ตอนที่ 647 มุ่งหน้าสู่ผาสุดขอบฟ้า (2) ตอนที่ 648 มุ่งหน้าสู่ผาสุดขอบฟ้า (3)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 647 มุ่งหน้าสู่ผาสุดขอบฟ้า (2) / ตอนที่ 648 มุ่งหน้าสู่ผาสุดขอบฟ้า (3)
ตอนที่ 647 มุ่งหน้าสู่ผาสุดขอบฟ้า (2)

แม้แต่ฟ่านจัวก็ไม่รู้ว่าเพลิงวิญญาณกำเนิดขึ้นจากที่ใด เขาสืบทอดมันมาจากมารดาของเขา ฟ่านจัวสามารถใช้มันได้ก็เพราะว่าพวกเขามีสายโลหิตเดียวกัน

จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ยังคงเป็นปริศนาว่าช่างหลอมแหวนได้เพลิงวิญญาณมาได้อย่างไร ไม่มีช่างหลอมแหวนคนใดเปิดเผยเรื่องนี้ให้ผู้อื่นรู้เลยสักคน

แม้แต่มารดาของฟ่านจัวก็ไม่เคยพูดถึงมันให้ฟ่านจัวฟังเลย

นั่นทำให้จวินอู๋เสียไม่สามารถทำตามความต้องการของนางและได้หยุดนางจากการเป็นช่างหลอมแหวนเอาไว้

ตะวันตกดิน รถม้าอยู่บนถนนในภูเขา พวกเขาเดินทางมาได้ครึ่งทางแล้ว และพวกเขาน่าจะถึงผาสุดขอบฟ้าในอีกห้าวัน

ตอนนี้จวินอู๋เสียกับสหายของนางอยู่ไกลจากความเจริญ ไม่มีผู้คนอยู่ใกล้ในรัศมีหนึ่งร้อยลี้เลย พวกเขาไม่เห็นเมืองสักเมืองจากจุดที่พวกเขาอยู่ และไม่เจอคนเลยแม้แต่คนเดียว

มู่เชียนฟานหยุดรถม้าที่ข้างถนนบนภูเขา จวินอู๋เสียกับคนอื่นๆ ก้าวออกมาจากรถม้าทีละคน พวกเขาก่อกองไฟใต้ชะโงกผาและตั้งกระโจมเตรียมพักผ่อน

พวกเขาจะอยู่ในรถม้าตลอดช่วงนี้ แต่การเดินทางในสิบวันที่ผ่านมาได้สะเทือนไปจนถึงกระดูกของพวกเขาจากการกระเด้งขึ้นลงเนื่องจากภูมิประเทศที่ขรุขระ มู่เชียนฟานกำลังฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ ผ้าพันแผลเกินครึ่งที่ปิดร่างของเขาถูกเอาออกแล้ว ถึงแม้เนื้อที่ขึ้นมาใหม่จะทำให้เกิดแผลเป็นที่น่ากลัว แต่พวกมันก็สยองน้อยกว่าเมื่อก่อนมาก ใบหน้าของเขายังคงมีผ้าพันแผลปิดไว้เนื่องจากมีเวลาที่เขาจำเป็นต้องพูดและมันทำให้หนังฉีกโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงต้องใช้เวลาในการรักษามากขึ้น

“ข้าจะไปหาฟืน” มู่เชียนฟานเห็นว่ากลางคืนกำลังใกล้เข้ามา เขาจึงยืนขึ้นและเดินตรงไปที่ต้นไม้

“มู่เชียนฟานนี่ช่วยได้เยอะจริงๆ ตลอดการเดินทางครั้งนี้ เขารับหน้าที่ทำทุกอย่างคนเดียวเลย ข้ารู้สึกเหมือนเป็นคนพิการเลยเนี่ย” เฉียวฉู่พูดพลางนวดเข่าที่ปวด ในวันแรกๆ ของการเดินทาง เขาอยากจะช่วยมู่เชียนฟานบ้าง แต่ก็ถูกปฏิเสธและถูกขอให้กลับไปอยู่กับคนอื่นๆ

มู่เชียนฟานยืนกรานจะทำงานรับใช้ทุกอย่างและไม่ยอมให้พวกเขากระดิกนิ้วทำอะไรเลย

“ข้าจะไปตรวจสอบใกล้ๆ แถวนี้ดูว่าจะสามารถหาแหล่งน้ำได้หรือไม่” หรงรั่วยืนขึ้น วงแหวนภูติวิญญาณบนนิ้วของนางส่องแสงออกมา ผีเสื้อกลืนศพก็กระพือปีกร่ายรำอยู่ในอากาศรอบตัวหรงรั่ว

“ข้าจะไปกับเจ้า” เฟยเยียนพูดแล้วลุกขึ้นยืน

ทั้งคู่เดินตามผีเสื้อกลืนศพตรงไปยังสถานที่ที่พวกเขาอาจจะเจอแหล่งน้ำได้

ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะพักอยู่ใกล้ๆ เท้าของจวินอู๋เสีย กำลังเคี้ยวหญ้าทั้งหมดให้โล่งเตียน มันยังคงไม่พอใจและถูศีรษะเล็กๆ ของมันดันขาของจวินอู๋เสีย

แบ๊ะ!

ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะ…ยังหิวอยู่!

เจ้าแมวดำตัวน้อยแปลคำพูดของใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะให้จวินอู๋เสียฟัง นางยกมือขึ้นตบหัวใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะเบาๆ

จะโทษว่าใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะตะกละก็ไม่ได้ พวกเขาอยู่ในรถม้ากันทั้งวัน การนั่งในรถม้า มนุษย์ยังสามารถกินพวกอาหารแห้งที่เตรียมไว้ได้ แต่ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะกินแต่หญ้าสดเท่านั้น ถึงแม้ตอนนี้ตัวของมันจะดูเล็ก แต่ร่างที่แท้จริงของใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะนั้นใหญ่มาก หญ้าไม่กี่ตารางเมตรย่อมไม่เพียงพอสำหรับหนึ่งมื้อ ถ้าพวกเขาปล่อยให้ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะกินให้อิ่มทุกมื้อ การเดินทางก็จะใช้เวลานานกว่านี้

“ข้าจะไปดูรอบๆ” จวินอู๋เสียยืนขึ้น ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะจะต้องคัดค้านในไม่ช้านี้เป็นแน่

เฉียวฉู่มองจวินอู๋เสียพร้อมหัวเราะ ไม่สนใจจะเตือนนางให้ระวังอันตราย ก่อนที่จะเอามือล้วงเข้าไปในห่อของเพื่อค้นหาอาหารแห้งและเอามาย่างที่กองไฟอย่างช้าๆ

ในด้านพลังนั้น ถึงแม้จวินอู๋เสียจะไม่เหมือนพวกเขาที่สามารถฝืนเพิ่มระดับขึ้นเป็นขั้นสีม่วงได้ แต่เมื่อมีเจ้าแมวดำตัวน้อยกับใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะคอยปกป้องคุ้มครองนางอยู่ จวินอู๋เสียก็เป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดในหมู่พวกเขา

จวินอู๋เสียเดินอุ้มเจ้าแมวดำตัวน้อยไปที่แนวต้นไม้ด้านหนึ่งโดยมีใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะตามไปอย่างมีความสุข กีบเท้าของมันเคาะพื้นเป็นจังหวะพร้อมกับหางที่กระดิกดุ๊กดิ๊กอยู่ด้านหลัง

ตอนที่ 648 มุ่งหน้าสู่ผาสุดขอบฟ้า (3)

แสงจันทร์สีเงินยวงส่องผ่านใบไม้หนาทึบลงมาก่อให้เกิดลำแสงเล็กๆ กระจายไปทั่วพื้นหญ้าดูราวกับแสงสะท้อนของดวงดาวจากฟากฟ้า จวินอู๋เสียยืนอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์อย่างเงียบๆ ปล่อยให้ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะวิ่งวนรอบเท้านาง ข่มเหงพืชพรรณที่บริสุทธิ์รอบๆ บริเวณอย่างไร้ปรานี

ทันใดนั้นจวินอู๋เสียก็ได้กลิ่นคาวเลือดจางๆ ในอากาศ นางขมวดคิ้วมุ่นทันที

ภายใต้ความมืดยามราตรี สายลมเย็นเล็กน้อยพัดมาสัมผัสใบหน้าของจวินอู๋เสียอย่างแผ่วเบา นำพาเอากลิ่นโลหิตจางๆ ติดมาด้วย

“กลิ่นเลือดมนุษย์” เจ้าแมวดำตัวน้อยอุทานพร้อมกับสูดกลิ่นในอากาศ

จวินอู๋เสียมองไปยังทิศทางที่กลิ่นนั้นลอยมา ภูเขานั้นไร้ผู้คนโดยสิ้นเชิง ไม่พบสัตว์วิญญาณเลยสักตัว กระทั่งสัตว์ธรรมดาที่สุดก็ยังไม่เห็น และเมื่ออยู่ๆ ก็มีกลิ่นเลือดปรากฏขึ้นที่นี่ ย่อมทำให้จวินอู๋เสียเห็นว่ามันค่อนข้างแปลกพิกล

“ให้ข้าไปดูหรือไม่” เจ้าแมวดำตัวน้อยบิดขี้เกียจแล้วมองจวินอู๋เสีย

จวินอู๋เสียพยักหน้า

เจ้าแมวดำตัวน้อยก็พุ่งออกไปและหายตัวไปอย่างรวดเร็ว

พอเจ้าแมวดำตัวน้อยจากไป ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะที่ยังคงวนเวียนอยู่รอบเท้าของจวินอู๋เสียก็เงยหน้าขึ้นครั้งหนึ่งอย่างขี้เกียจ มันมองไปยังทิศทางที่เจ้าแมวดำตัวน้อยหายไปอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะก้มหัวแทะลงเล็มหญ้าต่อไป

รอบด้านเงียบสงบ มีเพียงเสียงใบไม้ที่สะบัดไปตามสายลมเท่านั้น

ทันใดนั้น จวินอู๋เสียก็เจ็บแปลบในหัวใจ! ความรู้สึกนั้นรุนแรงจนทำให้นางไม่สบายใจ นั่นเป็นสัญญาณที่ส่งมาจากเจ้าแมวดำตัวน้อย!

จวินอู๋เสียอุ้มใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะขึ้นมาทันที และรีบวิ่งตรงไปยังทิศทางที่เจ้าแมวดำตัวน้อยหายตัวไป

ท่ามกลางป่าที่มืดสลัว เงาสีดำขนาดใหญ่กำลังเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วซิกแซกไปตามต้นไม้ ธนูหลายดอกพุ่งผ่านมันไป ปลายแหลมของมันฝังลึกเข้าไปในต้นไม้!

สัตว์ร้ายสีดำขนาดใหญ่คล้ายเสือดำใช้สภาพภูมิประเทศที่ซับซ้อนให้เป็นประโยชน์เพื่อจะสลัดให้หลุดจากการโจมตีของเหล่าผู้ล่าที่ตามหลังมาไม่ห่าง

ร่างของมู่เชียนฟานเต็มไปด้วยของเหลวสีแดงlf เขานอนอยู่บนหลังของเจ้าสัตว์ร้ายสีดำ มือที่เต็มไปด้วยเลือดของเขาจับรอบคอของสัตว์ร้ายสีดำเอาไว้แน่น เขากระอักโลหิตออกมาเลอะขนสีดำสนิทของเจ้าสัตว์ร้ายสีดำตัวนั้นจนเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม

บนหลังของเขามีรอยสีแดงเข้ม เสื้อผ้าบนหลังฉีกขาด และบาดแผลหลายรอยเห็นได้อย่างชัดเจนจนดูน่ากลัว

สัตว์ร้ายสีดำทั้งวิ่งและกระโดด มันทิ้งรอยโลหิตเอาไว้บนพื้นหญ้าเบื้องหลัง

“ข้าไม่รอดแน่…เจ้าหนีไปเถอะ มีข้าคอยถ่วงเจ้าเช่นนี้ เดี๋ยวพวกมันก็ตามทันหรอก” มู่เชียนฟานพูดอย่างอ่อนแรง การออกแรงทำให้เขากระอักโลหิตออกมาอีกครั้ง

กรร! สัตว์ร้ายสีดำคำรามราวกับปฏิเสธคำแนะนำของมู่เชียนฟาน

มู่เชียนฟานกัดฟันและปล่อยมือ แต่ในตอนที่เขากำลังจะลื่นตกลงจากหลังของเจ้าสัตว์ร้ายสีดำตัวนั้น หางของมันก็ม้วนจับร่างของมู่เชียนฟานเอาไว้กับหลังของมันแน่น

“เจ้านายของข้าช่วยชีวิตเจ้าไว้ จะปล่อยให้เจ้าตายในสถานที่เช่นนี้ไม่ได้ ต่อให้เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่ เจ้าก็ต้องอยู่!” เจ้าสัตว์ร้ายสีดำพูดขึ้นด้วยภาษามนุษย์ มู่เชียนฟานเบิกกว้างอย่างตกใจ แต่เขาอ่อนแอเกินกว่าจะพูดอะไรได้อีก

เมื่อครู่เขาถูกโจมตีและในตอนที่เขาคิดว่าตัวเองจะตายแล้วนั้น เขาก็เห็นเจ้าแมวดำตัวน้อยที่มักจะอยู่กับจวินอู๋เสียเสมอ และก่อนที่เขาจะทันได้ทำอะไร เจ้าแมวดำตัวน้อยก็กลายร่างเป็นสัตว์ร้ายสีดำขนาดใหญ่ที่ทำให้เขาทรุดตัวลงในทันที!

เจ้าสัตว์ร้ายสีดำดึงเขาออกจากสถานการณ์นั้นและพาเขาหลบหนี แต่พวกเขาไม่สามารถสลัดผู้ที่ตามล่าออกไปได้

เมื่อเห็นว่าผู้ล่าด้านหลังกำลังจะไล่ทัน มู่เชียนฟานก็รู้สึกร้อนใจมาก แต่เขาไม่รู้จะทำอย่างไรดี!

สัตว์ร้ายสีดำแบกร่างมู่เชียนฟานวิ่งเต็มฝีเท้าต่อไป แต่มู่เชียนฟานไม่เหมือนจวินอู๋เสีย เขาเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้วและมีรูปร่างสูงใหญ่กำยำ น้ำหนักตัวของเขาส่งผลกระทบต่อความเร็วของมันเป็นอย่างมาก!