บทที่ 329 ได้เลื่อนตำแหน่ง

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 329 ได้เลื่อนตำแหน่ง

บทที่ 329 ได้เลื่อนตำแหน่ง

พี่ชายจอมเจ้าเล่ห์สองคนนี้วางแผนจะทำลายความเยาว์วัยของน้องสาวหรือไง?

ก่อนหน้านี้ไม่เห็นรู้ว่าเลยสองคนนี้จะโง่เขลาแบบนี้?

ฉืออี้หย่วนเดินตามเข้าไปในบ้าน

อันที่จริงเขาก็สับสน สรุปแล้วความรู้สึกที่มีต่อเสี่ยวเถียนมันอย่างไรกันแน่

ถ้าจะบอกว่าเป็นความรู้สึกของพี่ชายที่มีต่อน้องสาวก็ดูจะไม่น่าใช่

แต่บอกไม่ถูกว่าเป็นความรักแบบไหน

ความปั่นป่วนระหว่างเหล่าเด็กหนุ่มไม่มีใครล่วงรู้

ฉือเก๋อ ตู้ถงเหอ และเสิ่นจื่อเจินกำลังดื่มชาและพูดคุยกันอยู่ในห้องหลัก

“พวกเราตอนนี้เหมือนตอนอยู่หงซินเลยนะ”

“ขาดแค่คุณลุงซูเท่านั้น!” เสิ่นจื่อเจินถอนหายใจ

“หลายปีมานี้ฉันกินดื่มของบ้านซูไปไม่น้อยเลย” ฉือเก๋อพูดด้วยความซาบซึ้ง

“ไม่รู้ว่าเมื่อไรน้องชายซูกับภรรยาจะมาเมืองหลวงบ้าง”

“ท่าจะยากนะ การออกจากบ้านเกิดเป็นอะไรที่ยากมาก และพวกเขาคงไม่เต็มใจจากมันมาหรอก” เสิ่นจื่อเจินส่ายหน้า

“ฉันไม่คิดแบบนั้นนะ พอกลับไปเสี่ยวเถียนก็ขึ้นมัธยมปลายแล้ว อีกสองปีก็ต้องเข้ามหาวิทยาลัย ไม่แน่นะ ตอนนั้นพวกเขาทั้งครอบครัวอาจจะเข้าเมืองหลวงก็ได้” ตู้ถงเหอยิ้มแล้วจิบชา

ผู้อาวุโสทั้งสองของบ้านซูรักหลานสาวคนนี้มาก

เสี่ยวเถียนอายุยังน้อย พอถึงตอนนั้นพวกเขาต้องกังวลแน่นอน

“วันเวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ ตอนที่ฉันไปหงซินครั้งแรก เสี่ยวเถียนตัวเท่านี้เอง” ฉือเก๋อยิ้มแล้วคาดคะเนความสูง “ตอนนั้นเหมือนเด็กธรรมดาคนหนึ่งเลย แต่ใครจะรู้เล่าว่าเป็นสตรีในวัยกำลังเจริญเติบโต คำกล่าวนี้เป็นจริง!”

ที่ห้องครัว เถาฮวา อวี่รุ่ยหยวน เสี่ยวเหมย และเสี่ยวเถียนกำลังง่วนอยู่กับการทำอาหาร

“ป้าอวี่ ป้าพักก่อนเถอะค่ะ วันนี้เดินเล่นกันทั้งวันน่าจะเหนื่อยมากนะคะ” เถาฮวาคิด

พวกเรายังเหนื่อยเลย นับประสาอะไรกับคนชราอายุเกือบเจ็ดสิบปีล่ะ

อวี่รุ่ยหยวนเองก็รู้สึกเหนื่อย แต่ในฐานะเจ้าบ้าน เธอจะปล่อยให้แขกยุ่งอยู่ในครัว ส่วนตัวเองไปพักอยู่คนเดียวเห็นทีจะไม่ได้

เธอหาเก้าอี้ตัวหนึ่งแล้วนั่งลงไปเก็บผัก

“ฉันจะนั่งเก็บผักแล้วกัน ที่เหลือต้องฝากพวกเธอแล้ว! อายุเยอะแล้วสินะ ฉันไม่ยอมรับหรอกนะว่าแก่น่ะ!”

“คุณย่า ย่ายังไม่แก่นะ ย่ายังมีชีวิตได้อีกหลายสิบปีเลย!” เสี่ยวเถียนยิ้ม

แต่เธอตัดสินใจว่าพรุ่งนี้จะไปซื้อสมุนไพรสักหน่อย แล้วก็ทำอาหารบำรุงสุขภาพไว้ให้ปู่ตู้ ย่าอวี่ แล้วก็ปู่ฉือด้วย

เธอรู้วิธีทำอาหารบำรุงค่อนข้างเยอะ เพราะอ่านมาจากในหนังสือ

ส่วนประสิทธิภาพของอาหารบำรุงพวกนี้เธอไม่สงสัยสักนิด

พอพิจารณาจากประสบการณ์หลายปีที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากตัวระบบจะเป็นของคุณภาพสูงและไม่มีข้อบกพร่องด้วย

“ถ้ามีชีวิตอยู่หลายสิบปี จะไม่กลายเป็นปีศาจเฒ่าหรือ?” อวี่รุ่ยหยวนยิ้มร่าเริง

“ไม่เป็นสักหน่อยค่ะ!” เสี่ยวเถียนกอดแขนย่าด้วยความรัก และทำตัวเหมือนเด็ก

“ป้าอวี่ ถ้าคนไม่รู้ก็คิดว่าเป็นป้าหลานกันแท้ ๆ นะเนี่ย”

“ถึงไม่ใช่หลานสาวแท้ ๆ แต่เสี่ยวเถียนก็เหมือนเป็นหลานสาวแท้ ๆ ของฉันนะ!” อวี่รุ่ยหยวนพูดอย่างภาคภูมิใจ “เหมือนงานเลี้ยงที่จัดในปีนั้นไง”

มุมปากเถาฮวาปรากฏรอยยิ้ม

เสี่ยวเถียนเป็นเด็กที่มีแต่คนรักใคร่นะ

เธอหยิบตะกร้าสองใบที่เสี่ยวเถียนถือมา ข้างในมีไก่ ปลา แล้วก็เนื้อวัว

“โอ๊ะ เยอะจริง ๆ ด้วย”

เสี่ยวเถียนเหลือบมองเนื้อบนเขียง ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าสิ่งที่เธอแลกมันเยอะนิดหน่อยจริง ๆ สินะ?

โชคดีที่เถาฮวาไม่ได้ถามอะไรเยอะ อีกฝ่ายว่าต่อ “เย็นนี้เราต้มซุปไก่แล้วกันนะ ป้าอวี่ ป้าเอามาทำอะไรดีคะ? นึ่งหรือตุ๋นน้ำแดง?”

“นึ่งแล้วกัน มันเป็นปลากะพงน่ะ ถ้านึ่งมันจะกระตุ้นรสชาติอร่อยของมันได้ดีที่สุด”

หญิงชราเหลือบมองปลากะพงบนเขียง ในใจนึกสงสัยว่าทำไมจู่ ๆ ถึงมีขายในตลาด

ปลากะพงหายากมาก โดยเฉพาะที่สดใหม่แบบนี้

แค่เห็นก็โดนแย่งไปแล้ว และพวกที่มีเส้นสายก็ไม่น่าพลาดของพวกนี้หรอก

“ได้ค่ะ งั้นเรามานึ่งกันเลยดีกว่า เนื้อวัวพวกนี้เราตุ๋นไว้คืนนี้ดีไหมคะ?”

การตุ๋นเนื้อวัวต้องใช้เวลา ถ้าตุ๋นไว้ตอนเย็น พอถึงพรุ่งนี้ก็จะเข้าเนื้อแล้ว

อวี่รุ่ยหยวนไม่ได้ค้าน เธอยิ้มแล้วตอบตกลง

“พอดีเลย พรุ่งนี้จื่ออันกับหม่านซิ่วจะมาด้วย เป็นพรปากของพวกเขาแล้ว”

รักบ้านเขาเผื่อแผ่ไปถึงอีกา [1]* ตอนนี้อวี่รุ่ยหยวนชอบทุกคนในครอบครัวซูรวมไปถึงครอบครัวเฉินจื่ออันด้วย

“ฉันยังคิดอยู่เลยค่ะว่าจะไปต่อแถวแต่เช้าเพื่อซื้อเนื้อไว้ตอนรับแขกพรุ่งนี้ ไม่คิดว่าเสี่ยวเถียนจะจัดการให้แล้ว” เถาฮวาหัวเราะ

“เสี่ยวเถียนโชคดี โชคดีกว่าคนอื่นเลย” เสี่ยวเหมยยิ้มขณะหั่นไก่

หญิงชราได้ยินเรื่องความโชคดีของเสี่ยวเถียนมาก่อน แต่ไม่ได้ใส่ใจมาก

ตอนนี้ได้ยินจึงอดสนใจไม่ได้

“ทำไมถึงพูดแบบนั้นหรือ?” เธอถามเสี่ยวเหมยด้วยความสงสัย

“คุณย่าอวี่ ตรงภูเขาด้านหลังชุมชนของเราน่ะค่ะ ถ้าคนอื่นขึ้นไปล่าสัตว์จะล่าไม่ได้เลย แต่ถ้าเสี่ยวเถียนไปด้วย ไม่เคยกลับมามือเปล่าเลยสักครั้ง”

เธออิจฉาเสี่ยวเถียนจริง ๆ แต่เรื่องโชคมันเป็นสิ่งที่เธอไม่สามารถอิจฉาได้

รุ่ยหยวนรู้แค่ว่าสองปีนั้นเธอกินเนื้อสัตว์ป่าไปเยอะมาก และคิดว่าบนเขาน่าจะมีเยอะ

แต่ไม่รู้เลยว่าจะล่าสัตว์มาได้เพราะความโชคดีของเสี่ยวเถียน

“พูดจริงหรือหลอกเนี่ย? ทำไมลึกลับขนาดนี้?”

“ใช่ไหมคะ? ช่วงนั้นหนูไม่กล้าพูดเลย แต่ตอนนี้อยู่เมืองหลวงแล้วพูดได้ค่ะ ตอนนั้นน้าเขยจื่ออันขึ้นเขาไปเหมือนกัน แต่เขากลับมามือเปล่า”

พอนึกถึงเรื่องนี้ เสี่ยวเหมยรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องตลกมาก

น้าเขยเป็นคนที่เคยอยู่ในสนามรบมาก่อน เป็นมือถือปืนแท้ ๆ แต่กลับมามือเปล่า

เห็นเลยว่าโชคของเสี่ยวเถียนฟ้าลิขิตทั้งนั้น

“แค่บังเอิญเจอหรอกค่ะ!” เสี่ยวเถียนรีบเอ่ย

ถ้ามีใครได้ยินเข้าจะคิดว่าเธอเป็นตัวประหลาดไหม?

ถ้าเกิดโดนส่งไปห้องทดลองเพื่อสังเกตการณ์จะทำอย่างไร?

“เรื่องนี้พูดกันแค่บ้านเราก็พอ อย่าไปบอกคนนอกเชียวนะ!” เถาฮวารีบบอกลูกสาว

“แม่ เรื่องนี้หนูจะไม่รู้ได้ยังไงคะ?” เสี่ยวเหมยรีบตอบ “ตอนหนูอยู่ข้างนอก หนูไม่ได้พูดอะไรเลยค่ะ”

เธอระมัดระวังมาก เธอจะสร้างปัญหาให้เสี่ยวเถียนเพราะตัวเองไม่ได้

หลังจากได้ยินเรื่องนี้ อวี่รุ่ยหยวนก็ขบคิดอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้จะโชคดีจริง ๆ

หญิงชรายิ้ม “ย่าว่าแล้ว ตั้งแต่มายังไม่เคยเห็นเนื้อที่ไม่ใช้ตั๋วซื้อเลย แต่เสี่ยวเถียนซื้อกลับมาได้เยอะแยะในคราวเดียวเลย”

เธอไม่รู้ว่าเรื่องโชคมันมีอยู่บนโลกหรือเปล่า แต่น่าจะมีนะ

เพราะบางคนก็เกิดมาโชคดี บางคนก็เกิดมาโชคร้าย

และมันมันลึกลับมาก เธอพูดไม่ถูก

“คุณย่าอย่าไปฟังพี่เสี่ยวเหมยนะ หนูแค่บังเอิญเจอ” เสี่ยวเถียนเห็นหญิงชราครุ่นคิดก็รีบอธิบาย

อวี่รุ่ยหยวนเช็ดมือแล้วลูบผมหลานสาว “ว่ากันว่าผู้หญิงที่มีจิตใจดีและชอบยิ้มจะโชคดีนะ เสี่ยวเถียนของย่าก็ชอบยิ้มแล้วก็ใจดีด้วย อย่างนั้นก็ต้องโชคดีอยู่แล้วสิ”

ที่เธอเอ่ยเช่นนี้เพราะเห็นด้วยอย่างยิ่งกับเถาฮวา

“ป้าพูดถูก เสี่ยวเถียนน่ารักแต่เด็ก ชอบช่วยเหลือคนอื่นด้วย”

เสี่ยวเหมยสงสัยมาก จริงหรือ?

เธอก็ชอบยิ้มนะ ใจดีด้วย แต่เหมือนไม่ได้โชคดีขนาดนั้นนะ? แต่แล้วจู่ ๆ ก็คิดว่าตนโชคดีมาก เดิมทีเธอเป็นเด็กสาวชาวบ้านจากชนบท แต่ตอนนี้เธอมาอยู่เมืองหลวงและสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ จะมีอะไรโชคดีไปกว่านี้อีกไหม?

ถ้าพูดอย่างจริงจัง คนที่มีความสัมพันธ์อันดีกับเสี่ยวเถียนก็ดูเหมือนจะไม่ได้โชคร้ายนะ

ไม่ต้องพูดถึงคนบ้านซูเลย ครอบครัวหัวหน้าซู ครอบครัวเรา เหมือนกันหมด

ขณะที่กำลังสนทนาพาคุย อาหารก็พร้อมแล้ว

ตู้ถงเหอยังหยิบขวดสุราชั้นดีออกมาต้อนรับแขก แม้แต่พี่ชายบ้านซูก็ดื่มกันคนละสองแก้ว

ตอนนี้พวกเรากลับมารวมตัวกันอีกครั้งที่เมืองหลวงและได้กินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยด้วย ฉือเก๋อรู้สึกประทับใจมาก แต่ตอนนี้ก็อดคิดถึงลูกที่อยู่ห่างออกไปหลายพันลี้ไม่ได้

“ไม่รู้ว่าพ่อแม่แล้วก็ป้าเสี่ยวหย่วนจะกลับมาตอนไหน”

ตอนที่ฉือเก๋อพูด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความปรารถนา

หลายปีที่ผ่านมาเขาไม่กล้าคิดเลย แต่พอได้กลับมาเมืองหลวงก็กลับมาคิดอีกครั้ง เขาไม่สามารถระงับความปรารถนาได้อีกเลย

ส่วนฉืออี้หย่วนไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา

เพราะพ่อ แม่ ลุง และป้าจากไปตั้งแต่เขายังเด็ก ความทรงจำเลยไม่ฝังลึก

“แต่วันนี้มีคุณปู่ฉือนะคะ โชคดีของปู่จะรออยู่ที่อนาคตข้างหน้านะ”

เสี่ยวเถียนเติมซุปไก่ใส่ถ้วยให้ชายชราและยิ้มปลอบใจ

ฉือเก๋ออายุเกือบเจ็บสิบแล้ว เขาเป็นคนวัยชราแล้ว การคิดถึงลูกหลานเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

น่าจะใช้เวลาหลายปีกว่าสมาชิกบ้านฉือคนอื่นจะกลับมา

“เพราะฉันโลภสินะ ได้กลับมาเมืองหลวง ได้บ้านเก่าคืน แค่นี้ก็เป็นพรอันยิ่งใหญ่แล้ว แล้วยังมีอะไรไม่พอใจอีก?”

ปกติแล้วสิ่งสำคัญมันไม่ใช่แค่นี้ แต่เป็นอี้หย่วนหลานเขาได้เรียนหนังสือต่างหาก

พอกลับมาก็หาโรงเรียนส่งให้เขาเข้าเรียน จากนั้นก็สอบเข้ามหาวิทยาลัย

“คุณปู่ฉือไม่ได้โลภนะคะ มันคือความฝันนะ!” เสี่ยวเถียนพูดอย่างจริงจัง

“อืม คือความฝันสินะ เสี่ยวเถียนเอ้ย ครึ่งชีวิตที่เหลือได้พบสาวน้อยอย่างเธอถือเป็นพรอันยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว”

ฉือเก๋อคิดว่าเป็นเรื่องน่าขันที่ได้รับคำปลอบโยนจากสาวน้อยที่ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ และพูดจาไม่เข้ากับวัยตัวเอง

“ที่จริงผมก็เป็นคนโชคดีเพราะได้พบกับเสี่ยวเถียนเหมือนกันครับ!” เสิ่นจื่อเจินมองฉือเก๋อ จากนั้นก็มองเสี่ยวเถียน ก่อนพูดด้วยความซาบซึ้ง

ปีนั้นที่เดินทางไปหงซิน เขาตั้งใจจะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว

ครั้งหนึ่งเคยคิดว่าชีวิตนี้ไม่มีแสงสว่างอีกแล้ว

แต่ใครจะรู้ว่าการได้อยู่ในหงซินจะเปลี่ยนไปทั้งชีวิต

เรื่องราวของเสิ่นจื่อเจินในตอนนั้นไม่ว่าใครก็รู้ เพราะงั้นจึงไม่มีใครคัดค้านสิ่งที่เขาพูด

“เสี่ยวเถียน การได้เจอหนูก็นับว่าเป็นโชคดีเหมือนกันนะ!” ตู้ถงเหอว่า

เรื่องนี้เราเก็บงำไว้ ทุกคนรู้ว่าถ้าไม่ได้จื่อเจินช่วยไว้ในตอนนั้น เสี่ยวเถียนคงไม่เป็นดั่งตอนนี้แน่นอน ไม่รู้ว่าจะยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่าด้วย

เสี่ยวเหมยฟังบทสนทนาที่พวกเขาพูด ก่อนจะคิดว่าพวกเขาก็คิดเหมือนเธอเลย

ดูสิ เธอเพิ่งจะพูดไปด้วยซ้ำ!

“เก็บความรู้สึกขอบคุณอะไรพวกนี้ไว้ในใจแล้วกันครับ และเพื่อเฉลิมฉลองกับการที่พวกเราได้กลับมารวมตัวอีกครั้ง มาดื่มสักแก้วไหมครับ?”

โส่วเวินไม่อยากให้น้องนึกเรื่องสกปรกในตอนนั้น เขาจึงยกแก้วขึ้นด้วยรอยยิ้ม

“มา ๆๆ มาดื่มกัน!”

ในช่วงบ่ายของวันรุ่งขึ้น ครอบครัวจื่ออันมาถึงเมืองหลวง

ตอนมาถึงก็นำข้อความหนึ่งมาบอกกล่าวกัน

อดีตผู้นำย้ายมาเมืองหลวงแล้ว พูดให้ถูกคือ ได้เลื่อนตำแหน่ง!

*[1] เมื่อรักเขาก็ต้องรักทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเขา