บทที่ 403 เซี่ยเจินเป็นคนรายงานความผิด

จี้จือฮวนเอื้อมมือไปรับแผนที่ และมองไปทางส่วนลึกของป่าไผ่โดยไม่รู้ตัว

หลังจากเจียงจือหวยจากไป ในป่าก็เงียบสงบราวกับว่าทั้งใต้หล้าเหลือนางเพียงคนเดียว นางขยับฝีเท้าเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบาขึ้นมา “เผยยวน?”

ผ่านไปสักพัก เผยยวนจึงได้เดินออกมาจากในป่า ดูไม่ออกว่าสีหน้าตอนนี้เขารู้สึกเช่นไร เพราะตั้งแต่เด็กความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเจียงจือหวยก็ไม่ค่อยลงรอยกันอยู่แล้ว

“เจ้าได้ยินหมดแล้วหรือ?” จี้จือฮวนเห็นปฏิกิริยาของเขา ก็ไม่รู้ว่าเขาได้ยินไปมากน้อยเพียงใด

ผ่านไปสักพักเผยยวนจึงได้บีบมือของนางเล็กน้อย “ข้าไม่รู้ว่าเขาทำเรื่องเหล่านั้นเพื่อท่านแม่ของข้า เขาไม่เคยบอกข้าเลย”

เผยยวนในเวลานี้ ท่าทางห่อเหี่ยวเป็นอย่างมาก

จี้จือฮวนกอดเขาเอาไว้ “แม้ว่าเขาจะไม่พูดและเป็นคนน่าหงุดหงิดอย่างที่สุด ทั้งยังชอบพูดจาแข็งกระด้าง ทว่าในใจกลับคิดถึงเจ้าเสมอ และเขาก็เป็นอาจารย์ที่ดีมาก”

เผยยวนกลืนน้ำลายลงคอ “ข้าไม่เคยเรียกเขาว่าอาจารย์ ทุกครั้งที่ข้าบอกว่าจะไปออกรบ เขาก็มักจะต่อว่าข้าว่าเป็นพวกที่ชอบยึดติดแต่อะไรเดิม ๆ สักวันต้องตายอยู่ที่นั่นเป็นแน่ ข้าจึงคิดว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร”

เผยยวนในวัยเด็ก เพราะสูญเสียท่านพ่อ ท่านแม่ก็ไม่สนใจ จึงมีช่วงเวลาหนึ่งที่เขาอ่อนไหวอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเจียงจือหวยคอยตามติดเป็นเงา ยืนกรานที่จะสอนวรยุทธ์ให้กับเขา เอาชนะจนเขาล้มลงครั้งแล้วครั้งเล่า พลางจ้องมองเขาอย่างเย็นชา ต่อว่าเขาว่า ‘วรยุทธ์ไม่ได้เรื่องยังคิดจะไปสนามรบอีกอย่างนั้นหรือ ก็แค่ไปตายเพิ่มอีกคนก็เท่านั้น’

ทว่าเมื่อโตขึ้นจนถึงตอนนี้ จึงได้เข้าใจว่าคำพูดของเขานั้นเต็มไปด้วยความห่วงใยและหวังดี

จี้จือฮวนไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่อยู่เป็นเพื่อนเขาเงียบ ๆ

ไกลออกไป เจียงจือหวยมองไปยังคนสองคนที่โอบกอดกัน ในหัวก็มีภาพตอนที่ยังหนุ่มผุดขึ้นมา ภาพของเด็กผู้หญิงคนนั้นที่วิ่งมาหาเขา

‘อาหวย! เจ้าดูว่าวของข้าสิ!’

‘อาหวย ข้าอารมณ์ไม่ดี ข้าอยากจะออกไปข้างนอก’

‘อาหวย เจ้าเคยไปมาตั้งหลายที่ เจ้าชอบที่ใดที่สุดอย่างนั้นหรือ เมื่อหลวงหรือ เมืองหลวงมีอะไรน่าสนุกกัน’

‘อาหวย ข้าจะแต่งงานแล้ว อืม เขาหน้าตาดีมาก เวลาที่ข้าคุยกับเขาข้ารู้สึกอายมาก’

เจียงจือหวยแววตาไหววูบ มีเพียงตอนที่ฝันกลางวันเท่านั้น เขาจึงสามารถพูดคำ ๆ หนึ่งออกมาเบา ๆ ได้ “หยางหยาง”

น่าเสียดายที่หยางหยางที่เขาคอยปกป้องไม่อยู่อีกแล้ว

จี้จือฮวนกับเผยยวนอยู่บนรถม้า หลังจากสงบสติอารมณ์ลงแล้ว จึงได้เปิดม้วนหนังแกะที่เจียงจือหวยมอบให้ ในนั้นมีการวาดแผนที่ทั้งแปดเมืองของหลงซีเอาไว้อย่างละเอียด

“เหตุใดหลายปีมาแล้ว ต้าจิ้นถึงไม่เคยส่งทหารไปยึดคืนมาเลยเล่า?”

“ตอนที่ท่านพ่อข้าตายในสนามรบ ท้องพระคลังก็ว่างเปล่าลงมาก ดังนั้นจึงต้องการฟื้นฟูท้องพระคลัง เมื่อข้าเข้ากองทัพ ชายแดนก็ไม่เคยสงบ จึงไม่สามารถแบ่งกองกำลังไปยึดแปดเมืองของหลงซีคืนมาได้ นานวันเข้าก็ไม่มีคนพูดถึงอีก ทางนั้นก็มีการสู้รบติดต่อกันมานานหลายปี มีกองกำลังมากมายจากทุกด้าน แม้ที่นั่นจะมีกองกำลังที่ไม่ได้ใหญ่โตอะไร ทว่าก็มีการสู้กันอยู่ตลอดจึงเกิดความวุ่นวายไม่หยุดไม่หย่อนทำให้ลำบากเป็นอย่างมาก”

เผยยวนในเมื่อก่อนต้องฟังคำสั่งของราชสำนัก ต่อให้จะมีกองกำลังทหารอยู่ในมือ ก็ไม่มีทางเพิกเฉยต่อคำสั่ง

ตอนนี้นับว่าเป็นโอกาสที่ดีที่สุด เพียงแต่หากยึดคืนมาเพื่อให้เซี่ยเจิน เช่นนั้นก็เปล่าประโยชน์ นอกเสียจากว่าจะเปลี่ยนคนที่นั่งบนบัลลังก์

“ไม่ต้องรีบร้อน เราสามารถอาศัยโอกาสนี้ตรวจสอบก่อนว่าตระกูลกู้ยังมีใครเหลืออยู่บ้าง”

เผยยวนที่จู่ ๆ ก็ได้รู้ชาติกำเนิดของตัวเอง ในใจจึงเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย แม้เขาต้องการรู้มาโดยตลอดว่าใครคือพ่อแม่ที่แท้จริงของเขา แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นสตรีตระกูลเสิ่นกับบุรุษตระกูลกู้ที่เขาเคยได้ยินมา

“ความจริงแล้วตอนที่ข้ายังเด็กก็เคยได้ยินคนพูดถึงพวกเขา ในตอนนั้นผู้คนต่างพูดกันว่าตระกูลกู้สมรู้ร่วมคิดกับศัตรูก่อกบฏ แต่หากตอนนั้นข้ารู้ว่านั่นเป็นพ่อแม่ของข้า ข้า…”

เผยยวนชะงักไป แต่จู่ ๆ ก็เอ่ยเสียงเครียดขึ้นมา “เป็นเซี่ยเจิน ข้านึกออกแล้ว ตอนนั้นเซี่ยเจินในฐานะองค์ชายสิบแปดได้รายงานความผิดว่าตระกูลกู้สมรู้ร่วมคิดกับศัตรูขายบ้านขายเมือง ทำให้ทหารม้าหนึ่งแสนนายตายอยู่ที่หลงซี!”

เพราะเวลาผ่านมานานมากแล้ว ทั้งยังได้ยินคนพูดโดยบังเอิญในวัยเด็ก จึงทำให้เผยยวนคิดไม่ออกในทันทีทันใด

แต่หลังจากที่ใจเย็นลงแล้ว ความทรงจำเกี่ยวกับตระกูลกู้ในสงครามครั้งนั้นก็ผุดขึ้นในสมองทันที

เสิ่นหลันหยางแต่งออกไปไกลก็จริง แต่คนที่นางแต่งด้วยคือบุตรชายภรรยาเอกตระกูลกู้แห่งหลงซี เทียบกับเซี่ยฉีในตอนนั้นแล้ว ความจริงทรัพย์สมบัติของตระกูลกู้ถือว่ามีมากกว่า ดังนั้นในเมืองหลวงจึงมีคนจำนวนมากนินทากันว่าเสิ่นหลันหยางมีดวงกินผัว

ประกอบกับข่าวลือที่บอกว่าบุรุษในตระกูลกู้จะมีอายุอยู่ไม่เกินยี่สิบห้าปี ก็ได้เพิ่มสีสันให้กับเรื่องราวอันเป็นตำนานของพวกเขา จึงทำให้เผยยวนได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับพวกเขามาไม่น้อย

แต่ตอนเด็กเขาไม่ได้ใส่ใจกับรายละเอียดเหล่านั้น ตอนนี้เมื่อลองคิดทบทวนดูแล้ว กลับกลายเป็นว่าทุกอย่างได้โยงใยเข้าหากันหมด

“เรื่องรายละเอียด ข้าต้องกลับไปถามไท่ซ่างหวง เพราะเขารู้ดีที่สุด!”

“ได้ พวกเรากลับไปถามเขาดูกันเถอะ”

รถม้าวิ่งเข้าเมืองหลวง และตรงไปยังตำหนักไท่จี๋

เมื่อคืนไท่ซ่างหวงเสด็จกลับมาพักผ่อนตั้งแต่หัวค่ำ ตอนนี้กำลังนำองค์ชายสิบเตรียมตัวออกกำลังกาย ส่วนเป็ดองครักษ์ที่พามาจากหมู่บ้านตระกูลเฉินด้วย เพิ่งออกไข่ไปสองฟอง และกำลังนอนกกไข่อยู่ไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียว

องค์ชายสิบกำลังแสดงท่าทางอย่างกระฉับกระเฉง ต้องการนำไข่ไปให้พี่อาอิน ก็ได้ยินคนมาแจ้งว่าเผยยวนและภรรยามา

ไท่ซ่างหวงรู้สึกดีใจอย่างมาก “ให้พวกเขาเข้ามา”

เผยยวนกับจี้จือฮวนมีท่าทางรีบร้อน เมื่อเห็นไท่ซ่างหวงก็เตรียมจะคารวะ แต่ไท่ซ่างหวงกลับเรียกพวกเขาเข้ามาเสียก่อน

องค์ชายสิบไม่ชอบอะไรพวกนี้ จึงเล่นสนุกต่อไป

ตอนที่จี้จือฮวนเข้ามาในตำหนักก็ได้บอกกับจางตงไหลว่า “จางกงกง พวกเรามีเรื่องสำคัญจะปรึกษากับไท่ซ่างหวง คนที่นี่ไว้ใจได้หรือไม่?”

จางตงไหลเข้าใจได้ทันที “ฮูหยินวางใจ ผู้น้อยจะคอยเฝ้าอยู่ตรงนี้เองขอรับ”

จี้จือฮวนจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก หลังจากเข้าไปกับเผยยวน กำลังครุ่นคิดว่าควรจะพูดเช่นไรดีนั้น ไท่ซ่างหวงก็เอ่ยขึ้นมาเบา ๆ เสียก่อน “มีอะไรอย่างนั้นหรือ ไปเซ่นไหว้พ่อแม่ของพวกเจ้ามาไม่ใช่หรือ?”

ทั้งสองสบตากันเล็กน้อย จี้จือฮวนจึงเอ่ยปากถาม “พวกเราอยากจะถามท่านว่าเรื่องที่ตระกูลกู้แห่งหลงซีสมรู้ร่วมคิดกับศัตรูขายบ้านขายเมือง ตอนนั้นผู้ใดเป็นผู้รายงานความผิด ยังมีหลักฐานอยู่หรือไม่เจ้าคะ?”

ไท่ซ่างหวงยังจำเรื่องนี้ได้ “เป็นเซี่ยเจิน”

เผยยวนเข้าใจแล้ว เป็นอย่างนี้นี่เอง เป็นเพราะเรื่องนี้จึงทำให้เซี่ยเจินได้เป็นองค์รัชทายาท จากนั้นก็ขึ้นครองบัลลังก์อย่างราบรื่น

“เรื่องนี้ทำไมหรือ พวกเจ้าสงสัยว่ามีปัญหาอะไรอย่างนั้นหรือ?”

เผยยวนคิดไปคิดมา จากนั้นก็ลุกขึ้นและคุกเข่าลงตรงหน้าไท่ซ่างหวง “ขอไท่ซ่างหวงได้โปรดรับฟังข้าสักหน่อยเถอะขอรับ”

ไท่ซ่างหวงนั่งนิ่ง รอฟังสิ่งที่เผยยวนจะพูด

เมื่อเผยยวนเล่าเรื่องที่ตัวเองรู้ทั้งหมดออกมา ไท่ซ่างหวงก็มีท่าทีเหมือนกันกับเขา ใจลอยอยู่เนิ่นนาน

“เรื่องที่ตระกูลกู้ทรยศบ้านเมืองนั้น ทั้งพยาน หลักฐาน เอกสารล้วนยังอยู่ พวกเจ้าไปตรวจสอบดูเถอะ หากได้รับความอยุติธรรมจริง ๆ ก็ให้เตรียมการแต่เนิ่น ๆ”

การเตรียมการที่พูดถึงนี้คืออะไร ต่อให้ไม่พูดออกมาพวกเขาต่างก็รู้แก่ใจดี หากว่าเซี่ยเจินใช้ประโยชน์จากทหารหนึ่งแสนนาย ใช้เรื่องนี้ทำร้ายขุนนางที่ซื่อสัตย์เพื่อขึ้นครองราชย์จริง เช่นนั้นไท่ซ่างหวงก็ปล่อยเขาเอาไว้ไม่ได้อีกแม้เพียงอึดใจเดียว

เผยยวนเงยหน้าขึ้น “ท่านไม่สงสัยข้าหรือขอรับ?”

ไท่ซ่างหวงจ้องหน้าเขา คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าเผยยวนจะเป็นลูกของเสิ่นหลันหยาง หากเสิ่นหลันหยางได้แต่งงานกับเซี่ยฉี เผยยวนก็ควรเป็นหลานชายของเขาจึงจะถูก

“ข้าอายุมากแล้ว ผีเห็นมามาก คนก็เห็นมาไม่น้อย ลูกชายตัวเองข้ายังดูแลได้ไม่ดี แต่เผยยวน เจ้าเป็นคนที่ข้าเห็นมาตั้งแต่เด็ก ข้าเชื่อเจ้าและก็เชื่อใจฮวนฮวน ดังนั้นเจ้าอย่าทำให้ข้าผิดหวัง”

เผยยวนโขกหัวแรง ๆ “เผยยวนขอบพระทัยแทนตระกูลกู้ทั้งตระกูล หากว่าตระกูลกู้ได้รับความไม่เป็นธรรมจริง กระหม่อมจะล้างแค้นอย่างแน่นอน แต่หากพวกเขาไม่ได้ถูกใส่ร้าย เผยยวนจะขอนำทหารไปปราบปรามหลงซี ทวงคืนดินแดนอันยิ่งใหญ่ให้ต้าจิ้นเองพ่ะย่ะค่ะ”

จี้จือฮวนเองก็ลุกขึ้นยืน คารวะอย่างเป็นทางการให้กับไท่ซ่างหวง