“เยว่เออร์ เรื่องนี้พูดแล้วเรื่องมันยาว”
ซงหลิงเอ่อร์ลูบเส้นผม แล้วถามเฉินฮวนฮวน “เฉินฮวนฮวน ความรู้สึกในค่ายอบรมเป็นยังไงบ้าง?
แต่สำหรับเธอแล้ว น่าจะเป็นเรื่องเล็กมั้ง”
ในตอนที่พูดคำนี้อยู่ สีหน้าของซงหลิงเอ่อร์ไม่ค่อยดีนัก น้ำเสียงแสดงความอิจฉาและไม่พอใจ
โดยเฉพาะเฉินฮวนฮวนยังเป็นคนของเกาเหวิน เธอก็ยิ่งไม่จำเป็นต้องทำสีหน้าอ่อนโยน
อย่างไรเสีย แข่งเต้นในโรงแรมพอยเซินคืนนั้น ซงหลิงเอ่อร์เห็นกับตาถึงความแข็งแกร่งของ
เฉินฮวนฮวน และเป็นเพราะครั้งนั้น เธอถึงเสียรายชื่อคัดเลือกในการมาแทนเกาเหวิน
อันที่จริงเริ่มแรกเธอไม่ได้คิดจะไปคัดเลือก เพราะเธอรู้สึกว่าคัดเลือกมันลำบากเกินไป ตามความสวยและความสามารถของเธอ ภายหลังแสดงเป็นนางเอกไม่มีปัญหาแน่นอน และไม่จำเป็นต้องไปร่วมการคัดเลือก เหนื่อยแทบตาย ไม่แน่ว่าจะไม่ได้รับโอกาสดีๆอะไร
แต่ว่าหลังจากที่เธอเจอจางฟาน เธอชอบจางฟาน ไม่งั้นตามนิสัยของเธอ ก็ไม่ยอมให้ตัวเองลดตัวไปเป็นกิ๊กของจางฟาน พูดตรงๆก็คือแค่คู่นอน
เธอรู้จางฟานมีแฟนสาวคนหนึ่งที่คบกันมาหลายปี เป็นผู้หญิงที่มีความสามารถมาก ชื่อเกาเหวิน
เกาเหวินเพื่อสร้างบริษัทบันเทิงกับจางฟาน ไปร่วมการคัดเลือกด้วยตัวเองก่อน ใครจะรู้ตอนที่อยู่ค่ายอบรมได้รับบาดเจ็บที่ขา บวกกับแผลเดิม รับการฝึกอบรมไม่ได้
ตอนนั้นจางฟานถามเธอเต็มใจไปแทนหรือเปล่า ถ้าหากไปคัดเลือกแทนเกาเหวิน ก็จะได้เซ็นสัญญาเป็นนักแสดงกับบริษัทพวกเขา ซงหลิงเอ่อร์เลยไม่ลังเลที่จะตอบรับ และกระตือรือร้นมาก
แต่ทว่า เกาเหวินมองความสัมพันธ์ของเธอกับจางฟานออก พาเฉินฮวนฮวน ให้เฉินฮวนฮวนมาแทนที่ ทำให้ความหวังตัวเองหายไป
ซงหลิงเอ่อร์จดจำอยู่ในใจเสมอ ในเวลาครึ่งเดือนนี้ หว่านล้อมจางฟานหลายครั้ง ขอร้องข้างหู
จางฟาน ให้จางฟานเซ็นสัญญากับตัวเอง
เดิมจางฟานเห็นด้วยแล้ว และยังให้เธอติดต่ออีกรายการวาไรตี้โชว์หนึ่ง ถึงขนาดเอกสารสัญญาก็เตรียมเสร็จแล้ว ยังพาเธอไปร่วมกินข้าวเย็นกับเกาเหวินและเฉินฮวนฮวน
แม้ว่าไม่ได้เข้าร้านอาหาร เกาเหวินก็พาเฉินฮวนฮวนออกไป แต่ในใจเธอกลับมีความสุขมาก ถึงอย่างไรเกาเหวินกับจางฟานทะเลาะกันยิ่งรุนแรง เธอยิ่งมีโอกาส
จางฟานเพราะเกาเหวินไม่ไว้หน้า พูดแขวะมากมาย แขวะความแข็งกร้าวของเกาเหวินเป็นส่วนใหญ่ เดิมซงหลิงเอ่อร์คิดว่าโอกาสตัวเองมาแล้ว ใครจะรู้เมื่อคืน จู่ ๆ จางฟานโทรหาเธอ ผิดสัญญา
ไม่เซ็นสัญญากับเธอ ถึงขนาดเว้นระยะห่าง ยังโอนเงินให้เธอก้อนหนึ่ง
ซงหลิงเอ่อร์โมโหมาก รู้สึกว่าเป็นความคิดของเกาเหวิน เธอคิดว่าให้ตัวเองสงบลงก่อน ด้วยเหตุนี้วันนี้เลยลากอันเยว่ออกมาเดินซื้อของ เตรียมช้อปปิ้งอย่างบ้าคลั่ง เอาเงินที่จางฟานโอนให้เมื่อคืนใช้ให้หมด
ใครจะรู้เธอยังเดินไปถึงสองร้าน ก็เจอเฉินฮวนฮวน
“เรื่องเล็ก ? หลิงเอ่อร์ เธอล้อเล่นเก่งจริงๆ คนที่เต้นจับจังหวะไม่ได้อย่างเฉินฮวนฮวน ค่ายอบรมสำหรับหล่อนแล้ว ก็คือการทรมานมั้ง!” ฉินฟางฟางมองประเมินเฉินฮวนฮวน พูดเสียดสีแปลกๆ
ซงหลิงเอ่อร์กับฉินฟางฟางไม่ถือว่าสนิท พวกเธอมาเดินซื้อของด้วยกัน ทั้งหมดเป็นเพราะอันเยว่เป็นคนกลาง
ซงหลิงเอ่อร์ต้องการลากอันเยว่มาซื้อของ ฉินฟางฟางก็ต้องการลากอันเยว่มาซื้อของเหมือนกัน ดังนั้นทั้งสามคนเลยมาด้วยกัน
“ฟางฟาง เธอคงไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม?” ซงหลิงเอ่อร์ได้ยินคำพูดของฉินฟางฟาง นิ่งอึ้งไปสักพัก
ไม่รู้เพราะอะไร
ถ้าหากเฉินฮวนฮวนจับจังหวะไม่แม่น แล้วจะมีใครสามารถจับจังหวะได้แม่นกัน?
ในเมื่อเธอเป็นคนเห็นความสามารถของเฉินฮวนฮวนกับตามาแล้ว
“ล้อเล่น? เป็นไปได้ไง หลิงเอ่อร์เธอไม่เคยเห็นการเต้นของเฉินฮวนฮวน นั่นเหมือนกับนกอินทรีจับลูกไก่เลย น่าขำมาก” ฉินฟางฟางจงใจพูดแบบนั้น เพราะเธอไม่ชอบเฉินฮวนฮวน
แต่เธอเพิ่งพูดจบ ก็ถูกหลินอวี่หยางที่อยู่ต้องข้ามถลึงตาให้ ฉินฟางฟางตกใจไม่กล้าพูดต่อทันที ทำได้แค่รีบอธิบาย “ฉันแค่พูดเล่นเท่านั้น เฉินฮวนฮวน เธออย่าใส่ใจเลย”
เฉินฮวนฮวน “…”
ซงหลิงเอ่อร์เห็นเฉินฮวนฮวนหน้านิ่ง และเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งคำพูดของฉินฟางฟาง แม้ว่าสุดท้าย
ฉินฟางฟางบอกว่าพูดเล่น แต่ตอนที่เธอพูดเหน็บแนมเฉินฮวนฮวนเมื่อกี้ เหมือนไม่ได้ล้อเล่น
หรือว่า ตอนเฉินฮวนฮวนอยู่ค่ายอบรม ไม่ได้แสดงความสามารถที่แท้จริงออกมา?
เห็นซงหลิงเอ่อร์กำลังมองตัวเอง เฉินฮวนฮวนรู้เลยคำพูดพวกนั้นของฉินฟางฟางเมื่อกี้ สร้างความสงสัยให้ซงหลิงเอ่อร์ ในเมื่อซงหลิงเอ่อร์เคยแข่งเต้นกับเธอ รู้ความสามารถของเธอ
เพียงแต่ความบังเอิญ เธอก็ไม่รู้ซงหลิงเอ่อร์จะรู้จักฉินฟางฟาง ตอนนี้เธอปิดความสามารถไม่อยู่แล้ว และไม่จำเป็นต้องปกปิดเกินไปดังนั้นเลยไม่มีผลกระทบทางอารมณ์ ลักษณะท่าทีไม่สนใจใดๆ
“ฉันซื้อเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ขอตัวก่อน พวกเธอค่อยๆช้อปปิ้งไป” เฉินฮวนฮวนทำตามมารยาทเล็กน้อย พร้อมลากแขนหลินอวี่หยาง ลากเธอเดินออกไป
ผ่านไประยะหนึ่ง หลินอวี่หยางหยุดฝีเท้าลง จับมือเฉินฮวนฮวนกลับ พูดด้วยความโมโห “ฮวนฮวน
เมื่อกี้ฉันอยากตบปากฉินฟางฟางสักหลายๆครั้ง”
“ไม่จำเป็น เธอว่าร้ายฉันแบบนั้นเสมอ ฉันชินแล้ว” ถึงอย่างไรครึ่งเดือนมานี้เฉินฮวนฮวนก็ผ่านมาแบบนี้
“ตอนนี้หล่อนเป็นกลุ่มการแสดงครั้งแรกกับเธอ ฉันเลยไม่ลงมือ กลัวจะกระทบเธอ รอจบ ฉัน…” ดวงตาของหลินอวี่หยางดูชั่วร้ายครู่หนึ่ง หัวเราะเหอะๆออกมา พูดว่า“ฉันไม่ใช่แม่พระนะ!”
“ฉันก็ไม่ใช่แม่พระเหมือนกัน” เฉินฮวนฮวนตอบกลับหนึ่งประโยค
…
นัยน์ตาอันเยว่เต็มไปความไม่เข้าใจ รอจนแน่ใจว่าเฉินฮวนฮวนกับหลินอวี่หยางเดินไปไกลแล้ว เธอถามทันที “หลิงเอ่อร์ เธอรู้จักเฉินฮวนฮวนได้ยังไง? ทำไมฉันฟังจากน้ำเสียงเธอ หล่อนดูเก่งมาก?”
“ฟางฟางเมื่อกี้ไม่ใช่พูดเล่นเหรอ? หรือว่าตอนเฉินฮวนฮวนอยู่ค่ายอบรม ทำตัวเป็นเด็กใหม่จริงๆ?”
ซงหลิงเอ่อร์ค่อยๆเบิกตากว้าง
“ทำตัวเป็นเด็กใหม่ หมายความว่าไง ? หลิงเอ่อร์ เมื่อกี้ฉันบอกพูดเล่น ไม่อยากจะผิดใจกับหลินอวี่หยาง ก็คือผู้หญิงผมสั้นคนนั้น เธอเป็นคุณหนูใหญ่ของหลินซื่อกรุ๊ป ตอนนี้ปกป้องเฉินฮวนฮวนสุดใจ
ไม่รู้จริงๆเฉินฮวนฮวนประจบอะไรเธอ”ฉินฟางฟางพูดแขวะด้วยความอิจฉา
ถ้าหากหลินอวี่หยางกลายเป็นเพื่อนเธอ ดีกับเธอขนาดนี้ จะดีแค่ไหน? ทำไมต้องดีกับเฉินฮวนฮวนขนาดนั้น?
อีกทั้งเฉินฮวนฮวนยังเคยโกรธเอาไม้ถูพื้นเหม็นๆใส่หน้าหลินอวี่หยาง ไม่รู้จริงๆว่าหลินอวี่หยางเป็นมาโซคิสม์หรือเปล่า ดูแข็งแรงขนาดนั้น แต่ก็ไม่เหมือน งงมากจริงๆ
“ดังนั้น เธอเยาะเย้ยความสามารถหล่อน ไม่ได้พูดเล่น?” ตาใสๆของซงหลิงเอ่อร์ หรี่เป็นเส้นตรง
“แน่นอนไม่ได้พูดเล่น ครูสอนเต้นของพวกเรา ก็คือซูเวย รังเกียจเธอจะตายแล้ว เต้นได้แย่มาก”
ฉินฟางฟางเดาะลิ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยการดูถูก
“เหอะ น่าสนใจจริงๆ ” จู่ ๆ ซงหลิงเอ่อร์หัวเราะเยาะขึ้น