บทที่ 404 วางยาพิษ
เผยยวนกับจี้จือฮวนรู้ว่าเรื่องนี้รีบร้อนไปก็เปล่าประโยชน์ ยิ่งไปกว่านั้นก็ผ่านมาหลายปีแล้ว หลังจากที่เซี่ยเจินครองบัลลังก์หลักฐานเหล่านั้นจะยังคงอยู่หรือไม่ ไท่ซ่างหวงเองก็ไม่แน่ใจ ไม่ต้องพูดถึงการโยกย้ายเจ้าหน้าที่ คนที่รู้เรื่องวงในก็ไม่แน่ว่าจะยังอยู่ในราชสำนัก
ทั้งคู่ต่างก็ไม่อยากกลับบ้านด้วยอารมณ์เช่นนี้ ดังนั้นจึงพยายามสงบสติอารมณ์ในรถม้า
ตอนที่มาถึงจวนหย่งกวานโหว ยังคิดว่าเด็กน้อยทั้งสามอาจจะไม่พอใจเสียอีก แต่ใครจะคิดว่าทันทีที่ถามถึงพวกเขา กลับได้รับคำตอบว่าเด็กน้อยทั้งสามออกไปเที่ยวเล่นด้านนอกตั้งนานแล้ว หลังจากกินข้าวเช้าก็ไปที่เรือนรับรองซื่อฟาง เมื่อไปรับองค์หญิงใหญ่แล้วก็ไปช่วยงานที่เค่ออวิ๋นไหลด้วยกัน ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าไปที่ใดแล้ว
จี้จือฮวนกับเผยยวนจึงออกไปตามหาลูก ๆ
…
ทางด้านนี้ องค์ชายสิบกำลังพาเป็ดองครักษ์ไปเดินเล่น ก็ได้ยินว่าพระราชนัดดาพาลูก ๆ ตระกูลเผยมา
เหล่านางกำนัลไม่มีทางเรียกเขาว่าเผยจี้ฉืออย่างแน่นอน ในเมื่อไท่ซ่างหวงยอมรับแล้ว ในตำหนักไท่จี๋เขาก็คือพระราชนัดดา ดังนั้นมารยาทที่ควรมีจึงห้ามขาดแม้แต่อย่างเดียว
เมื่อเช้าเผยจี้ฉือเป็นคนล้างหน้าล้างตาและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้อาชิง ทั้งยังมัดผมให้น้องสาวด้วย ก่อนจะจูงมือพวกเขาข้างละคนไปคารวะองค์หญิงใหญ่ จากนั้นก็อยู่คุยกับถูลี่พักหนึ่ง ตอนนี้เพิ่งจะมาถึงตำหนักไท่จี๋จึงนับว่าสายมากแล้ว ยังกลัวอยู่ว่าจะมาไม่ทันไท่ซ่างหวงกินอาหารกลางวัน
อาอินถือเถาอาหารขนาดใหญ่ใบหนึ่งเดินตามหลังมา มีนางกำนัลต้องการจะช่วย นางก็ไม่ให้ “ไม่ได้ ข้าจะเอาไปให้ท่านทวดด้วยตัวเอง”
องค์ชายสิบทักทายพวกเขาแต่ไกล “พี่อาอิน! หลานชาย!”
เผยจี้ฉือที่ถูกเรียกว่าหลานชาย ภายในใจก็รู้สึกสับสนอย่างมาก ความจริงแล้วเขาไม่อยากให้เซี่ยห่วงมาเป็นท่านอาของเขาเลย
อาชิงเกาหัวเล็กน้อย “เหตุใดเจ้าถึงขนเอาห่านขาวกับเป็ดที่บ้านพวกเรามาด้วยกัน?”
ท่านพ่อท่านแม่จะแต่งงาน ในบรรดาเด็ก ๆ พวกเขาสามคนยุ่งที่สุด ไหนเลยจะมีเวลาสนใจว่าเซี่ยห่วงจะขนเอาไก่เป็ดห่านที่บ้านพวกเขามา! แต่ตอนนี้ถูกจับได้คาหนังคาเขาแล้ว
ลูกพี่เซี่ยห่วงเริ่มไม่พอใจ “พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน เหตุใดถึงพูดเช่นนี้เล่า ใช่หรือไม่หลานชาย หากเจ้าบอกว่าเจ้าเป็นหลานชายข้า ตอนนั้นที่ข้าอยู่ในหมู่บ้านของพวกเจ้าก็คงไม่ต้องลำบากมากมายเพียงนั้น”
อาอินเอ่ยอย่างดูแคลนออกมา “เจ้าเรียกข้าว่าพี่ แล้วเรียกพี่ชายข้าว่าหลานชาย เจ้าลองคิดดูดี ๆ สิว่าลำดับญาติของเจ้าถูกต้องหรือไม่?”
เซี่ยห่วงคิดไปคิดมาก็จริงตามที่พี่อาอินว่า “เช่นนั้นไม่เท่ากับว่าข้าได้เปรียบหรอกหรือ หลานชาย เจ้าก็ทนเอาหน่อยก็แล้วกันนะ แต่ข้าไม่ให้เจ้าเรียกข้าว่าเสด็จอาหรอก”
เผยจี้ฉือ …ขอบใจมาก
…
ไท่ซ่างหวงเตรียมจะกินอาหารกลางวันอยู่จริง ๆ แต่ทันทีที่กลับตำหนักเขาก็มีอาการเบื่ออาหารเล็กน้อย หลายปีมาแล้วรสชาติก็ยังเหมือนเดิม ไม่อร่อยเท่าอาหารที่ฮวนฮวนทำเลย
ประกอบกับสิ่งที่เผยยวนพูด อารมณ์ของเขาจึงไม่ค่อยดีนัก กำลังจะบอกว่าไม่กิน ก็ได้ยินเสียงหัวเราะและพูดคุยของเด็ก ๆ ที่เดินเข้ามาจากข้างนอก
“ท่านทวดไม่กินข้าวไม่ได้นะขอรับ! ท่านต้องอายุยืนยาวนะขอรับ” อาชิงนั่งลงข้าง ๆ ไท่ซ่างหวงทันที ไท่ซ่างหวงเอ่ยด้วยความประหลาดใจ “เหตุใดวันนี้ถึงมาหาข้าได้? ก็คิดอยู่ว่าพวกเจ้าอาจจะยุ่งและเล่นอยู่ที่บ้านเสียอีก”
อาชิงยื่นมือเล็ก ๆ ออกมา “เรื่องที่พวกเราต้องทำมีมากมายเลยขอรับ! ข้าจะไล่เรียงให้ท่านฟังนะขอรับ!
ท่านป้าไปเล่นไพ่ด้วย บอกว่าเงินที่ชนะมาได้จะเอามาซื้อของอร่อยให้ข้าขอรับ”
เผยจี้ฉือจึงหิ้วเขาลงมา “ท่านทวด พวกเราเอากับข้าวที่ท่านชอบกินมาให้ กินสักหน่อยนะขอรับ”
ไท่ซ่างหวงดวงตาแฝงไว้ด้วยรอยยิ้ม “เจ้าสิบเล่า ข้าเห็นเขาเล่นมาครึ่งค่อนวันแล้วยังไม่ไปอ่านหนังสือเลย อาศัยตอนกินข้าวข้าต้องทดสอบเขาหน่อย หากว่าสู้แม้แต่เหลนอย่างเจ้าไม่ได้ ข้าจะสั่งลงโทษเขาซะ”
องค์ชายสิบที่แอบฟังอยู่ข้างนอกสูดลมหายใจเย็นเยียบเฮือกหนึ่งเข้าปอด “ข้าจะไปดูว่าห้องเครื่องทำอาหารเสร็จหรือยัง!”
เขารีบชิ่งหนีไปทันที
ไท่ซ่างหวงรู้สึกเอือมระอา “เห็นหรือไม่ ต่อไปเขาต้องเป็นเหมือนกว่างผิงแน่ หวังอะไรไม่ได้”
แต่เผยจี้ฉือกลับคิดว่าเขาเป็นเช่นนี้ก็ดีมากแล้ว อย่างน้อยก็ยังไม่เสียคน
“ช่วงนี้ละเลยการบ้านบ้างหรือไม่?”
“สองวันมานี้ยุ่งกับการดูแลน้อง ๆ ยังทำไม่เสร็จจริง ๆ ขอรับ”
“ไม่เป็นไร พวกเราก็ใกล้จะกลับไปแล้ว”
ไท่ซ่างหวงไม่คิดจะอยู่ที่เมืองหลวงนาน แค่เห็นเซี่ยเจินก็โมโหแล้ว
ทว่าคิดอะไรก็ได้เจอสิ่งนั้นจริง ๆ จางตงไหลเดินเข้ามาจากด้านนอก รายงานว่าฮ่องเต้เซี่ยเจินมาคารวะ
เมื่อก่อนตอนอยู่หมู่บ้านตระกูลเฉินเขาไม่สามารถมาคารวะเช้าเย็นได้ ตอนนี้ตำหนักไท่จี๋อยู่ใกล้แค่ข้าง ๆ นี้เอง ขอเพียงฮ่องเต้เซี่ยเจินยังมีลมหายใจ ต่อให้ต้องคลานมาก็ต้องมา
เผยจี้ฉือขมวดคิ้ว เพราะเขาไม่ต้องการพบหน้าฮ่องเต้เซี่ยเจิน
ไท่ซ่างหวงเข้าใจได้ “พวกเจ้าออกไปเดินเล่นข้างนอกก่อนเถอะ จะได้หลบเขาด้วย”
บอกตามตรง หากไม่ใช่เพราะยังต้องติดต่อกับเซี่ยเจินอยู่ เขาก็ไม่อยากเจอเช่นกัน
เผยจี้ฉือเดินออกไปทางประตูที่อยู่ตรงมุมของห้องโถงใหญ่โดยไม่พูดอะไรสักคำ อาชิงกลับนั่งอย่างสบายไม่อยากขยับตัวไปไหน หลังจากอาอินวางอาหารทั้งหมดลงบนโต๊ะแล้ว ก็นั่งลงเช่นกัน
ที่ฮ่องเต้เซี่ยเจินมาวันนี้ ความจริงแล้วเพราะเขาต้องการมาดูว่าคนที่ส่งมาอยู่กับไท่ซ่างหวงสามารถแทรกแซงเข้ามาได้หรือไม่ เผยยวนในตอนนี้มีอำนาจมากขึ้นเรื่อย ๆ เรื่องรายการสินสอดเมื่อวานได้ไปถึงหูเขาแล้ว จึงทำให้เขานอนพลิกไปพลิกมาทั้งคืน
เมื่อคิดว่ายังมีทะเลสาบน้ำเค็มและที่ดินอันล้ำค่าอย่างหมู่บ้านตระกูลเฉิน แต่เผยยวนกลับเป็นคนที่ได้ประโยชน์ และเขาต้องสะสมทรัพย์สินข้างนอกด้วยวิธีอื่นอีกอย่างแน่นอน มิฉะนั้นจะมีถนนทั้งเส้น และมีสนามม้าได้อย่างไรกัน
ไท่ซ่างหวงกับเจ้าเด็กนี่กำลังปกปิดเขาอยู่ ฮ่องเต้เซี่ยเจินยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ดังนั้นต้องจัดการไท่ซ่างหวงก่อนถึงจะจบ
ทันทีที่เข้ามาในตำหนัก ฮ่องเต้เซี่ยเจินก็เอ่ยขึ้น “คารวะเสด็จพ่อ”
ไท่ซ่างหวงยังไม่ทันพูดอะไร อาชิงที่นอนอยู่บนเก้าอี้ของไท่ซ่างหวงอย่างเกียจคร้านก็เอ่ยขึ้น “ตามสบาย~”
เสียงนุ่มนิ่มนี่ ฮ่องเต้เซี่ยเจินชะงักไป ก่อนจะลุกขึ้นยืนเพียงมองหาเจ้าของเสียง เหตุใดถึงเป็นเจ้าลูกสุนัขของเผยยวนอีกแล้วเล่า!?
“บังอาจ! ต่อพระพักตร์ฝ่าบาท เสียมารยาทได้อย่างไรกัน!” เจียงเต๋อตะคอกขึ้นมาทันที
ยังไม่รอให้ไท่ซ่างหวงพูดอะไร อาชิงก็กระโจนเข้าไปในอ้อมแขนของไท่ซ่างหวงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะจับคอเสื้อของเขาแล้วแสร้งทำเป็นร้องไห้ “ฮือ ๆ ๆ ท่านทวด ฝ่าบาทบอกว่าท่านเสียมารยาทขอรับ”
เจียงเต๋อถึงกับสะอึก พลางถลึงตาใส่ กลางวันแสก ๆ ปั้นน้ำเป็นตัวเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!
ฮ่องเต้เซี่ยเจินเองก็แทบจะกระอักเลือดออกมาเช่นกัน เจ้าเด็กผีของครอบครัวเผยผู้นี้ เขาเจอหน้าทุกครั้งก็ถูกเจ้าเด็กนี่แกล้งทุกครั้ง ครั้งก่อนยาอมตะอะไรนั่นก็ทำให้เขาท้องเสียอยู่หลายวัน มิหนำซ้ำยังสลบและเป็นไข้อีกด้วย เขายังไม่ได้คิดบัญชีเลย วันนี้ยังจะมาพูดจาเหลวไหลอีก
“ทำไม เจ้าจะโมโหอะไรกัน เด็กเพิ่งจะอายุเท่าใด เจ้ายังจะถือสาหาความเขาอีกอย่างนั้นหรือ?” ไท่ซ่างหวงตะคอกด้วยความโมโหทันที
เซี่ยเจิน “…”
ข้ายังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ
ไท่ซ่างหวงยิ่งมองเขาก็ยิ่งโมโห ถึงขนาดสงสัยว่าเขาคงได้ข่าวว่าเผยยวนมาที่นี่ จึงได้มาเพื่อสืบข่าวกระมัง
…
องค์ชายสิบเพิ่งมาถึงห้องเครื่องก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก และเตรียมไปดูว่าบรรดาเป็ดองครักษ์ฟักไข่ออกมาหรือยัง
เขาค่อย ๆ ก้มตัวลงไปเพื่อจะแอบดูอย่างเงียบ ๆ ไม่อย่างนั้นเป็ดองครักษ์ที่ถูกไท่ซ่างหวงเลี้ยงจนเสียนิสัย แค่เข้าไปใกล้มันก็สงสัยว่าคนจะไปขโมยไข่ของมันแล้ว จากนั้นมันก็จะส่งเสียงบ่นออกมาทันที
เขาจึงค่อย ๆ ย่อตัวเดินไปตามกำแพงวังจากมุมหนึ่ง แต่กลับได้ยินใครบางคนกำลังพูดอยู่ไม่ไกล
องค์ชายสิบจึงรีบหลบทันที อยากรู้ว่าใครกำลังพูดอยู่
ในห้องเครื่องวุ่นวายอย่างมากจนเสียงดังไปหมด มีคนตะโกนอยู่ด้านใน เขาจึงได้ยินไม่ชัดนัก ดังนั้นจึงขยับเข้าไปใกล้อีกหน่อย
“ทุกวันให้ใส่ลงไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อย่าใส่มากเกินไปล่ะ”
“ไท่ซ่างหวงลิ้นไวอีกทั้งยังช่างเลือก หากถูกเขาจับได้ขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่าขอรับ?”
“เจ้าก็คิดหาวิธีเอาเอง อย่าลืมว่าที่เจ้ากลับมาครั้งนี้เบื้องบนสั่งว่าอย่างไร ข้าไม่สามารถอยู่ที่นี่นาน ๆ ได้” ขันทีผู้นั้นเอ่ยจบ ก็เดินจากไปอย่างรีบร้อน