บทที่ 328 เตรียมทะลวงขั้น ความคิดอาจหาญ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 328 เตรียมทะลวงขั้น ความคิดอาจหาญ

“เจ้าแดนต้องห้ามอันธการ?”

เจ้านิกายเจี๋ยคล้ายจะพึมพำกับตัวเอง จากนั้นก็ตกอยู่ในความเงียบ

จิ่งเทียนกงอดทนรอคอย

ขอเพียงสืบทราบว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการคือผู้ใด เขาก็บากหน้าไปขอพึ่งได้แล้ว

ผ่านไปพักใหญ่

จิ่งเทียนกงรออยู่ตลอด ทว่าไม่ได้รับคำตอบจากเจ้านิกายเจี๋ยเลย จึงอดไม่ได้ที่จะซักถาม “ท่านเจ้านิกาย คำนวณได้หรือไม่”

เสียงแหบพร่าของเจ้านิกายเจี๋ยแว่วออกมาจากด้านหลังประตูหิน “ไม่สามารถคำนวณได้ เป็นไปได้ว่าตบะของเขาจะสูงกว่าข้า หรือไม่ เดิมทีก็ไม่มีบุคคลนี้อยู่”

จิ่งเทียนกงตะลึงงัน ตบะของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการสูงกว่าท่านเจ้านิกายอย่างนั้นหรือ

ส่วนประโยคหลังของท่านเจ้านิกายเขาไม่ได้เก็บมาใส่ใจ ทั่วทั้งแดนเซียนต่างมีข่าวลือของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการแพร่สะพัด เขาก็เผชิญกับคำสาปแช่งจากเจ้าแดนต้องห้ามอันธการมาแล้ว จะไม่มีบุคคลนี้ได้อย่างไร!

จิ่งเทียนกงขมวดคิ้ว อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนักใจ

ไม่คิดเลยว่าเขาจะประเมินเจ้าแดนต้องห้ามอันธการต่ำเกินไป

หากไม่ได้กลายเป็นพวกเดียวกันกับเจ้าแดนต้องห้ามอันธการก่อน มีความเป็นไปได้สูงว่าเขาจะกลายเป็นศัตรูของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ

เผชิญหน้ากับผู้ทรงพลังที่มีพลังวิเศษมหาศาลและซ่อนตัวอยู่ในที่ลับตาเช่นนี้ ผู้ใดเล่าจะไม่กลัวบ้าง

ชั่วขณะนั้นเอง จิ่งเทียนกงก็รู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมา

“จงเล่าเรื่องราวที่เจ้าแดนต้องห้ามอันธการกระทำมา” เสียงของเจ้านิกายเจี๋ยแว่วออกมาอีกครั้ง

จิ่งเทียนกงดึงสติกลับมา สูดหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง เริ่มบอกเล่าเรื่องที่ตนทราบทุกอย่างเกี่ยวกับเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ

เมื่อเขาเล่าจบ ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยด้วยความอนิจจัง “แดนเซียนไม่เคยปรากฏจอมบงการหลังม่านเช่นนี้มาก่อน อาศัยการสาปแช่งปลุกปั่นคลื่นลมในมหาเคราะห์”

“หึ ก็แค่พวกนอกรีต”

เจ้านิกายเจี๋ยแค่นเสียงกล่าว เห็นได้ชัดว่าดูถูกเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ

เขาเอ่ยต่อว่า “ไม่ต้องวุ่นวายแล้ว มหาเคราะห์ไร้ขอบเขตครานี้ไม่ใช่โอกาสดีในการฟื้นฟูนิกายเจี๋ย รออีกหน่อยเถิด”

จิ่งเทียนกงเงียบงัน

รออีกหน่อยหรือ

เขารอมานานเพียงใดแล้ว

หากรอต่อไป นิกายเจี๋ยคงล่มสลาย!

….

สามสิบปีผ่านไป

ในที่สุดหานเจวี๋ยก็เข้าใกล้ระดับจักรพรรดิเซียนเจ็ดวัฏแล้ว!

อย่างไรก็ตามระยะนี้ยมโลกไม่ใคร่สงบสุข มีกลิ่นอายสงครามปรากฏขึ้นในละแวกเกาะสำนักซ่อนเร้นเป็นประจำ

หานเจวี๋ยให้จอมปีศาจคุกรัตติกาลออกไปตรวจสอบ ถึงได้ทราบว่ามีกลุ่มอิทธิพลในแดนยมโลกต้องการปฏิวัติระบบปกครองของเมืองนรก

พญายมจิตใจทะเยอทะยานต้องการโค่นล้มจักรพรรดิสวรรค์ ยังคงเป็นเรื่องยากเกินไป อย่างแรกที่ต้องทำคือหาทางเข่นฆ่าฝ่าออกไปยมโลกให้ได้

หานเจวี๋ยมักจะรู้สึกว่ายมโลกก็จะกลายเป็นสมรภูมิรบของมหาเคราะห์เช่นกัน ควรพิจารณาแสวงหาสถานที่อื่นแล้วใช่หรือไม่

วันนี้เอง จู่ๆ ต้วนหงเฉินก็มาหาหานเจวี๋ย

หลังจากเข้ามาในถ้ำ เขาก็รู้สึกประหม่ายิ่งนัก ไม่กล้ามองหานเจวี๋ย

“มีเรื่องใดหรือ” หานเจวี๋ยถาม

ต้วนหงเฉินรวบรวมความกล้า เอ่ยว่า “ข้าสามารถเรียนรู้พลังวิเศษจากท่านได้หรือไม่”

การเรียนรู้พลังวิเศษไม่เพียงแต่ช่วยให้แข็งแกร่งขึ้น แต่ยังเป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงสถานะอย่างหนึ่งด้วย

ถึงแม้ในสำนักซ่อนเร้นตบะของเขาจะสูงส่ง แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเหล่าศิษย์ของสำนักซ่อนเร้น เขาก็รู้สึกอยู่เสมอว่าตนเองต่ำต้อยกว่าระดับหนึ่ง

พูดให้ชัดก็คือ เขายังคงมีสถานะเป็นเชลยอยู่

หานเจวี๋ยเอ่ยถาม “เจ้าอยากเรียนรู้พลังวิเศษใด”

ต้วนหงเฉินเงยหน้าขึ้นด้วยความตื่นเต้นยินดี ไม่อยากจะเชื่อหูของตนอยู่บ้าง ไม่คิดเลยว่าหานเจวี๋ยจะตอบรับอย่างรวดเร็ว

หานเจวี๋ยเอ่ยต่อไปว่า “เมื่อคำนวณจากเวลาแล้ว เจ้าอยู่ในสำนักซ่อนเร้นมาระยะหนึ่งแล้ว เจ้ายอมเป็นฝ่ายก้าวออกมาก่อน ช่างหาได้ยากยิ่งนัก อันที่จริงในบรรดาศิษย์เหล่านั้นก็มีผู้ที่มีความเป็นมาเช่นเดียวกับเจ้า ถูกข้าสยบให้จำนน แต่ขอเพียงพวกเจ้าไม่คุกคามสำนักซ่อนเร้น ยินดีร่วมบำเพ็ญมหามรรคไปด้วยกัน ข้าล้วนไม่ถือสาเรื่องในอดีต เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องกลัวว่าข้าจะทำอะไรเจ้า กล่าวกันตามจริงแล้ว เป็นเจ้าที่มาหาเรื่องข้าก่อน ข้าไว้ชีวิตเจ้า ถือว่าเป็นฝ่ายแสดงเจตนาดีออกมาก่อนแล้ว”

ต้วนหงเฉินได้ฟังก็รู้สึกละอายใจ ตอนนั้นตนเองค่อนข้างมุทะลุไปบ้างจริงๆ

อย่างไรก็ตามพอมองจากตอนนี้แล้วก็มิใช่เรื่องเลวร้ายเลย

[ความประทับใจที่ต้วนหงเฉินมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 5 ดาว]

ต้วนหงเฉินใคร่ครวญดูเล็กน้อย ก่อนเอ่ยว่า “ข้าอยากเรียกรู้มรรคกระบี่เทียมฟ้า”

มรรคกระบี่เทียมฟ้าของลี่เหยาแข็งแกร่งมากจริงๆ หากใช้ควบคู่กับตบะของเขา อาจพิฆาตศัตรูได้ในขั้นเดียว!

หานเจวี๋ยพยักหน้ารับ เริ่มถ่ายทอดมรรคกระบี่เทียมฟ้า

หลังจากนั้นหนึ่งเดือน

ต้วนหงเฉินจากไปด้วยความพอใจ

มู่หรงฉี่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เป็นอย่างไร ข้าบอกแล้วใช่หรือไม่ อาจารย์ต้องยอมสอนเจ้าแน่”

ต้วนหงเฉินแย้มยิ้มเอ่ยวาจา “พระคุณของท่านเจ้าสำนักข้าไม่มีทางลืมแน่ คอยก่อนเถิด เป้าหมายของข้าในตอนนี้คือการเอาชนะจอมปีศาจคุกรัตติกาลให้ได้”

จอมปีศาจคุกรัตติกาลที่ฝึกบำเพ็ญบนยอดเขาที่อยู่ไกลออกไปเลิกคิ้วขึ้น

จู่ๆ เขาก็รู้สึกถึงวิกฤตแล้ว

หากถูกต้วนหงเฉินล้ำหน้าไป สถานะของเขาต้องตกต่ำลงแน่

จะชะล่าใจไม่ได้ พรสวรรค์ของเจ้าหมอนี่เก่งกาจนัก ใช้ชีวิตมายาวนานกว่าเขา เขาจำเป็นต้องฝึกบำเพ็ญอย่างเอาจริงเอาจังแล้ว

หานเจวี๋ยหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาเริ่มสาปแช่งศัตรู

บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์และจักรพรรดิปีศาจยังไม่ตาย ต้องสาปแช่งต่อ

ส่วนหลี่เสวียนเอ้า หานเจวี๋ยเพียงอยากให้เขาได้รับความทรมาน เพราะอย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องผลาญอายุขัยส่งเดช

หลังจากหานเจวี๋ยสาปแช่งเสร็จ ขณะที่เขาเตรียมจะบำเพ็ญต่อนั้น เขาก็พลันขมวดคิ้วขึ้น

เขาสัมผัสได้ถึงพลังจิตที่กวาดผ่านมายังเกาะสำนักซ่อนเร้น

เขารีบตรวจหายอดฝีมือในละแวกเกาะสำนักซ่อนเร้นทันที

[พระกษิติครรภ์: ไม่ทราบตบะ พระพุทธองค์แห่งเมืองนรกผู้มาจากสำนักพุทธ]

พระกษิติครรภ์?

เจ้าหมอนี่มาได้อย่างไร

หานเจวี๋ยจำได้ว่าพระกษิติครรภ์เคยมีบุญคุณความแค้นเกี่ยวพันกับจี้เซียนเสิน

คิดไม่ถึงว่าพระกษิติครรภ์จะอยู่สูงกว่าระดับจักรพรรดิเซียน!

อาณาเขตเต๋าสามารถสกัดกั้นพลังจิตระดับต้าหลัวได้ พระกษิติครรภ์น่าจะสอดส่องสถานการณ์ภายในเกาะสำนักซ่อนเร้นไม่ได้

ไม่นาน พระกษิติครรภ์ก็จากไป

หลังจากตรวจสอบไม่พบเขาแล้ว หานเจวี๋ยจึงเปิดใช้แบบจำลองการทดสอบ

ต่อสู้กับพระกษิติครรภ์ เขายืนหยัดไว้ได้หนึ่งชั่วยาม

ถึงแม้จะพ่ายแพ้ แต่เขารู้สึกว่าพระกษิติครรภ์คล้ายจะไม่แข็งแกร่งสักเท่าไร

ไม่สมกับพลังระดับเทพอยู่บ้าง

หรือว่าเจ้าหมอนี่จะบาดเจ็บสาหัสอยู่

หานเจวี๋ยรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้ หาไม่แล้วครานั้นจะปล่อยจี้เซียนเสินหนีรอดออกมาได้อย่างไร

….

สิบปีผ่านไป

วิญญาณของหานเจวี๋ยเกิดความเปลี่ยนแปลง กล่าวคือ เขาใกล้จะทะลวงสู่ระดับจักรพรรดิเซียนเจ็ดวัฏ!

สำหรับเรื่องนี้ เขาพอใจยิ่งนัก!

ขณะที่เขากำลังจะฝ่าขั้นอยู่นั้น พลันมีคลื่นพลังจิตแผ่ออกมาจากป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์

หานเจวี๋ยเชื่อมต่อพลังจิต

“วังเทพเตรียมยกทัพใหญ่บุกแดนยมโลก เจ้าระวังตัวด้วย อย่าได้ถูกกวาดเข้าไปร่วมวง” จักรพรรดิสวรรค์กล่าวเตือน

วังเทพ?

หานเจวี๋ยเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “พวกเขาไม่ได้เข้าร่วมกับวังปีศาจต่อกรกับวังสวรรค์และสำนักพุทธหรอกหรือ”

จักรพรรดิสวรรค์กล่าวตอบ “เรื่องของเต้าจื้อจุนส่งผลกระทบต่อวังสวรรค์ใหญ่หลวงยิ่งนัก หลังจากเจ้าวังสวรรค์คนใหม่เข้ารับตำแหน่งก็ประกาศขีดเส้นความสัมพันธ์กับวังปีศาจ ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ไม่ประชันขันแข่งกับวังสวรรค์อีก เบนเป้าหมายไปที่แดนยมโลก สำหรับวังสวรรค์นี่ถือเป็นเรื่องดี ถึงอย่างไรเมืองนรกก็พุ่งเป้ามาที่วังสวรรค์ ดังนั้นเราจึงไม่ขัดขวาง”

หานเจวี๋ยตอบรับ “วางใจเถิด พวกเขาไม่มีทางหาข้าพบ”

หานเจวี๋ยนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ จึงเอ่ยถามว่า “ฝ่าบาท ท่านรู้จักแดนชำระบาปเก้าขุมหรือไม่”

“แดนชำระบาปเก้าขุมหรือ รู้สิ ในอดีตกาลแดนยมโลกต่างหากถึงจะเป็นแดนเซียนที่แท้จริง แต่เมื่อมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตสิ้นสุดลง ฟ้าดินเปี่ยมด้วยแรงกรรม ไม่อาจสลายทิ้งได้ บรรพชนเต๋ายื่นมือเข้าช่วย พลิกหยินกลับหยาง ยมโลกกลายเป็นแดนเซียน แดนเซียนกลายเป็นยมโลก บรรพชนเต๋าสะกดแรงกรรมทั้งหมดไว้ใต้แม่น้ำปรโลก แดนชำระบาปเก้าขุมคงอยู่มาตลอด เจ้าอย่าเข้าใกล้จะดีที่สุด ในนั้นซุกซ่อนตัวตนทรงพลังที่แพ้พ่ายในมหาเคราะห์เอาไว้มากมาย หากเจ้าหลงเข้าไป เราก็ช่วยเจ้าไม่ได้เช่นกัน”

สุ้มเสียงจักรพรรดิสวรรค์เคร่งขรึมอย่างยิ่ง

หานเจวี๋ยกลับบังเกิดความคิดอาจหาญอย่างหนึ่ง

เหตุใดถึงไม่ไปซ่อนตัวในแดนชำระบาปเก้าขุมเสียเล่า

กายดาราอนธการของเขาดูดซับแรงกรรมได้ หากภายหน้าได้ดูดซับแรงกรรมในแดนชำระบาปเก้าขุมล่ะก็…

หานเจวี๋ยใจเต้นไม่เป็นจังหวะแล้ว

ความคิดนี้อาจหาญยิ่งนัก และเปี่ยมด้วยแรงดึงดูดสุดชีวิต

หากไม่มีแรงกรรมในบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักร ความเร็วในการทะลวงระดับของหานเจวี๋ยก็ไม่มีทางเร็วเท่าในตอนนี้ได้!

………………………………………………………………