ตอนที่ 655 ค่าตอบแทนที่ต้องจ่าย (2) ตอนที่ 656 ค่าตอบแทนที่ต้องจ่าย (3)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 655 ค่าตอบแทนที่ต้องจ่าย (2) / ตอนที่ 656 ค่าตอบแทนที่ต้องจ่าย (3)
ตอนที่ 655 ค่าตอบแทนที่ต้องจ่าย (2)

เจ้าแมวดำตัวเล็กนั่น…

สามารถ…กลืนกินภูติวิญญาณได้จริงๆ!

เป็นไปได้อย่างไรกัน!

เรื่องที่น่าตกใจและไม่เคยได้ยินมาก่อนกำลังเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาพวกเขา! กระทั่งในความฝันที่เลวร้ายที่สุดพวกเขาก็ยังไม่เคยคิดฝันว่าสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้จะเกิดขึ้นจริงๆ!

พวกเขามองดูสหายดิ้นพล่านชักกระตุกอย่างเจ็บปวดอยู่บนพื้น และมองดูภูติวิญญาณของเขาถูกกินไปอย่างช้าๆ เรี่ยวแรงที่ขาของพวกเขาพลันหายไปจนสิ้น และเริ่มตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้

การปรากฏตัวของสัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติได้ไล่พวกเขาไปสู่ความสิ้นหวังอย่างสมบูรณ์ และการลงมืออย่างโหดเหี้ยมของเด็กหนุ่มผู้นั้น รวมกับความสามารถอันแปลกประหลาดของเจ้าแมวดำตัวน้อย ก็เกือบทำให้พวกเขาเสียสติ พวกเขาภาวนาต่อสวรรค์อย่างแรงกล้าว่าอย่าให้พวกเขาต้องเจอกับชะตากรรมเดียวกันเลย

การดึงภูติวิญญาณออกไปจากร่างพวกเขา แค่คิดก็เย็นวาบไปทั้งสันหลังแล้ว!

หลังจากกลืนกินภูติวิญญาณประเภทอาวุธไปแล้ว เจ้าแมวดำตัวน้อยก็ยังไม่พอใจ มันหรี่ตาลงมองภูติวิญญาณที่ถูกหางของใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะจับไว้ก่อนจะแลบลิ้นเลียริมฝีปาก

“เจ้ายังกินต่อได้หรือไม่” จวินอู๋เสียสังเกตเห็นสายตาของเจ้าแมวดำตัวน้อยจึงถามขึ้นอย่างใจเย็น

เหมียววว!

ต่อให้อิ่มจนพุงแตกตาย ข้าก็จะเขมือบพวกมันให้หมด!

เมื่อสักครู่พวกมันสนุกกับการไล่ล่าข้านักไม่ใช่หรือ กงล้อแห่งชะตากรรมหมุนกลับแล้ว ถึงทีข้าแก้แค้นบ้างเล่า!

จวินอู๋เสียพยักหน้า ให้สัญญาณใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะปล่อยภูติวิญญาณประเภทสัตว์ร้ายลงมาอีกหนึ่งตัว

ภูติวิญญาณประเภทสัตว์ร้ายตัวนั้นถูกใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะเล่นงานมาหนักแล้วจึงอ่อนแอมาก เมื่อใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะโยนมันลงพื้น มันก็นอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ตรงนั้น ไม่มีท่าทีดุร้ายอย่างที่มันแสดงตอนไล่ตามเจ้าสัตว์ร้ายสีดำและมู่เชียนฟานเมื่อครู่เลยแม้แต่น้อย

แมวดำตัวเล็กกระโดดลงจากไหล่ของจวินอู๋เสีย และแปลงร่างเป็นเจ้าสัตว์ร้ายสีดำตัวใหญ่ มันก้าวช้าๆ ไปยืนอยู่ด้านข้างของภูติวิญญาณประเภทสัตว์ร้ายตัวนั้น แล้วก้มหัวลงช้าๆ พร้อมกับอ้าปากกว้างก่อนจะกัดภูติวิญญาณประเภทสัตว์ร้ายตัวนั้นออกมาคำใหญ่!

เสียงกรีดร้องดังลั่นดังขึ้นพร้อมๆ กันจากกลุ่มคนที่เกาะกลุ่มกันอยู่!

มนุษย์เจ้าของพันธสัญญากับภูติวิญญาณประเภทสัตว์ร้ายตัวนั้น คว้าจับเสื้อที่หน้าอกของเขา ทันใดนั้นเขาก็ล้มลงกับพื้น สองขาเตะออกไปด้วยความเจ็บปวดทรมาณ

จวินอู๋เสียมองเขาด้วยสายตาเย็นชา ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวความสงสารเห็นใจในดวงตาคู่นั้น

ถ้านางมาช้ากว่านี้อีกสักนิด คนที่จะกลายเป็นศพตอนนี้ก็คือมู่เชียนฟาน!

หลังจากแมวดำตัวน้อยกินภูติวิญญาณประเภทสัตว์ร้ายไปอีกสองตัว มันก็ไม่สามารถกลืนลงไปได้อีกแม้แต่คำเดียว มันเดินกลับไปยืนด้านหลังจวินอู๋เสียอย่างพอใจเป็นการสัญญาณว่ามันอิ่มแล้ว

“ฆ่าพวกมันทิ้งซะ” จวินอู๋เสียสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา ขณะที่คนกลุ่มนั้นมองมาที่นางอย่างไม่อยากจะเชื่อ

ใครก็ตามที่บังอาจมายุ่งกับคนไข้ของนาง ก็ต้องเตรียมตัวชดใช้ไว้ให้ดี!

เนื่องจากความตายที่กำลังจะมาถึงตัว คนกลุ่มนั้นจึงเค้นเอาเรี่ยวแรงกลับมามากพอที่จะตะเกียกตะกายหนี เสียงกรีดร้องอย่างสิ้นหวังดังออกจากลำคอของพวกเขา ถึงแม้จะรู้อยู่ในใจลึกๆ แล้วว่า ความพยายามอย่างอ่อนแรงที่จะหลบหนีจากความตายของพวกเขานั้นมันไร้ประโยชน์สิ้นดี!

หางอันใหญ่โตของใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะตวัดฟาดลงมาราวกับตีแมลงวัน ทุบลงบน ‘แมลง’ ที่ตะเกียกตะกายอยู่ทุกทิศทุกทาง บดขยี้พวกมันลงกับพื้น รอบนี้มันไม่ใช่ ‘เบาๆ’ อีกแล้ว เมื่อได้รับคำสั่งจากจวินอู๋เสียให้กำจัด ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะก็ไม่ออมแรงอีกต่อไป

ตู้ม ตู้ม ตู้ม

เสียงตีดังสนั่นป่า คนทั้งหมดถูกใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะฟาดเข้ากับพื้น กระดูกพวกเขาแหลกละเอียด ร่างกายถูกบดขยี้เละเทะ กลายเป็นเศษซากสีแดงกระจัดกระจายไปทั่วพื้น และเป็นปุ๋ยชั้นดีให้แก่ต้นไม้ในป่าอีกด้วย

แบ๊ะ ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะมองแอ่งเลือดสีแดงเข้มหลายแห่งบนพื้นก่อนจะหันไปหาจวินอู๋เสียและส่งเสียงร้องสั้นๆ ออกมาราวกับกำลังถามหาความพอใจของจวินอู๋เสีย

จวินอู๋เสียพยักหน้า

ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะถอนหายใจอย่างโล่งอก มันกลับร่างเป็นแกะขนปุยตัวเล็กแล้วเหยาะย่างมาอยู่ข้างกายจวินอู๋เสียอย่างมีความสุข กีบเท้าของมันเคาะไปรอบๆ ตัวนาง ร้องขอคำชมเชยอย่างหน้าไม่อาย

แต่จวินอู๋เสียกลับยื่นมือออกมาแล้วสะบัดแผนที่เปื้อนเลือดต่อหน้าใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะ และใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะที่เพิ่งจะยิ้มอย่างภูมิใจอยู่หยกๆ ก็รีบหยุดกระโดดโลดเต้นแล้วทำคอตกหางตกอย่างเหนียมอาย

ตอนที่ 656 ค่าตอบแทนที่ต้องจ่าย (3)

หลังจากจัดการกับคนกลุ่มนั้นเรียบร้อย จวินอู๋เสียก็ให้เจ้าสัตว์ร้ายสีดำแบกร่างมู่เชียนฟานที่ยังหมดสติเดินทางกลับที่พัก ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะตามหลังจวินอู๋เสียอยู่ห่างๆ มันเคาะกีบเท้าเร็วๆ สองสามครั้งก่อนจะหยุดสังเกตจวินอู๋เสียอย่างระมัดระวัง เมื่อมันตระหนักได้ว่ามันไม่ได้รับการตอบสนองจากจวินอู๋เสีย มันก็ทำคอตกอย่างเศร้าใจและเดินตามหลังไปเงียบๆ รู้สึกหดหู่ผิดหวังไปตลอดทาง

ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะรู้สึกว่าบุรุษคนแรกที่มันฟาดตายไปนั้นไม่ใช่ความผิดของมัน มันจะไปรู้ได้อย่างไรว่ามนุษย์จะอ่อนแอขนาดนี้ มันแค่แตะเบาๆ เบามากๆ เบาสุดๆ เจ้าหมอนั่นก็ตายเสียอย่างนั้น!

ในที่พักข้างกองไฟ หรงรั่วกับเฟยเยียนกลับมาแล้ว สหายทั้งห้านั่งล้อมวงคุยกันรอบกองไฟ

เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงฝีเท้า ต่างก็หันมาพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า แต่ทันใดนั้นพวกเขาก็เห็นว่าจวินอู๋เสียไม่ได้กลับมาเพียงลำพัง แต่พามู่เชียนฟานกลับมาด้วย!

สิ่งที่ทำให้พวกเขายิ่งงงมากขึ้นก็คือการที่เห็นมู่เชียนฟานชุ่มโชกไปด้วยโลหิตสีแดงสด!

“เกิดอะไรขึ้น!” เฉียวฉู่ผุดลุกขึ้นทันที

จวินอู๋เสียเล่าให้ทุกคนฟังถึงเรื่องที่มู่เชียนฟานบังเอิญเจอเข้ากับคนกลุ่มหนึ่งและถูกโจมตี นางอธิบายรายละเอียดที่จำเป็นแบบน้อยที่สุด และยื่นแผนที่เปื้อนเลือดส่งให้ฮวาเหยา

ฮวาเหยาเปรียบเทียบแผนที่ที่ไม่สมบูรณ์นั้นกับชิ้นอื่นๆ อยู่พักใหญ่ แล้วพูดขึ้นว่า “ถ้าข้าเข้าใจไม่ผิด แผนที่นี้น่าจะเป็นหนึ่งในแปดส่วนของแผนที่ไปยังสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ น่าเสียดายที่มันเปื้อนเลือดเสียจนดูไม่ออก ไม่อย่างนั้นเราก็มีแผนที่อีกส่วนอยู่ในมือแล้ว”

จบประโยค ฮวาเหยาก็อดถอนหายใจไม่ได้

แผนที่แต่ละส่วนไม่ได้หามาได้ง่ายๆ การปล่อยโอกาสงามๆ เช่นนี้หลุดมือไปย่อมต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมากในการสร้างโอกาสขึ้นอีกครั้ง

จวินอู๋เสียไม่พูดอะไรนอกจากชำเลืองมองใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะที่อยู่ข้างๆ นาง ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะเงยหน้าขึ้นและเห็นสายตาเย็นยะเยือกของจวินอู๋เสีย ร่างอันปุกปุยกลมกลิ้งของมันก็อดสั่นระริกไม่ได้

แบ๊ะ แบ๊ะ แบ๊ะ!

ข้าไม่ได้ตั้งใจ! ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะ!

ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะวิ่งไปที่แนวป่าด้านข้างและซ่อนตัวอยู่ในหมู่ต้นไม้

“อะ…เกิดอะไรขึ้นกับใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะหรือ” หรงรั่วถามเมื่อเห็นใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะวิ่งหนีไปอย่างคลุ้มคลั่ง แต่ภาพของลูกบอลขนปุยสีขาววิ่งหน้าตั้งไปนั้นทำให้นางอยากหัวเราะมากกว่า

น่ารักชะมัด

“อย่าไปสนใจมันเลย” จวินอู๋เสียพูดเสียงเบา

“ถึงแม้แผนที่นี้จะใช้การไม่ได้แล้ว อย่างน้อยเราก็ได้เบาะแสสำคัญมานะ ใช่หรือไม่ ดูเหมือนว่าแผนที่ส่วนที่สี่จะอยู่ในมือขององค์รัชทายาทของรัฐเหยียน พอเรายึดแผนที่ส่วนที่อยู่ในสำนักศึกษาเฟิงหัวได้แล้ว เราก็ไปเอาส่วนที่สี่ที่รัฐเหยียนกันต่อเลย” ฮวาเหยาพูดพร้อมหัวเราะ การได้ข้อมูลของแผนที่ส่วนต่อไปช่วยประหยัดเวลาให้พวกเขาได้เล็กน้อย

“รัฐเหยียน เป็นการเดินทางที่ยาวนานอยู่นะ จากสำนักศึกษาเฟิงหัวน่ะ” เฟยเยียนครุ่นคิด ภาพอันคุ้นเคยของแผนที่สามโลกเบื้องล่างปรากฏขึ้นในใจของเขา

ระหว่างรัฐเหยียนกับสำนักศึกษาเฟิงหัวนั้น มีรัฐเล็กๆ อยู่หลายรัฐ ดูจากระยะทางแล้วพวกเขาต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งเดือนเพื่อที่จะไปให้ถึงรัฐเหยียนที่อยู่ห่างไกล และการเดินทางเกินหนึ่งเดือนเช่นนี้ย่อมต้องขี่ม้ากันอย่างหนักและเร็ว

“ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ไม่นานหลังจากกลับจากการเดินทางครั้งนี้ เราจะสามารถเข้าสู่สำนักศึกษาเฟิงหัวตึกหลักได้ในเวลาหนึ่งอาทิตย์เป็นอย่างมาก ตอนนั้นแน่ใจได้เลยว่าเราจะสามารถหาที่อยู่ของแผนที่ได้แน่” ฮวาเหยาให้เหตุผลอย่างใจเย็น “เจ้าสงสัยใครในสำนักศึกษาเฟิงหัวมากที่สุด ที่น่าจะเป็นคนที่ถือแผนที่เอาไว้” เฟยเยียนถามอย่างอยากรู้

“หนิงรุ่ย” จวินอู๋เสียตอบทันที

นางพูดต่อว่า “เมื่อสิบสองตำหนักมองหาแพะในสามโลกเบื้องล่าง พวกเขาจะไม่เข้าหาคนที่ไม่มีอำนาจ ถ้าไม่ใช่อาจารย์ใหญ่ ก็มีแค่รองอาจารย์ใหญ่หนิงรุ่ยเท่านั้น”