ตอนที่ 221 ของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อล่อลวงหลี่ฉางโซ่ว (1)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 221 ของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อล่อลวงหลี่ฉางโซ่ว (1)
เกิดอันใดขึ้นในราตรีนี้?

ในสำนักตู้เซียน ศิษย์น้องหญิงตัวร้ายแอบไปที่ยอดเขาหยกน้อย

ในวิหารเทพแห่งเมืองอันสุ่ย เทพธิดาอวิ๋นเซียวปรากฏกายขึ้นเงียบ ๆ ในชุดกระโปรงพลิ้วสีขาว นางเดินเอามือไพล่หลังเข้าไปในห้องโถงที่ว่างเปล่า แล้วชื่นชมภาพจิตรกรรมฝาผนังที่อยู่บนผนัง…

หลี่ฉางโซ่วมีเสน่ห์เพียงนั้นจริงหรือ?

เอ่อ ที่จริง มันก็เป็นแค่เรื่องบังเอิญมากกว่า…

มีสี่อย่างในชีวิตที่คนมักจะคิดผิด— ‘ข้ามีเสน่ห์มาก’ ‘บิดามารดาของข้าต้องปิดบังความร่ำรวยในฐานะมหาเศรษฐีเพื่อดัดนิสัยของข้า’ ‘ข้าจะได้กำไรอย่างมั่นคงและไม่ขาดทุนแน่นอน’ ‘บุรุษตรงหน้าข้าผู้นี้ ไม่ใช่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์อย่างแน่นอน’

แน่นอนว่า หลี่ฉางโซ่วจะไม่หลอกตัวเอง

ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเทพธิดาอวิ๋นเซียวในวิหารเทพทะเลเอ่ยถามเบาๆ ว่า “เจ้ายังเยาว์วัยจริงๆ หรือ?”

ดูเหมือนว่า นางจะสัพยอกหยอกล้อเขา

หลี่ฉางโซ่วรู้สึกปวดศีรษะขึ้นมาทันที เขาเดาว่า เทพธิดาอวิ๋นเซียวจะรู้ภูมิหลังบางอย่างของเขาแล้ว…

ไม่ว่าโหย่วฉินเสวียนหย่าจะร้ายกาจเพียงใด แต่สำหรับหลี่ฉางโซ่วแล้ว มันเป็นเพียงปัญหาเล็ก ๆ ในแวดวงสังคมเล็กๆ ของเขา

แต่เทพธิดาอวิ๋นเซียวเป็นปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ตัวจริงที่สามารถสังหารเขาได้อย่างง่ายดาย!

ดังนั้น หลี่ฉางโซ่วจึงตัดสินใจไปจัดการปัญหาในวิหารเทพทะเลก่อนทันทีโดยไม่ลังเลใดๆ

ทันทีที่โหย่วฉินเสวียนหย่าบินมาใกล้หอโอสถ นางก็ได้ยินเสียงของหลี่ฉางโซ่ว

“ศิษย์น้องโหย่วฉิน เจ้ารออยู่ในหอโอสถก่อนสักพัก จู่ๆ ข้าก็เกิดตระหนักรู้ถึงบางอย่างขึ้นมาได้ จึงขอทำความเข้าใจพวกมันก่อน”

กล่าวจบ หลี่ฉางโซ่วก็นั่งบนเก้าอี้โยกหน้าหอโอสถ เขาหลับตาและทำท่าจดจ่อราวกำลังพยายามบรรลุเต๋า ในขณะที่มีอักขระเต๋าคลุมเครือตัวหนึ่งลอยอยู่รอบกายเขา

โหย่วฉินเสวียนหย่าพยักหน้ารับทันที นางร่อนลงหยุดที่หน้าหอโอสถ เงียบๆ และมองไปที่หลี่ฉางโซ่วอย่างครุ่นคิด …

จากนั้น นางก็หยิบเบาะนั่งสมาธิออกมานั่งข้างนอก และเพลิดเพลินกับสายลมยามราตรีขณะที่รออยู่เงียบ ๆ เพื่อให้หลี่ฉางโซ่วฝึกบำเพ็ญเสร็จสิ้นลง

หลี่ฉางโซ่วเพ่งสมาธิจับจ้องไปที่โหย่วฉินเสวียนหย่าและพบว่า… นางกำลังมองดูดวงจันทร์อย่างเหม่อในขณะที่เผยสีหน้าหดหู่ออกมาเล็กน้อย

เขาถอนหายใจและคิดว่า ไว้ข้าจะคุยกับศิษย์น้องหญิงผู้นี้ในภายหลัง

เฮ้อ หากไม่ได้ผลจริงๆ ข้าก็จะเป็นผู้ชี้ทางสว่างให้โหย่วฉินเสวียนหย่าสักครั้ง… หลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็เปิดใช้งานตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ใต้วิหารเทพทะเล และยังคงแอบสังเกตการเคลื่อนไหวของเทพธิดาอวิ๋นเซียวทุกย่างก้าวผ่านรูปปั้นเทพหลัก

ไม่นานหลังจากนั้น เทพธิดาอวิ๋นเซียวก็ขึ้นเบา ๆ ว่า “เรื่องราวเหล่านี้น่าสนใจยิ่ง”

หลี่ฉางโซ่วเริ่มวิเคราะห์นัยแฝงในคำพูดของนางทันที น้ำเสียงของนาง อารมณ์ในน้ำเสียงของนาง และเจตนาที่มี

ไม่นานเขาก็ได้ข้อสรุป

เทพธิดาอวิ๋นเซียว… ใช่แล้ว ดูเหมือนว่า นางจะอารมณ์ดี

หลี่ฉางโซ่วพลันถอนหายใจอย่างโล่งอก

ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่อวิ๋นเซียวดูอยู่ในขณะนี้ เหล่าสานุศิษย์ผู้ศรัทธาของสำนักเทพทะเลมิได้สร้างขึ้นมาลวกๆ แต่ยังเป็นภาพที่หลี่ฉางโซ่ววาดด้วยตนเองเช่นกัน

ในช่วงแรกเริ่มของการพัฒนาสำนักเทพทะเล เพื่อเพิ่มผู้ศรัทธาให้เชื่อถือในวิหารเทพทะเล หัวหน้าหมู่บ้านชราของหมู่บ้านสง ‘ทูตเทวะที่เข้มแข็ง รวดเร็ว และสร้างรายได้’ จึงต้องสร้างเรื่องขึ้นมากมาย เรื่องราวของเทพแห่งท้องทะเลที่เต็มไปด้วยข้อบกพร่องหลายอย่าง

ตัวอย่างเช่น ‘สิบเรื่องราวของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลที่ต้องเล่าขาน’ และ ‘คืนนั้น เทพแห่งท้องทะเลนอนกับข้า’ ล้วนเป็นที่นิยมในทางตะวันตกเฉียงใต้แห่งดินแดนเทวะทักษิณ

เมื่อหลี่ฉางโซ่วเข้าครองสำนักเทพทะเลและจัดระเบียบกิจการภายในของสำนักเทพทะเล เขาได้จัดเตรียมชุดสำหรับการจัดการปัญหานั้น

เขาตัดเรื่องราวและตำนานที่คล้ายคลึงกันออกไปมากกว่าครึ่งและตัดถ้อยคำที่ไม่จำเป็นทั้งหมดออกไป เช่น ‘หญิงหม้ายสามีตายแต่ดันมีครรภ์จนเป็นที่ติฉิน’ ‘เทพแห่งท้องทะเล และเจ็ดธิดาแห่งเซียนทะเล’

ไม่นานหลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็เลือกนิทานสิบสองเรื่องต่อเนื่องกันจากเรื่องราวที่กระจายออกไปในสถานที่ต่างๆ ทั่วหล้า เขาเก็บรายละเอียดและพัฒนาเรื่องราวเหล่านั้นให้สมเหตุผลมากขึ้น จากนั้นก็ใช้พลังของสำนักเทพทะเลเข้าแทรกแซงและส่งเสริมมันอย่างแข็งขันเพื่อให้แผ่ขยายครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ขึ้น

หลี่ฉางโซ่วมีความคิดในเรื่องนี้อย่างชัดเจนเช่นเคย

ในเมื่อไม่อาจฝืนโชคชะตาได้ ก็จงยอมรับมันทั้งหมดแต่โดยดีและปรับเปลี่ยนมัน เขาจะพลิกชะตากรรมและกำหนดโชคชะตาของเขาขึ้นมาเอง!

เนื่องจากยามนี้ เขาได้ตัดสินใจจัดการสำนักเทพทะเล เขาจึงต้องควบคุมสำนักเอาไว้ให้อยู่ในกำมือของเขา ในทุกๆ ด้านเพื่อลดอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับเขาได้!

แน่นอนว่า ไม่อาจทำให้ชื่อเสียงของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลต้องถูกทำลายให้มัวหมองไปโดยไร้เหตุผล!

ภาพจิตรกรรมฝาผนังขนาดใหญ่สิบสองภาพบนผนังของห้องโถงวิหารเทพทะเลแห่งเมืองอันสุ่ย สอดคล้องกับนิทานทั้งสิบสองเรื่องเหล่านั้น

ภาพจิตรกรรมฝาผนังทุกภาพเป็นต้นฉบับของหลี่ฉางโซ่ว ซึ่งเขาได้รวบรวมช่างฝีมือที่มีทักษะจำนวนมากในหมู่มวลมนุษย์เอาไว้ พวกเขาใช้เวลาหลายเดือนในการสร้างขึ้นมาอย่างอุตสาหะและมีคุณค่าทางศิลปะสูงจนได้เป็นต้นแบบเฉพาะของวิหารทั้งหลายในสถานที่ต่างๆ

ในบรรดาเรื่องราวทั้งหลาย “ชายชราและเทพแห่งท้องทะเล” “เทพแห่งท้องทะเลเกลี้ยกล่อมจิงเว่ย[1]สามครั้ง” และ “เทพแห่งท้องทะเลขายโค” นั้น เป็นที่นิยมมากที่สุดในหมู่ผู้ศรัทธาและสานุศิษย์ ซึ่งพวกมันยังได้รับการพัฒนาให้มีภาคต่ออย่างต่อเนื่อง…

อวิ๋นเซียวมองภาพจิตรกรรมฝาผนังทีละภาพ บางครั้งก็พยักหน้าเบาๆ บางคราวก็ยิ้มเล็กน้อย ดูราวกับว่านางมาที่นี่เพื่อเยี่ยมชมเท่านั้น…

บัดนี้ ในห้องโถงใหญ่ มีเพียงร่างของนางคนเดียวเท่านั้นที่ก้าวไปช้าๆ

ประตูห้องโถงถูกปิดอย่างแน่นหนา แน่นอนว่า ทูตเทวะสองสามคนของหมู่บ้านสงที่ยืนปฏิบัติหน้าที่อยู่ด้านนอก ไม่อาจตรวจจับและเห็นร่างของผู้ยิ่งใหญ่ได้

ในขณะเตรียมตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์นักพรตเต๋า หลี่ฉางโซ่วก็แอบสังเกตเทพธิดาอวิ๋นเซียวผ่านรูปปั้น และอุทานด้วยความชื่นชมนางในใจ

นางดูสง่างาม และแสนสะคราญ โดดเด่นเหนือสามัญ

นางแต่งกายด้วยชุดกระโปรงพลิ้วสีขาวราวกับเมฆ แขนเสื้อบางเบา ชายกระโปรงยาวระเท้า ขณะที่นางเดินชม นางดูราวกับปุยเมฆสีขาวล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า ให้ความรู้สึกสบายตาและดูสง่างาม

วันนี้ อวิ๋นเซียวไม่ได้มัดผมของนาง แต่นางเพียงหวีมันไปให้เป็นมวยแล้วปักปิ่นติดผมไว้ เมื่อเทียบกับครั้งล่าสุดที่นางปรากฏกายบนเกาะซานเซียน นางยังดูเย่อหยิ่งน้อยลงและดูสง่างามมากขึ้น

นางเดินเอามือไพล่หลังไปช้า ๆ อยู่ข้างหน้าเชิงเทียนยาว ดวงตาคู่งามของนางเปล่งแสงสว่างเจิดจ้าและกระจ่างชัดเจนราวกับจะมองทะลุผ่านเห็นความสับสนในใจผู้คนได้…

เทพธิดาอวิ๋นเซียวมาทำอันใดที่นี่หรือ?

หลี่ฉางโซ่วไม่ใส่ใจชื่นชมทัศนียภาพอันงดงาม เขาคิดต่อไปในใจว่า นางมาเพื่อมอบของขวัญขอบคุณให้ข้าด้วยตัวเองเพราะเรื่องก่อนหน้านี้หรือ?

ต้องมีความหมายลึกซึ้งมากกว่านี้… หรือบางทีอวิ๋นเซียวคิดจะเข้าใกล้สำนักบำเพ็ญเต๋าหยินให้มากขึ้นโดยผ่านตัวข้า?

ในฐานะเจ้าสำนักเทพทะเลและปรมาจารย์เต๋าน้อยแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน หลี่ฉางโซ่วต้องพิจารณาถึงปัญหาเรื่องนี้

แม้เขาจะชื่นชมอวิ๋นเซียวมาก แต่นั่นก็ไม่ส่งผลต่อการตัดสินใจของเขา เพราะท้ายที่สุดแล้ว อวิ๋นเซียวก็เป็นผู้ทรงพลังยิ่งใหญ่ชั้นยอดที่อยู่ภายใต้จอมปราชญ์เทพ ถ้อยคำและการกระทำของนางย่อมแฝงนัยลึกซึ้ง

มิตรภาพระหว่างพวกเขาทั้งสองยังตื้นเขินนักด้วยพานพบกันเพียงครั้งเดียว นอกจากนี้ หลี่ฉางโซ่วยังไม่คิดว่าเขาจะมีโอกาสได้ผูกมิตรกับผู้ยิ่งใหญ่คนนี้…

ท่านอาจารย์ลุงจ้าว ปรมาจารย์แห่งโลกบรรพกาล ซึ่งมีนิสัยเช่นนี้ เป็นเพียงสิ่งไม่คาดฝันเล็กน้อยที่บังเอิญปรากฏขึ้นในโลกบรรพกาลเท่านั้น

โลกบรรพกาลส่วนใหญ่ล้วนเต็มไปด้วยกับดักและกลอุบาย

หลี่ฉางโซ่วไม่กล้าปล่อยให้อวิ๋นเซียวรอเป็นเวลานาน แล้วตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์นักพรตเต๋าในร่างเซียนชราก็ปรากฏตัวขึ้นในสวนด้านหลังของวิหารเทพทะเล และรีบขี่เมฆบินไปที่ห้องโถงใหญ่พลางกล่าวกับทูตเทวะสองสามคนว่า “พวกเจ้าไปก่อนเถิด”

“ขอรับ!”

ทูตเทวะของหมู่บ้านสงก้มศีรษะรับคำสั่งทันทีก่อนที่จะถอยกลับไป

หลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็สะบัดแส้หางม้า แล้วทันใดนั้น ประตูห้องโถงก็เปิดออกช้าๆ

หลี่ฉางโซ่วก้าวเข้ามาพร้อมเผยรอยยิ้มและทำการคารวะเต๋าให้ในทันที

เทพธิดาที่กำลังชมจิตรกรรมฝาผนังอย่างเพลิดเพลินพลันหันกลับมาแล้วพยักหน้าให้หลี่ฉางโซ่ว

รายละเอียดนั้น…

เทพธิดาอวิ๋นเซียวได้รับการยืนยันอย่างกระจ่างชัดแล้วว่า เขาเป็นรุ่นเยาว์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋า

หลี่ฉางโซ่วฉวยโอกาสจากสถานการณ์นี้และกล่าวว่า “ไม่รู้ว่า ผู้อาวุโสจะมาที่นี่ ผู้น้อยต้องขออภัยที่ไม่ได้ต้อนรับท่านให้ดี โปรดอภัยให้ข้าด้วยเถิด”

“สหายเต๋า ไม่ต้องมากพิธี” อวิ๋นเซียวตอบเบาๆ ขณะก้าวไปข้างหน้า “อันที่จริง ข้าคิดว่า ข้าไม่ได้ทำตัวเป็นแขก ข้าไม่รู้ว่าสหายเต๋าจะมาที่นี่โดยตรง”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มและพยักหน้าให้พลางถอนหายใจเบาๆ ในใจ

เทพธิดาอวิ๋นเซียวกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน น่าฟังอย่างยิ่ง…

น่าเสียดายที่ข้าไม่กล้ามีปฏิสัมพันธ์กับเหล่าเซียนซานเซียวมากขึ้น

“ผู้อาวุโสมาเยือนที่นี่ในยามค่ำคืนเช่นนี้ ไม่รู้ว่า มีเหตุสำคัญอันใดหรือไม่?”

“ไม่มีอันใดสำคัญหรอก” อวิ๋นเซียวกล่าวอย่างนุ่มนวลเบา ๆ “ก่อนหน้านี้ สหายเต๋าช่วยข้า พี่ชายและน้องสามของข้าได้ทันเวลา ข้าซาบซึ้งใจนัก จึงอยากตอบแทนน้ำใจของสหายเต๋า”

หลี่ฉางโซ่วยกนิ้วชื่นชมให้เทพธิดาผู้นี้อีกครั้งในใจ

เห็นได้ชัดว่า อวิ๋นเซียวไม่อยากเกี่ยวข้องในกรรมร่วมกับผู้อื่น ซึ่งค่อนข้างคล้ายกับเขาเช่นกัน

นอกจากนี้ ยังเป็นการดีที่จะตัดกรรม

“ผู้อาวุโสจริงจังไปแล้ว” หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ผู้อาวุโสมาที่นี่ด้วยตัวเองก็นับเป็นการให้เกียรติผู้น้อยเช่นข้ามากพอแล้ว นับประสาอะไรกับความช่วยเหลือก่อนหน้านี้ที่ไม่คู่ควรให้ต้องเอ่ยถึง”

อวิ๋นเซียวส่ายศีรษะช้าๆ และกล่าวว่า “หากสหายเต๋าไม่ยอมรับของขวัญชิ้นนี้ เกรงว่า คงยากที่ข้าจะสงบใจลงได้ ดังนั้น จึงอยากขอให้สหายเต๋าโปรดช่วยทำให้ข้าสมหวังด้วยเถิด”

“เอ่อ… เช่นนั้น ผู้น้อยไม่เกรงใจแล้วขอรับ” หลี่ฉางโซ่วโค้งคำนับและพึมพำกับตัวเองในใจ

อวิ๋นเซียวจะมอบของขวัญขอบคุณอะไรให้ข้านะ?

ใช่แล้ว ขอเพียงมิใช่สมบัติกรรมขนาดใหญ่อย่างถังทองฮุ่นหยวนหรือกรรไกรทอง เขาก็… พอจะยอมรับเอาไว้ได้…

จากนั้น เขาก็เห็นอวิ๋นเซียวเหยียดมืออ่อนนุ่มราวหยกขาวของนางออกไปข้างหน้า แล้วม้วนกระดาษยาวราวหนึ่งฉื่อก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของนาง

……………………………………………………………………….

[1] ตัวละครในตำนานจีนเรื่องจิงเว่ยถมทะเล จิงเว่ยเป็นบุตรีของจักรพรรดิเอี๋ยนตี้ มีนามเดิมว่า “หนี่ว์วา” นางอยากให้พระบิดาพาไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ทะเลบูรพาแต่พระบิดาทรงติดราชกิจ นางจึงแอบพายเรือหนีไปคนเดียวและถูกคลื่นพายุซัดเรืออับปาง จนจมลงสู่ใต้ทะเลและ เกิดใหม่เป็นนกนาม “จิงเว่ย” คอยคาบหินก้อนเล็ก กิ่งไม้ และเมล็ดพืชไปทิ้งยังท้องทะเลบูรพา หวังจะถมทะเลให้เต็ม เพื่อแก้แค้นท้องทะเล