บทที่ 378 นางติง

จ้าวถิงเดินเข้าไปหาชายชุดดำที่ถูกจับกุมเอาไว้เหล่านั้น เขาถอดหน้ากากออก เอามีดวางไว้ที่คอพูดด้วยน้ำเสียงดุดันว่า

“ใครเป็นคนส่งพวกเจ้ามา” ชายคนนั้นไม่ขยับปาก คนของจ้าวถิงเตรียมจะเฉือนเนื้อเขา

“พูดออกมา!” เขาไม่พูดจนกระทั่งถังหลี่เอ่ยว่า

“ให้ข้าถามเขาเอง” จ้าวถิงมองถังหลี่อย่างเคารพ

“ท่านลองถามดู”

ถังหลี่สบสายตากับชายผู้นั้น “ใครเป็นคนส่งเจ้ามาไป๋ซวี่หยางหรือ…

เมื่อถังหลี่พูดชื่อไป๋ซวี่หยาง คนผู้นั้นชำเลืองมองถังหลี่ชั่วแวบ แต่การชำเลืองมองแค่ครั้งเดียวนี้ทำให้เขาเหมือนกับตกลงไปในกระแสน้ำวนที่เชี่ยวกราก เขาเวียนหัว

“ฮูหยินติง” ชายชุดดำเผลอไผลพูดออกมา

“ฮูหยินติงหรือ?” จ้าวถิงขมวดคิ้ว

ถังหลี่รู้ดีว่านางติงผู้นี้คือใคร นางคือแม่เลี้ยงของไป๋มู่หยางอีกทั้งยังเป็นมารดาของไป๋ซวี่หยางนั่นเอง

ทั้งเรื่องความคับข้องใจและความยุ่งเหยิงในตระกูลไป๋ ถังหลี่ล้วนเคยได้ยินจากพี่ชายยามที่เขาเล่าอดีตให้นางฟัง

แต่เดิมนั้น ตระกูลกัว และตระกูลไป๋ต่างถูกหมั้นหมายและแต่งงานกัน บุตรสาวตระกูลกัวเป็นหญิงสาวที่เฉลียวฉลาดแต่เป็นเพราะนางมีความรักกับนายท่านไป๋อย่างลึกซึ้ง นางจึงยอมวางมือด้านการค้าหันมาดูแลสามีและบุตรอยู่ที่บ้าน แต่แล้วกลับกลายเป็นว่านายท่านไป๋กลับมีอนุอยู่นอกเรือน คนผู้นั้นคือนางติง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมีบุตรชายที่อายุน้อยกว่าบุตรของนางอีกด้วย กัวซื่อเสียใจมาก นางหดหู่จนในที่สุดจึงกระโดดบ่อน้ำตาย การตายของภรรยาไม่ได้ทำให้นายท่านไป๋รู้สึกผิดแม้แต่น้อยเขากลับอุ้มนางติงเข้าจวนตระกูลไป๋อย่างหน้าชื่นตาบาน

นางติงกลายเป็นฮูหยินใหญ่ของตระกูลไป๋ แต่นางกลับรู้สึกว่าไป๋มู่หยางกำลังขวางบุตรชายของนางอยู่ นางจึงได้แอบวางยาเขาตั้งแต่เล็ก นางติงช่างเลวร้ายยิ่งนัก!

ในนวนิยายต้นฉบับนั้น ไป๋มู่หยางที่ควรจะเป็นผู้สืบทอดสกุลไป๋กลับเสียชีวิตตั้งแต่เด็ก นางติงและบุตรชายผู้ชั่วร้ายกลับได้เข้าควบคุมสกุลไป๋กลายเป็นบุคลที่ร่ำรวยที่สุดในต้าโจว

ช่างไม่ยุติธรรมเลย!

โชคดีที่ถังหลี่ปรากฏตัวขึ้น นางช่วยเปลี่ยนชะตากรรมไป๋มู่หยาง เมื่อเขาฟืนคื้นจากอาการเจ็บป่วยปางตาย เขาจึงกลับเมืองหลวง ต่อสู้กับนางติงและบุตรชายเพื่อแย่งเอาทุกอย่างที่เป็นของเขากลับคืนมา

ทุกอย่างกำลังดำเนินไปด้วยดี

ครั้งสุดท้ายที่ถังหลี่ไปจวนตระกูไป๋นางพบว่าพี่ชายของนางได้รับการยอมรับและนับถือจากผู้คนในตระกูลเป็นอย่างมาก

โดยเฉพาะการทำเหมืองแร่เหล็กทำให้ไป๋มู่หยางเกิดความมั่นใจมากขึ้น นางติงคงไม่ยินยอมที่จะถูกเด็ดปีก นางจึงจ้างคนมาปล้นสดมภ์ขบวนสินค้า สินค้าชุดนี้เป็นของราชสำนัก หากโดนปล้นไปไป๋มู่หยางย่อมไม่อาจขนส่งสินค้าได้ตามกำหนด นั่นจะทำให้ราชสำนักไม่พอใจเพราะต้องสูญเสียแร่เหล็กไป ทั้งยังกระทบกับความร่วมมือระหว่างไป๋มู่หยางกับราชสำนักอีกด้วย

ในความฝันของถังหลี่เหตุการณ์นี้นับว่าเป็นเรื่องที่เลวร้ายเป็นอย่างมาก หากเป็นเหมือนในความฝันแล้วนางติงจะเอาชนะไป๋มู่หยางไปได้ในที่สุด โชคดีที่นางได้ประสบเรื่องนี้กับตนเองเสียก่อน ไม่เช่นนั้นแล้วไป๋มู่หยางคงตกที่นั่งลำบาก

หลังจากผ่านเหตุการณ์ร้ายมาแล้วนั้น ทุกคนพากันพักผ่อนก่อนที่จะเดินทางเดินทางต่อไป ในบรรดาชายชุดดำทั้งหมดมีห้าคนที่ยังมีชีวิตอยู่ จ้าวถิงจึงได้จัดการมัดพวกเขาและพาพวกเขาไปด้วย

รถม้าของถังหลี่อยู่หน้าขบวนรถขนสินค้าของจ้าวถิง พวกเขาเดินทางต่อไปอย่างฮึกเหิม เมื่อท้องฟ้ามืดลงจึงได้มาถึงเมืองที่จ้าวถิงพูดไว้ก่อนหน้า ถังหลี่และเว่ยฉิงไม่อยากค้างคืนที่เมืองนั้น พวกเขาอยากรีบกลับเมืองหลวง แต่ถังหลี่ยังอดกังวลไม่ได้

“คุณหนู ท่านไม่ต้องเป็นห่วง ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากเมืองใหญ่มากนัก ข้าจะเดินทางไปรายงานและขอความช่วยเหลือกับเจ้าหน้าที่โดยตรงจะได้ปลอดภัยอย่างแน่นอน” จ้าวถิงเอ่ยกับถังหลี่ ทำให้นางรู้สึกโล่งใจมากขึ้น

“จ้าวถิง ท่านช่วยเตือนลูกน้องของท่านว่าอย่าได้เอ่ยปากให้ใครฟังว่าเจอข้ากับสามีที่นี่”

“คุณหนูไม่ต้องห่วง พวกเขาล้วนเป็นพี่น้องกับข้าทั้งนั้นรับรองได้ว่าไม่มีหลุดรอดจากปากพวกเขาเป็นแน่”

ถังหลี่พยักหน้า

“พวกเราจะเดินทางต่อแล้ว ระวังตัวด้วย”

“ขอให้คุณหนูเดินทางปลอดภัย” เมื่อถังหลี่กระโดดขึ้นรถม้านางก็ถูกคนผู้หนึ่งฉุดเข้าไปกอดเอาไว้

“ออกเดินทางได้” คนขับรถม้าสะบัดแส้ จากนั้นรถม้าก็เดินทางหายไปในความมืด

หลังจากเดินทางผ่านไปครึ่งเดือนโดยไม่ได้หยุดพัก ในที่สุดเว่ยฉิงและถังหลี่จึงได้เดินทางกลับมาถึงเมืองหลวง ทั้งสองคนอยู่ในรถม้ามานานกว่าครึ่งเดือนแล้ว พวกเขานอนหลับไม่สนิท เมื่อกลับมายังจวนโหว หลังจากอาบน้ำเสร็จสรรพดี สามีภรรยาก็เข้านอนทันที ถังหลี่หลับไปอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของนางดูน่ารักยามที่หลับใหลไม่รู้ตัวเช่นนี้ เว่ยฉิงจุมพิตภรรยาที่หน้าผาก จากนั้นจึงได้เอาแขนโอบเอวรั้งนางเข้ามายังวงแขน หลับไปพร้อมกับถังหลี่

พวกเขานอนหลับสนิทไปถึงเช้า

วันรุ่งขึ้น เมื่อถังหลี่ลืมตาตื่นก็ไม่เห็นเว่ยฉิงแล้ว ที่นอนด้านข้างว่างเปล่า เขาคงไปทำงานที่กรมอาญาแต่เช้า คาดว่ามีเรื่องกองสุมให้เขาสะสางอีกมากมาย

ถังหลี่ลุกขึ้นจากเตียง รีบประทานอาหารเช้า ไม่นานนักก็มีร่างเล็กๆ วิ่งเข้ามาหากอดนางเอาไว้อย่างแนบแน่น

“ท่านแม่ ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน” ซานเป่าเขย่งเท้าเอื้อมมือมาจับใบหน้าของมารดา ถังหลี่อุ้มนางขึ้นนั่งตัก

“ช่วงที่แม่ไม่อยู่เจ้าทำอะไรบ้าง?”

ซานเป่าผงกหัวแล้วนับนิ้วมือ

“ลูกเล่นหมากล้อมกับท่านปู่ทุกวัน บีบนวดให้ท่านย่า ทำขนมกุ้ยฮวาของโปรดให้ท่านลุงสามเจ้าค่ะ”

“เก่งมาก”

ซานเป่าได้รับคำชมนางยิ้มออกมาทันที

“ท่านแม่กินข้าวก่อน” ในขณะที่กินอาหารเช้า ถังหลี่ป้อนอาหารให้บุตรสาวสองสามคำ ทั้งคู่ตัวติดกันมาก

หลังอาหารเช้า นางจูงมือบุตรสาวไปหาท่านอู่โหว และฮูหยินอู่ก่อนที่จะเดินทางไปยังจวนแม่ทัพ ก่อนออกไปถังหลี่เหลือบไปเห็นร่างคุ้นๆ ของชายหนุ่มผู้หนึ่งเข้าเสียก่อน

“พี่สาม” กู้หวนจิ่นเห็นถังหลี่ ดวงตาสว่างวาบขึ้นมาทันที

นางเพิ่งกลับมาถึงเมื่อคืนยังไม่ได้บอกกับใครเลยด้วยซ้ำคาดไม่ถึงว่าจะได้เจอพี่สามเข้าพอดี

“ช่างบังเอิญเหลือเกิน”

“ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกท่านแม่ ท่านลุงสามมาหาข้าทุกวัน” ซานเป่าพูดกับมารดา กู้หวนจิ่นมองหลานสาว เขาบีบแก้มนางอย่างหยอกล้อ

“ผีน้อย ฉลาดยิ่งนัก” ซานเป่าทำเสียงในลำคอ

กู้หวนจิ่นมองถังหลี่ อันที่จริงเขาคิดถึงน้องสาวมาก ในที่สุดนางก็จดจำสกุลกู้ได้ แต่นางมีเรื่องบางอย่างต้องทำจึงได้ออกจากเมืองหลวงอย่างกะทันหันโดยไม่ได้บอกผู้ใด เขาเป็นคนเจ้าสำราญไม่มีงานการทำจึงได้มาที่จวนโหวเพื่อคอยส่องดูว่าน้องสาวเขากลับมาหรือยัง ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น ทุกคนในสกุลกู้ก็เช่นกันต่างคิดถึงน้องสาวเขาทุกคน ทุกครั้งที่เขากลับไปยังจวน มารดาจะถามถึงน้องสาวทุกครั้งไม่เคยขาดปาก

กู้หวนจิ่นไร้คำตอบให้มารดามาหนึ่งเดือนเต็มเข้าไปแล้ว วันนี้เมื่อได้เห็นถังหลี่เขาจึงยินดีมาก

“ไปจวนสกุลกู้กันเถอะ ท่านแม่บ่นถึงเจ้าทุกวัน” กู้หวนจิ่นพูด

“เจ้าค่ะ ข้าก็คิดถึงท่านแม่เช่นกัน” ทั้งสามคนเดินออกไปยังประตูหน้าจวน แต่แล้วกลับเจอคนคาดไม่ถึง!

………………….