บทที่ 377 ลอบปล้น
จ้าวถิงผลุดลุกขึ้นยืนทันที เขารีบสั่งให้คนสิบคนไปช่วยคุ้มกันถังหลี่ คนทั้งสิบไม่พอใจที่ได้รับคำสั่ง พวกเขาไม่รู้จักถังหลี่
“ข้าไม่อยากไปพี่หกท่านไปสิ” เด็กหนุ่มผู้หนึ่งผลักผู้ที่อายุมากกว่าเขา
ที่จริงแล้วพวกเขารู้จากเถ้าแก่จ้าวแล้วว่ามีคนสะกดรอยตามและมุ่งร้ายต่อขบวนสินค้าของพวกเขา เถ้าแก่จ้าวรู้ว่าอีกฝ่ายมีคนมากกว่า ครั้งนี้อันตรายมากจริงๆ แต่เขาตั้งใจที่จะสู้จนตัวตาย ไม่ต้องพูดว่าพวกเขามีกำลังคนแค่ยี่สิบห้าคนเท่านั้น หากต้องไปคุ้มครองเด็กสาวผู้นั้นย่อมเหลือแค่สิบห้าคนจะไปช่วยอะไรได้
เด็กสาวน่าจะเป็นผู้ที่มีความสำคัญมาก ถึงกับทำให้จ้าวถิงแบ่งคนไปช่วยปกป้องคุ้มครองนาง ในขณะเดียวกันรายชื่อที่เถ้าแก่ถิงเรียกไปล้วนเป็นเด็กหนุ่มที่ยังไม่สวมกวานและเป็นคนสูงอายุ เพื่อที่จะหาทางให้พวกเขาได้พ้นภัย คนเหล่านี้ล้วนอยู่ด้วยกันมานาน มีหรือเขาจะไม่เข้าใจความคิดของเถ้าแก่จ้าว คนอายุมากกว่าผลักเด็กหนุ่มกลับพูดว่า
“ไอ้เด็กบ้า คุ้มกันคนยากกว่าคุ้มกันสินค้ามากนัก เจ้าอยากให้ข้าทำงานหนักหรือ?”
“ข้าเป็นหัวหน้า พวกเจ้าต้องฟังข้า ไม่เช่นนั้นข้าจะลงโทษ!” เถ้าแก่จ้าวพูดขึ้นมา
ที่จริงแล้วคนคุ้มกันเหล่านี้อยู่ร่วมกันและได้รับการฝึกฝนด้วยกันมานาน พวกเขาย่อมรู้สึกผูกพันรักใคร่กันประหนึ่งเป็นมิตรสหาย แต่พวกเขาไม่มีทางเลือกจึงต้องฟังคำสั่งของเถ้าแก่
ในไม่ช้าทั้งสิบคนก็ลุกขึ้นจัดข้าวของส่วนตัวของตน
“คุณหนูรีบไปกันเถอะ” จ้าวถิงสั่ง “ท่านเดินทางไปอย่าได้หยุดอีกสามชั่วยามจะถึงเมืองใหญ่”
ถังหลี่และเว่ยฉิงรีบขึ้นรถม้า ก่อนจะเดินทางไป
ภายในรถม้าถังหลี่ถามสามี
“สามีพวกเรามีกำลังคนสักกี่คน?”
“มีองครักษ์เงาอยู่สามคน” หากรวมคนขับรถม้าด้วยแล้วก็เป็นสี่ ทั้งนางและสามี
“ไม่มีปัญหา” เว่ยฉิงพูด
“หากเราจัดการกับพวกมันได้ องครักษ์เงาเหล่านั้นก็ไม่ต้องปรากฏกายออกมา” ถังหลี่ออกความเห็น สามีของนางพยักหน้า
รถม้าเคลื่อนไปช้าๆ สักพักมีเสียงเคาะที่ผนังด้านนอก
ถังหลี่เปิดม่านหน้าต่างออกไป เห็นเด็กหนุ่มที่กำลังขี่ม้าอยู่ด้านนอกเป็นคนที่ไม่อยากมากับพวกเขาตั้งแต่แรกนั่นเอง
“แม่นาง ท่านช่วยพูดกับคนขับรถม้าให้เขาขับเร็วกว่านี้ได้ไหม?”
เถ้าแก่จ้าวให้พวกเขาคุ้มครองนาง นั่นหมายความว่านางมีความสำคัญมากกว่าสินค้า แต่รถม้าของนางกลับแล่นช้ามาก นางช่างไม่รู้เลยว่าเจ้านายยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อรักษาความปลอดภัยให้นาง แต่นางไม่ได้หวงแหนหรือรู้คุณค่าของชีวิตเลย
“ข้าเมารถหากไปเร็วเกิน” ถังหลี่พูดกับเด็กหนุ่ม
“ฮูหยินไม่ค่อยสบาย เจ้าขับช้าหน่อย” เว่ยฉิงสั่งคนขับรถ
เด็กหนุ่มหน้าแดงด้วยความโกรธ เขารู้สึกว่าเด็กสาวผู้นี้น่ารำคาญเหลือเกิน เถ้าแก่จ้าวมอบคนมากมายให้ช่วยดูแลคุ้มกันนาง แต่นางช่างบอบบางนัก หากไม่รีบไปนางจะเป็นอุปสรรคกับผู้คุมกันคนอื่นๆ เด็กหนุ่มหันไปมองด้านหลังบ่อยๆ เขาไม่รู้ว่าผู้คุ้มภัยเหล่านั้นจะเป็นอย่างไรบ้าง?
“อย่าถอนหายใจไปเลย เด็กสาวจากเมืองหลวงอ่อนแอมาก เรารับผิดชอบทำหน้าที่ของเราให้จบเถอะ” คนที่เดินทางมากับเขาเกลี้ยกล่อมเบาๆ
เด็กหนุ่มหงุดหงิด เขาไม่อยากทำงานนี้จริงๆ เขายอมอยู่และตายกับเหล่าพี่น้องของเขามากกว่า
บนรถม้าเว่ยฉิงหลับตาได้ยินเสียงที่พูดของคนภายนอก เขาได้ยินแม้กระทั่งเสียงของขบวนสินค้าที่อยู่ห่างออกไปถึงสองลี้ ถังหลี่เองก็ได้ยินเช่นกัน หูของนางดีกว่าของเว่ยฉิงมากนัก
“สามี ข้าได้ยินเสียงฝีเท้าของโจร พวกเขากำลังจะเข้าโจมตี”
เว่ยฉิงได้ยินเสียงอาวุธกระทบต่อสู้กัน
“ปลดบังเหียนม้า” เว่ยฉิงออกคำสั่ง
รถม้าถูกลากโดยม้าสองตัว องครักษ์เงารีบแก้มัดม้าทั้งสองตัวออกทันที เว่ยฉิงอุ้มถังหลี่ทะยานขึ้นจากรถผู้โดยสารกระโดดขึ้นหลังม้าที่ถูกปลดบังเหียนแล้วก่อนจะควบม้ากลับไปหาขบวนสินค้าทันที
ผู้คุ้มกันทั้งสิบคนต่างตกใจมาก
เขาคาดไม่ถึงว่าสามีภรรยาทั้งสองที่มาจากเมืองหลวงจะมีทักษะเก่งกาจถึงเพียงนี้
“พวกท่านจะไปไหน?”
“ช่วยชีวิตคน” เว่ยฉิงตะโกนกลับ
ช่วยชีวิตคน ช่วยเถ้าแก่? คนทั้งสิบต่างดีใจรีบควบม้าตามไปทันที
ในตอนนี้ผู้คุ้มภัยถูกโจรรุมโจมตีอยู่ แม้จ้าวถิงจะตัวเล็กและดูเหมือนพ่อค้าธรรมดา แต่ตอนนี้เขาถือดาบเล่มใหญ่เอาไว้ ท่าทางองอาจดุดันแตกต่างไปจากยามปกติ เขาวิ่งไปข้างหน้า ตรงนั้นมีผู้คนมากมายแต่ละคนล้วนมีฝีมือเก่งกาจไม่ใช่โจรธรรมดา หากแต่ได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี
เขาเริ่มใจคอไม่ดี ดูเหมือนว่าเขาจะปกป้องสินค้าไม่ได้ อีกทั้งยังต้องเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่ในวันนี้ โชคดีที่พี่น้องของพวกเขาทั้งสิบคนไปคุ้มครองคุณหนู อย่างน้อยก็ยังมีชีวิตรอดไปได้ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้วจ้าวถิงก็ไร้ซึ่งความกลัว เขาบุกตะลุยสู้กับพวกโจรโดยไม่คิดถึงชีวิต
“หัวหน้า พวกเรามาช่วยท่านแล้ว” ในตอนนั้นเองจ้าวถิงได้ยินเสียง เมื่อเขาหันกลับมาดู เขาแทบเป็นลม เขาเห็นกับตาตนเองว่าพี่น้องทั้งสิบที่เขาให้หลบไปก่อนหน้า พวกเขาหวนกลับมา และนั่นคุณหนู!
กลับมาทำไม? จ้าวถิงเสียสมาธิ เขาหลบไม่พ้นดาบของโจรที่พุ่งเข้ามาหาเขา เมื่อเห็นว่าจ้าวถิงกำลังจะโดนดาบของโจร เว่ยฉิงเหินขึ้นฟันดาบในมือของตนลงไปที่ดาบของโจรผู้นั้น จากนั้นจึงเตะเจ้าของดาบออกไปอย่างไร้ปรานี
จ้าวถิงต่อสู้กับโจรมาหลายกระบวนท่าแล้ว เขารู้ว่าโจรพวกนี้มีทักษะดีมาก เขาจึงประหลาดใจกับทักษะของเว่ยฉิงที่เอาชนะโจรได้ภายในดาบเดียว
จ้าวถิงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เขาฟันดาบไปที่ชายชุดดำอีกคนหนึ่ง หลังจากที่ชายคนนั้นล้มลงเขาจึงได้หันไปมองถังหลี่ เขารู้ดีว่าไม่ว่าเป็นหรือตายอย่างไรก็ต้องปกป้องคุณหนูถังผู้นี้เอาไว้ให้ได้ แต่เมื่อเขาหันมาเห็นถังหลี่เขาก็ต้องตกตะลึงไปจนพูดไม่ออก
ท่ามกลางผู้คนที่กำลังต่อสู้กันอย่างชุลมุนวุ่นวาย ร่างในชุดสีชมพูดูโดดเด่น นางถือหน้าไม้อยู่ท่ามกลางชายชุดดำดูคล่องแคล่วและดุร้าย ลูกธนูของนางไม่พลาดเป้ายามที่ยิงออกไปย่อมมีผู้คนล้มลงทุกครั้ง
ไม่ใช่เรื่องยากที่นางจะจัดการกับชายชุดดำสี่ห้าคนตรงหน้า นางเก่งกว่าเขามากนัก!
เมื่อคนทั้งสิบที่ได้เข้ามาสมทบกำลังเพิ่มพร้อมกับสามีภรรยาทั้งคู่ ทำให้การต่อสู้เป็นฝ่ายได้เปรียบขึ้นมา จ้าวถิงโล่งอก หลังจากการต่อสู้จบลงทางด้านของจ้าวถิงนั้นมีคนบาดเจ็บเล็กน้อย ไม่มีใครอาการสาหัสถึงแก่ชีวิต ส่วนฝ่ายตรงข้ามตายไปครึ่งหนึ่งที่เหลือล้วนบาดเจ็บ
ถังหลี่กวาดตามองทุกคนพลางถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก โชคดีที่ทุกคนรอดชีวิตมาได้ไม่เหมือนในความฝันที่พวกเขาตายกันหมด
จ้าวถิงมองถังหลี่ นางใส่เสื้อคลุมแล้ว ร่างกายสะอาดไม่มีแม้แต่คราบเลือด หญิงสาวดูบอบบางอ่อนแอดูไม่รู้เลยว่านางเพิ่งฆ่าคนตายมาเมื่อครู่ เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าคุณหนูจะเก่งกาจถึงเพียงนี้ หากคุณหนูและคนอื่นๆ ไม่กลับมาช่วยพวกเขาเอาไว้เกรงว่า…
“โชคดีเหลือเกินที่ข้าได้พบคุณหนู….”
“ขอบคุณคุณหนู”
“ขอบคุณที่คุณหนูได้ช่วยพวกเราเอาไว้”
พวกเขาเข้ามาขอบคุณถังหลี่ทีละคน พวกเขาช่างตาบอดเหลือเกิน ไปมองว่าคุณหนูเป็นภาระได้อย่างไร โดยเฉพาะเด็กหนุ่มผู้นั้นเขาละอายใจจนอยากนั่งลงคุกเข่าคารวะให้คุณหนูจริงๆ
“ไม่เป็นไร พวกเจ้าเป็นคนของพี่ชายข้า ข้าต้องปกป้องเป็นธรรมดา” ถังหลี่พูดจบก็เบนสายตาไปที่พวกโจร ดวงตาของนางดำมืด เป็นใครที่ส่งคนเหล่านี้มา!