เมื่อเห็นหลินอวี่หยางพูดเสียงดัง เฉินฮวนฮวนก็รีบโบกมือไปมาทันที เธอไม่อยากพูดต่อ แบบนี้เฟิงหานชวนต้องได้ยินอย่างแน่นอน
“หลินอวี่หยางรบเร้าให้คุณไปไนต์คลับใช่ไหม?” เฟิงหานชวนพูดด้วยสุ้มเสียงที่เย็นเยียบ
เฉินฮวนฮวนรู้จักนิสัยของเฟิงหานชวนดี ความเย็นชาและความโหดร้ายมันฝั่งลึกในกระดูก และดูเหมือนเขาจะดูอ่อนโยนแค่ตอนที่อยู่ต่อหน้าตัวเองเท่านั้น
ดังนั้น เฉินฮวนฮวนจึงเป็นห่วงกลัวว่าเฟิงหานชวนว่าจะพาลโกรธใส่หลินอวี่หยาง จึงรีบอธิบายว่า : “ถ้าฉันอยากไปเที่ยวกับหยางหยาง ไม่ใช่เพราะเธอมารบเร้าฉันหรอก”
“ให้กินน้ำลาย ไม่ใช่ความตั้งใจของเธอเหรอ?” เฟิงหานชวนแสยะยิ้มเย็นชา
“กินน้ำลาย?” เฉินฮวนฮวนอึ้งงันไป ก่อนจะรีบถามกลับไปว่า : “อาหาน คุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไง? คุณก็อยู่ห้างอวิ๋นตวนด้วยเหรอคะ?”
“หลินอวี่หยางดีกับคุณมาก แต่คนนิสัยไม่ดีอย่างเธอจะสอนเรื่องเลวทรามให้กับคุณ” เฟิงหานชวนนวดสันจมูกเล็กน้อยด้วยอาการปวดหัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ก่อนหน้านั้นก็เห็นอยู่ว่าเฉินฮวนฮวนเป็นผู้หญิงที่เชื่อฟังมาตลอด หลังจากที่เจอกับหลินอวี่หยาง นิสัยก็ค่อย ๆ แย่ลงเรื่อย ๆ
ดั่งสุภาษิตที่ว่า คนใกล้ชาดแดง คนใกล้หมึกดำ อยู่ในสังคมแบบไหนก็จะเป็นแบบนั้น ตอนนี้เฟิงหานชวนจนปัญญามาก
“ไม่ใช่นะ อาหาน คุณไม่เข้าใจสถานการณ์ ถ้าหยางหยางไม่อยู่ ฉันไม่มีวันปล่อยพวกเธอไปหรอก” เฉินฮวนฮวนรีบแก้ตัวให้หลินอวี่หยางทันที ถึงอย่างไรหลินอวี่หยางก็เป็นเพื่อนที่ดีของเธอ เธอไม่อยากให้เฟิงหานชวนเข้าใจหลินอวี่หยางผิดไป
เมื่อพูดถึงตัวเอง หลินอวี่หยางที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดออกไปตรง ๆ ว่า : “อาเฟิง เรื่องกินน้ำลายอะไรนั้น เป็นความผิดของฉันเอง ไม่เกี่ยวกับฮวนฮวน! อีกอย่างฉันก็ปกป้องฮวนฮวนได้ ถ้าคุณให้เธอไปเที่ยวกลางคืนกันฉัน! ฉันจะพาคนขับรถไปด้วย รับรองเลยว่าจะพาเธอไปส่งที่บ้านตระกูลเฟิงอย่างปลอดภัยแน่นอน”
“หลินอวี่หยาง บทเรียนจากครั้งที่แล้วยังไม่พออีกเหรอ?” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนนั้นเย็นเยียบอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
บทเรียนที่เขาพูดถึง ก็คือภาพของเขาและหลีซืออวิ๋นที่หลินเจี้ยนกั๋วถ่ายได้ หลังจากที่หลินอวี่หยางให้เฉินฮวนฮวนดู ก็สร้างความเข้าใจผิดให้กับเขาและเฉินฮวนฮวนอย่างมาก
ตอนแรกที่เห็นหลินอวี่หยางทำดีกับเฉินฮวนฮวน เขาก็ตั้งใจจะไม่ฟื้นฝอยหาตะเข็บแล้ว แต่นิสัยไม่ดีของหลินอวี่หยางในตอนนี้ได้ถูกส่งต่อมาถึงตัวของเฉินฮวนฮวนมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
“เอ่อ อาเฟิงคะ ครั้งที่แล้วฉันได้อธิบายให้คุณฟังไปแล้ว มันเป็นอุบัติเหตุ ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าคุณเป็นสามีของเฉินฮวนฮวน” หลินอวี่หยางยังคงไร้ยางอายพูดต่อว่า : “อีกอย่าง ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคุยเรื่องนี้ เรามาคุยเรื่องที่ฮวนฮวนจะไปโรงแรมพอยเซินกับฉันในตอนกลางคืนดีกว่า ฉันรู้สึกว่า……”
“สั้น ๆ ผมไม่อนุญาต” ยังไม่ทันรอให้หลินอวี่หยางพูดจบ เฟิงหานชวนก็ปฏิเสธออกไปตรง ๆ ทันที
“ไม่ได้ อาเฟิง คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้ นี่คุณกำลังควบคุมฮวนฮวนแล้ว หลังจากที่ฮวนฮวนแต่งงานกับคุณ แม้แต่จะไปเที่ยวกลางคืนกับเพื่อนก็ไม่ได้เลยเหรอ?”
หลินอวี่หยางยกมือขึ้นมาเท้าเอว ด้วยท่าทางไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น จากนั้นก็ตำหนิกลับไปด้วยความโกรธดุดัน : “คุณทำแบบนี้ เพราะอยากให้ฮวนฮวนรู้สึกว่าคุณไม่เชื่อใจเธองั้นเหรอ?”
“……..” มุมปากของเฟิงหานชวนกระตุกเล็กน้อย ในเวลานี้เขาอยากจะวางสายจริง ๆ
“หลินอวี่หยาง ผมขอเตือนคุณอีกครั้ง อย่าพาฮวนฮวนไปสร้างปัญหา” เขาพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ พยายามระงับอารมณ์โกรธเอาไว้
เมื่อหลินอวี่หยางเห็นว่าเฟิงหานชวนมีทิฐิสูง และกำลังโกรธ ในตอนที่เธอกำลังจะตัดใจนั้น เฉินฮวนฮวนก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า : “อาหาน คุณไม่เชื่อใจฉันจริง ๆ เหรอคะ? คุณคิดว่าฉันจะไปยุ่งกับผู้ชายคนอื่นลับหลังคุณเหรอ?”
“ไม่ใช่แน่นอน ฮวนฮวน ผมแค่ไม่อยากให้คุณไปในสถานที่ที่ไม่ดีเหล่านั้นต่างหาก” เฟิงหานชวนรีบอธิบายทันที ด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความร้อนใจ
เขาเป็นห่วงเพราะการใส่ไฟของหลินอวี่หยาง ทำให้เฉินฮวนฮวนเข้าใจเขาผิด ตอนนี้เขาอยากจะบีบคอหลินอวี่หยางให้ตายคามือด้วยซ้ำ
“อื้อ………” น้ำเสียงของเฉินฮวนฮวนนั้นอู้อี้เล็กน้อย ถึงแม้จะตอบเพียงสั้น ๆ แต่ก็ฟังออกว่าไม่พอใจ
“ฮวนฮวน ผมไม่ได้ไม่เชื่อใจคุณนะ” เฟิงหานชวนร้อนใจ และรีบถามขึ้นว่า : “ตอนนี้คุณอยู่ห้างอวิ๋นตวนใช่ไหม? ผมจะไปหาคุณ”
“อย่า คุณอย่ามานะคะ ฉันกำลังเดินเล่นชอปปิงอยู่กับหลินอวี่หยาง ผู้ชายตัวใหญ่อย่างคุณจะมาทำไหมคะ?” เฉินฮวนฮวนปฏิเสธทันที จากนั้นก็พูดเสริมอีกว่า : “เดี๋ยวฉันเดินชอปปิงเสร็จฉันจะกลับเลย แค่นี้นะคะ”
น้ำเสียงของเธอยังคงอู้อี้อยู่เล็กน้อย ด้วยท่าทางไม่พอใจเอามาก ๆ ยังไม่ทันรอให้เฟิงหานชวนตอบกลับ เฉินฮวนฮวนก็ตัดสายไป
เมื่อเห็นภาพนี้ หลินอวี่หยางก็เกิดความผิดหวัง เธอพูดเหมือนจะร้องไห้ว่า : “ฮวนฮวน เราไปเที่ยวกลางคืนไม่ได้จริง ๆ เหรอ เกินไปแล้วนะ! ทำไมเฟิงหานชวนถึงเป็นแบบนี้! เขากำลังจำกัดอิสระของคุณอยู่นะ!”
เฉินฮวนฮวนไม่พูดอะไร ได้แต่มองหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองอยู่เงียบ ๆ ทันใดนั้น หน้าจอสีดำก็สว่างขึ้นฉับพลัน ตามมาด้วยเสียงเรียกเขา พร้อมกับชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอว่าอาสาม
เธอรีบยิ้มกว้างด้วยความดีใจทันที ก่อนจะยกมือขึ้นมาแตะปากพร้อมกับส่งเสียง “ชู่ว์” จากนั้นก็รับกดรับสายทันที
“อาหาน คุณมีอะไรอีก?” เธอยังคงใช้น้ำเสียงไม่พอใจ
“ฮวนฮวน ผมยอมให้คุณไปก็ได้ แต่ต้องดูแลตัวให้ดี ๆ ด้วย” เฟิงหานชวนนวดสันจมูก พร้อมกับพูดอย่างจนปัญญา
เขาต้องพยายามประนีประนอม ไม่อย่างนั้นเด็กสาวคนนี้ต้องไม่พอใจแน่ ๆ สุดท้ายความซวยจะมาตกอยู่ที่ตัวเขาเอง
เฉินฮวนฮวนเม้มปากเล็กน้อย พยายามที่จะหุบยิ้ม แล้วถามกลับไปด้วยเสียงที่อ่อนโยนอีกครั้งว่า : “อาหาน คุณยอมให้ฉันไปจริง ๆ แล้วใช่ไหม?”
“ผมยอมแล้ว” ถึงแม้ว่าเสียงของผู้ชายจะหนักแน่นก็ตาม แต่ในใจกลับไม่เต็มใจแต่อย่างใด
“ขอบคุณนะคะสามี รักคุณนะ แค่นี้นะ บ๊ายบาย” เฉินฮวนฮวนพูดออดอ้อนจบ ก็รีบกดวางสายไปในทันที
สุ้มเสียงที่เรียกว่าสามีเมื่อสักครู่นั้นทำให้กระดูกของเฟิงหานชวนอ่อนระทวยลงทันที เขาอยากจะได้ยินมากกว่านี้ เฉินฮวนฮวนกลับรีบตัดสายไปเสียก่อน
เขาวางโทรศัพท์ลง แต่จู่ ๆ ก็ตระหนักได้ถึงปัญหาอย่างหนึ่ง เขาถูกเฉินฮวนฮวนหลอกแล้ว?
หรือว่าเมื่อสักครู่นี้เฉินฮวนฮวนจะใช้กลอุบายหลอกให้เขาตายใจ?
สีหน้าของเฟิงหานชวนเคร่งขรึมลงในทันที ดูท่าทางบทเรียนของเมื่อคืนจะไม่พอเสียแล้ว คืนนี้เขาต้องลงโทษผู้หญิงคนนี้ให้สาสมอีกครั้ง
“ขอบคุณนะคะสามี รักคุณนะ …..แหวะ ไม่ไหว ฉันจะอ้วก ……” หลินอวี่หยางเลียนแบบเสียงของเฉินฮวนฮวนไปพลางแกล้งทำท่าอ้วกไปพลาง
เฉินฮวนฮวนจีไปบนไหล่ของเธอด้วยความโกรธ ก่อนจะกะพริบตาปริบ ๆ และพูดว่า : “หยางหยาง ถ้าฉันไม่พูดแบบนี้ เฟิงหานชวนจะยอมให้ฉันไปโรงแรมพอยเซินกับคุณไหม?”
“ใช่ ๆ คุณนี่เก่งจริง ๆ เลยนะบีบอาเฟิงของพวกคุณให้กลายเป็นลูกไก่ในกำมือได้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนละก็ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเฟิงหานชวนจะมีวันนี้!” หลินอวี่หยางทอดถอนใจ และตื่นตกใจในเวลาเดียวกัน
ภาพความประทับใจแรกก่อนหน้านั้นของเธอ เฟิงหานชวนคือพวกอสูรอะไรทำนองนั้น น่ากลัว จนไม่มีใครสามารถสงบนิ่งเวลาอยู่ต่อหน้าเขาได้
ทว่า วันนี้เธอตระหนักได้แล้วจริง ๆ ทำไมเฉินฮวนฮวนถึงต้องออดอ้อนต่อหน้าของเฟิงหานชวน
“แต่ เพื่อจะได้ไปโรงแรมพอยเซินกับคุณในวันนี้ ฉันคิดว่าฉันเอาชีวิตไปเสี่ยงอันตรายมากเลยนะ” เฉินฮวนฮวนที่เพิ่งจะอวดเก่งอยู่เมื่อสักครู่ แต่เมื่อคิดย้อนกลับไป ก็หมดเรี่ยวแรงลงในทันที
“เอาชีวิตไปเสี่ยงอันตราย???” หลินอวี่หยางเบิกตากว้าง พร้อมกับปิดปาก และถามขึ้นด้วยความตกใจว่า : “หรือว่า…….หรือว่าเฟิงหานชวนจะโกรธ?”
“เหอะ ไม่ใช่แน่นอน ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ เราไปเดินชอปปิงต่อดีกว่า” เฉินฮวนฮวนรีบโบกมือปฏิเสธทันที ถึงในใจจะคิด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ถึงขนาดเอาชีวิตไปเสี่ยงอันตราย จริง ๆ แล้วก็เป็นเพียงแค่การเปรียบเทียบของเฉินฮวนฮวนเท่านั้น ถึงอย่างไรเรื่องที่ทำให้หน้าแดงหัวใจเต้นระรัวเหล่านั้น ก็ถือเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตอยู่แล้ว
ถ้าหัวใจเธอเต้นรัวเร็วมากกว่านี้ หัวใจวายตายขึ้นมา จะทำยังไง?
เมื่อคิดอย่างละเอียดแล้ว ก็พบว่าเธอเป็นคนก่อเรื่องเองทั้งสิ้น ถ้าเมื่อคืนเธอไม่ได้ยั่วโมโหเฟิงหานชวน ก็คงจะไม่มีเรื่องที่น่าอายแบบนั้นตามมา
เฉินฮวนฮวนเช็ดหน้าอยู่เงียบ ๆ สิ่งที่เรียกว่าหาเรื่องใส่ตัว คงจะเป็นแบบนี้สินะ เธอได้เรียนรู้ประสบการณ์ด้วยตัวเองแล้วจริง ๆ
เมื่อเห็นเฉินฮวนฮวนแสดงท่าทางแปลกไป สีหน้าของหลินอวี่หยางก็แย่ลงในทันที ก่อนจะรีบพูดว่า : “ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร แต่ฉันเหมือนจะหิวแล้ว พูดเรื่องนั้นจนน้ำลายแห้งหมดแล้ว ฉันพาคุณไปซื้อเสื้อผ้าก่อน จากนั้นเราค่อยไปหาร้านใหม่ ๆ ทานกันดีกว่า”
“ได้เลย ~” เฉินฮวนฮวนตอบรับ
……
ผ่านไปสักพัก หลินอวี่หยางพาเฉินฮวนฮวนเข้าไปในร้านแบรนด์เนมร้านหนึ่ง
นี่เป็นร้านแบรนด์เนมของผู้หญิง เป็นของแบรนด์เนมที่ค่อนข้างทันสมัย แตกต่างจากสไตล์ของแบรนด์วีวี่โดยสิ้นเชิง ซึ่งโน้มไปทางสีธรรมชาติมากกว่า ส่วนแบรนด์วีวี่ให้อารมณ์แบบผู้หญิงที่ดูฉลาด
พนักงานไม่รู้จักเฉินฮวนฮวน แต่เมื่อเห็นเสื้อผ้าที่เฉินฮวนฮวนและหลินอวี่หยางสวมใส่บ่งบอกถึงราคาที่ไม่ธรรมดาเลย ก็รีบเข้ามาต้อนรับด้วยความกระตือรือร้นทันที : “คุณผู้หญิง พวกคุณบังเอิญจังเลยนะคะ ตอนนี้เราจัดกิจกรรมวันครบรอบของทางแบรนด์อยู่พอดี ลดทั้งร้าน คุ้มมากเลยนะคะ!”
เฉินฮวนฮวนกวาดตามองไปรอบ ๆ ร้านโดยคร่าว ๆ ภายในร้านเป็นสินค้าตามฤดูร้อน ทั้งหมดเป็นสไตล์ที่ค่อนข้างร้อนแรงและจัดจ้านมาก ส่วนใหญ่ท่อนบนจะเป็นเสื้อกล้ามโชว์สะดืออะไรประเภทนั้น ส่วนท่อนล่างจะเป็นกระโปรงสั้นหรือไม่ก็กางเกงขาสั้น ถ้าเป็นกระโปรงยาวก็จะเน้นไปในทางโชว์เรียวขาทำนองนั้น
เธอมองไปยังหลินอวี่หยาง ก่อนจะส่ายหน้าอยู่เงียบ ๆ และพูดด้วยเสียงเบา ๆ ว่า : “หยางหยาง เสื้อผ้าร้านนี้ไม่เหมาะกับฉันหรอก”
จริง ๆ แล้วเฉินฮวนฮวนเป็นพวกสไตล์อนุรักษนิยม รวมทั้งชุดกระโปรงที่เธอสวมอยู่บนร่างกายด้วย คอสูง แขนยาว ส่วนด้านล่างเป็นกระโปรงคลุมยาว ห่อตัวเธอมิดจนไม่เห็นอะไร
สิ่งสำคัญก็คือ ตอนนี้ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากใส่เสื้อผ้าเหล่านี้หรอกนะ แต่เธอใส่ไม่ได้ เพราะเธอมีแต่ร่องรอยช้ำ ๆ อยู่เต็มตัวไปหมด ดังนั้นจึงต้องปกปิดไว้จะเปิดเผยสู่ภายนอกไม่ได้
“ใครบอกว่าไม่เหมาะกับคุณเล่า ฉันรู้สึกว่ามันเหมาะกับคุณมาก ๆ เลยต่างหาก คุณเห็นแก่หน้าฉันหน่อยนะ ลองใส่สักชุด! ฉันรู้สึกว่าเวลาคุณใส่เสื้อกล้ามและกางเกงขาสั้นมันดูดีมากเลยทีเดียว!” หลินอวี่หยางเขย่าแขนของเฉินฮวนฮวนเบา ๆ พยายามโน้มน้าวสุดกำลัง
เมื่อพนักงานขายเห็นโอกาส ก็รีบเข้ามาแนะนำด้วยความกระตือรือร้นทันที : “คุณผู้หญิง ดิฉันคิดว่าเพื่อนของคุณพูดถูกนะคะ รูปร่างของคุณดีขนาดนี้ ทำไมถึงได้แต่งตัวอนุรักษนิยมแบบนี้ละคะ? ใส่เสื้อผ้าผู้หญิงแบบนี้ตลอด มันลดสไตล์ของคุณลงเยอะเลยนะคะ ~ มาลองใส่เสื้อผ้าร้านนี้ก่อนก็ได้ ไม่เสียเงิน ถ้าคิดว่ามันไม่เหมาะสม ไม่ซื้อก็ได้ค่ะ คุณน่าจะหาโอกาสลองเสื้อผ้าสไตล์ใหม่ ๆ ให้กับตัวเองบ้างนะคะ”
เป็นพนักงานร้านแบรนด์เนม คำพูดก็ต้องฉะฉาน ประกอบกับการโน้มน้าวของหลินอวี่หยาง เฉินฮวนฮวนจึงรู้สึกว่าตัวเองไม่มีโอกาสที่จะปฏิเสธแล้ว
เมื่อหลินอวี่หยางเห็นเฉินฮวนฮวนไม่ปฏิเสธ ก็รีบหยิบเสื้อกล้ามสีเขียวอะโวคาโดและกางเกงขาสั้นสีขาวอย่างละตัวขึ้นมา จากนั้นก็พูดด้วยความตื่นเต้นว่า : “ฉันมองไม่ผิดแน่ ฮวนฮวนเข้ากับชุดนี้แน่นอน คืนนี้เราจะเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโรงแรม!”
“หยางหยาง ฉัน….” เฉินฮวนฮวนรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย เธออยากจะเล่าถึงสถานการณ์จริง ๆ ของตัวเองให้หลินอวี่หยางได้รับรู้ แต่พนักงานขายก็กำลังจ้องพวกเธอทั้งสองคนอยู่ข้าง ๆ
เธอจึงรับเสื้อผ้าชุดนั้น และพูดแค่ว่า : “หยางหยาง คุณไปห้องลองชุดกับฉันหน่อย”
“ได้เลย ๆ ” หลินอวี่หยางตอบกลับอย่างไม่ลังเล
เฉินฮวนฮวนดึงมือของหลินอวี่หยางไปยังห้องลองชุดทันที และถือโอกาสนี้สลัดพนักงานขายที่ยังคงกระตือรือร้นคนนั้นออกไปด้วย สุดท้ายเธอก็พาตัวเองและหลินอวี่หยางเข้ามาในห้องลองชุดและทำการล็อกประตูในที่สุด
“หยางหยาง ฉันไม่อยากใส่ชุดนี้จริง ๆ นะ เพราะ…..” เฉินฮวนฮวนพยายามกดเสียงให้เสียงให้ต่ำลง
แต่เธอกลับรู้สึกไม่ดีที่จะพูดประโยคหลังออกมา ก็เลยพับแขนเสื้อขึ้น แล้วยื่นแขนไปตรงหน้าของหลินอวี่หยาง
เมื่อหลินอวี่หยางเห็น ดวงตาทั้งสองข้างก็เบิกกว้างในทันที พร้อมกับยกมือขึ้นมาปิดปากด้วยความตกใจ
“หยางหยาง ไม่ใช่ฉันไม่ซาบซึ้งใจหรอกนะ แต่ฉัน…..ไม่สะดวกจะใส่ชุดนี้จริง ๆ” เฉินฮวนฮวนเม้มปาก จากนั้นก็ดึงแขนเสื้อลงมา
“อื้อ ๆ” หลินอวี่หยางพยักหน้าทันที เธอเข้าใจแล้ว จากนั้นก็ชี้ไปข้างนอกและพูดว่า : “ฉันจะไปเลือกชุดใหม่มาให้คุณละกัน คุณรอก่อนนะ”
ยังไม่ทันที่เฉินฮวนฮวนจะตอบรับ หลินอวี่หยางก็เปิดประตูห้องลองชุดและพุ่งตัวออกไปทันที เฉินฮวนฮวนได้แต่นั่งรอข้างใน ได้ยินเพียงแค่เสียงถามของพนักงานขาย หลินอวี่หยางส่งคืนไปด้วยคำพูดไม่ค่อยเหมาะสม
เฉินฮวนฮวนไม่รู้ว่าหลินอวี่หยางจะเลือกเสื้อผ้าแบบไหนให้กับตัวเอง ไม่นานเธอก็ลุกขึ้นและตัดสินใจว่าจะออกไปดู แต่ในตอนนี้เอง หลินอวี่หยางก็กลับมาด้วยความร้อนใจ
ในมือของเธอตอนนี้มีเสื้อผ้ามากกว่าหนึ่งชุด เธอตบไปบนหน้าอกและพูดอย่างมั่นใจว่า : “ฮวนฮวน ครั้งนี้รับรองเลยว่าเหมาะสมกับคุณแน่นอน ขับรูปร่างของคุณให้ดูโดดเด่น และยังปกปิดส่วน……….แค่ก ๆ ”
เฉินฮวนฮวนรับเสื้อผ้าเหล่านั้นมาอย่างใจลอย ก่อนจะหยิบขึ้นมาดู ท่อนบนเป็นเสื้อถักไหมพรมสีเขียวอะโวคาโด แล้วก็กางเกงยีนรัดรูป
ถ้าใส่ชุดนี้ ร่องรอยเหล่านั้นก็จะได้รับการปกปิด เฉินฮวนฮวนจึงพยักหน้า จากนั้นก็ปิดประตูห้องลองชุด
หลังจากที่แต่งตัวเสร็จแล้วเธอก็ออกมา หลินอวี่หยางกำลังรอเธออยู่หน้ากระจกพอดี วินาทีที่เห็นเฉินฮวนฮวน หลินอวี่หยางก็อ้าปากกว้าง กว้างราวกับโดนยัดไข่ไก่เข้าปากอย่างไรอย่างนั้น
“ฮวนฮวน คุณสวยมาก! ถ้าฉันเป็นผู้ชาย ฉันคงโผเข้าหาคุณแล้ว!” หลินอวี่หยางส่งเสียงพูดด้วยความตื่นเต้น
เฉินฮวนฮวนรีบเดินมาตรงหน้ากระจกทันที เสื้อผ้าชุดนี้เหมาะสมกับเธอจริง ๆ เธอคลี่ยิ้ม ก่อนจะชื่นชมว่า : “หยางหยาง สายตาของคุณเฉียบแหลมจริง ๆ”
“ก็บอกแล้ว?” หลินอวี่หยางแสดงท่าทางภูมิใจ อวดเก่งเป็นที่สุด
แทบจะไม่ถึง 20 นาที ก็สรุปเป็นมติ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เมื่อถึงเวลาจ่ายเงินทั้งสองคนก็ยื้อแย่งกันจะจ่าย เฉินฮวนฮวนทำท่าจะโกรธ หลินอวี่หยางจึงไม่แย่งเธอจ่ายเงินอีก
เฉินฮวนฮวนจ่ายเงินเสร็จแล้ว ก็ถือถุงเสื้อหาชุดเก่าเดินออกไปพร้อมกับหลินอวี่หยาง
ตอนที่ทั้งสองคนเดินมาถึงหน้าประตู ก็มีผู้หญิง 3 คนเข้ามากล่าวทักทาย ซึ่งเฉินฮวนฮวนรู้จักผู้หญิงทั้ง 3 คนนี้ดี
นับจากซ้ายไปถึงขวา ก็คือซงหลิงเอ่อร์ อันเยว่ และฉินฟางฟาง
“เฉินฮวนฮวน!” ทั้ง 3 คนส่งเสียงเรียกแทบจะพร้อมกัน
จากนั้นอันเยว่และฉินฟางฟางก็พากันแสดงสีหน้าตกใจ อันเยว่ถึงขนาดหันไปถามซงหลิงเอ่อร์ว่า : “หลิงเอ่อร์ คุณรู้จักเฉินฮวนฮวนด้วยเหรอ?”
“ฉันรู้จักเฉินฮวนฮวนแน่นอนอยู่แล้ว” ซงหลิงเอ่อร์มองไปทางเฉินฮวนฮวน ก่อนจะกัดฟันกรอดเงียบ ๆ ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“หลิงเอ่อร์ คุณกับฮวนฮวนรู้จักกันได้ยังไง? ทำไมฉันถึงไม่รู้ว่าพวกคุณรู้จักกัน?” อันเยว่ถามอีกครั้ง
เฉินฮวนฮวนเองก็สงสัยเช่นกัน เธอนึกไม่ถึงว่าซงหลิงเอ่อร์จะเป็นเพื่อนของอันเยว่และฉินฟางฟาง มิน่าล่ะคนรุ่นก่อนถึงได้สร้างคำว่า “แวดวงสังคม” ขึ้น
แวดวงในสังคม เพราะไม่มีใครรู้ว่าใครรู้จักกับใคร
นี่แหละคือแวดวง