บทที่ 333 อาจื้อผู้อ่อนไหว

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม

บทที่ 333 อาจื้อผู้อ่อนไหว

บทที่ 333 อาจื้อผู้อ่อนไหว

  

เมื่อถึงช่วงค่ำ ทุกคนต่างก็แยกย้ายกลับบ้านของตัวเอง จากนั้นเหยาซูจึงเรียกอาจื้อให้มานั่งทางฝั่งนี้

หญิงสาวจัดเก็บเสื้อผ้าของลูก ๆ ให้เข้าที่เข้าทาง และเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “วันนี้เป็นอะไรไป ตอนกินข้าวแม่เห็นเจ้าดูท่าทางไม่มีความสุขเลย เป็นเพราะพี่รองใช่หรือไม่?”

อาจื้อส่ายหน้า “ท่านเเม่ ข้าไม่ได้ไม่มีความสุขขอรับ”

เหยาซูหัวเราะเบา ๆ แล้วถามต่อ “วันนี้ท่านปู่ให้เจ้าหยุดหนึ่งวัน ถ้าเจ้าไม่ออกไปเล่นกับพวกพี่ ๆ เจ้าจะเล่นกับตัวเองหรือ”

“อื้ม” เด็กชายตอบกลับ

บางทีเด็กชายก็คิดว่าท่าทางของตนเย็นชาเกินไป อาจื้อเลยเสริมขึ้นว่า “ข้าไปอ่านหนังสือที่ร้านหนังสือขอรับ”

เหยาซูหัวเราะ น้ำเสียงยังไม่ทุกข์ร้อนใจหรือวิตกกังวล และยังไม่มีความรู้สึกที่มากจนเกินไป ได้เเต่เพียงถามว่า “ตอนเที่ยงก็ไม่ได้กลับมากินข้าวหรือ ข้าได้ยินมาว่าเจ้าไม่อยู่บ้าน”

เด็กชายยังค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป ไม่มีความรู้สึกต่อต้านแต่อย่างใด เขาส่ายหน้าตอบกลับว่า “ข้าไม่ได้กลับ ข้าอ่านหนังสือทั้งวันขอรับ”

เหยาซูหยิกเเก้มป่อง ๆ ของเด็กน้อย สามารถสัมผัสได้ถึงผิวที่เรียบเนียน แล้วหญิงสาวก็กล่าวด้วยเสียงที่นุ่มนวล “ยังจะพูดว่าไม่ได้ไม่มีความสุขอีก ข้าดูก็รู้ว่าเจ้ากำลังโกรธ”

เด็กชายเม้มปาก ไม่พูดอะไร

ชั่วครู่ก็ได้ยินเหยาซูกล่าวถามอย่างนุ่มนวล “เป็นเรื่องที่พี่รองลืมเจ้าใช่ไหม เจ้าเลยรู้สึกไม่สบอารมณ์?”

อาจื้อครุ่นคิด ในที่สุดก็ถอนหายใจออกมาหนึ่งครั้ง “ข้าไม่สบอารมณ์นิดหน่อย แต่ไม่ได้เป็นอะไรจริง ๆ เเล้วข้าเองก็ไม่มีเวลาไปเล่นกับพวกพี่ ๆ ถ้าพวกเขาจะลืมข้าก็เป็นเรื่องปกติขอรับ”

เหยาซูมองนิสัยของอาจื้อออกตั้งเเต่ต้น

เด็กน้อยที่ปากบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่ภายในใจกลับตรงกันข้ามกับสิ่งที่พูด

พ่อลูกคู่นี้นิสัยเหมือนกันราวกับถอดเเบบออกมาอย่างไรอย่างนั้น

หลินเหราเองก็เป็นเช่นนี้

เวลามีใครมาทำให้เขาไม่พอใจ ชายหนุ่มก็จะไม่พูดอะไรออกมา ได้แต่ปล่อยให้ตัวเองอยู่ข้างหลังอย่างเงียบ ๆ แล้วค่อย ๆ ปิดประตูหัวใจลง

เหยาซูไม่ได้บังคับลูกชายให้คิดออกในทันที หญิงสาวลูบหัวอาจื้อเบา ๆ เเล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “เจ้าเองก็รู้ พี่รองก็ไม่เคยปฏิบัติไม่ดีกับเจ้า เวลาเกิดเรื่องราวดี ๆ ขึ้น ในหัวของเขาก็จะคิดถึงเจ้าเสมอ ไม่ใช่หรือ?”

อาจื้อค่อย ๆ ขมวดคิ้ว ไม่ได้พยักหน้าและก็ไม่ได้ส่ายหัว เเต่เอ่ยขึ้นว่า “เเต่ก่อนก็เป็นเช่นนี้ขอรับ”

เด็กชายช่างเหมือนกับเต่า เวลารู้สึกไม่สบายก็จะหลบอยู่ในกระดอง โดยจะเเสดงเเค่ส่วนหัวออกมาในตอนที่หญิงสาวอยากพบ

เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้เต็มใจที่จะพูด เหยาซูจึงถามขึ้น “พี่รองดีกับเจ้ามาตลอด ไปไหนก็คิดถึงแต่เจ้า ตอนนี้ไม่ใช่แบบนี้แล้วหรือ?”

อาจื้อเงยหน้าไปมองเเม่ของตนด้วยเเววตาที่สดใสเหมือนกับหลินเหรา เด็กชายกัดริมฝีปากแล้วกล่าวว่า “ไม่เช่นนั้นพี่รองจะลืมข้าได้อย่างไร วันนี้ตอนฟ้ายังไม่สว่างข้าไปหาเขา แต่ผลปรากฎว่าพอเขาอาบน้ำเสร็จก็ลืมไปเลยว่าข้าอยู่ที่ลานบ้าน”

เมื่อพูดอย่างนั้น ความคับข้องใจเเละความผิดหวังจากเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าราวกับว่าเขาถูกลืมอย่างจงใจ ก็วกกลับเข้ามาในหัวของเขาอีกครั้ง

เมื่อเห็นเเววตาของเด็กชายเริ่มเเดงขึ้น ทว่ายังดื้อรั้นที่จะไม่ร้องไห้ออกมา เวลานั้นเหยาซูเองก็รู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นมาเช่นกัน

หญิงสาวสวมกอดอาจื้อไว้ในอ้อมเเขน ตบหลังเด็กน้อยเบา ๆ เเล้วปลอบด้วยเสียงที่นุ่มนวล “เอาละ แม่รับรู้ความคับข้องใจของเจ้าเเล้ว ไม่ง่ายเลยใช่ไหมกว่าจะได้หยุดพัก สิ่งเเรกที่เจ้านึกถึงก็คือพี่รอง คิดว่าจะไปเล่นกับเขา เเต่ผลกลับออกมาเป็นเช่นนี้ มันทำให้เจ้ารู้สึกผิดหวังใช่ไหม เเม่เข้าใจเเล้ว ครั้งนี้พี่รองเป็นคนทำผิด”

อาจื้อซบไปที่อกอันอบอุ่นของผู้เป็นแม่ เหยาซูสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นรอบดวงตาของเด็กชาย

แล้วเสียงเหยาซูก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง “แต่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างญาติพี่น้องบางครั้งไม่ได้อยู่ที่ว่าใครถูกหรือใครผิด ลองคิดดูจากมุมมองที่ต่างออกไป หากวันนี้พี่รองรู้สึกไม่พอใจที่เจ้าปล่อยให้เขารอทั้งวันอย่างเปล่าประโยชน์ พี่รองจะทำให้เจ้ารู้สึกแปลกแยกหรือไม่”

อาจื้อครุ่นคิด และกล่าวพึมพำ “พี่รองไม่มีวันทำขอรับ”

เหยาซูหัวเราะเบา ๆ “ใช่แล้ว พี่รองจะไม่ถือสาเรื่องนี้ เอ้อหลางเป็นคนใจกว้างและไม่ถือสาเรื่องเล็กน้อย นี่คือด้านดีของเขา เขาเองอาจจะประมาทที่ลืมว่าน้องของเขากำลังรออยู่ที่ลานบ้าน นี่คือเรื่องที่ควรคิด”

อาจื้อเห็นเหยาซูพูดด้วยความสบายใจ ก็ค่อย ๆ รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง เเละสุดท้ายก็หัวเราะออกมา

เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นถาม “ท่านเเม่ชอบนิสัยของพี่รองไหมขอรับ”

เหยาซูประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง ไม่นานเขาก็เข้าใจความคิดของอาจื้อ หญิงสาวส่ายหัวเเล้วกล่าวว่า “แม่ชอบนิสัยพี่รองของเจ้า แต่แม่ก็รักเจ้า”

เด็กชายที่ภายนอกดูแข็งแกร่ง แต่ภายในกลับมีความรู้สึกที่อ่อนไหว

บางทีเขาอาจจะได้รับความทุกข์ทรมานมากเกินไปเมื่อครั้งยังเด็ก ก่อนแยกออกมาจากตระกูลหลินนิสัยของอาจื้อก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป ความรักของครอบครัวคือสิ่งที่เขารอคอย แต่เขาไม่เคยมั่นใจเลยว่าจะมีใครสักคนที่รักเขาอย่างไม่มีเงื่อนไข

เหยาชูรู้สึกเจ็บปวดยิ่งอยู่ในใจ หญิงสาวใช้มือขวาลูบแก้มของอาจื้อเบา ๆ มองสบเข้าไปในดวงตาของเขาและพูดอย่างจริงจัง “นิสัยใจกว้างร่าเริง ทุกคนล้วนชอบ เเต่เเม่รู้สึกว่า อาจื้อปฏิบัติต่อพี่น้องด้วยความละเอียดอ่อน ความอดทนและความรับผิดชอบมีค่าควรแก่ความรักของทุกคน ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าอาจื้อจะเป็นอย่างไร แม่ก็จะรักเจ้าเสมอ”

ดวงตาทั้งสองข้างของเด็กชายเบิกกว้าง ในขณะเดียวกันก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมา

เหยาซูคลี่ยิ้ม ดวงตาดอกท้อค่อย ๆ โค้งขึ้นเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว ร่างกายค่อย ๆ โน้มลงมาจนอาจื้อสัมผัสได้ถึงความงดงามของผู้เป็นแม่

ในใจของเด็กน้อยสั่นไหวเล็กน้อย เเต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอารมณ์ใดที่ทำให้เขาใจสั่น เด็กชายมองเข้าไปที่ดวงตาของเหยาซูและถามขึ้น

“ท่านแม่…ท่านพูดจริงหรือไม่ขอรับ”

เหยาซูพยักหน้าอย่างจริงใจ “แน่นอนว่าจริง”

  

ไม่นานดวงตาของอาจื้อก็เริ่มมีน้ำตาไหลออกมา จากที่เขาพยายามกลั้นไว้ไม่ให้ไหลก็ไหลพรากออกมาเป็นสาย

เด็กชายเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วใช้เเรงกอดเหยาซูเอาไว้

เด็กชายส่งเสียงร้องอู้อี้ในอ้อมอกของผู้เป็นแม่ “ท่านแม่…”

เหยาซูโอบกอดอาจื้อไว้ ลูบหลังลูกชายคนโตด้วยความอบอุ่นและกล่าวด้วยเสียงที่นุ่มนวล “อื้ม แม่เข้าใจความอัดอั้นในวันนี้ของเจ้า ยามที่ควรจะร้องไห้ก็ร้องออกมา ไม่ต้องทนไว้”

เช่นนั้นแล้วเด็กชายจึงปล่อยโฮออกมา ท่าทางที่เข้มเเข็งล้วนถูกโยนทิ้งไปจนสิ้น

“นี่ก็จะหนึ่งเดือนเเล้วที่ข้ายังไม่ได้พัก นอกจากจะต้องฝึกเขียนอักษรอย่างน้อยเป็นเวลาสองชั่วยาม ยังต้อง…ยังต้องท่องหนังสือที่ท่านปู่จัดเตรียมไว้ให้ มีหนังสืออยู่เต็มห้อง ล้วน…ล้วนต้องท่องให้ได้ ถ้าท่องไม่ได้จะถูกตีมือ…”

เหยาซูกอดปลอบลูกชายเงียบ ๆ

“มันไม่ง่ายเลยขอรับ ท่านปู่บอกว่าคนในครอบครัวก็มากันเเล้ว ให้ข้าออกไปเล่นกับพี่ ๆ ถึงให้ข้าหยุดได้หนึ่งวัน…วันนี้ก็หมดลงไปแล้ว เเละในอีกไม่กี่วันข้าก็ต้องเรียนชดเชยเพิ่มเติมกับการที่ข้าหยุดไปหนึ่งวันนี้ด้วย ตอนเเรกข้าคิดว่า ถ้าหากได้ออกไปเล่นสนุกกับพวกพี่ ๆ หนึ่งวัน วันต่อไปถึงจะต้องเหน็ดเหนื่อยแต่ก็คุ้มค่า….”

ยิ่งเขาพูดก็ยิ่งเจ็บปวด จึงปล่อยโฮออกมา

เหยาซูเอ่ยปลอบ “แม่รู้ เจ้าเรียนหนังสือด้วยความยากลำบาก พี่รองสมควรโดนตี ทำให้วันหยุดหนึ่งวันที่ยากกว่าจะได้มาของเจ้าเสียเปล่า ท่านเเม่จะจัดการให้เจ้า ดีไหม เช่นนั้นก็ไม่ต้องร้องเเล้ว”

อาจื้อนำความยากลำบาก ความผิดหวัง เเละความกดดันในช่วงที่ผ่านมาระบายออกทางอ้อมกอดของหญิงสาวผู้เป็นมารดา ผ่านไปครู่หนึ่งเด็กชายก็ค่อย ๆ สงบลง

แต่ยังสะอื้นไห้เป็นครั้งคราวเท่านั้น

เหยาซูเห็นอารมณ์ของเด็กชายผ่อนคลายขึ้นมาบ้างแล้ว และเพื่อเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจของลูกชาย จึงเอ่ยถามอย่างอบอุ่นว่า “การบ้านที่ท่านปู่มอบหมายให้ หนักไปหรือไม่”

อาจื้อลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะส่ายหัว “ก็มีเหนื่อยบ้าง เเต่ก็ไม่ถือว่าหนักขอรับ ท่านปู่ตระเตรียมเนื้อหาตามที่ข้ารับไหว”

“อื้ม” เหยาซูตอบ เเล้วถามขึ้น “เจ้าชอบเรียนหนังสือที่บ้านท่านปู่หรือไม่”

ครั้งนี้เด็กชายตอบอย่างไม่ลังเล “ท่านแม่ ข้าชอบเรียนหนังสือที่บ้านท่านปู่ขอรับ บ้านของท่านปู่มีหนังสือดี ๆ เยอะมาก เเละท่านปู่ก็มีความรู้มาก ราวกับรู้ทุกอย่าง… ทุก ๆ ครั้งที่ท่านปู่กลับมาจากทำงาน มาตรวจการบ้านของข้า ก็จะใช้เวลานานมากเพื่ออธิบายหรือสอนคุณธรรมกับข้า”

เหยาซูขมวดคิ้ว “ดูเหมือนว่าเวลาเจ้าพูดถึงหนังสือดวงตาจะเป็นประกายเชียว”

อาจื้อคลี่ยิ้ม

ผ่านไปสักพักเด็กชายก้มหน้าลงด้วยความเคอะเขินเเละกล่าวด้วยเสียงเบา ๆ “ข้าชอบอ่านหนังสือ เเต่ว่าบางทีข้าก็กลัวว่าตัวเองจะทำในสิ่งที่ท่านปู่ ท่านพ่อ ท่านแม่รอคอยไม่ได้ขอรับ”

พูดประโยคนี้จบ เด็กน้อยก็กล่าวเสริมขึ้นมา “ท่านเเม่ วันหลังข้าจะไม่ร้องไห้เพราะเรื่องเล็กน้อยเยี่ยงนี้อีกแล้ว วันหลังจะไม่ร้องเเล้วขอรับ”

เหยาซูดึงมือของลูกชายขึ้นมาให้มองมาที่ตน และกล่าวอย่างอดทน “บางครั้งท่านพ่อก็เข้มงวด ท่านปู่ก็มีความควาดหวังเป็นอย่างมาก ทุกคนต่างคาดหวังในตัวเจ้า และหวังว่าเจ้าจะสามารถประสบความสำเร็จ เติบโตอย่างมีความสามารถ”

“ที่แม่พูดว่า ไม่ว่าจะอย่างไรแม่ก็จะรักเจ้า อันที่จริงท่านพ่อ ท่านปู่ ก็เหมือนกัน ไม่ว่าเจ้าจะเรียนหนังสืออย่างไร เจ้าจะสมบูรณ์แบบหรือไม่ ทุกคนก็คือครอบครัวที่รักเจ้าและจะรักตลอดไป”

อาจื้อมองดวงตาของเหยาซูอย่างตั้งใจ เด็กชายเม้มริมฝีปากของตน

เหยาซูรู้ว่าไม่จำเป็นต้องรีบร้อนอะไร จึงยิ้มเเล้วกล่าวต่อว่า “ดีเเล้ว เช็ดน้ำตาก่อน พวกเราควรอาบน้ำเข้านอนได้เเล้ว”

เด็กชายพยักหน้า หลังจากเช็ดน้ำตาเเล้วก็ไม่ลืมที่จะกล่าวกับเเม่ของตน “ท่านแม่ อย่าให้ท่านพ่อรู้เรื่องที่ข้าร้องไห้วันนี้นะขอรับ”

เหยาซูยิ้ม “เจ้าวางใจเถอะ”

สองแม่ลูกพากันไปตักน้ำมาอาบ หลังจากที่รออาจื้อล้างหน้าล้างตาให้สะอาด ก็พากันเข้าห้องนอน

เมื่อเห็นลูกชายขอเล่นกับพี่ชายและน้องสาวของเขาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าอีกครั้ง เหยาชูก็ถอนหายใจภายในใจ

เด็กคนนี้จิตใจอ่อนไหว เเต่กลับต้องทำเป็นเข้มเเข็งเเละใจเย็น เป็นเรื่องยากสำหรับเขาจริง ๆ

วันข้างหน้า เหยาซูต้องใส่ใจเรื่องนี้มากขึ้น

………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

อาจื้อน้อยเป็นเด็กประเภทที่แบกรับอะไรไว้หลายอย่างจริง ๆ โอ๋ๆ นะคะ ถ้ารู้สึกว่าไม่ไหวก็ระบายออกมาค่ะ

ไหหม่า(海馬)