“อุก…”
เมื่อเฉินฮวนฮวนเห็นภาพนี้ เธอคลื่นไส้ขึ้นมาเลยทีเดียว
เธอยืนขึ้นทันที แล้วพุ่งไปที่หน้าประตู ขณะที่เธอกำลังเปิดประตู เธอกล่าวกับหลินอวี่หยางว่า “หยางหยาง ตรงนี้ส่งต่อให้เธอเลยแล้วกัน ฉันจะไปเข้าห้องน้ำ”
เมื่อพูดจบ เฉินฮวนฮวนปิดปากวิ่งออกไป
เมื่อมาถึงอ่างล้างมือในห้องน้ำหญิง เฉินฮวนฮวนกลั้นเอาไว้ไม่อยู่จริงๆ เศษอาหารของเมื่อคืนถูกอาเจียนออกมาจนหมด
เธอไม่มีความอยากอาหารอะไรเลย หลังจากผ่านเรื่องราวของหลี่เหมยมาอีกครั้ง วันนี้ทั้งวันเธออาจจะกินอะไรไม่ลงแล้ว เธอคลื่นไส้จนรู้สึกทรมาน
หลังจากอาเจียนเสร็จ เฉินฮวนฮวนเดินโซเซกลับมาที่โต๊ะอาหารที่อยู่บริเวณด้านหน้า เธอนั่งลงบนเก้าอี้ และมองเนื้อสดแต่ละจาน เธออดทนต่อความอยากอาเจียน
อย่างไร หากอาเจียนอีกรอบก็มีเพียงน้ำย่อยเท่านั้น แม้แต่เศษอาหารก็ไม่มีแล้ว
เมื่อเห็นว่าเวลาผ่านไปกว่าสิบนาทีแล้ว เฉินฮวนฮวนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แล้วโทรหาหลินอวี่หยาง
แม้ว่าทั้งสองคนจะอยู่ในร้านปิ้งย่างแห่งนี้ ทว่าเฉินฮวนฮวนไม่อยากไปห้องทำงานของผู้จัดการ เพราะว่าเธอนึกถึงเครื่องดื่มขวดนั้นเมื่อสักครู่ เธอไม่สามารถมองมันได้จริงๆ
โทรศัพท์ถูกตัดสายไปทันที ระหว่างที่เฉินฮวนฮวนกำลังงุนงง หลินอวี่หยางเดินเข้ามาแล้ว และดึงแขนของเธอไว้
“ฮวนฮวน ฉันกินปิ้งย่างของที่นี่ไม่ลงแล้ว เราเปลี่ยนที่กันเถอะ” ขณะที่พูด หลินอวี่หยางก็ลากเฉินฮวนฮวนเดินออกไปข้างนอก
หลังจากทั้งสองคนเดินออกไป ทั้งคู่สูดหายใจเข้าลึก
“แม่เจ้า ฉันคลื่นไส้จะแย่แล้ว” ใบหน้าของหลินอวี่หยางย่นเข้าหากันหมดแล้ว
“พวกเธอ…ดื่มแล้วเหรอ” เฉินฮวนฮวนถามอย่างอดไม่ได้
“ดื่มแล้ว ฉันบังคับให้ดื่มจนเกลี้ยงเลย” เมื่อหลินอวี่หยางพูดจบ เธอปิดปากตัวเองอย่างเงียบๆ
เฉินฮวนฮวนก็รีบปิดปากไว้เช่นกัน เธอกังวลว่าตัวเองจะอาเจียนอีกครั้ง
“นี่คือสิ่งที่พวกเธอสมควรได้รับ ต้องสั่งสอนแบบนี้แหละ ไม่งั้นก็ไม่รู้จักเข็ดจำ” หลินอวี่หยางกล่าวอย่างดุเดือด
เฉินฮวนฮวนก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย และกล่าวว่า “หยางหยาง เธอทำได้ดีมาก คราวหน้าฉันจะเรียนรู้จากเธอ”
“อย่าเลย ฮวนฮวน ถ่มน้ำลายแบบนี้ไม่เหมาะกับเธอหรอก” หลินอวี่หยางรีบโบกมือไปมา
เฉินฮวนฮวนรู้สึกขบขันทันที เธอรีบอธิบายว่า “ฉันไม่ได้บอกว่าจะเรียนเรื่องนี้ ฉันหมายถึง…ตอนลงโทษคนอื่น ต้องอย่าใจกว้างเกินไป”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฉันคิดว่าเธออยากเรียนสูบบุหรี่ถ่มน้ำลายจากฉันซะอีก!” หลินอวี่หยางหัวเราะออกมาเสียงดัง
“แต่พูดตามตรงนะ หยางหยาง ท่าสูบบุหรี่ของเธอเท่มากเลย แล้วก็ท่าถ่มน้ำลายท่านี้…” เฉินฮวนฮวนจงใจล้อเลียน
“ฮวนฮวน จริงๆ แล้วฉันไม่ได้ทุเรศขนาดนี้นะ เมื่อก่อนฉันไม่เคยทำเรื่องแบบนี้หรอก วันนี้ฉันแค่อยากประจานยัยหลี่เหมยนั่นโดยเฉพาะ ใครใช้ให้ฉันกินน้ำลายของหล่อนล่ะ!” หลินอวี่หยางอธิบายอย่างฉะฉานมีเหตุผล
“ฉันรู้” เฉินฮวนฮวนรู้อยู่แล้ว ปกติหลินอวี่หยางจะไม่ทำเรื่องน่ารังเกียจเช่นนี้
“เธอไม่รังเกียจฉันก็พอ” หลินอวี่หยางเกาศีรษะอย่างขัดเขิน
เฉินฮวนฮวนหัวเราะขึ้นมาอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะกล่าวหยอกล้อ “ฉันไม่รังเกียจเธออยู่แล้ว ยังไงพวกเราก็เป็นมิตรภาพที่เชื่อมต่อกันด้วยไม้ถูพื้นห้องน้ำ~”
“อ๊า! ฮวนฮวน เธอนิสัยเสียเกินไปแล้ว! ฉันน่าสงสารขนาดนี้ เธอยังสะกิดแผลใจฉัน…” หลินอวี่หยางแสร้งทำท่าร้องไห้พลางกล่าวอย่างเสียอกเสียใจ “ฉันน่าสงสารจัง!”
“เพื่อชดเชยจิตใจอันบอบช้ำของเธอ วันนี้เธออยากเล่นอะไรกินอะไร ฉันจะอยู่กับเธอ” เฉินฮวนฮวนหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างอดไม่ได้ เธอรู้สึกว่าหลินอวี่หยางช่างดูตลกเหลือเกิน
“กิน? อย่าพูดเรื่องกินกับฉัน ตอนนี้ฉันกินอะไรไม่ลงทั้งนั้นแหละ” หลินอวี่หยางกุมหน้าอกตัวเอง และกล่าวว่า “ถึงฉันจะหิวมาก แต่ฉันต้องพักหน่อย เดี๋ยวค่อยกิน”
“โอเค ได้หมด” เฉินฮวนฮวนตอบโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย เพราะว่าเธอก็ไม่อยากกินอะไรตอนนี้เหมือนกัน
หลินอวี่หยางก้มลงมองกระโปรงที่เปื้อนคราบน้ำส้มของเฉินฮวนฮวนเล็กน้อย จากนั้นเธอก็ยิ้มพร้อมกับกลอกตาไปมา และเอ่ยขึ้นทันที “ฮวนฮวน ฉันจะพาเธอไปซื้อเสื้อผ้า ตอนเย็นเราไปเที่ยวผับกัน ชุดนี้ของเธอไม่เหมาะ แถมยังสกปรกอีก ได้โอกาสเปลี่ยนชุดพอดีเลย”
“หะ? ไปผับ?” เฉินฮวนฮวนตกตะลึงไปครู่หนึ่ง
หลินอวี่หยางไม่เคยพูดเรื่องนี้กับเธอ เพียงบอกจะพาเธอออกมาเที่ยว เฉินฮวนฮวนเพียงคิดว่าเป็นการช้อปปิ้งดูหนังตามปกติ
“ใช่ กว่าการฝึกอบรมจะจบลง เราต้องสนุกกันหน่อย ฉันจะเรียกเพื่อนมาสองสามคน พวกเราไม่เมาด้วยกันไม่กลับ!” เมื่อหลินอวี่หยางกล่าวสาบานอย่างหนักแน่นจบ เธอก็ลากเฉินฮวนฮวนเดินมุ่งไปข้างหน้า
ครั้งนี้เฉินฮวนฮวนค่อนข้างสับสน เวลานี้ปฏิเสธหลินอวี่หยางก็ไม่ดี ทว่าเธอไม่ได้ชอบไปผับมากขนาดนั้น ยิ่งตอนนี้เธอแต่งงานด้วยแล้ว หากเธอไปเที่ยวสนุกในผับ เฟิงหานชวนจะโกรธไหม
หลินอวี่หยางเดินไปไม่กี่ก้าว เมื่อหันกลับมาเห็นว่าเฉินฮวนฮวนกำลังยืนเหม่อลอย เธอจึงหยุดฝีเท้าลง และถามขึ้นว่า “ฮวนฮวน เธอไม่อยากไปผับเหรอ จริงๆ แล้วผับก็ไม่ได้วุ่นวาย ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอก ก็แค่สถานที่ที่มีความคึกคักมีสีสันหน่อย เธอไปกับฉันนะ~~~”
ขณะที่พูด หลินอวี่หยางก็เขย่าแขนของเฉินฮวนฮวน และขอร้องให้เธอไปอย่างออดอ้อน
“หยางหยาง ฉันต้องบอกเฟิงหานชวนก่อน” เฉินฮวนฮวนเกาศีรษะด้วยความลังเลเล็กน้อย
หากเธอไม่บอกอะไรสักคำ แล้วไปผับกับหลินอวี่หยางเลย ดูเหมือนจะไม่รักษาจารีตประเพณีที่ผู้หญิงพึงปฏิบัติไปหน่อย
“อ่า ใช่สิ จบกันจบกัน ฉันลืมคุณอาเฟิงไปเลย แต่ว่า เราก็ไปเที่ยวที่โรงแรมพอยเซินสิ คุณอาเฟิงต้องไม่ว่าอะไรแน่ งั้นเธอก็โทรหาเขาเถอะ”
เมื่อหลินอวี่หยางเอ่ยถึงเฟิงหานชวน เธอก็กลัวแล้ว มือไม้อ่อนไปหมด เธอเอาแต่เกาศีรษะ เกาแขน แล้วก็เกาขาไปมา
“โอเค งั้นฉันจะโทรหาเขาก่อน” เฉินฮวนฮวนพยักหน้า แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋าใบเล็ก
……
Rกรุ๊ป
สำนักงานชั้นบนสุด
ประกายแดดส่องผ่านหน้าต่างสูงจรดเพดาน สาดส่องลงมาในพื้นที่ขนาดใหญ่ ทำให้ภายในห้องดูสวยงามมีชีวิตชีวา
ชายหนุ่มนั่งบนเก้าอี้สำนักงานด้วยท่าทางเหนื่อยหน่าย ริมฝีปากบางขยับเล็กน้อย และกล่าวอย่างราบเรียบ “พี่อยากทำยังไงก็ทำเถอะ”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ น้ำเสียงกังวลดังออกมาจากโทรศัพท์ “หานชวน ตอนนี้พนักงานของอวิ๋นตวนทั้งหมดต่างพูดกันว่า หลานสาวของนายทำตัวอันธพาลเหมือนบ้านเมืองไม่มีขื่อมีแป แถมยังบังคับให้พนักงานดื่มเสมหะอีก ทำคนอื่นแตกตื่นกันไปหมด มันส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของห้างอวิ๋นตวนอย่างร้ายแรงแล้วนะ”
“พี่ใหญ่ ผมเพิ่งพูดไป พี่ฟังไม่เข้าใจหรือไง” เสียงของชายหนุ่มเย็นเยือกลงเล็กน้อย
“เข้าใจ ฉันเข้าใจทุกอย่าง ฉันรู้ว่านายรักเฉินฮวนฮวน ฉันก็ไม่ได้อะไรกับเธอหรอก แค่อยากให้นายบอกเธอหน่อย คราวหน้าเก็บอารมณ์หน่อย นี่ไม่ใช่แค่ภาพลักษณ์ของอวิ๋นตวน แต่ยังเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของตระกูลเฟิงด้วย ยังไงเธอก็ขึ้นชื่อว่าเป็นหลานสาวของนาย” เฟิงเจิ้งหมิงก็นั่งคุยโทรศัพท์ในสำนักงานเช่นเดียวกัน ทว่าใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความยุ่งยากลำบากใจ ดูเหมือนจะไม่สบายใจเป็นอย่างมาก แต่เขาไม่กล้าตำหนิอะไรมากนัก
เดิมทีเขาคิดว่าเฉินฮวนฮวนเป็นเด็กดีคนหนึ่ง ดูเหมือนว่าไม่มีพิษภัย เขาไม่รู้ว่าเพิ่งรับประทานมื้อค่ำกับครอบครัวเมื่อคืนนี้ วันต่อมาเขาก็โดนตบหน้าเสียแล้ว
แถมยังให้พนักงานคนนั้นดื่มเสมหะดื่มน้ำลายอีก เมื่อเฟิงเจิ้งหมิงมองแก้วน้ำที่อยู่ตรงหน้า เขาก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมา
“งั้นพี่บอกพวกเขาก็ได้ว่า ฮวนฮวนไม่ใช่หลานสาวของผม แต่เป็นภรรยาของผมเฟิงหานชวน” ใบหน้าของเฟิงหานชวนอึมครึม น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย
“ไม่ใช่ หานชวน ปัญหาตอนนี้ไม่ใช่ว่าเฉินฮวนฮวนเป็นหลานสาวของนายหรือว่าเป็นภรรยาของนาย ไม่ว่าจะเป็นหลานสาวหรือภรรยาของนาย มันแสดงถึงภาพลักษณ์ของตระกูลเฟิงทั้งนั้น นี่ตอนนี้…” เฟิงเจิ้งหมิงกำลังปวดหัวจริงๆ
นัยน์ตาของเฟิงหานชวนดำมืดลงเล็กน้อย เสียงเย็นชาของเขาแฝงไว้ด้วยคำขู่ “พี่ใหญ่ อย่าลืมว่าตอนนี้ห้างอวิ๋นตวนรุ่งเรืองได้ เป็นผลงานของใคร”
เมื่อกล่าวเช่นนี้ออกมา เฟิงเจิ้งหมิงถึงกับพูดอะไรไม่ออก
เฟิงหานชวนคร้านจะพูดอะไรมากนัก เขาวางสายลงทันที
หลังจากวางโทรศัพท์มือถือไว้ด้านข้าง เขากำลังจะอ่านเอกสาร โทรศัพท์มือถือก็สั่นอีกครั้ง
เดิมทีเขาคิดว่าเฟิงเจิ้งหมิงโทรมาอีกครั้ง เฟิงหานชวนจึงไม่อยากรับสาย ทว่าเมื่อเขาจะตัดสายทิ้ง เขากลับเห็นว่าชื่อผู้โทรเข้ามาคือ “ภรรยา”
เฟิงหานชวนรีบวางปากกาลง เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แล้วกดรับสายทันที
“อาหาน คุณยุ่งอยู่หรือเปล่า” น้ำเสียงระแวดระวังของหญิงสาวดังเข้ามาจากปลายสายอีกด้านของโทรศัพท์
“ไม่ยุ่ง มีอะไรเหรอ” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนเหมือนจะอ่อนโยนขึ้นมาก
“ไม่ ไม่มีอะไร ฉันแค่จะอยากบอกคุณสักหน่อย ฉัน…ฉันจะไปเที่ยวที่พอยเซินกับหยางหยางตอนเย็นได้ไหม” เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ก่อนจะถามความเห็นจากเขา
เมื่อได้ยินภาษาอังกฤษคำนั้น ใบหน้าของเฟิงหานชวนมืดครึ้มลงทันที เขานึกถึงภาพที่เฉินฮวนฮวนเต้นในโรงแรมพอยเซินวันนั้นทันที
ยิ่งไปกว่านั้น ท่าทางคลั่งไคล้ผู้ชายที่อยู่ด้านล่างเวทีเหล่านั้น ทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก
“ไม่ได้” เฟิงหานชวนแทบไม่ได้คิด เขาปฏิเสธทันที และกล่าวกำชับว่า “ไปช้อปปิ้งตอนกลางวันได้ แต่ตอนเย็นกลับเร็วหน่อย”
เมื่อได้ยินคำปฏิเสธของเฟิงหานชวน เฉินฮวนฮวนก็แสดงท่าทีผิดหวัง
เมื่อหลินอวี่หยางเห็น เธอถามเฉินฮวนฮวนแบบไม่ออกเสียง “คุณอาเฟิงของเธอไม่อนุญาต?”
เฉินฮวนฮวนพยักหน้า
“ทำไมคุณอาเฟิงทำแบบนี้! เธอไม่ใช่ทั้งเด็ก ไม่ใช่ทั้งลูกสาวของเขา ทำไมออกไปเที่ยวผับไม่ได้” หลินอวี่หยางกังวล เธอจงใจกล่าวอย่างมีเจตนาแอบแฝงอยู่ข้างๆ “อีกอย่าง เขาไม่ยอมให้เธอไปเที่ยวผับ เพราะเขาไม่เชื่อใจเธอ”