ตอนที่ 223 ข้าเข้าใจแล้ว เข้าใจทุกอย่างแล้ว! (1)
เมื่อครู่ก่อนหน้านี้ ที่ห้องโถงด้านข้างของโถงตู้เซียน
นักพรตเต๋าจึ้อู๋โหย่ว เจ้าสำนัก ผู้เป็นจินเซียนแห่งสำนักตู้เซียน กำลังกระอักเลือด จู่ๆ เขาก็สัมผัสได้ถึงอักขระเต๋าที่ไม่ธรรมดา ปรากฏขึ้นภายในค่ายกลเวทพิทักษ์ขุนเขาครู่หนึ่งแล้วหายไปในทันที
แม้อักขระเต๋านี้จะหายไปอย่างรวดเร็ว แต่นักพรตเต๋าจึ้อู๋โหย่วที่ไม่ได้เข้าปิดด่านก็ยังสัมผัสได้
เมื่อครุ่นคิดให้รอบคอบแล้ว เขาก็ตระหนักได้ว่า ดูเหมือนว่าอักขระเต๋าที่ไม่ธรรมดานั้นจะบรรจุหลักการแห่งสวรรค์และปฐพีเอาไว้ และซึ่งมีระดับสูงกว่าอักขระเต๋าของเหล่าปรมาจารย์ในงานการประชุมแหล่งกำเนิดสามสำนักบำเพ็ญเต๋าที่จึ้อู๋โหย่วเคยสัมผัสได้ …
หือ?
จึ้อู๋โหย่ววางช้อนซุปในมือลงและหยุดปรุงไฟเซียนก่อนจะก้มศีรษะลงและกระแอมไอออกมา
ในฐานะเจ้าสำนักบำเพ็ญเต๋าภายใต้สำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน เขาจะไม่ใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ มันเป็นเพียงเศษเสี้ยวอักขระเต๋า เป็นไปได้ว่า อาจมีศิษย์ของสำนักคนใดบังเอิญโชคดี ได้รับสมบัติบางอย่าง
มันสบายๆ เป็นธรรมชาติและไม่ร้อนรนหรือวิตกกังวลใดๆ ซึ่งอยู่ตามลำพังได้โดยไม่ทำอะไรเลย นั่นคือจาก เจ้าสำนักแห่งสำนักที่มีคุณสมบัติของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน…
ตูม!
เกิดอันใดขึ้น?
จู่ๆ ก็มีพายุแปรปรวนรุนแรงอยู่ที่ด้านนอกสำนักตู้เซียน ทันใดนั้น พลังแห่งสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ก็ปรากฏขึ้นทางด้านยอดเขาหยกน้อย มันเป็นพลังแห่งสวรรค์ที่ทรงพลังซึ่งกดดันไปทั่วทุกพื้นที่ของสำนัก!
*แค่กๆ*
จึ้อู๋โหย่วแทบจะกระอักเลือดทันที ขณะจ้องมองไปที่ยอดเขาหยกน้อย ข้ามผ่านกำแพงหลายชั้น เขาแผ่สัมผัสเซียนรับรู้ที่ทรงพลังของจินเซียนออกไปสำรวจอย่างกะทันหัน แต่กลับถูกพลังสวรรค์สลายไปในทันที! สถานการณ์เช่นนี้…
พลังแห่งสวรรค์อันทรงพลังกดดันอย่างน่าหวาดเกรงเช่นนั้น …
จึ้อู๋โหย่วย้อนนึกถึงยามที่เขาข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์จินเซียนเมื่อนานมาแล้ว แต่ในครานั้น พลังแห่งสวรรค์มิได้แข็งแกร่งถึงเพียงนั้น หากนี่คือทัณฑ์สวรรค์จินเซียน ก็ย่อมมิใช่ทัณฑ์สวรรค์จินเซียนธรรมดาอย่างแน่นอน! นี่คือ ทัณฑ์สวรรค์จินเซียนของหว่างฉิงใช่หรือไม่?
แล้วไยถึงอยู่บนยอดเขาหยกน้อย?
ทว่าเวลานี้ พลังแห่งสวรรค์มาและจากไปอย่างรวดเร็ว และไม่นานหลังจากนั้น มันก็หายวับไปทันทีราวกับเป็นเพียงการปรากฏขึ้นมาเพื่อทำให้ผู้คนหวาดกลัว
จึ้อู๋โหย่วเช็ดเลือดที่ปากของเขา และเดินไปที่ขอบหน้าต่างก่อนจะบินออกไปราวกับขนนก แล้วกลายเป็นลำแสงสีทองพุ่งตรงไปที่ยอดเขาหยกน้อย
แม้ว่า จึ้อู๋โหย่วจะยึดมั่นในการสอนและการไม่ปฏิบัติของผู้คน และเคารพเสรีภาพส่วนตัวของผู้ฝึกบำเพ็ญเพียรแต่ละคนในสำนักอย่างเต็มที่ แต่เขาก็ยังคงอยากดู และถามพวกเขาว่าเกิดอะไรขึ้น
ในชั่วพริบตา จึ้อู๋โหย่วก็มาถึงยอดเขาหยกน้อย
เขามองลงมา มองลอดผ่านชั้นของค่ายกลต่างๆ รอบยอดเขาหยกน้อยและเห็นคนที่ยืนอยู่หน้าหอโอสถ…
“เสี่ยวเสวียนหย่า?”
ในขณะนั้น โหยวฉินเสวียนหย่ายังคงยืนนิ่งอย่างจนใจ คลื่นพลังเซียนบริสุทธิ์ที่อยู่ข้างๆ นางได้สลายไปอย่างรวดเร็วในทุกทิศทาง แล้วเปลี่ยนเป็นพลังปราณวิญญาณ ในเวลานั้น จี้อู๋โหย่วก็มองลงมาและขมวดคิ้ว
ดูเหมือนว่า ที่มาของพลังเซียนเหล่านั้นจะมาจากตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์หนาๆ ที่อยู่บนเก้าอี้เอนกายนั้น และตอนนี้ ก็ดูเหมือนว่า มันจะได้รับความเสียหาย
เสวียนหย่า ตุ๊กตากระดาษ? ค่ำคืนดึกดื่น นางมาอยู่ภายในค่ายกลของหอโอสถแห่งยอดเขาหยกน้อย?
จี้อู๋โหย่วเข้าใจอะไรบางอย่างได้ในทันที แต่เขาก็ยิ่งฉงนงงงันเข้าไปอีก…
หรือว่า เสี่ยวเสวียนหย่าซึ่งเพิ่งเข้าสู่เซียนเสิ่นได้ทำลายตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ลึกลับนี้จนกระตุ้นพลังแห่งสวรรค์ขึ้นมาอย่างรุนแรงได้ในตอนนี้?
ไฉนจึง…วุ่นวายเช่นนี้?
“แค่กๆ ข้าต้องถามพวกเขาก่อนถึงจะเข้าใจ”
ในขณะนั้น ร่างต่างๆ ก็บินออกมาจากบรรดายอดเขาทั้งหลายของสำนักตู้เซียน เหล่าผู้อาวุโสและปรมาจารย์ผู้นำยอดเขาต่างก็รีบรุดมาที่นี่และพบกับเจ้าสำนักทันที
เมื่อได้ยินเสียงของพวกเขาในขณะนั้น จึ้อู๋โหย่วก็กำลังจะลงไปที่หอโอสถด้านล่าง
คนผู้นั้นกล่าวผ่านการส่งข้อความเสียงว่า “ข้า หลี่ฉางโซ่ว ศิษย์อยากขอเรียนท่านเจ้าสำนักว่า เมื่อครู่นี้ ศิษย์ได้กระตุ้นพลังสวรรค์ จนเกือบจะก่อปัญหา แต่ยามนี้ ไม่เป็นไรแล้ว ในสถานการณ์เร่งด่วน ศิษย์อยากเรียนเรื่องนี้ให้ท่านเจ้าสำนักโปรดช่วยบอกไม่ให้เหล่าปรมาจารย์ในสำนักมารวมตัวกันที่นี่ ด้วยเกรงว่า จะควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ขอรับ!”
จึ้อู๋โหย่วขมวดคิ้วเล็กน้อย ในฐานะเจ้าสำนักตู้เซียน เขาจะปฏิเสธผู้อาวุโสทุกคนที่มาสอบสวนที่นี่เพียงเพราะศิษย์คนหนึ่งส่งข้อความเสียงมาได้อย่างไรกัน?
ทว่าหลี่ฉางโซ่วก็ส่งข้อความเสียงมาอีกครั้ง
“ท่านเจ้าสำนัก ท่านยังจำได้หรือไม่ว่า… โอสถวิญญาณระดับหกนั่น?”
ทันใดนั้น ดวงตาของจี้อู๋โหย่วก็สว่างวาบขึ้น คราวนี้เขาเข้าใจอะไรบางอย่างได้จริงๆ จึงเปล่งเสียงออกไปทั่วทุกทิศทางทันที
“ทุกคน พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องมาที่นี่ มีปัญหาเล็กน้อยเกี่ยวกับสมบัติที่ข้ามอบให้เสวียนหย่า เอ่อ มันแค่ปัญหาเล็กน้อยเท่านั้น”
“น้อมรับบัญชาท่านเจ้าสำนัก” ทันใดนั้น ก็มีเสียงทุกคนตอบมาพร้อมกันจากทั่วทุกทิศทาง
ไม่นานหลังจากนั้น พวกเขาเหล่านั้นก็กลับไปยังยอดเขาต่างๆ ในขณะที่จี้อู๋โหย่วยืนอยู่ใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวและวางข่ายอาคมพลังเซียนไว้บนยอดเขาหยกน้อยก่อนจะค่อยๆ ลงมา
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วกำลังยืนอยู่ในห้องลับใต้ดินของยอดเขาหยกน้อย เขาขมวดคิ้วและคิดอย่างรวดเร็ว
ข้าจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้?
อาจเป็นเพราะหลี่ฉางโซ่วตึงเครียดและคิดเร็วเกินไป ในขณะนี้เขาคิดหาทางเลือกบางอย่างขึ้นมาในใจได้ทันที
ทางเลือกหนึ่ง ใช้เครื่องมือเวทมนุษย์พิเศษเฉพาะตัวของโหย่วฉินเสวียนหย่า
ทางเลือกที่สอง ใช้วิธีการปกติเพื่อเผยไพ่ไม้ตายออกมาเล็กน้อย และทางเลือกที่สาม โน้มน้าวใจและให้ความรู้
ทางเลือกที่สี่ ใช้ตัวตนของปรมาจารย์เต๋าน้อยแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน…
ตัวเลือกเหล่านั้น ยังคงผุดขึ้นมาในใจของหลี่ฉางโซ่ว แต่หลังจากใคร่ครวญอย่างรอบคอบแล้ว เขาก็ปฏิเสธพวกมัน
โหย่วฉินเสวียนหย่าเป็นเพียงเซียนเสิ่นเท่านั้น ต่อให้โหย่วฉินเสวียนหย่าซึ่งตรงไปตรงมา จะยินดีร่วมมือกับ แม้เขาจะพูดอะไรเกินจริง แต่ท่านเจ้าสำนักก็จะไม่เชื่อคำโกหกของนางอย่างแน่นอน!
เขาไม่มีทางเลือก ทักษะการแสดงของเขาแย่มากเกินไป
ข้าควรเปิดเผยไพ่ตายส่วนหนึ่งเพื่อให้อีกฝ่ายคิดว่าข้ารู้ความจริงทั้งหมดแล้วดีหรือไม่?
ถึงแม้วิธีนี้จะดีแต่ก็ต้องปรับใช้ตามสถานการณ์ พลังแห่งสวรรค์ก่อนหน้านี้คงทำให้ท่านเจ้าสำนักสงสัยอย่างยิ่ง ข้าต้องชี้แจงที่มาของพลังแห่งสวรรค์ให้เหมาะสม!
โจมตีท่านเจ้าสำนัก?
แม้ข้าจะเพิ่งตัดฐานพลังปราณของข้า แต่การรวมรากฐานเต๋าของข้า ข้ารู้สึกว่า ดูเหมือนว่า ท่านเจ้าสำนักจะกดดันข้าไม่มากเท่าใดนัก ทว่า… นี่ไม่ใช่ดั่งการเอาเกวียนไปวางหน้าม้า[1]และทำให้ข้าต้องสูญเสียครั้งใหญ่เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยใช่หรือไม่?
ข้าอาจเพียงแค่เผยไพ่ของข้า
หลี่ฉางโซ่วยิ้มขื่นในใจ …
ตอนนี้เขาเพิ่งหลอกผู้บำเพ็ญเหวินจนได้รับความความชื่นชมและไว้วางใจจากองค์เง็กเซียน และเข้าไปพัวพันกับเรื่องของพวกเซียนซานเซียว และยังแอบต่อสู้กับสำนักบำเพ็ญประจิม …
หากเป็นเพราะท่านเจ้าสำนัก ทำให้หลี่ฉางโซ่ว ศิษย์ของสำนักตู้เซียนถูกเปิดเผยว่า เขาคือปรมาจารย์เต๋าน้อยแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน และเทพแห่งท้องทะเลทักษิณ เช่นนั้น ก็จะมีอันตรายซ่อนเร้นอยู่อย่างมิรู้จบ
จึงไม่อาจลดระดับการป้องกันลงไปได้โดยง่าย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อไม่อาจควบคุมท่านเจ้าสำนักจี้อู๋โหย่ว ผู้เป็นเซียนจินได้
เขาไม่มีทางเลือกใด คราวนี้จึงทำได้เพียงแค่…ใช้ทางเลือกที่เขาจะเผยไพ่ตายของเขาเองให้น้อยที่สุด!
ในขณะนี้ ท่านเจ้าสำนักเพิ่งมาถึงหน้าหอโอสถ และความคิดที่สมบูรณ์ก็ผุดขึ้นในจิตใจของหลี่ฉางโซว ทันใดนั้น เขาก็ยกมือขึ้นและหยิบแผ่นหยกควบคุมค่ายกลออกมาทันที
เขาเปิดใช้งานฐานรากค่ายกลสามสิบหกค่ายกลและเปิดใช้งานค่ายกลหลักบางส่วนบนยอดเขาหยกน้อย
ดังนั้นเขาจึงใช้ค่ายกลเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของท่านเจ้าสำนัก
“หือ?”
นักพรตเต๋าจี้อู๋โหย่วซึ่งเพิ่งมาถึงที่นี่พลันขมวดคิ้วลึกขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นหมอกที่ปรากฏขึ้นรอบๆ หอโอสถ
ค่ายกลนี้ดูเหมือนค่อนข้างมีชื่อเสียง
โหย่วฉินเสวียนหย่าโค้งคารวะให้ในทันที “ศิษย์ขอน้อมคารวะท่านปรมาจารย์เจ้าค่ะ”
“อืม” นักพรตเต๋าจี้อู๋โหย่วพยักหน้าเบา ๆ แล้วถามว่า “เมื่อครู่นี้ เกิดอันใดขึ้นที่นี่?”
โหย่วฉินเสวียนหย่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและรู้สึกสับสนในใจเล็กน้อย
“ศิษย์มาหาศิษย์พี่ฉางโซ่ว แล้วจู่ๆ ศิษย์พี่ฉางโซ่ว ก็เกิดการรู้แจ้งขึ้นมาและนั่งลงบนเก้าอี้เอนกาย ทันใดนั้น… เขาก็แค่ … ”
นักพรตเต๋าจี้อู๋โหย่วถามว่า “เกิดอันใดขึ้น?”
……………………………………………………………………
[1] หมายถึงการจัดวางสิ่งต่างๆ ผิดลำดับ ผิดตำแหน่ง (คือ ถ้าจะให้ม้าลากเกวียน ก็ต้องวางม้าให้อยู่หน้าเกวียน จึงจะลากเกวียนไปได้) ดังนั้นเราต้องรู้ว่าอะไรเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในสถานการณ์นั้น ต้องรู้จักจัดลำดับความสำคัญว่าอะไรควรจัดการก่อน