ว! ฉู่เหินถอนหายใจอย่างจนปัญญา ของวิเศษแบบนั้นถูกทำลายไปแล้ว ช่างน่าเสียดายจริง ๆ ถ้างั้นปืนอันนี้เขาก็ขอเก็บเอาไว้ล่ะกัน! แม้ว่าปืนนี้จะช้าไปสักหน่อย แต่ถ้าพลังเสริมเข้าไปก็น่าจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่านี้แน่นอน!

ที่สำคัญปืนนี้ไม่ได้ใช้ลูกกระสุนทั่วไป มันใช้พลังจากดวงอาทิตย์ ภายในมีแบตเตอรี่อยู่ ถ้าแบตหมดก็เอาไปตากแดด 1 ชั่วโมงก็แบตเต็มแล้ว ด้วยวิธีนี้สามารถนำกลับมาใช้ได้ใหม่อีกครั้ง! อีกทั้งปืนนี้ก็ใช้ง่ายมากเขาใช้เวลาครู่เดียวก็ใช้เป็นแล้ว

หลังจากวุ่นวายอยู่สักพักเขาก็เก็บปืนมา เดินหัวเราะไม่ช้าไม่เร็วกลับออกมา! กลับเป็นเหล่าผู้อาวุโสเสียอีกที่มองฉู่เหินด้วยสายตาปั้นยาก ต้องเข้าใจว่ามนุษย์ต่างดาวตัวนั้นเป็นคนทำให้พวกเขาต้องหนีไปคนละทิศละทาง คิดไม่ถึงว่าจะมาตายด้วยน้ำมือของฉู่เหิน ช่างเป็นเรื่องตลกเสียจริง ๆ

“ผู้อาวุโสทุกท่าน ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ ผู้น้อยไม่ได้มีความสามารถมากขนาดนั้น ที่เป็นแบบนี้ เพราะตอนที่มนุษย์ต่างดาวโจมตีพวกคุณ ผู้น้อยแอบสังเกตอยู่เงียบ ๆ โล่แสงเมื่อกี้ใคร ๆ ก็น่าจะรู้ว่าแข็งแกร่งมาก แต่มันต้านทานไม่ได้อยู่สองสิ่ง! หนึ่งก็คือจิตวิญญาณ สองคือพลังธาตุ!”

“อย่างไรก็ตามผู้น้อยไม่รู้วิธีโจมตีด้วยจิตวิญญาณ ดังนั้นถึงได้เอาพลังธาตุของตัวเองมาหลอมรวมกัน ทำเป็นบอลพลังโยนออกไป! คิดไม่ถึงว่าพอพลังธาตุนั่นระเบิด โล่แสงจะมีปฏิกิริยา ทำให้พลังเพิ่มขึ้นอีกหลายสิบเท่า! ยังไงเสียทั้งนี้ก็เป็นเพียงการคาดคะเนของผู้น้อยเท่านั้น”

ถึงชายหนุ่มจะพูดแบบนั้น แต่คนในที่นี้จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร! เขาเพียงอธิบายให้เข้าใจเท่านั้น เพราะไม่อยากถูกพวกยอดยุทธเหล่านี้จำใส่ใจ ต้องเข้าใจว่าผู้ฝึกยุทธขั้นราชันดาราคนหนึ่งที่สามารถทำได้ขนาดนี้ ไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน บางทีหากเขาไม่มีอำนาจอยู่ในมือแล้วก็อาจจะโดนฆ่าได้!

หลังจากเหล่ายอดฝีมือได้ยินที่ฉู่เหินอธิบาย พวกเขาก็พากันถอนหายใจออกมา พวกเขาเองก็รู้สึกว่าที่ฉู่เหินพูดก็ดูมีเหตุผล! ถ้าเป็นการหลอมรวมพลังธาตุปกติแล้วเกิดอานุภาพขนานนั้น ก็อัจฉริยะเกินไปแล้ว ทว่าก็มีบางคนที่เก็บงำความสงสัยเอาไว้ เพียงแต่ตระกูลฉู่มีอำนาจมากเกินไป เลยไม่มีใครกล้าทำอะไร

ตอนที่ฉู่เหินและคนอื่น ๆ กลับมา มันก็เป็นเวลาเดียวกับที่การประลองได้สิ้นสุดลง สำหรับฉู่จือและกู่เฟิงจือทั้งสองคนสู้กันถึงร้อยกว่ากระบวนท่า และก็เป็นฉู่จือที่เอาชนะไปได้! กู่เฟิงจือแม้ว่าจะแพ้แต่ก็แพ้อย่างสมศักดิ์ศรี!

การประลองนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในการประลองที่ไม่เลวสนามหนึ่ง อย่างน้อยตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ตระกูลฉู่และนิกายกิเลนก็ยังไม่มีใครถูกคัดออกสักคน! รอไปอีก 3 วันการประลองรอบแรกก็สิ้นสุดลง!

ในการประลองรอบสองนั้นจะได้รับของรางวัลด้วย เพียงแต่มันจะมาพร้อมกับการประลองที่ดุเดือดยิ่งขึ้น! ผู้ที่แพ้ในรอบแรก สามารถเลือกผู้ชนะในครั้งนี้ไปทำการท้าประลองด้วยได้! ถ้าสุดท้ายสามารถเอาชนะได้ ก็จะสามารถเข้าแข่งแทนคน ๆ นั้นได้ แต่ถ้าเกิดแพ้พวกเขาก็จะหมดสิทธิ์แข่งขันตลอดไป!

แต่การท้าประลองแบบนี้ก็มีกฎอยู่ ถ้าคุณอยากท้าอีกฝ่ายประลองล่ะก็ ถ้าอีกฝ่ายเพิ่งสู้เสร็จ คุณก็มีอยู่สองทางเลือก หนึ่งคือรอให้อีกฝ่ายได้พักก่อนพวกคุณค่อยสู้กัน อีกข้อหนึ่งก็คือคนที่ทำการท้าประลองต่อเลย ไม่ว่าฝ่ายไหนแพ้ก็จะถูกตัดสิทธิ์จากการแข่งขันทันที!

อีกทั้งมีหลายคนทีเดียวที่คิดจะทำการท้าประลองประเภทนี้ ถ้าต้องประลองแบบนี้เรื่อย ๆ ล่ะก็ เกรงว่ากว่าการแข่งขันจะสิ้นสุดลงก็คงใช้เวลาหลายปี! ดังนั้นทุกการประลองจึงไม่ใช่ว่าแข่งจบแล้วจะสิ้นสุดเลย มีบางคนที่ใช้อำนาจประลองเสร็จไม่กี่วันก็ทำการประลองต่อไปอีก

เนื่องจากปัญหาดังกล่าวเลยทำให้มีการประชุมกัน ก่อนจะได้ข้อสรุปกันว่าจะทำการประลองคัดออกพร้อมกันบนสนามใหญ่ไปเลย! ที่เรียกว่าคัดออกรอบใหญ่เพราะว่าจะส่งคนทั้งหมดไปรวมกันที่ยอดเขาสักแห่ง! เมื่อมาถึงที่นี่แล้ว ไม่ว่าจะพลังวรยุทธ์ขั้นไหนก็แล้วแต่ให้ประลองพร้อมกันทีเดียว! มีเพียงแค่ 1,000 คนสุดท้ายเท่านั้นที่จะเข้ารอบต่อไป!

ด้วยวิธีนี้สามารถคัดคนออกได้ถึง 10,000 กว่าคน และยังสามารถประหยัดรอบการแข่งขันได้อีกเยอะ ดังนั้นเลยมีการเปลี่ยนแบบนี้เกิดขึ้น เพราะตอนนี้เหล่าผู้ยอดฝีมืออดทนรอไม่ไหวแล้ว พวกเขาอยากจะให้ลูกศิษย์ของตัวเองไปที่ต่างโลกดู เพราะหลังจากผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ไปพวกเขาก็คล้ายจะหวาดกลัว ไม่รู้ว่าที่โลกต่างมิติจะมีอะไรบ้าง

ฉู่เหินเองก็ส่งข่าวไปบอกแก่ผู้อาวุโสจางด้วยเช่นกัน ชายหนุ่มวางแผนอยากจะให้เรือล่มในหนอง ในเมื่อที่นี่ปรากฏเทคโนโลยีขั้นสูงแบบนี้ งั้นมันต้องเกี่ยวพันกับกองทัพทหารอย่างแน่นอน สำหรับที่ว่าเป็นกองทัพทหารจากประเทศอะไร เขาเองก็ยังไม่รู้

ต้องเข้าใจว่าพวกเขาเป็น 1 ใน 7 กลุ่มอำนาจยิ่งใหญ่ แต่ก็ไม่ใช่คนจีนทั้งหมด ภายในนี้มีคนจากประเทศฝั่งตะวันตกไม่น้อยเช่นกัน! โชคดีที่เกาะซาถัวถูกตระกูลฉู่โจมตี ดังนั้นตระกูลฉู่เลยมีสิทธิ์มีเสียง แต่แม้จะเป็นอย่างงั้นพวกเขาก็รอนานขนาดนั้นไม่ไหว!

ดังนั้นในขั้นตอนนี้ฉู่เหินจึงให้ผู้เฒ่า 2-3 คนไปจัดการรื้อออกให้หมดซะ ที่ทำแบบนี้เพราะฉู่เหินไม่อยากให้ประเทศอื่น ๆ ได้อาวุธพวกนี้ไปศึกษา! ต้องเข้าใจว่าเทคโนโลยีล้ำหน้าแบบนี้ มันได้เป็นผลดีต่อมนุษยชาติเลย!

แต่มีบางอย่างที่เทคโนโลยีขั้นสูงพวกนี้สามารถทำให้วิทยาการก้าวหน้าไปได้อีกขั้น ไม่แน่ว่าในอนาคต วิทยาการก้าวหน้าพวกนี้จะทำให้เกิดโลกยุคใหม่ก็ได้! ที่ฉู่เหินอยากทำก็คือทำผ่านขั้นตอนนี้ เตือนให้เหล่านักวิทยาศาสตร์ในโลกถึงแนวคิดนี้เหมือนกันกับเขา!

แต่ฉู่เหินไม่ได้อยากจะลอกมันมาทั้งหมด! ไม่ว่าจะเมื่อไร ไม่ว่าจะที่ไหน การลอกเลียนแบบก็ไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้พัฒนาได้! มีต้นแบบเดียวกันแต่ละประเทศก็ศึกษาวิจัยไม่เหมือนกันแล้ว ดังนั้นประเทศไหนที่ได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดได้นั้นก็ต้องดูที่ดวง

อย่างคำที่กล่าวว่า ครูพาเข้าห้องเรียน การฝึกฝนขึ้นอยู่ที่บุคคล* เพราะนี้ไม่ใช่สิ่งที่ฉู่เหินจะสามารถทำได้คนเดียว! หลังจากผู้อาวุโสจางได้ข่าวจากฉู่เหิน แน่นอนว่าต้องดีใจอยู่แล้ว! ฉับพลันเขาก็สั่งให้ทีมมังกรรวมทั้งนักวิทยาศาสตร์จำนวนนับไม่ถ้วนไปที่เกาะซาถัว ผู้อาวุโสจางและคนอื่น ๆ หลังจากไปที่เกาะซาทั่ว 1 เดือน ประเทศอื่น ๆ ก็ถึงเพิ่งจะรู้ตัว!

*หมายถึงความสำเร็จขึ้นอยู่ที่ตัวบุคคล ครูเป็นเพียงผู้ชี้แนะในเบื้องต้น จะทำได้ดีแค่ไหนล้วนขึ้นอยู่กับความขยันหมั่นเพียรฝึกฝนของแต่ละบุคคลเอง

พวกนักวิทยาศาสตร์จากประเทศต่าง ๆ พากันสำรวจโดยรอบอย่างระมัดระวัง พวกเขารู้ว่าที่นี่ไม่ใช่แผ่นดินใหญ่ ในพื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตประหลาดมากมาย สำหรับคนพวกนี้พวกเขาก็ต้องระวังให้ดีเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาพบว่าพื้นที่ตรงนี้เดิมเป็นของฝั่งประเทศจีน ดังนั้นจึงยิ่งต้องเกรงใจเข้าไปใหญ่!