ตอนที่ 219 คำตอบไม่ง่ายขนาดนั้น! (1)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 219 คำตอบไม่ง่ายขนาดนั้น! (1)
เมื่อลำแสงสีทองสาดประกาย มังกรหนุ่มน้อยที่มีเขาอยู่บนหัวในชุดเสื้อคลุมผ้าไหมทอก็ปรากฏกายขึ้นข้างสระสมบัติอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเขาจะยังงุนงงอยู่เล็กน้อย

พี่ฉางโซ่ว…

ไม่ เมื่อพูดถึงเรื่องการตามหาสหาย ศิษย์พี่เจ้าสำนัก จะไม่น่ากลัวมากเกินไปแล้วหรือ?

เมื่อนึกถึงว่า เขาต้องสูญเสียความสงบด้วยความตกใจในเคหาสน์ถ้ำของอาจารย์ของเขาไปหลายครั้งแล้ว ใบหน้าของอ๋าวอี่ก็แดงก่ำขึ้นทันที…

ลมทะเลพัดโชยมาแผ่วเบาพร้อมด้วยกลิ่นเค็มบางเบา

อ๋าวอี่ส่ายศีรษะเบาๆ และอดคิดถึงท่าทางสูงส่ง สง่างาม สงบมั่นคงของอาจารย์อาคนนั้นที่เขาเห็นจากระยะไกลในตอนนี้ไม่ได้

อ๋าวอี่เติบโตขึ้นมาพร้อมกับการเห็นสาวงามมาตั้งแต่ยังเยาว์ กริยาท่าทางของสตรีจากเผ่าทะเลที่จะได้รับเลือกให้เข้าสู่วังมังกรนั้นไม่สำคัญ แต่พวกนางเพียงต้องมีรูปร่างหน้าตาดีเมื่ออยู่ในร่างเป็นมนุษย์เท่านั้น

แต่ถึงกระนั้น อ๋าวอี่ก็ตกใจเมื่อเห็นอาจารย์อาผู้นั้นจากระยะไกลในวันนี้…

มีบางอย่างที่น่าอัศจรรย์ยิ่งกว่านั้นอีก!

อาจารย์อาผู้นั้นแสดงความเป็นห่วงเป็นใยศิษย์พี่เจ้าสำนักของเขา!

ใช่แล้ว คราวนี้ที่ท่านอาจารย์เซียนใหญ่อู้หยุนเรียกเขามานั้น ไม่มีเรื่องสำคัญอื่นใด เพียงแค่ถามถึงความชอบของเจ้าสำนักเทพทะเลเท่านั้น

นี่ไม่ใช่เรื่องปกติที่อาจารย์ของเขาจะถามเช่นนี้ ร่างหลักแรกของอาจารย์ของเขาคือเกาะขนาดใหญ่แห่งนี้นั่นเอง ส่วนร่างหลักที่สองของเขากำลังทำงานรับใช้อยู่ในวังปี้โหยว หากเจ้าสำนักไม่ได้ไปที่เกาะเต่าทอง ท่านอาจารย์ของเขาย่อมจะไม่ติดต่อเกี่ยวข้องใด ๆ กับศิษย์พี่เจ้าสำนักของเขาแน่นอน

คนที่สอบถามเรื่องนี้คืออาจารย์อาที่ลึกลับที่สุดและปรากฏกายให้ได้เห็นน้อยที่สุดในบรรดาศิษย์ทั้งแปดคนของปรมาจารย์จอมปราชญ์เทพแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย …

พี่สาวคนโตแห่งเซียนซานเซียว เทพธิดาอวิ๋นเซียว!

พวกเขาจีบกันอย่างไร แค่กๆ เขารู้จักกับนางได้อย่างไร?

อ๋าวอี่ขมวดคิ้วครุ่นคิดพลางจ้องมองไปที่ระลอกคลื่นเล็กๆ บนพื้นผิวน้ำสระสมบัติที่ถูกลมทะเลรบกวนจนเหม่อลอยเป็นเวลานาน

เฮ้อ สมควรแล้ว ศิษย์พี่เจ้าสำนักช่างคู่ควรเป็นเจ้าสำนักจริงๆ!

ก่อนจะกลายเป็นเซียน เขาได้รับการยกย่องจากปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูเป็นอย่างสูง ตอนนี้เขายังได้รับการดูแลห่วงใยจากเทพธิดาที่ลึกลับที่สุดแห่งเซียนซานเซียว เทพธิดาอวิ๋นเซียว

ตามที่อาจารย์อาของเขา -อาจารย์อาอวิ๋นเซียวติดหนี้บุญคุณของท่านเจ้าสำนัก นางจึงอยากมอบของขวัญเป็นการตอบแทนให้กับท่านเจ้าสำนักเพื่อจะได้ตัดกรรมระหว่างพวกเขา

นี่…

เขาคิดจริงๆ หรือว่า เผ่ามังกรจะถูกหลอกง่ายๆ?

อ๋าวอี่แอบหัวเราะในใจ

แน่นอนว่า หากเป็นเมื่อหลายสิบปีก่อน เขาอาจถูกหลอกได้จริงๆ

แต่ตอนนี้ เขา อ๋าวอี่ ผู้ซึ่งอยู่กับท่านเจ้าสำนักมาเป็นเวลานาน ย่อมมองทะลุผ่านความหมายผิวเผินของหลายสิ่งหลายอย่างได้ แล้วขุดค้นหาความหมายลึกซึ้งยิ่งขึ้นได้!

หากเป็นหนี้บุญคุณท่านเจ้าสำนัก เพียงแค่นางมอบสมบัติวิญญาณโฮ่วเทียนให้แก่เขา นั่นยังไม่จบอีกหรือ?

เทพธิดาอวิ๋นเซียวผู้นี้มาที่เกาะเต่าทองโดยเฉพาะ เพื่อถามเขา องค์ชายรองแห่งวังมังกร และศิษย์ “เสี่ยวตู้หมิง[1]” แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย นางถามถึงความชอบ ลักษณะนิสัยของเทพแห่งท้องทะเล และสมบัติที่เทพแห่งท้องทะเลชื่นชอบ.. .

ในเมื่อนางสนใจให้ค่ากับท่านเจ้าสำนัก มากมายเพียงนี้ แล้วจะไม่ให้มังกรอย่างเขา อ๋าวอี่ ไม่คิดอะไรได้อย่างไร?

แต่คำถามที่อาจารย์อาอวิ๋นเซียวโยนมาถามอ๋าวอี่นั้น เป็นเรื่องยากจริงๆ

เขาไม่รู้จริงๆ ว่า ท่านเจ้าสำนักชอบอะไร ทำให้รู้สึกหนักใจกับคำถามนั้นเป็นเวลานาน

สาวงามหรือ?

ท่านเจ้าสำนักบริสุทธิ์สะอาด ปราศจากการเกี่ยวข้องกับอิสตรี นอกจากนี้ ยังมีศิษย์น้องหญิงน้อยที่ทั้งสวยและฉลาด ซึ่งเป็นที่รักของเขามาแต่เยาว์วัย

หากโปรดปรานสาวงาม แล้วไยในตอนนี้ ท่านเจ้าสำนักจึงไร้สาวมังกรและสาวทะเลอยู่รอบกายเขาเล่า?

มีสวะไร้ประโยชน์เผ่ามังกรมากมายที่เอาแต่มั่วสุรานารีและทำทุกอย่างตามอำเภอใจ พวกเขาล้วนลุ่มหลงในกามราคะมากที่สุด และสะสม “ความสามารถ ” ในด้านนั้นเอาไว้มากมาย

บุญหรือ?

ท่านเจ้าสำนักไม่ขาดแคลนสิ่งใด ท่านเจ้าสำนักเป็นตัวแทนบุญของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน ปริมาณบุญเครื่องสักการะที่เขาได้รับจากสำนักเทพทะเลทักษิณ ย่อมมีมากกว่าที่ข้าได้รับในฐานะรองเจ้าสำนักอย่างแน่นอน

สมบัติหรือ?

ล้อเล่นน่า

สำนักบำเพ็ญเต๋าหยินขาดแคลนสมบัติหรือ?

หากเขานำสมบัติเหล่านั้นและสมบัติวิญญาณที่แม้แต่เผ่ามังกรเองก็ยังดูถูก ไปมอบให้กับศิษย์พี่เจ้าสำนัก ซึ่งได้รับการชื่นชมยกย่องจากท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่มานาน มันจะไม่น่าอับอายขายหน้าหรือ?

ดังนั้น อ๋าวอี่จึงพิจารณาอย่างรอบคอบและตอบในสิ่งที่เขากำลังคิดในใจ

นอกเหนือจากเนื้อหาที่ถูกปฏิญญาต้าเต๋าพันธนาการไว้ ซึ่งเขาไม่อาจเปิดเผยได้ว่า ศิษย์พี่เจ้าสำนักของเขาคือ หลี่ฉางโซ่ว ศิษย์ของสำนักตู้เซียนแล้ว เขาก็ไม่ได้ปิดบังอะไรอีกเลย ทั้งหมดนั้นล้วนเป็นคำพูดที่จริงใจของอ๋าวอี่…

เขากล่าวว่า “ท่านอาจารย์อา ศิษย์พี่เจ้าสำนักของข้านั้น สง่างาม เป็นกันเอง เปี่ยมด้วยสติปัญญาและปฏิภาณไหวพริบ ทว่าข้าไม่รู้ว่า ศิษย์พี่เจ้าสำนักโปรดปรานสิ่งใด ศิษย์พี่เจ้าสำนักของข้าเป็นคนซื่อตรงและทรงคุณธรรม เขาเก่งกาจในศาสตร์การทหาร และวางแผนกลยุทธ์ต่างๆ เขามีบุญคุณช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ ให้กับเผ่าพันธุ์มังกรมามากมายหลายครั้งแล้ว ความจริงแล้ว มิใช่ท่านเพียงคนเดียวที่อยากรู้ถึงความชื่นชอบของท่านเจ้าสำนักของข้า ข้าเองก็เคยถูกพระบิดาของข้าถามเช่นนี้มาก่อน พระมารดาของข้าก็อยากมอบสมบัติทุกประเภทและเคหาสน์ถ้ำของสาวใช้ให้เขา แต่ข้าห้ามนางเอาไว้ ท่านเจ้าสำนักเทพทะเลเป็นบุรุษผู้สูงส่งสง่างาม แล้วจะให้เขาแปดเปื้อนมลทินด้วยสิ่งโสมมเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?”

ในเวลานั้น อ๋าวอี่ก็เห็น… ท่านอาจารย์เซียนใหญ่อู้หยุนยิ้มพลางลูบเคราและพยักหน้าเบาๆ ให้เมื่อได้ยินคำตอบของเขา

ท่านอาจารย์อาของเขา เทพธิดาอวิ๋นเซียวก็แย้มยิ้มราวกับพึงพอใจในคำตอบของเขามากเช่นกัน

อาจารย์ของเขาเอ่ยถามอีกครั้งว่า “โดยทั่วไปแล้ว ศิษย์พี่เจ้าสำนักของเจ้าใช้พลังเวทและเครื่องมือเวทอะไรบ้าง?”

อ๋าวอี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “เจ้าสำนักไม่ได้ฝึกฝนมานาน แต่เขาได้รับการชื่นชมยกย่องอย่างสูงจนได้รับมอบหมายงานสำคัญจากปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินตั้งแต่ยังเยาว์วัย เขาเก่งกาจในเรื่องค่ายกล และเคยใช้ค่ายกลเพื่อดักจับ… เหล่าปรมาจารย์ที่มีระดับพลังปราณสูงกว่าเขาหลายเท่า เขามีพรสวรรค์ในเต๋าด้านนี้อย่างมาก และยังเชี่ยวชาญในการหลบหนี ทั้งยังได้สั่งสอนเหล่าศิษย์ของเขาให้ปรับปรุงวิชาหลีกลี้วารีเร้นกายและหลีกลี้ทะลุมิติ เขามีความเข้าใจลึกซึ้งมากจนแม้แต่ปรมาจารย์เผ่ามังกรก็ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้! นอกจากนั้น เจ้าสำนักของข้ายังเป็นเลิศในด้านดนตรี การเดินหมาก การลงอักษรและการวาดภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะการวาดภาพของเขาสุดแสนอัศจรรย์ยิ่งขอรับ!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ท่านอาจารย์ของเขาก็ยิ้มและเอ่ยว่าเขากล่าวเกินจริงและกำลังคุยโม้โอ้อวดถึงเจ้าสำนักของเขา

ไฉนถึงคิดว่าข้าโม้เล่า?

ข้าประจักษ์ชัดมาด้วยตาของข้าเองเชียวนะ!

แน่นอนว่า อ๋าวอี่ไม่อาจขัดแย้งและไม่กล้าโต้เถียงกับท่านอาจารย์ของเขา จึงกล่าวได้เพียงว่า “ข้าคิดว่า เจ้าสำนักของข้าน่าจะเป็นผู้ที่มีความสามารถและเลิศล้ำพรสวรรค์ในการประพันธ์บทกวี…มากที่สุดในหมู่มวลมนุษย์

แล้วจากนั้น เขาก็ถูกท่านอาจารย์ของเขาจับโยนออกไปจากถ้ำทันที…

ข้าพูดเกินจริงไปหรือไม่?

ข้าพูดความจริงชัดๆ นะ!

แม้เผ่าพันธุ์มังกรของเขาจะทะนงตนและหยิ่งยโส แต่ก็ไม่ค่อยโอ้อวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพี่ชายของเขาเป็นมนุษย์ ลองคิดถึงคำเหล่านี้ดีๆ แล้ว ข้าคงไม่ได้เปิดเผยข้อมูลใดๆ ออกไปใช่หรือไม่?

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง อ๋าวอี่ก็นึกถึงบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาได้อีกครั้ง และอดจะบ่นพึมพำกับตัวเองไม่ได้…

ในอีกครึ่งเดือน เขาจะพาซือซือ[2]ไปที่สำนักตู้เซียนเพื่อโอภาปราศรัยกับท่านเจ้าสำนัก คงจะดีไม่น้อยหากเขารู้ความชอบของท่านเจ้าสำนัก และเตรียมของขวัญจากเผ่ามังกรไปให้ท่านเจ้าสำนัก นั่นจะไม่ใช่เรื่องสุดวิเศษหรอกหรือ?

ท่านเจ้าสำนักชื่นชอบอะไรนะ?

“แต่ข้าก็เอ่ยถามออกไปตรงๆ ไม่ได้”

อ๋าวอี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและจดจำเรื่องนั้นไว้ในใจ จากนั้นจึงรีบออกจากเกาะเต่าทองไปพบกับเหล่าปรมาจารย์มังกรสองสามคนก่อนที่จะรีบกลับไปที่วังมังกรทะเลบูรพา

การมอบของขวัญให้ศิษย์พี่เจ้าสำนัก ช่างเป็นเรื่องยากยิ่งจริงๆ

“อา เหตุใดท่านยังคงยากจนนักหลังจากโกงสมบัตินับร้อยมาจากเผ่ามังกรได้?”

……………………………………………………………….

[1] ฉายาของอ๋าวอี่ ออกในทำนองว่าเป็นคนใสซื่อออกแนวโง่งม และเหมือนคนไร้ตัวตนจนถูกผู้อื่นลืมเลือนไป หรือเป็นคนที่ไม่อยู่ในสายตา และไม่เป็นที่สนใจของผู้อื่น

[2] หมายถึงคู่หมั้นของอ๋าวอี่ องค์หญิงน้อยเผ่าเงือก