บทที่ 405 ดื่มตอนร้อน ๆ

องค์ชายสิบไม่เข้าใจ พวกเขาจะใส่อะไรให้ไท่ซ่างหวงกัน?

ไท่ซ่างหวงมักจะชอบกินผัก แต่เนื่องจากมีองค์ชายสิบอยู่ด้วย ซูเฟยกลัวลูกชายตัวเองจะหิว จึงตั้งใจส่งพ่อครัวที่ทำอาหารให้องค์ชายสิบมาด้วย เรื่องนี้ไท่ซ่างหวงกลับไม่ปฏิเสธ ดังนั้นหลายวันมานี้คนที่เข้า ๆ ออก ๆ ในห้องเครื่องจึงมีมากหน้าหลายตา

องค์ชายสิบเห็นขันทีคนนั้นหน้าตาไม่คุ้น จึงสงสัยว่าเขาจะทำอะไรกันแน่

“เจ้ามาทำอะไรอยู่ตรงนี้” เผยจี้ฉือถามขึ้นมา

องค์ชายสิบตกใจอย่างมาก เขาลูบหน้าอกตัวเองพลางเอ่ยตอบ “เจ้าทำข้าตกใจหมดเลยหลานชาย”

เผยจี้ฉือเห็นเขาทำท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ จึงยืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้วถามออกมา “เจ้าไปทำเรื่องที่ผิดมโนธรรมอะไรมาอย่างนั้นหรือ?”

“ข้าไม่ได้ทำ แต่เมื่อครู่ข้าเห็นว่ามีคนสองคนทำตัวไม่น่าไว้ใจ ข้าจึงอยากจะตามไปดูก็เท่านั้น”

“มีปัญหาอะไร?” เผยจี้ฉือไหวพริบดีกว่าเขา จึงถามเสียงเบาทันที

องค์ชายสิบเกาหัว เขาความจำไม่ค่อยดีนัก จึงทำได้เพียงตั้งคำถามกับเขาแทน “เจ้าคิดว่าพวกเขาจะทำอะไร?”

สีหน้าของเผยจี้ฉือเคร่งขรึมขึ้นมาทันที “ตามไปดูก็รู้เอง”

เทียบกับการหลบ ๆ ซ่อน ๆ แล้ว ไม่สู้เดินเข้าไปดูเลยจะดีกว่า

เนื่องจากยังเป็นเด็กทั้งยังเล่นซนทั้งวัน คนในห้องเครื่องจึงรีบหลีกทางให้เขา เพราะกลัวว่าเขาจะก่อเรื่องอีก โดยองค์ชายสิบเป็นคนเดินนำเผยจี้ฉือเข้าไป และแสร้งทำเป็นแนะนำอาหารของที่นี่ ด้านหนึ่งก็คว้าอาหารที่วางอยู่ตรงนั้นมากิน ทว่าสายตากลับมองไปทางขันทีน้อยผู้นั้น

พ่อครัวคนนั้นยุ่งจนเหงื่อออกเต็มใบหน้า และมีคนกำลังจัดของลงกล่องอยู่

“ยังขาดผักกวางตุ้งนึ่งอีกจาน รอก่อน”

ขันทีน้อยยิ้มประจบ “ไม่ต้องรีบขอรับ”

องค์ชายสิบมองดูอยู่นานก็ไม่เห็นว่ามีสิ่งใดผิดปกติ ขณะที่กำลังจะจากไป ก็เห็นนางกำนัลที่ยกชาเดินผ่านมา นางยกชาเพื่อสุขภาพที่ไท่ซ่างหวงชอบดื่มมาด้วยหนึ่งกา

ระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังคุยกัน ขันทีน้อยก็รับชาเพื่อสุขภาพไป พลางก้มหัวลงยิ้มให้องค์ชายสิบและเผยจี้ฉือ จากนั้นก็เดินไปทางตำหนักใหญ่ ด้านหลังยังมีขันทีเดินตามเป็นขบวนอีกด้วย

“เหตุใดถึงไปเช่นนี้เล่า?” องค์ชายสิบมุ่ยปาก

เผยจี้ฉือเองก็สงสัย “เจ้าแน่ใจว่าคนผู้นั้นพูดเช่นนั้นจริง ๆ ใช่หรือไม่?”

ตอนนี้ไม่มีหลักฐาน ฮ่องเต้เซี่ยเจินก็ยังอยู่ที่นี่ หากโวยวายขึ้นมาฮ่องเต้เซี่ยเจินอาจจะย้อนกลับมาเล่นงานพวกเขาได้ เผยจี้ฉือกลัวฮ่องเต้เซี่ยเจินมากจริง ๆ

เขาหมุนตัวมองตามนางกำนัลที่เป็นคนยกชาไปเมื่อครู่ เวลานี้นางไปที่ตำหนักใหญ่แล้ว

“ช้าก่อน” เผยจี้ฉือจับองค์ชายสิบแล้วพูดเบา ๆ “เมื่อครู่เจ้าเห็นนางกำนัลผู้นั้นทำอะไรหรือไม่?”

“เช็ดฝาถ้วยชา มีอะไรหรือ?”

เผยจี้ฉือจึงเดินไปที่หน้าโต๊ะ “นางยกน้ำชาไปให้ จะเอาผ้าขี้ริ้วไปด้วยอย่างนั้นหรือ”

นี่เป็นเรื่องที่เสียมารยาทต่อพระพักตร์ ใครจะเอาผ้าขี้ริ้วไปที่เบื้องพระพักตร์กัน? แม้แต่เสี่ยวเอ้อที่ยกน้ำชาของเค่ออวิ๋นไหลก็ยังไม่ทำเช่นนี้เลย

ดังนั้นสิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือ ของสิ่งนั้นถูกเทลงบนผ้าขี้ริ้ว จากนั้นตอนที่นางกำนัลผู้นั้นเอาผ้าขี้ริ้วเช็ดฝาถ้วยชา ของสิ่งนั้นก็จะถูกเช็ดลงไปในถ้วยชาด้วย

เผยจี้ฉือจึงรีบวิ่งไปที่ตำหนักด้านหน้าโดยไม่พูดอะไรสักคำ องค์ชายสิบยังคิดตามไม่ทัน แต่ก็รีบวิ่งตามไปด้วย

ทว่าชานั่นถูกวางลงตรงหน้าไท่ซ่างหวงกับฮ่องเต้เซี่ยเจินแล้ว

ไท่ซ่างหวงคุยกับฮ่องเต้เซี่ยเจินแล้วก็รู้สึกเหนื่อยใจ กำลังจะดื่มชาเพื่อแก้กระหาย แต่ทันใดนั้นอาชิงน้อยก็เอ่ยขึ้นมา “อ๊ะ อย่าเพิ่งดื่มนะขอรับ”

ฮ่องเต้เซี่ยเจินใจกระตุก พลางคิดในใจ หรือว่าเจ้าเด็กนี่จะสังเกตเห็นอะไรอย่างนั้นหรือ?

สายตาที่จ้องมองเขาจึงดุดันอย่างมาก

ไท่ซ่างหวงเองก็นึกสงสัย “มีอะไรหรือ?”

อาชิงน้อยส่ายหัวแล้วเอ่ยขึ้น “เพราะยังร้อนอยู่ขอรับ ลิ้นจะพองเอาได้”

เซี่ยเจิน “…”

เขาตื่นตูมไปเอง ก็จริง เด็กอายุแค่ไม่กี่ขวบจะไปรู้เรื่องอะไรกัน

สุดท้ายไท่ซ่างหวงก็วางชาถ้วยนั้นลงข้าง ๆ ฮ่องเต้เซี่ยเจินจึงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เจ้าลูกสุนัขขัดแข้งขัดขานี่ น่ารำคาญพอ ๆ กับพ่อของมันจริง ๆ

แววตาไร้เดียงสาของอาชิงสบเข้ากับสายตาดำมืดของฮ่องเต้เซี่ยเจิน พลันนั้นฮ่องเต้เซี่ยเจินเองก็จ้องมองเขาพร้อมกับแยกเขี้ยวใส่

“ได้ยินว่าชาเพื่อสุขภาพนี้ เป็นสูตรยาที่ภรรยาของเผยยวนสั่งให้ท่าน ดื่มแล้วช่วยบำรุงร่างกายได้ดี เสด็จพ่อดื่มตอนร้อน ๆ จะดีกว่านะพ่ะย่ะค่ะ”

ยากนักที่ไท่ซ่างหวงจะได้ยินเขาเอ่ยชมจี้จือฮวน ก็คิดในใจว่าปากของเจ้าสุนัขตัวนี้ นับว่ายังสามารถพูดสิ่งดี ๆ ออกมาได้อยู่

ก่อนจะเห็นว่าอาชิงจู่ ๆ ก็เขย่งเท้าอยู่บนเก้าอี้ แล้วเหยียดแขนทั้งสองข้างจับถ้วยชาทั้งสองใบเอาไว้

ฮ่องเต้เซี่ยเจินหนังตากระตุก กำลังจะตะคอกบอกให้เขาปล่อยมือ

แต่ไหนเลยจะคิดว่าอาชิงจะหมุนถ้วยชาทั้งสองใบสลับกันไปมา ราวกับเล่นสนุกอย่างไรอย่างนั้น

ตอนแรกฮ่องเต้เซี่ยเจินยังสามารถแยกได้ว่าใบไหนเป็นใบไหน แต่พอนานเข้าก็เห็นเพียงมืออวบอ้วนสองข้างของเขาเท่านั้น เมื่อครู่เขายังนับจำนวนครั้งได้ แต่คิดไม่ถึงว่าเด็กนี่จะเปลี่ยนข้างและเริ่มสลับใหม่ จากนั้นก็หยุดลง สายตาของฮ่องเต้เซี่ยเจินยังคงอยู่ที่ถ้วยชา อาชิงมองเขาแล้วเอ่ยถามขึ้นมา “เจ้าก็อยากจะไปหาเงินในบ่อนอย่างนั้นหรือ?”

“อะไร?” เซี่ยเจินถามออกไปโดยไม่รู้ตัว

อาชิงผายมือแล้วพูดขึ้นมา “คนในบ่อนล้วนเป็นเช่นนี้นี่นา เจ้าจ้องเขม็งเช่นนี้ทำไม หรือว่าในนี้จะมีทองซ่อนอยู่?”

ฮ่องเต้เซี่ยเจินถึงกับสะอึกอีกครั้ง “เจ้าเป็นเด็กเป็นเล็กไปบ่อนทำไมกัน คานบนไม่ตรง คานล่างเอียง* เผยยวนสอนเจ้าเช่นนี้อย่างนั้นหรือ?”

* คานบนไม่ตรง คานล่างเอียง (上梁不正下梁歪) หมายถึง ผู้ใหญ่ประพฤติตัวไม่ดี ผู้น้อยก็ย่อมเลียนแบบในทางที่ไม่ดีไปด้วย

“ไม่ใช่นะ ข้ากับท่านป้าไปบ่อนก็เพื่อหาเงิน ท่านป้าบอกว่านี่เรียกว่าการหารายได้ หาค่าขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ใช่ใครก็จะทำได้” อาชิงอธิบายกับฮ่องเต้เซี่ยเจินอย่างตั้งใจ

อาอินที่อยู่ข้าง ๆ ก็เอ่ยขึ้นมาหนึ่งประโยค “ท่านทวด ท่านลุงฮ่องเต้บอกว่าท่านป้า คานบนไม่ตรง คานล่างเอียง ประโยคนี้ข้าเคยเรียนมา เขาบอกว่าท่านป้าเอียงเจ้าค่ะ”

ไท่ซ่างหวงจึงใช้สายตาคมปลาบจ้องมองฮ่องเต้เซี่ยเจินทันที เหลือแค่เอ่ยคำว่า ‘เจ้าลูกเนรคุณ’ ออกมาเท่านั้น

ฮ่องเต้เซี่ยเจินสูดลมหายใจเย็นเยียบเข้าปอดทันที ดีจริง ๆ ลูกสุนัขที่เผยยวนเลี้ยงไว้ทั้งสองตัว ต่างก็มาลอบกัดเขาอยู่ที่นี่!

เซี่ยวั่งซูไปบ่อนทำไมกัน! ถู่เจียยากจนจนต้องให้ไทเฮาไปหาเงินที่บ่อนแล้วหรืออย่างไร แต่ฟ้าดินรู้ดีว่าเซี่ยวั่งซูนั้นอยากไปเอง อีกทั้งยังพาเด็กสองคนนี้ไปด้วย

“เสด็จพ่อ ลูกไม่ได้หมายความเช่นนั้นนะพ่ะย่ะค่ะ”

“ช่างเถอะ ข้าเป็นผู้ใหญ่ใจกว้างจะอภัยให้เจ้าก็แล้วกัน” อาชิงทำท่าทางราวกับว่า ข้าจนปัญญากับผู้ใหญ่อย่างพวกเจ้าจริง ๆ

“…”

ข้าไม่ได้เรียกเจ้าว่าเสด็จพ่อ! เจ้ารับคำกับผีทำไมกัน!

อาชิงดันถ้วยชาตรงหน้าไปทางหน้าฮ่องเต้เซี่ยเจิน “ดื่มเถอะ ตอนนี้ไม่ร้อนแล้ว”

เซี่ยเจิน “…”

“ตอนนี้ข้าไม่กระหาย”

บัดซบ พิษนั่นสรุปอยู่ในถ้วยใดกันแน่ เขาจะดื่มได้อย่างไรกัน?

“เมื่อครู่เจ้าร่ำร้องจะดื่มชาไม่ใช่หรือ? เป็นเด็กเป็นเล็กไม่ควรกินทิ้งกินขว้างนะ” อาชิงขมวดคิ้ว พลางเกลี้ยมกล่อมฮ่องเต้เซี่ยเจินอย่างจริงจัง

ไท่ซ่างหวงแค่นเสียงออกมา “ทำไม ชาตำหนักไท่จี๋ของข้าไม่ถูกใจเจ้าหรืออย่างไร?”

ฮ่องเต้เซี่ยเจินน้ำท่วมปาก หมายความเช่นนั้นที่ใดกัน

แต่เขาก็ยังไม่กล้าดื่ม

“ช่างเถอะ ๆ ข้าจนปัญญากับเจ้าจริง ๆ แม้แต่เรื่องดื่มชาก็ยังต้องให้คนสอน” อาชิงเปิดถ้วยชา พลางเป่าเบา ๆ จากนั้นก็เลื่อนอีกถ้วยไปอย่างส่ง ๆ ก่อนจะดื่มชาในมือไปหนึ่งอึก พลางหลับตาพริ้มแล้วเอ่ยขึ้นมา “อ้า ดื่มหมดแล้วปวดฉี่จริง ๆ”

ทันทีที่เจ้าเด็กนั่นดื่มลงไป หัวใจของฮ่องเต้เซี่ยเจินก็กระตุกอย่างแรง กลัวว่าถ้วยที่เขาดื่มจะเป็นถ้วยที่ไม่มีพิษ และกลัวว่าพอถึงเวลาไท่ซ่างหวงเกิดมีอาการขึ้นมา เขาจะไม่สามารถลงมือได้

ทว่าพออาชิงดื่มเสร็จก็แจะปาก “ตาเจ้าแล้ว”

ฮ่องเต้เซี่ยเจินมองเขา “ข้าคิดว่ายังร้อนอยู่ รออีกสักเดี๋ยวเถอะ”

“โอ๊ย ยังจะรออะไรอีก ท่านแม่ข้าบอกว่ากินตอนร้อน ๆ ถึงจะดี” เอ่ยจบอาชิงก็เขย่งปลายเท้า เอาถ้วยชาจ่อไปที่ปากของฮ่องเต้เซี่ยเจิน ก่อนจะบีบจมูกของเขาแล้วกรอกลงไป

เจียงเต๋อที่อยู่ข้าง ๆ ยังไม่ทันตั้งตัว เจ้าเด็กนั่นรวดเร็วเพียงนี้ กว่าเขาจะทันเข้าไปดึง ฮ่องเต้เซี่ยเจินก็ทั้งอาเจียนทั้งสำลัก และดื่มหมดไปครึ่งถ้วยแล้ว