ตอนที่ 377 เติบโต

เหตุผลเดียวที่เจียงขุยคิดว่าตนทำให้อาจารย์เซี่ยนอวี๋เห็นความสำคัญมากเช่นนี้ ก็คืออาจารย์เซี่ยนอวี๋พึงพอใจมากกับขนมเปี๊ยะไข่แดงที่เธอมอบให้

หากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ ทำไมเขาถึงเลือกฉันล่ะ

ฉันมีอะไรไปเทียบกับราชาราชินีเพลง

เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความมั่นใจในตนเอง

ต่อให้เป็นคนที่มั่นใจในตนเอง ก็ต้องขบคิดถึงความแตกต่างบนพื้นฐานของความเป็นจริงด้วยเช่นกัน

หนทางสู่การเป็นนักร้องแถวหน้าของเธอนั้นช่างเลี้ยวลดคดเคี้ยว ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงราชาราชินีเพลงที่แข็งแกร่งกว่านักร้องแถวหน้าเสียอีก

“งั้นฉันต้องไปที่นั่นก่อน?”

เจียงขุยเอ่ยปากอย่างอยากลำบาก

ผู้จัดการส่ายหน้า “เรื่องนั้นไม่ต้องหรอก คุณแค่เตรียมตัวให้ดี ช่วงนี้ก็รักษาเสียงไว้ เพราะเพลงนี้คุณจำเป็นต้องแสดงจุดเด่นของคุณออกมาอย่างเต็มที่ ลองคิดดูว่าจุดเด่นของตัวเองคืออะไร ฉันเชื่อว่านี่แหละคือเหตุผลที่อาจารย์เซี่ยนอวี๋เลือกคุณ”

จุดเด่นของฉัน?

เจียงขุยคล้ายกับกำลังใคร่ครวญ

เสียงของเจียงขุยได้รับคำชื่นชมว่ากังวานใสมากที่สุด เนื้อเสียงไพเราะ ถึงแม้ว่าจะใช้วิธีการร้องอันแสนธรรมดา แต่ก็สามารถขับร้องออกมาได้ในรูปแบบเฉพาะตัว

“แต่ว่า…”

“ไม่มีแต่ อาจารย์เซี่ยนอวี๋เลือกคุณแล้ว คุณก็คว้าโอกาสนี้ไว้ให้ดี ถ้าคุณเจออาจารย์เซี่ยนอวี๋แล้วยังทำท่าทางหวาดกลัวหรือรู้สึกผิดอย่างในตอนนี้ ฉันเชื่อว่าเขาจะหาคนมาแทนที่คุณโดยไม่ลังเลเลย!”

เจียงขุยสะดุ้งขึ้นมาทันที

เธอเริ่มเรียนดนตรีมาตั้งแต่เด็ก เธอยอมไม่กินไม่นอน เพื่อศึกษาความหลากหลายของเสียง ตอนนี้ความดื้อรั้นซึ่งยังคงซ่อนงำอยู่ในกระดูกพลันถูกกระตุ้นขึ้นมาทันที

“ฉันจะไม่ทำให้อาจารย์เซี่ยนอวี๋ผิดหวัง!”

กล่าวกันว่านักรบยอมตายเพื่อสหายรัก เจียงขุยเริ่มสงสัยในตัวเองแล้วว่า ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงความหวาดกลัวตามสัญชาตญาณที่เธอมีต่อคนดนตรีระดับแนวหน้าของบลูสตาร์

สิ่งที่เธอหวาดกลัวคืออะไร?

คือความสามารถในการร้องเพลงของราชาราชินีเพลง?

ไม่ใช่สักหน่อย ความสามารถในการร้องเพลงของเจียงขุยนั้นไม่ได้เป็นสองรองใคร

สรุปแล้ว สิ่งที่เธอกลัว ก็คืออิทธิพลและชื่อเสียงของเหล่าราชาราชินีเพลงซึ่งโลดแล่นในวงการเพลงมาหลายปี

นี่ถึงจะเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนเกรงขามได้อย่างแท้จริง!

ถ้าอย่างนั้นจะกลัวอะไรล่ะ?

กลัวพ่อเพลงของราชาราชินีเพลง?

หรือว่าอาจารย์เซี่ยนอวี๋สู้พ่อเพลงเหล่านั้นไม่ได้?

ถึงแม้จะได้รับฉายานามจากในวงการว่าเป็นพ่อเพลงตัวน้อย แต่ทุกคนก็รู้อยู่เต็มอกเซี่ยนอวี๋มีความสามารถระดับพ่อเพลง ทั้งยังเอาชนะพ่อเพลงซึ่งมีฝีมือระดับที่น่าสะพรึงกลัวได้มากกว่าหนึ่งคน

ตัวเขายังไม่ได้รับการยอมรับจากทางการว่าเป็นพ่อเพลง เพียงเพราะคุณวุฒิยังไม่มากพอ และอายุยังน้อยก็เท่านั้น

อาจารย์เซี่ยนอวี๋ใช้ตัวตนในฐานะคนที่ยังไม่ใช่พ่อเพลง คว้าชัยชนะเหนือพ่อเพลงมากมายเช่นนี้ได้ แล้วทำไมตนจะใช้สถานะนักร้องธรรมดา เอาชนะราชาราชินีเพลงไม่ได้ล่ะ?

จะบอกว่าตนไม่ใช่นักร้องแถวหน้า ก็เป็นเพียงข้ออ้างจากความขลาดกลัวของตนเท่านั้น

ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ตนอยู่ห่างจากการเป็นนักร้องแถวหน้าแค่เพียงกระดาษไขบุหน้าต่างกั้น เพียงแค่จิ้มเบาๆ ก็ทะลุแล้ว

และชั่วขณะนั้น เจียงขุยก็เกิดความกล้าหาญขึ้นมาอย่างยิ่งยวด

ความกล้าหาญนี้ จะว่าไปแล้วก็มาจากอาจารย์เซี่ยนอวี๋

“อาจารย์เซี่ยนอวี๋เลือกฉัน เห็นได้ชัดว่าสำหรับอาจารย์เซี่ยนอวี๋แล้ว ฉันไม่ได้ด้อยไปกว่าราชาราชินีเพลง การยอมรับและความสำคัญเช่นนี้ ถ้าฉันทำให้ผิดหวังละก็ จะเป็นการทรยศความรักที่ฉันมีต่อดนตรี”

แววตาของเจียงขุยพลันเป็นประกายใสขึ้นมาในชั่วพริบตา

แม้แต่ตัวเธอเองยังนึกไม่ถึงว่าพลังของลูกวัวเพิ่งเกิดที่ไม่กลัวเสือเช่นนี้ จะช่วยผลักดันอนาคตของเธอ และพาเธอเดินต่อไปได้อีกไกลแสนไกล

……

หลินเยวียนไม่ได้เรียกเจียงขุยมาบันทึกเสียงในทันที

เขาเพียงแต่แจ้งไว้ล่วงหน้า เพื่อให้เจียงขุยเตรียมตัวเตรียมใจ

และหลินเยวียนก็ไม่ได้ต้องการให้เจียงขุยมาพิสูจน์ความสามารถของตน ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะเขาคิดว่าบทเพลงซึ่งเตรียมไว้สำหรับเดือนธันวาคมนั้นเข้ากับเสียงของเจียงขุย

หลินเยวียนให้ความสนใจกับเจียงขุย

เริ่มตั้งแต่ที่เลือกเจียงขุยให้มาขับร้องเพลงปลายักษ์ หลินเยวียนก็ชื่นชมเจียงขุยมากทีเดียว

และเส้นทางในวงการเพลงของเจียงขุยหลังจากนั้น ถึงแม้หลินเยวียนจะไม่ได้เข้าไปมีบทบาทมากนัก แต่เขาก็ได้ฟังว่าเพลงที่เธอร้องเป็นอย่างไรบ้าง

ปรากฏว่าเมื่อเฟิงซั่วเริ่มเขียนเพลงให้เจียงขุยอย่างต่อเนื่อง หลินเยวียนก็สัมผัสถึงพัฒนาการของเจียงขุยได้อย่างชัดเจน

เมื่อมองจากศักยภาพในการพัฒนาแล้ว หลินเยวียนคิดว่าขีดจำกัดของเจียงขุยนั้นสูงมาก!

เขาถึงขั้นมองเห็นนักร้องหญิงชื่อดังจากโลกเดิมถึงสองคนในตัวเจียงขุยด้วยซ้ำไป…

เดือนพฤศจิกายนไม่ปล่อยเพลง ยังเป็นเพราะนำปัจจัยเรื่องนี้มาพิจารณาด้วย

ด้วยสถานการณ์ของเจียงขุย ไม่ปล่อยเพลงในเดือนพฤศจิกายนก็ไม่เป็นไร ปล่อยเพลงในเดือนธันวาคมก็เพียงพอให้เจียงขุยได้เป็นนักร้องแถวหน้าแล้ว

สิ่งที่ผู้อื่นมองเห็นก็คือหลินเยวียนกำลังทำเรื่องเสี่ยงอันตราย วางเดิมพันกับเดือนสุดท้าย ถึงขั้นที่คิดจะทอดทิ้งเจียงขุย

มีเพียงหลินเยวียนที่รู้ดีว่า เขาไม่ได้วางเดิมพัน แต่เขาเชื่อมั่นในเพลงที่กำลังจะปล่อยไปต่างหาก

ไม่เพียงเจียงขุยที่ต้องเตรียมตัว ทางหลินเยวียนก็ต้องเตรียมตัวเช่นกัน

หลังจากที่เขาให้กู้ตงแจ้งให้เจียงขุยเตรียมตัวสำหรับเพลงใหม่ในเดือนธันวาคม ตัวเขาเองก็รีบเข้าไปห้องทำงาน และผลิตเพลงเดโม

ระบบผลิตเพลงมาให้เขาเรียบร้อย

หลังจากทำเพลงเดโมเสร็จ เขาก็เข้าห้องอัดเสียงอีกครั้ง เรียกซาวด์เอนจิเนียร์ที่คุ้นเคยมา และลงมือจัดการในส่วนของการเรียบเรียงเพลง

สิ่งที่เรียกว่าเรียบเรียงเพลง อันที่จริงก็คือการแต่งองค์ทรงเครื่องให้กับบทเพลง

หากใช้การเปรียบเปรยอย่างง่าย ทำนองคือคนซึ่งยังไม่ผ่านการประทินโฉม และการเรียบเรียงเพลงคือการใส่เสื้อผ้าหน้าผม ตามจุดเด่นของรูปลักษณ์คนคนนั้น

ในกระบวนการนี้ ซาวด์เอนจิเนียร์จึงได้เห็นบทเพลงที่หลินเยวียนเตรียมไว้สำหรับเดือนธันวาคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ผลปรากฏว่า

ยามที่เห็นเนื้อเพลงใหม่ของหลินเยวียน ซาวด์เอนจิเนียร์ฝีมือดีซึ่งร่วมงานกับพ่อเพลงอย่างหยางจงหมิงบ่อยครั้ง ถึงกับผงะถอยไปอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนที่จะนั่งลงบนเก้าอี้หน้าเครื่องดนตรีในทันที

เขาเงยหน้าขึ้น แววตาที่มองหลินเยวียนนั้นเปี่ยมไปด้วยความนับถือ

“อาจารย์เซี่ยนอวี๋ เนื้อเพลงนี้ เป็นหนึ่งในเนื้อเพลงที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่ผมเคยเห็นมาเลย ขอโทษครับ เสียมารยาทไปหน่อย ผมขอลบคำว่าหนึ่งในออก นี่เป็นเนื้อเพลงที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่ผมเคยเห็นมา”

นี่เป็นแววตายามที่เขามองหยางจงหมิง แม้แต่พ่อเพลงระดับเจิ้งจิงก็ไม่สามารถทำให้ซาวด์เอนจิเนียร์คนนี้ตกตะลึงเช่นนี้ได้

และหลินเยวียน เป็นคนดนตรีคนที่สองในสตาร์ไลท์ซึ่งทำให้เขาเชื่อมั่นอย่างไร้ข้อกังขา

หลินเยวียนเอ่ยอย่างอดไม่ได้ “ทำนองก็ไม่เลวเหมือนกันนะครับ”

ซาวด์เอนจิเนียร์ยิ้มพลางพยักหน้า “คุณเขียนเนื้อเพลงแบบนี้ เพราะคำวิจารณ์ในหนังสือพิมพ์วรรณศิลป์ก่อนหน้านี้หรือเปล่าครับ พวกเขาบอกว่าคุณเขียนทำนองได้ดีกว่าเนื้อเพลง รวมไปถึงอาจารย์หนีหงอู่ก็ยังพูดแบบนี้ ดังนั้นคุณเลยอดใจไม่ไหว หยิบเนื้อเพลงนี้ออกมาเพื่อพิสูจน์ว่าพวกเขาคิดผิด”

“ไม่ใช่ครับ”

“ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ครับ”

ซาวด์เอนจิเนียร์ยิ้มกว้างยิ่งกว่าเดิม ไม่ใช่ก็แย่แล้วครับอาจารย์เซี่ยนอวี๋!

เซี่ยนอวี๋เป็นวัยรุ่น แน่นอนว่าวัยรุ่นบางครั้งก็มีพลังชีวิตและความบ้าคลั่งในแบบของตัวเอง

ถ้าหากอาจารย์หนีหงอู่ไม่ได้กล่าวว่าทำนองของเซี่ยนอวี๋เหนือกว่าเนื้อเพลง เซี่ยนอวี๋จะทิ้งระเบิดลูกใหญ่ขนาดนี้เชียวหรือ?

เมื่อหนีหงอู่เห็นเนื้อเพลงของเพลงนี้ เกรงว่าหนึ่งในนักเขียนเพลงระดับแนวหน้าของบลูสตาร์เองก็คงตกตะลึงเช่นกัน

แน่นอน

ที่ซาวด์เอนจิเนียร์ตื่นเต้นดีใจเช่นนี้ ยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง นั่นก็คือเขารู้สึกว่าเป็นเกียรติเหลือเกินที่ได้มีส่วนร่วมในการผลิตบทเพลงเช่นนี้!

สำหรับเจ้าหน้าที่ในกระบวนการผลิตเพลงแล้ว การได้มีส่วนร่วมในการบันทึกเสียงของบทเพลงสุดคลาสสิกนั้น นับว่าเป็นเกียรติประวัติในหน้าที่การงานจริงๆ

ชื่อของพวกเขาจะถูกจดจำในอุตสาหกรรมเพลงพร้อมกับบทเพลง

ลำพังจุดนี้ ก็มากเพียงพอให้ผู้คนในอุตสาหกรรมดนตรีแย่งกันไขว่คว้าโอกาสร่วมงานในผลงานสุดคลาสสิกเหล่านี้!

“เจียงขุยโชคดีจริงๆ”

ซาวด์เอนจิเนียร์ชำเลืองมองเนื้อเพลงอีกครั้ง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจเก็บซ่อนความตื่นเต้นและตกตะลึงในแววตาไว้ได้

……………………………………………….