บทที่ 366 เรื่องใหญ่เกิดขึ้น

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 366 เรื่องใหญ่เกิดขึ้น

นางนั่งรถม้าออกมาไม่ใช่หรือ? ม้ามาจากไหน?

เห็นเพียงหลานเยาเยาเอานิ้วชี้งอเข้าไปในปาก

“วี๊ด……”

เสียงผิวปากดังขึ้นเสียงหนึ่ง

“ตักตักตัก…….”

เสียงกีบม้าที่วิ่งอย่างรวดเร็วใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หลานเยาเยายกม่านผืนใหญ่ขึ้น พูดเบาๆเสียงหนึ่ง “เจอกันที่ตำหนักองค์ชายสี่” จากนั้น ก็เหาะขึ้นไปบนหลังสวนหยู่ที่ได้มาถึงข้างรถม้า

“ย๊ะ……”

เงาสีแดง ม้าที่สง่างามตัวหนึ่ง ม้าควบอย่างรวดเร็ว วิ่งออกไปไกล

หลานจิ่นเอ๋อที่ยังคงคุกเข่าอยู่ที่พื้นในรถม้า สีหน้าที่ไม่ได้ทีท่ากระวนกระวายตั้งนานแล้ว แต่กลับมีรอยยิ้มที่ชั่วร้ายแฝงไว้

จากนั้นนางก็เอาสิ่งของอย่างหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อกว้างๆ มองดูของสิ่งนั้น ดวงตาของหลานจิ่นเอ๋อก็ยิ่งมีรอยยิ้มที่ชั่วร้ายมากขึ้น

“ของนี้ไร้สีไร้รสชาติ ดูซิว่าเจ้าจะอวดดีได้ถึงเมื่อไหร่?”

หลังจากที่พูดด้วยเสียงทุ้ม หลานจิ่นเอ๋อก็เพ่งมองคนขับรถม้าผ่านม่านผืนใหญ่

“ยังไม่เพิ่มความเร็วอีก?”

“ขอรับ คุณหนู!”

…….

หลานเยาเยาขี่ม้าอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงตำหนักขององค์ชายสี่ ไม่ได้พักผ่อนสักน้อย ก็เอ่ยขึ้นว่าจะทำการรักษาให้องค์ชายสี่ทันที

ในห้องขององค์ชายสี่ มีเพียงหลานเยาเยาผู้เดียว และประตูหน้าต่างก็ล้วนปิดสนิท

เป็นเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง ในที่สุดประตูห้องก็เปิดออก เย่หลีเฉินและทหารของตำหนักสองสามคนรออยู่ด้านนอก

แน่นอน!

หลานจิ่นเอ๋อก็ถึงแล้ว

ในช่วงเวลาที่เห็นเทพธิดาเปิดประตู จิตใจของนางก็สั่นไหวอย่างรุนแรง

“เทพธิดา น้องสี่เป็นอย่างไรบ้าง?” เย่หลีเฉินถามด้วยความร้อนใจเล็กน้อย

“ฟื้นแล้ว รอให้เขาฟื้นคืนสภาพเดิม ก็สามารถพูดจาได้แล้ว”

“ดีมากๆเลย!”

เย่หลีเฉินรีบเดินเข้าไปในห้องด้วยความดีใจ หลานจิ่นเอ๋อส่ายหัวด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ

เป็นไปไม่ได้!

เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!

เขาไม่ได้บอกว่า โดนยาพิษชนิดนี้แล้ว แม้ว่าจะถูกช่วยให้ฟื้นขึ้นมา ก็เป็นได้เพียงคนไร้ความสามารถผู้หนึ่งหรือ?

หลานจิ่นเอ๋อไม่กล้าคิดมาก วิ่งเข้าไปด้วยความรีบร้อน เมื่อมองเห็นองค์ชายสี่ที่นอนอยู่บนเตียงฟื้นขึ้นมาแล้ว อีกทั้งสีหน้าที่สดใส ไม่เหมือนกับคนปัญญาอ่อนไร้ความสามารถสักน้อย

คนหลอกลวง……

คนผู้นั้นเป็นคนหลอกลวงที่สุด……

เวลานี้!

องค์ชายสี่ที่นอนอยู่บนเตียงค่อยๆหันมามองทางนาง ใจของหลานจิ่นเอ๋อค่อยๆหมดหวังตามไปทีละคืบ

ความจริงแล้วในก้นบึ้งจิตใจของนางยังคงมีความหวังอยู่ริบหรี่……

นางหวังว่าองค์ชายสี่จะลืมงานวัดวันนั้น เรื่องที่เกิดขึ้นในป่าไผ่ เพียงแค่เขาลืม ทุกอย่างก็ยังมีย้อนกลับไปมีทางหนีทีไล่

แต่ว่า……กลับไม่มี

เมื่อองค์ชายสี่มองเห็นนาง แววตาก็เปลี่ยนเป็นหวาดผวาในพริบตา จากนั้นก็เป็นโกรธแค้น โกรธแค้นราวกับฝนฟ้ากระหน่ำ

“น้องสี่ เจ้าเป็นอะไร?”

เห็นสีหน้าท่าทางขององค์ชายสี่แปลกๆ เย่หลีเฉินรีบมองไปทางหลานจิ่นเอ๋อทันที และหลานจิ่นเอ๋อก็ตัวสั่นไปทั้งตัวขึ้นมา

น่าเสียดาย……

องค์ชายสี่ที่เพิ่งฟื้นขึ้นมา มือเท้าไม่สามารถขยับได้ ปากไม่สามารถพูดได้ เขาทำได้เพียงจ้องมองหลานจิ่นเอ๋อเขม็ง

เมื่อเขาเห็นหลานจิ่นเอ๋อ ก็คิดถึงเรื่องงานวัดคืนวันนั้นทันที

ที่ลึกในป่าไผ่ ยาวค่ำคืนที่หนาวเย็นเล็กน้อย

มองเห็นร่างที่อรชรอ้อนแอ้น ใบหน้าที่งดงามละเอียดอ่อนไม่เชยของหลานจิ่นเอ๋อ เขาก็ตามเข้าไป คิดอยากจะเข้าไปจูบอย่างเร่าร้อนกับพระชายาองค์ชายสี่ของตัวเองที่กำลังจะแต่งงานกัน

ใครจะรู้ว่าหลานจิ่นเอ๋อไม่เพียงแค่ไม่ยอมทำตาม กลับยังหลบเลี่ยงเขาอย่างใจดำ เวลานั้นได้กระตุ้นอารมณ์ความปรารถนาให้เขาอยากบังคับฝืนใจนางขึ้นมา

แต่เมื่อลงลงมือกับนาง ก็ได้พบว่าหลานจิ่นเอ๋อเหมือนได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ผละออกจากอ้อมอกของเขาในทันที ยังทำให้เขาขยับตัวไม่ได้โดยไม่รู้ตัว

เขาทำได้เพียงจ้องมองอยู่อย่างเดียว ใบหน้าของหลานจิ่นเอ๋อเต็มไปด้วยสีหน้าโกรธแค้น ถ่มน้ำลายไปทางเขา หัวเราเยาะเย้ยเหยียดหยามดูหมิ่นเขา ทั้งยังกรอกยาพิษให้เขาด้วย

สุดท้ายความชั่วร้ายในแววตา จนกระทั่งถึงวันนี้เขาได้คิดถึงก็ขนลุกไปทั้งตัว

เขาอยากให้หลานจิ่นเอ๋อไสหัวออกไป ห่างจากเขาไปไกลๆ

แต่เขายิ่งอยากให้เย่หลีเฉินรีบจับหลานจิ่นเอ๋อไว้ รับโทษโบยอย่างหนัก บดศพเป็นหมื่นชิ้น แม้กระทั่งลอกหนังดึงเส้นเอ็นออกมาก็ล้วนได้ทั้งสิ้น

เพียงแค่ไม่ต้องปรากฏตัวต่อหน้าเขาก็จะดีๆ

ทำอะไรไม่ได้……

เขาพูดไม่ได้ มือเท้าก็ขยับไม่ได้

อีกทั้ง จากนิสัยของเย่หลีเฉินที่รู้จักแต่เพียงการกินเที่ยวดื่มรื่นเริง เดิมทีไม่สามารถมองความหมายในสายตาของเขาออกได้

หลังจากที่หลานจิ่นเอ๋อพบว่าองค์ชายสี่ไม่สามารถพูดได้ ทันใดนั้นในใจก็มีแผนขึ้นมาหนึ่งแผน

สีหน้าเปลี่ยนไปทันที

จากที่ตื่นกลัวจนทำอะไรมาถูกก็เปลี่ยนเป็นท่าทางที่ตื่นเต้นอย่างที่สุดในพริบตา เบ้าตาชุ่มฉ่ำขึ้นทันที น้ำตาบอกให้ไหลก็ไหล

“ฮือฮือฮือ……”

“องค์ชายสี่ ท่านฟื้นแล้ว ดีมากเลย ในที่สุดท่านก็ยอมฟื้นขึ้นมาสักที ในไม่กี่วันนี้ที่ท่านสลบไป ทำให้จิ่นเอ๋อเป็นห่วงมากๆเพคะ!

จิ่นเอ๋ออยากจะให้คนที่นอนอยู่บนเตียงเป็นตัวเองอย่างมาก โชคดีที่สวรรค์มีตา เทพธิดารักษาหายแล้ว ไม่เช่นนั้น จิ่นเอ๋อก็ไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไรเพคะ

แงแงแง……”

หลานจิ่นเอ๋อพูดจาด้วยความจริงใจ สีหน้าก็เปลี่ยนจากเศร้าเป็นดีใจ ทำให้คนมองไม่ออกสักนิดว่าปลอม

หลานเยาเยาที่เดินเข้ามาเห็นฉากนี้ อดไม่ได้ที่จะแอบแปลกใจ

มีทักษะการแสดงเช่นนี้ ไม่ต้องรับรางวัลออสก้าตุ๊กตาทองจนมือไม้อ่อนไปเลยหรือ?

แต่ว่า เห็นท่าทางที่องค์ชายสี่จ้องมองหลานจิ่นเอ๋อตาเขม็ง ราวกับว่าลูกกระตาแทบจะหลุดออกมาแล้ว

หลานเยาเยาจึงได้พูดว่า :

“ไม่ต้องเป็นห่วง ที่องค์ชายสี่มือเท้าไม่สามารถขยับได้เช่นนี้ ปากไม่สามารถพูดได้ เหตุผลก็เป็นเพราะเพิ่งจะฟื้นขึ้นมา

รออีกสักครึ่งชั่วยาม เขาก็จะสามารถที่จะค่อยๆปริปากพูดได้ มือเท้าก็จะค่อยๆสามารถขยับตัวได้แล้ว”

เมื่อคำพูดนี้หลุดออกไป

ร่างกายของหลานจิ่นเอ๋อก็ชะงักไป แม้แต่เสียงร้องไห้ก็หยุดกึกลงทันที

ไวขนาดนี้เชียว?

เห็นดังนั้น!

หลานเยาเยาหัวเราะเบาๆ

“ไม่จำเป็นต้องตื้นตันขนาดนั้น เขาอยากจะฟื้นคืนสภาพอย่างสมบูรณ์ ยังต้องใช้เวลาสองสามวันในการปรับตัวให้ดี”

พูดกับหลานจิ่นเอ๋อจบ หลานเยาเยาก็เคลื่อนสายตามายังร่างของเย่หลีเฉิน “องค์ชายรัชทายาท ท่านออกมากับข้าสักครู่ ข้ามีเรื่องบางอย่างมอบให้ท่านไปทำ”

“ได้ขอรับ!”

เย่หลีเฉินตีที่มือขององค์ชายสี่เบาๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นตามหลานเยาเยาออกไป เขาไม่ได้มองเห็นถึงสายตาที่ร้อนใจจนสิ้นหวังขององค์ชายสี่แม้แต่น้อย

“เอี๊ยด” เสียงหนึ่ง ประตูห้องถูกปิดลงแล้ว

ด้วยความรวดเร็วของดวงตาที่สามารถมองเห็นหน้าผากขององค์ชายสี่ ผุดไปด้วยเหงื่อเม็ดละเอียดเต็มไปหมด สายตามองหลานจิ่นเอ๋อด้วยความหวาดผวา

เงียบไปชั่วขณะ!

ได้ยินว่าด้านนอกไม่มีความเคลื่อนไหวแล้ว หลานจิ่นเอ๋อจึงเปิดปากขึ้นช้าๆ

“เป็นอย่างไรบ้างเพคะ? องค์ชายสี่ สัมผัสถึงความสิ้นหวังแล้วหรือเพคะ?”

เสียงทุ้มต่ำ ดังออกมาจากปากของหลานจิ่นเอ๋อ

ท่าทางของหลานจิ่นเอ๋อในขณะนั้น ไม่ได้โศกเศร้าอาดูร มีความสุขจนน้ำตานองแบบนั้นแล้ว แต่เปลี่ยนเป็นสีหน้าที่เยาะเย้ยที่น่ากลัวในทันใด

“วันนั้นให้ท่านรอดไปได้ครั้งหนึ่ง วันนี้วันนี้จะต้องทำให้ท่านจบชีวิต หึ!”

มือข้างหนึ่งของหลานจิ่นเอ๋อบีบปากขององค์ชายสี่ไว้ บีบบังคับให้เขาอ้าปาก มืออีกข้างหนึ่งหยิบเอายาลูกกลอนออกมาเม็ดหนึ่ง ส่งไปในปากของเขา……

ฉับพลันนั้น!

แขนก็รู้แน่นทันที

ด้ายสีเงินบางๆยาวๆพันที่ข้อมือนางไว้แล้ว

ในเวลาเดียวกันที่แอบตกใจ หลานจิ่นเอ๋อก็คิดอยากจะดิ้นให้หลุดแต่ไม่ว่าอย่างไรก็กลับไม่หลุด

รู้ว่าเรื่องถูกเปิดโปง จะแสร้งทำเป็นผู้บริสุทธิ์ก็ไม่มีประโยชน์

หลานจิ่นเอ๋อได้หัวเราะเสียงต่ำออกมาเสียเลย จากนั่นก็หัวหน้าไป มองดูเจ้าของด้ายสีเงิน ถามอย่างเยือกเย็นด้วยความไม่เข้าใจว่า :

“เจ้ารู้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”

นางไม่เรียกนางว่าเทพธิดา

กลับส่งเสียงถามไปตรงๆอย่างไม่เกรงใจ

นางสังหรณ์ใจได้ถึง เทพธิดาสงสัยนางตั้งนานแล้ว

“รู้อะไร? รู้ว่าเจ้าเป็นฆาตกรฆ่าคน? หรือว่ารู้ว่าเจ้าเป็นตัวบงการของเรื่องราวทั้งหมด?”

“เหอะเหอะเหอะ……ตัวบงการ? ชั่งเหลวไหลยิ่งนัก ไม่มีพยานไม่มีหลักฐานเจ้าจะกล่าวหาว่าข้าเป็นตัวบงการได้เช่นไร?”

นางรู้……

คาดไม่ถึงว่าเทพธิดาจะรู้ว่านางเป็นผู้กระทำเรื่องทั้งหมด?

นี่จะเป็นไปได้เช่นไร?