ตอนที่ 653 ผู้ใดกล้าแตะต้องคนไข้ของข้า (5) ตอนที่ 654 ค่าตอบแทนที่ต้องจ่าย (1)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 653 ผู้ใดกล้าแตะต้องคนไข้ของข้า (5) / ตอนที่ 654 ค่าตอบแทนที่ต้องจ่าย (1)
ตอนที่ 653 ผู้ใดกล้าแตะต้องคนไข้ของข้า (5)

เรื่องกลับกลายเป็นว่า ในตอนที่มู่เชียนฟานออกไปหาฟืน เขาได้บังเอิญผ่านมาบริเวณนี้ และโดยไม่ได้คาดคิดว่าคนกลุ่มนี้กำลังปรึกษาแผนการกันอยู่ในป่า หัวหน้าที่เพิ่งตายไปไม่สนใจว่ามู่เชียนฟานได้ยินไปแล้วมากน้อยเพียงใด เขาแค่ต้องการป้องกันไม่ให้ภารกิจของพวกเขารั่วไหลออกไป จึงนำคนของเขาไล่ตามมู่เชียนฟานเพื่อฆ่าปิดปาก

กลิ่นคาวเลือดที่จวินอู๋เสียได้กลิ่นในตอนแรกเป็นของมู่เชียนฟาน ถ้าเจ้าแมวดำตัวน้อยไปถึงที่นั่นไม่ทันเวลา มู่เชียนฟานคงได้ขึ้นสวรรค์ไปนานแล้ว

“พวกเจ้าปรึกษากันเรื่องอะไร” จวินอู๋เสียถาม

นักธนูไม่กล้าปิดบังอะไรจึงพูดต่อไปว่า “เรา…จริงๆ แล้วพวกเรามาจากรัฐเหยียน…นายท่านของพวกเราต้องการให้เราไปสำรวจผาสุดขอบฟ้า พวกเรากำลังปรึกษาเรื่องแผนการเดินทางไปที่ผาสุดขอบฟ้าในตอนที่…”

ผาสุดขอบฟ้า!

จวินอู๋เสียใจเต้น

“พวกเจ้าจะไปทำอะไรกันที่ผาสุดขอบฟ้า” จวินอู๋เสียถามอย่างเย็นชา

“นั่น…ข้าไม่รู้จริงๆ…ผู้ที่มีสถานะต่ำเช่นพวกเราไม่รู้เรื่องพวกนั้นหรอก คนเดียวที่รู้รายละเอียดว่าภารกิจของพวกเราเกี่ยวข้องกับอะไรก็คือหัวหน้า เขาไม่ได้พูดอะไรกับพวกเราเลย…ข้า…ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ…” ขณะที่นักธนูพูด เขาก็เอาแต่โขกศีรษะกับพื้นเพื่ออ้อนวอนให้จวินอู๋เสียไว้ชีวิตเขา

จวินอู๋เสียหรี่ตาลงและชี้ไปที่ศพคนตายก่อนจะถามว่า “เขามีแผนที่อยู่กับตัวรึเปล่า”

นักธนูรีบพยักหน้า

“มีขอรับ! มี! แต่เขาไม่เคยเอามันออกมาให้พวกเราเห็นเลย เขาเก็บมันไว้กับตัวตลอดเวลา”

“ไปหามา” จวินอู๋เสียสั่ง

นักธนูกระวีกระวาดเข้าไปอย่างเร็ว และเมื่อเขาเห็นสภาพอันน่าสังเวชของศพ เขาก็ชะงักไปชั่วครู่อย่างลังเล

ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะเป่าลมร้อนออกมา และเมื่อนักธนูที่กำลังลังเลรู้สึกถึงลมอุ่นๆ พัดผ่านเขาไป เขาก็หน้าซีดและเริ่มต้นค้นหาอย่างบ้าคลั่งทันที

“ข้าจะหา! ข้าจะหา! หาเดี๋ยวนี้เลยขอรับ! อย่าฆ่าข้า! ได้โปรดอย่าฆ่าข้า!”

นักธนูน้ำตาไหลอาบแก้มพลางวิงวอนอย่างน่าเวทนา เขาฝืนขยับมือรื้อค้นไปทั่วตัวศพที่ร่างยังคงอุ่นๆ อยู่เล็กน้อย

ผ่านไปสักพัก ในที่สุดเขาก็ดึงเอาแผนที่เปื้อนโลหิตออกมาจากกระเป๋าเสื้อคลุมของศพด้วยมืออันสั่นเทา ทันทีที่หามันพบ เขาก็รีบหันไปส่งแผนที่ให้จวินอู๋เสียโดยเร็ว

“อัน…อันนี้แหละขอรับ…”

จวินอู๋เสียเอื้อมมือไปหยิบแผนที่มาเปิดดู แผนที่นี้ไม่ได้ทำจากหนังมนุษย์แต่ทำมาจากม้วนกระดาษธรรมดาทั่วไป แผนที่ส่วนใหญ่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมองแผนที่ทั้งหมดออก

ดูจากส่วนที่ยังมองเห็นแล้ว แผนที่นั้นคล้ายกับแผนที่อีกสองอันที่เฉียวฉู่กับคนอื่นๆ ถืออยู่

มู่เชียนฟานได้วาดแผนที่แสดงเส้นทางไปผาสุดขอบฟ้าแล้ว และจวินอู๋เสียแน่ใจว่าแผนที่ที่นางถืออยู่ในมือไม่ได้แสดงเส้นทางไปที่ผาสุดขอบฟ้า

ถ้าแผนที่นี้ไม่ได้เส้นทางไปยังสถานที่นั้น อย่างนั้นก็มีความเป็นไปได้แค่อย่างเดียวเท่านั้น!

แผนที่นี้ คือแผนที่หนึ่งในแปดที่แสดงเส้นทางไปยังสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ และแผนที่ในมือนางนี้ก็ไม่ใช่ของจริงแต่เป็นสำเนา

“รัฐเหยียน” จวินอู๋เสียพูดขึ้นพร้อมกับมองแผนที่เปื้อนเลือดในมือ ถ้าใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะไม่ได้ฟาดเจ้าหัวหน้ากลุ่มจนตายละก็ พวกเขาก็จะได้แผนที่ไปสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิชิ้นที่สามมาอย่างสบายๆ

“ใครคือนายของเจ้า” จวินอู๋เสียถามพลางมองไปที่นักธนูที่กำลังหวาดกลัว

นักธนูกลืนน้ำลายดังอึกก่อนจะตอบว่า “รัชทายาทแห่งรัฐเหยียน…องค์รัชทายาทแห่งรัฐเหยียนขอรับ…”

จวินอู๋เสียเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย รัฐเหยียนไม่ใช่รัฐเล็กๆ อ่อนแอเหมือนรัฐชี สามารถพูดได้ว่ารัฐเหยียนเป็นรัฐที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรัฐทั้งหมดและอาณาเขตของพวกเขาก็กว้างใหญ่ที่สุด รัฐเหยียนและรัฐชีเป็นสองขั้วที่แตกต่าง รัฐเหยียนเป็นรัฐแรกที่ถูกก่อตั้งขึ้นและทางราชวงศ์ก็เป็นผู้ปกครองที่เก่งกาจ เมื่อเวลาผ่านไปรัฐเหยียนก็เติบโตแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และดินแดนที่พวกเขาปกครองก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อเกิดสงครามระหว่างขั้วอำนาจต่างๆ เมื่อร้อยปีที่แล้ว รัฐเหยียนจึงได้โอกาสครอบครองอำนาจสูงสุดมาตั้งแต่นั้น

ตอนที่ 654 ค่าตอบแทนที่ต้องจ่าย (1)

สามารถพูดได้ว่ารัฐเหยียนเป็นรัฐที่มีอำนาจมากที่สุดในสามโลกเบื้องล่าง รัฐเหยียนรักการสู้รบและประสบความสำเร็จในการทำสงครามมาแล้วหลายครั้ง จนกระทั่งสงครามใหญ่ครั้งสุดท้ายเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน ได้ปิดผนึกรัชสมัยอันรุ่งโรจน์สูงสุดของพวกเขา และรัฐเหยียนก็ค่อยๆ ลดความกระหายสงครามลง

รัฐเหยียนในตอนนี้ได้มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาด้านเศรษฐกิจ และผู้คนของพวกเขาก็ยังคงมีความสามารถในการต่อสู้เพื่อคงรัชสมัยของพวกเขาเอาไว้ไม่ให้สั่นคลอน

จวินอู๋เสียครุ่นคิด แผนที่หนังมนุษย์ที่นำไปยังสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิมีอยู่ทั้งหมดแปดแผ่น มีแผ่นหนึ่งที่สิบสองตำหนักไม่รู้ว่ามีอยู่เนื่องจากมันถูกซ่อนเอาไว้จากพวกเขาและตอนนี้ก็อยู่ในมือของฟ่านจัว อีกเจ็ดแผ่นที่เหลือถูกแยกถือครองเอาไว้โดยเจ็ดในสิบสองตำหนักเป็นการท้าทายอำนาจของเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิและการปกครองของกองทหารแห่งดินแดนเทพมารแบบเงียบๆ

สิบสองตำหนักกลัวที่จะแบกรับความผิดที่ไม่สามารถให้อภัยได้ในโทษฐานรบกวนการพักผ่อนชั่วนิรันดร์ของเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ จึงส่งคนไปติดต่อกับผู้มีอำนาจต่างๆ ของสามโลกเบื้องล่าง และส่งแผนที่อันล้ำค่าให้คนในกลุ่มอำนาจที่พวกเขาเตรียมไว้เพื่อช่วยเหลือพวกเขาหาที่ตั้งของสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิอย่างลับๆ

จนถึงตอนนี้จวินอู๋เสียรู้ถึงแผนที่สามชิ้นแล้ว นอกจากแผนที่ที่ฟ่านจัวซ่อนเอาไว้ แผนที่ชิ้นหนึ่งอยู่ในมือของสำนักที่เคยยิ่งใหญ่ที่สุดในใต้หล้าสำนักชิงอวิ๋น อีกแผ่นหนึ่งอยู่ในมือหนึ่งในสามสุดยอดสำนักศึกษาทั่วแผ่นดิน สำนักศึกษาเฟิงหัวอันโด่งดัง ถ้าวิเคราะห์จากตัวอย่างก่อนหน้าทั้งสอง มันก็สรุปได้ไม่ยากว่าแพะรับบาปทั้งหมดที่สิบสองตำหนักเลือกมา ก็คือกลุ่มที่มีอำนาจอิทธิพลมากที่สุดและแข็งแกร่งที่สุดในสามโลกเบื้องล่าง กลุ่มที่อ่อนแอกว่าย่อมไม่มีทรัพยากรเพียงพอที่จะท้าทายเส้นทางไปยังผาสุดขอบฟ้า

ตำหนักที่เกี่ยวข้องมีจำนวนเจ็ดตำหนัก จวินอู๋เสียไม่รู้ว่าอีกห้าตำหนักได้ลงมือทำอะไร นางรู้เพียงว่าทุกตำหนักที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ทั้งหมดมีผลประโยชน์ร่วมกับกลุ่มอำนาจต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับพวกเขา

และรัฐเหยียนก็เป็นหนึ่งในกลุ่มอำนาจที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่หนึ่งในเจ็ดตำหนักจะเลือกใช้

“องค์รัชทายาทของรัฐเหยียน” จวินอู๋เสียมองนักธนูที่หมอบราบกับพื้นตรงหน้านาง นางรู้ว่าเขาบอกความลับที่เขารู้ออกมาทั้งหมดแล้ว

บุรุษผู้นี้ไม่มีข้อมูลที่นางต้องการรู้อีกแล้ว

“ท่าน…ท่านจะ…ปละ…ปล่อยเราได้หรือยัง…” นักธนูสะอื้นไห้อ้อนวอนอยู่บนพื้น ตัวของเขาสั่นระริก

จวินอู๋เสียมองธนูในมือของนักธนูที่เป็นร่างแปลงของภูติวิญญาณของเขา

“เอามา”

นักธนูงุนงงอยู่ครู่ก่อนจะเห็นว่าจวินอู๋เสียกำลังมองภูติวิญญาณของเขา เขาไม่ลังเลแม้แต่น้อยและรีบส่งธนูของเขาไปให้นาง

จวินอู๋เสียวิเคราะห์ธนูคันนั้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดกับเจ้าแมวดำตัวน้อยบนบ่าของนางว่า “ลองดูสิ”

เจ้าแมวดำตัวน้อยส่งเสียงร้องเหมียวออกมาอย่างเชื่อฟังทันที

นักธนูคนนั้นเหม่อมองจวินอู๋เสียอย่างไม่เข้าใจว่านางกำลังจะทำอะไร

อย่างไรก็ตาม ในวินาทีถัดมาเขาก็นิ่งอึ้งตะลึงงันกับสิ่งที่เห็นต่อหน้าต่อตาเขา!

แมวดำตัวน้อยยกเท้าของมันขึ้นมาจับปลายธนูด้านหนึ่ง แล้วค่อยๆ อ้าเข้าปากเล็กๆ ของมันอย่างช้าๆ

ดูเหมือนว่าธนูอันแข็งแกร่งจะถูกกัดเป็นคำๆ ด้วยฟันอันแหลมคมของเจ้าแมวดำตัวน้อยและถูกมันกลืนลงคอไปอย่างรวดเร็ว!

ก่อนที่นักธนูจะได้สติจากภาพอันน่าตกใจนั้น ความเจ็บปวดจากการที่ภูติวิญญาณถูกฉีกกระชากได้จู่โจมเขาอย่างหนัก ทันใดนั้นเขาก็พบว่าตัวเองนอนเหยียดยาวอยู่บนพื้นพร้อมกับกระตุกอย่างรุนแรง!

ความทรมานจู่โจมไปทั่วร่างกายของเขาอย่างไร้ปรานี ใบหน้าของเขากลายเป็นสีเขียว และไม่ช้าก็มีน้ำลายฟูมปาก

เหมียว

มัน…ก็กินได้นะ แต่สัมผัสมันค่อนข้างแตกต่างจากภูติวิญญาณประเภทสัตว์ร้าย

เนื้อไม้ที่ถูกกัดออกไปกลายเป็นร่างวิญญาณที่ไร้รูปร่างในปากของเจ้าแมวดำตัวน้อย มันไม่จำเป็นต้องเคี้ยว เพียงแค่กลืนลงท้องไป

เจ้าแมวดำตัวน้อยเคยกลืนราชสีห์ทองคำยักษ์ของมั่วเซวี่ยนเฝ่ยมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่มันได้กลืนกินภูติวิญญาณประเภทอาวุธ จวินอู๋เสียแค่อยากทดสอบเท่านั้นและไม่ได้คิดว่ามันจะสำเร็จ!

เจ้าแมวดำตัวน้อยกลืนภูติวิญญาณประเภทอาวุธลงไปทีละน้อย และนักธนูคนนั้นก็ทรุดตัวลงไปกองกับพื้น ร่างกระตุกอย่างต่อเนื่อง ดวงตากลอกขึ้นไปจนเหลือแต่ตาขาว ลมหายใจถี่กระชั้น

สหายคนอื่นๆ ของนักธนูคนนั้นที่รวมกลุ่มกันอยู่ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากเฝ้ามองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยดวงตาเบิกกว้าง พร้อมกับความรู้สึกหวาดกลัวที่ท่วมท้นหัวใจ!