ตอนที่ 651 ผู้ใดกล้าแตะต้องคนไข้ของข้า (3) ตอนที่ 652 ผู้ใดกล้าแตะต้องคนไข้ของข้า (4)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 651 ผู้ใดกล้าแตะต้องคนไข้ของข้า (3) / ตอนที่ 652 ผู้ใดกล้าแตะต้องคนไข้ของข้า (4)
ตอนที่ 651 ผู้ใดกล้าแตะต้องคนไข้ของข้า (3)

บุรุษกลุ่มนั้นวิ่งหนีกระเจิดกระเจิงราวกับเสียสติไปแล้ว จวินอู๋เสียไม่รีบร้อนที่จะไล่ตามพวกเขา นางให้ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะวางนางลงก่อนจะโบกมือสั่งให้ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะไล่ตามคนพวกนั้นไป

“ข้าต้องการพวกมันเป็นๆ” จวินอู๋เสียเตือนใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะอย่างเย็นชา

ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะส่งเสียงคำรามสะเทือนแผ่นดินออกมาทันทีและเร่งความเร็วออกไปกลายเป็นลำแสงสีขาว!

จวินอู๋เสียมายืนอยู่ด้านข้างเจ้าสัตว์ร้ายสีดำ นางหรี่ตาลงมองมู่เชียนฟานที่หมดสติอยู่บนหลังของเจ้าสัตว์ร้ายสีดำ แล้วเอื้อมมือออกไปจับชีพจรของเขา หลังจากแน่ใจว่าเขายังมีชีวิตอยู่ นางก็เปิดถุงเอกภพทันทีและหยิบเอาขวดยาออกมาสองสามขวด จวินอู๋เสียยกศีรษะของมู่เชียนฟานแล้วยัดยาเข้าไปในปากของเขา

จวินอู๋เสียรักษาบาดแผลของมู่เชียนฟานโดยไม่พูดอะไร เสียงเอะอะอึกทึกเมื่อครู่หายไปและความเงียบก็ครอบคลุมไปทั่ว เจ้าสัตว์ร้ายสีดำนอนนิ่งอยู่บนพื้นหญ้า ถึงมันจะเป็นร่างวิญญาณ แต่หลังจากอยู่ในรูปแบบกายภาพ มันก็จะมีอุณหภูมิร่างกายด้วย ตอนกลางคืนที่หนาวเย็นเช่นนี้ ถ้าพวกเขาวางมู่เชียนฟานที่เสียเลือดไปมากลงบนพื้นที่เย็นเฉียบเช่นนี้ ภาวะไฮโปเธอร์เมียหรือที่เข้าใจได้ง่ายๆ หน่อยก็คือภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำผิดปกติได้ฆ่าเขาอย่างรวดเร็วแน่

ความสงบของที่นี่ ตรงกันข้ามกับความตื่นตระหนกในอีกด้านหนึ่งของป่า คนกลุ่มนั้นตะเกียกตะกายวิ่งหนีเอาชีวิตรอดอย่างบ้าคลั่ง แต่ฝีเท้าของพวกเขาย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะ

ในชั่วระยะเวลาสั้นๆ ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะก็ไล่พวกเขาทัน ความหวาดกลัวท่วมท้นหัวใจของพวกเขาจวนจะบ้าคลั่งและร้องสั่งให้ภูติวิญญาณของพวกเขาโจมตีใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะ แต่ทว่าใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะแค่ตวัดหางเบาๆ ก็ส่งภูติวิญญาณที่อ่อนแอและเล็กจิ๋วพวกนั้นลอยละลิ่วไป

แต่ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะไม่ปล่อยพวกภูติวิญญาณประเภทสัตว์ร้ายลอยออกไปง่ายๆ หางอันใหญ่โตของมันพันรอบตัวพวกนั้นทันที พวกมันถูกยกขึ้นสูงก่อนจะถูกจับฟาดกระแทกพื้นอย่างรุนแรง!

เสียงร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนาดังขึ้น ถึงแม้ร่างวิญญาณจะไม่มีโลหิต แต่พวกมันก็ยังรู้สึกเจ็บปวด

ในชั่วพริบตา ภูติวิญญาณประเภทสัตว์ร้ายก็ถูกใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะทรมานจนเกือบตาย และไม่สามารถร้องครวญครางได้อีกต่อไป

เมื่อคนกลุ่มนั้นเห็นภูติวิญญาณของพวกเขาถูกจัดการไปได้อย่างง่ายดาย พวกเขาก็พากันวิ่งหนีกรีดร้องไปทุกทิศทุกทาง

ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะไม่รีบร้อน มันตวัดหางอันหนึ่งพันรอบภูติวิญญาณประเภทสัตว์ร้ายที่อ่อนแอลงไปอย่างมากทั้งหมด จากนั้นมันก็ยืนขึ้นเต็มความสูง จากความสูงระดับนั้น มันค้นหาร่างที่กำลังวิ่งผ่านใบไม้หนาได้อย่างง่ายดาย

ความเงียบยามค่ำคืนถูกทำลายด้วยเสียงกรีดร้องและเสียงร้องโหยหวนเป็นครั้งคราว เสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและความหวาดกลัว แต่ไม่มีคนอื่นอยู่ใกล้ๆ แถวนั้นที่จะได้ยินพวกเขา!

หลังจากจวินอู๋เสียรักษาบาดแผลของมู่เชียนฟานเสร็จ เจ้าสัตว์ร้ายสีดำก็ถึงขีดจำกัดของมัน มันไม่สามารถคงร่างวิญญาณเอาไว้ได้อีกต่อไป และกลายร่างเป็นแมวดำตัวน้อยตามเดิม มันรีบนอนลงขดตัวอย่างเหนื่อยอ่อนอยู่บนพื้นโดยไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย

จวินอู๋เสียยกมือขึ้นและใช้ทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณรักษาอาการบาดเจ็บของแมวดำตัวน้อยอย่างช้าๆ

พื้นดินใต้เท้าของพวกเขาสั่นสะเทือน จวินอู๋เสียจึงเงยหน้าขึ้นมอง ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะกำลังกลับมา หางด้านหลังของมันม้วนเอาพวกคนที่หนีไปกับภูติวิญญาณของพวกเขาเอาไว้ พวกเขาอ่อนแอลงมากอย่างเห็นได้ชัด

จวินอู๋เสียหรี่ตาลง ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะก็รีบยื่นหางทั้งแปดของมันมาตรงหน้าจวินอู๋เสียและปล่อยคนพวกนั้นลง คนทั้งสิบหล่นลงมากองรวมกันอยู่บนพื้นด้วยใบหน้าซีดเผือด

“อย่า…อย่าฆ่าเรา…” หัวหน้าของคนกลุ่มนั้นหวาดกลัวจนตัวแข็งทื่อขณะที่นั่งอยู่บนพื้น เขามองจวินอู๋เสียด้วยสายตาหวาดกลัว ใบหน้าขาวซีด

คนอื่นๆ ในกลุ่มก็พากันตัวสั่น พวกเขานั่งคุกเข่าไม่กล้าขยับออกจากที่

“ทำไมเจ้าถึงอยากฆ่าเขา” จวินอู๋เสียถาม นางจ้องมองบุรุษผู้นั้นด้วยสายตาเย็นชา

ตอนที่ 652 ผู้ใดกล้าแตะต้องคนไข้ของข้า (4)

บุรุษผู้นั้นมองจวินอู๋เสียพร้อมกับสั่นไปทั้งตัวอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้เด็กหนุ่มตรงหน้าเขาจะดูผอมบางและอ่อนแอ แต่เขาก็ไม่กล้าประเมินเด็กหนุ่มคนนี้ต่ำไปเลยแม้แต่น้อย

สำหรับคนที่สามารถสั่งการสัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติในตำนานเช่นนี้ได้ ไม่มีทางที่เขาจะเป็นเพียงเด็กหนุ่มธรรมดาอย่างแน่นอน

ถึงแม้พวกเขาจะมีกันหลายคน แต่ต่อหน้าสัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติแล้ว ไม่มีใครที่จะสามารถหลบหนีไปได้เลยสักคน พวกเขาถูกจับกลับมาทั้งหมด ทั้งๆ ที่ก็แยกกันไปซ่อนตัวอยู่ในต้นไม้ในป่าทึบแล้ว ก็ไม่มีใครโชคดีพอที่จะหนีได้สักคนเดียว

หลังจากตระหนักถึงพลังอำนาจอันน่าเหลือเชื่อของสัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติแล้ว พวกเขาก็ยอมแพ้อย่างราบคาบโดยไม่มีความคิดที่จะหนีอีกต่อไป

“ข้า…ข้า…” บุรุษผู้นั้นตัวแข็งไปชั่วขณะอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาของเขาปรากฏแววเจ้าเล่ห์ขณะที่มองไปรอบๆ

ดวงตาของจวินอู๋เสียหรี่ลงเล็กน้อย ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะจับความหงุดหงิดของ ‘ใต้เท้าเจ้านาย’ ของมันได้อย่างรวดเร็ว มันจึงฟาดหางของมันกระแทกบุรุษผู้นั้นลงกับพื้น

การฟาดหางอย่างไม่ใส่ใจของสัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติตัวหนึ่ง สำหรับมนุษย์ทั่วไปแล้วย่อมไม่สามารถทานทนพละกำลังนั้นได้!

อ๊ากกก! เสียงกรีดร้องแสบแก้วหูดังขึ้นจากบุรุษผู้นั้น และเมื่อใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะคลายหางของมันออก ทั้งร่างของเขาก็จมลงไปในพื้นดิน กระดูกหักหลายแห่งและมีโลหิตไหลทะลักออกมาจากร่างกายย้อมพื้นดินให้กลายเป็นสีแดงเข้ม!

บุรุษผู้นั้นส่งเสียงครางอย่างอ่อนแรงออกมาอีกสองสามครั้ง ร่างของเขาก็กระตุกอย่างรุนแรงก่อนจะหยุดนิ่งโดยสมบูรณ์

“…” ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะมองคนที่มันเพิ่งฟาดจมดินแล้วกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะหันไปทางจวินอู๋เสีย เมื่อมันเห็นดวงตาของจวินอู๋เสียค่อยๆ ทอประกายเย็นยะเยือก ความหนาวเย็นก็วิ่งไปตามสันหลังของมัน มันรีบขุดบุรุษผู้นั้นออกมาจากพื้นดินก่อนจะวางลงบนพื้นอย่างนุ่มนวล พร้อมกับแหย่และเขย่าเบาๆ อยู่พักใหญ่…

ผลคือ…

เขาตายแล้วอย่างแน่นอน ตายสนิทไม่มีฟื้น! ไม่ต้องสงสัยอะไรอีกเลย!

แม้แต่จมูกของเขาก็ถูกกระแทกแบนบู้บี้ไปกับใบหน้า ซี่โครงหักทะลุออกมาผ่านทรวงอก ไม่มีทางที่เขาจะฟื้นขึ้นมาได้อีกเลย

“…” ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะตัวแข็งทื่อ หูที่ตั้งชี้ของมันลู่ลงแนบติดหัวอย่างสำนึกผิด มันทำคอตกอย่างหงอยๆ และไม่กล้าสบตาจวินอู๋เสีย

มันจะรู้ได้อย่างไรเล่าว่าเจ้าคนนี้จะเปราะบางขนาดนี้! มันแค่เอาหาง ‘ลูบ’ เบาๆ เท่านั้น หมอนี่กลับตายเสียอย่างนั้น!

จะตายง่ายเกินไปหน่อยแล้ว!

จวินอู๋เสียมองศพของบุรุษผู้นั้นแล้วหันมามองคนอื่นๆ ในกลุ่มที่พากันตัวแข็งเป็นหิน

คนกลุ่มนั้นไม่รู้ถึง ‘บทสนทนา’ ที่จวินอู๋เสียกับใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะสื่อสารกันทางสายตา พวกเขาเห็นเพียงว่าหัวหน้าของพวกเขาแค่ลังเลแป๊ปเดียวเท่านั้นก็ถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม! ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความปรานีให้เห็นเลย!

ตอนนั้นเอง ถึงแม้พวกเขาจะรู้สึกยินดีที่ยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาก็หวาดกลัวเป็นอย่างมากจนไม่กล้าแม้แต่จะเหลือบตามองดูศพที่อยู่ข้างๆ พวกเขาเลยสักครั้ง

“เจ้า มานี่” จวินอู๋เสียยกมือขึ้นชี้ไปยังบุรุษที่ถือคันธนูเอาไว้ในมือ

บุรุษผู้นั้นร้องครางและกำลังจะวิงวอน แต่แล้วก็พบว่าตัวเองถูกสหายในกลุ่มเตะออกมา ทำให้เขาล้มหน้าคว่ำลงมาอยู่แทบเท้าของจวินอู๋เสีย คนอื่นๆ ในกลุ่มกลัวติดร่างแหไปด้วยจึงไม่มีใครกล้าขยับเข้ามาช่วยเหลือ

นักธนูคนนั้นคุกเข่าลงอย่างตื่นตระหนก เขาโขกศีรษะลงกับพื้นอย่างแรงตรงหน้าจวินอู๋เสีย เขาหวาดกลัวมากจนไม่กล้าแม้แต่จะยกศีรษะขึ้นขณะที่คุกเข่าตัวสั่นอยู่ตรงนั้น

“พูดมา” น้ำเสียงเย็นชาของจวินอู๋เสียดังขึ้นเหนือศีรษะบุรุษผู้นั้น

สำหรับเขา เสียงนั้นฟังเหมือนเสียงระฆังมรณะ

“มัน…ไม่ใช่…ความคิดข้า…ที่ให้ฆ่าเขา…เป็นเขา…เขาสั่ง…ให้ข้าทำ…” นักธนูหมอบราบไปกับพื้น ปรารถนาให้ตัวเองสามารถก้มต่ำลงไปได้อีก ขณะที่ตอบอย่างตะกุกตะกัก

“เหตุผล” จวินอู๋เสียไม่อยากได้ยินเรื่องไร้สาระ

นักธนูคนนั้นจำได้ว่าหัวหน้าของเขาตายอย่างไร เขาจึงไม่ลังเลแม้แต่น้อยและพูดว่า “เขา…เขาบังเอิญมาได้ยินพวกเราคุยกัน หัวหน้ากลัวว่ามันจะรั่วไหลออกไป เขาเลยสั่งให้พวกเรากำจัดเขาเสีย”