บทที่ 379 ฮั่วจีว์ ค้นพบว่าน้องสาวคือคู่หมั้นเดิมของเขา

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

บทที่ 379 ฮั่วจีว์ ค้นพบว่าน้องสาวคือคู่หมั้นเดิมของเขา

“ถังถัง” คนที่มาใส่ชุดสีแดงมีลวดลายฉูดฉาด เขาคือฮั่วจีว์นั่นเอง พอเขาเห็นถังหลี่ก็รีบร้องร้องเรียกนาง

เรื่องที่ตัวตนของถังหลี่ถูกเปิดเผยนั้น ในตอนนั้นฮั่วจีว์ทำความผิดจึงโดนบิดากักบริเวณ เขาจึงไม่รู้เรื่องราวของถังหลี่ พอออกมาจากจวนจึงได้พบว่าท้องฟ้าเปลี่ยนไป กู้อิ๋นไม่ใช่ลูกสาวของสกุลกู้ แต่กลับกลายเป็นถังหลี่

แท้จริงแล้วเขากับถังหลี่เป็นคู่หมั้นกัน และเขาเป็นคนยกเลิกการหมั้นกับนางเอง เดิมทีนางควรจะเป็นภรรยาของเขาแทนเว่ยฉิงผู้หยาบกระด้างคนนั้น

หลังจากรู้ความจริงเขาถึงกับตีอกชกหัวอยู่ที่บ้านเป็นนานสองนาน จนบิดามารดาแทบจะไปเรียกนักบวชมาไล่วิญญาณร้ายที่มาเข้าสิงเขาเสียแล้ว!

“พี่ชาย” ถังหลี่เรียกเขา สาวน้อยหน้าหวานผู้นี้เป็นน้องสาวเขาเอง ฮั่วจีว์คิดปลอบใจตนเอง แต่เมื่อเห็นผู้ชายที่อยู่ข้างกายน้องสาวของเขา เขาก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันขึ้นมาอีกครั้ง ใครจะคิดว่าศัตรูคู่อาฆาตของเขาจะมีน้องสาวคนเดียวกันได้! ฮั่วจีว์อยากท้าตีท้าต่อยกับเขาอีก

“เจ้าขวางทางข้า” กู้หวนจิ่นเอ่ยขึ้นมา

“ทำไม? ถนนออกใหญ่โต เจ้าก็เดินหลบไปสิ”

“ถนนมีให้เดินออกกว้างขวาง ทำไมข้าต้องเดินหลบได้ด้วยเล่า?”

“กู้หวนจิ่น เจ้าอย่ากำแหงให้มากเกินไปนัก เชื่อหรือไม่ว่าข้าทุบตีเจ้าได้”

ผู้ชายสองคนทะเลาะกันเสียงดังอย่างเอาเป็นเอาตายกลางถนน

“พี่ชาย พี่สาม ท่านท่านหยุดเถียงกันได้แล้วเจ้าค่ะ” เมื่อถังหลี่พูดเสียงดังขึ้นมา ทั้งกู้หวนจิ่นและฮั่วจีว์ต่างหยุดชะงักทันที ทั้งสองหันมามองหน้ากันจากนั้นจึงได้สะบัดหน้าหนีกันไปคนล่ะทาง

ซานเป่าปิดปากหัวเราะออกมา

“ท่านลุงสามกับท่านลุงฮั่วจีว์ต่างทะเลาะกันเหมือนเด็กยิ่งกว่าซานเป่าอีก”

ถังหลี่ยิ้ม ”ปล่อยพวกเขาไปเถอะ” ว่าแล้วนางก็จับมือบุตรสาวเดินต่อไป

กู้หวนจิ่นและฮั่วจีว์เดินตามหลัง แต่สายตามาสบกันโดยบังเอิญ พวกเขาต่างรีบเชิดหน้าใส่ไม่ยอมกัน พร้อมกับสะบัดหน้าไปกันคนละทาง ในที่สุดทั้งสี่คนก็เดินมาจนถึงจวนสกุลกู้

“นี่บ้านข้า ห้ามเจ้าเข้าไป” กู้หวนจิ่นยื่นเข้ามาขวางฮั่วจีว์เอาไว้ทันที

“นี่บ้านน้องสาวข้า ทำไมข้าจะเข้าไปไม่ได้?” ทั้งคู่ต่างโต้เถียงกัน

ถังหลี่เริ่มปวดหัวไม่น้อย “หากพวกท่านคนใดเริ่มทะเลาะหาเรื่องก่อนข้าจะไม่นับถือว่าเป็นพี่ชายอีกต่อไป”

กู้หวนจิ่นกับฮั่วจีว์ต่างหุบปากเงียบลง เปลี่ยนมาจ้องหน้าราวกับจะกินเลือดเนื้อกันแทน ฮูหยินกู้ได้ยินว่าบุตรสาวพาหลานสาวมาหา นางรีบวิ่งออกมาที่หน้าประตูอย่างอดใจไม่ไหว ไม่ช้าก็ได้เห็นบุตรสาว

“ท่านแม่” เมื่อเห็นฮูหยินกู้วิ่งมาหา ถังหลี่ร้องเรียกทันที

“อย่าวิ่งเจ้าค่ะจะหกล้ม”

“ไม่เป็นไร หลังๆ มานี่ แม่สุขภาพแข็งแรงขึ้นมากไม่หกล้มหรอก” นางคว้าแขนบุตรสาวมาใกล้ๆ มองขึ้นลงอย่างสำรวจตรวจตรา ”เจ้าผอมลง” ว่าแล้วก็พูดต่ออีกว่า “ใส่เสื้อผ้าน้อยไปหน่อยไหม?”

ถังหลี่ได้ยินก็ให้รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในหัวใจ

“ท่านแม่ ข้าไม่หนาวเจ้าค่ะ”

“รีบเข้าบ้านเถอะ ข้างนอกอากาศเย็น” ฮูหยินกู้จับมือถังหลี่แล้วรีบพาเข้าไปในห้อง ภายในมีเตาผิงจุดเอาไว้ ในห้องนั้นอุ่นมาก

ซานเป่าใส่เสื้อผ้าหลายชิ้นเหลือแต่เพียงใบหน้าเล็กๆ เท่านั้น เมื่อเข้ามาในห้องที่อากาศอุ่นกว่าข้างนอก ใบหน้าของนางเป็นสีแดงระเรื่อขึ้นมา

“ท่านแม่ ข้าร้อน” ซานเป่าพึมพำ

ถังหลี่รีบถอดเสื้อบุด้วยฝ้ายออกจากออกจากตัวของบุตรสาว หลังจากถอดออกแล้วเด็กน้อยกลายเป็นลูกหนังกลมๆขนาดเล็กดูน่ารัก

“ซานเป่ามาหายาย” ฮูหยินกู้กวักมือเรียก ซานเป่าเดินเข้าไปอิงแอบใกล้ๆ ฮูหยินกู้ราวกับลูกแมวตัวน้อย

“ท่านยาย ข้าทุบขาให้ท่านนะเจ้าคะ” ซานเป่าประจบ

“ดีเลย” เมื่อฮูหยินกู้อนุญาต ซานเป่ากำหมัดเล็กๆ ของนางทุบลงที่ขาของฮูหยินกู้

ฮูหยินกู้เหลือบมองชายหนุ่มสองคนที่ยืนอยู่ในห้อง ฮัวจีว์โดนจ้องเอาก็เกิดความกระดาก เขาเรียกออกมาเบาๆ

“ท่านแม่” กู้หวนจิ่นโกรธแทบเต้น

“ผู้ใดเป็นมารดาของเจ้านี่มารดาของข้า” ปล้นน้องสาวเขาไปแล้วยังจะแย่งมารดาของเขาอีกหรือ? กู้หวนจิ่นไม่ยอม

ฮั่วจีว์ที่แต่เดิมเอ่ยปากเรียกเพราะเก้อเขินแต่เมื่อได้ยินกู้หวนจิ่นตะโกนใส่ เขานึกอยากเอาชนะ

“มารดาของน้องสาวข้าก็ย่อมเป็นมารดาของข้าเช่นกัน” ฮูหยินกู้มองพวกเขาทะเลาะกันด้วยรอยยิ้ม

“ท่านแม่ ผู้นี้คือฮั่วจีว์เขาเป็นพี่ชายบุญธรรมของข้าเจ้าค่ะ”

“เด็กสกุลฮั่ว ข้าจำเขาได้” ฮูหยินกู้เอ่ยขึ้นมา เมื่อพูดถึงเรื่องนี้แล้ว สกุลฮั่วและสกุลกู้ต่างมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก่อน แต่มาเหินห่างกันไปเนื่องจากการถอนหมั้นก่อนหน้านั้น ใครจะไปคิดว่าหลังจากเวลาผ่านไป บุตรสาวของนางกลับกลายมาเป็นน้องบุญธรรมของเด็กหนุ่มสกุลฮั่วไปได้ ฮูหยินกู้มองพวกเขาเอ่นปากว่า

“ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะเข้ากันได้นะ หวนจิ่นเจ้าพาพ่อหนุ่มสกุลฮั่วไปเดินเล่นรอบจวนเราเถอะ”

กู้หวนจิ่น “………….”

ฮั่วจีว์ “……….” พวกเราเข้ากันได้ดีหรือ?

อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่กล้าทะเลาะกันต่อหน้าฮูหยินกู้ กู้หวนจิ่นได้แค่กัดฟัน

“มาเถอะ” กู้หวนจิ่นพูดอย่างบึ้งตึง ฮั่วจีว์จำต้องเดินตามเขาออกไป ในห้องจึงเหลือเพียงสามคนเท่านั้น

ฮูหยินกู้มองบุตรสาวและหลานสาวที่น่ารักเชื่อฟัง หัวใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข สวรรค์ดีต่อนางเหลือเกิน นางหวังเพียงแต่ให้ทุกคนในครอบครัวมีสุขภาพที่ดี เด็กๆ เติบโตไปอย่างมีความสุข แค่นั้นนางก็ไม่รู้สึกเสียใจหรือเสียดายอะไรอีกแล้ว

“ท่านแม่ สุขภาพของท่านช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง? ท่านยังปวดหัวอยู่หรือไม่เจ้าคะ?”

“ไม่ค่อยปวดแล้ว” ฮูหยินกู้ตอบ ทว่าถังหลี่ไม่เชื่อ นางมองไปยังแม่นมจ้าวที่นั่งอยู่ข้างๆ

“แม่นมจ้าวช่วยบอกความจริงให้ข้าเถอะ”

แม่นมจ้าวจึงได้ตอบแทนว่า “เดือนที่ผ่านมาฮูหยินปวดหัวเพียงแค่สองครั้งเท่านั้นเจ้าค่ะ ดีกว่าเดิมมาก” ถังหลี่พยักหน้า

แม้ท่านหมอซูจะเป็นหมอที่เก่งกาจแค่ไหนก็ตาม แต่เขาไม่อาจรักษาโรคให้หายขาดได้ภายในเร็ววันจำต้องใช้เวลา แต่อีกไม่นานน่าจะดีขึ้นเป็นลำดับ

“ท่านแม่ ขอข้านวดศีรษะให้ท่าน” ถังหลี่นวดศีรษะให้ฮูหยินกู้โดยมีซานเป่านวดขาให้ ฮูหยินกู้มีความสุขเหลือเกิน

“ท่านแม่ แม่นมเฉินที่คอยอยู่ข้างกายท่านไปไหนเสียแล้วเจ้าคะ?” ถังหลี่จำได้ว่ามีมีแม่นมอยู่ข้างกายมารดาอีกคนหนึ่ง แต่เมื่อเร็วๆ นี้ไม่เห็นนางอีกเลย

“ไล่ออกจากจวนไปแล้ว” ฮูหยินกู้พูดเรียบๆ ฮูหยินกู้ไม่ใช่คนโง่ นางเห็นหลายครั้งแล้วว่าแม่นมเฉินชอบพูดว่าถังหลี่ให้เสียหาย หลังจากรับรู้แล้วนางจึงไม่จำเป็นต้องรักษาคนใช้ที่ไม่จงรักภักดีเอาไว้ข้างกาย

ถังหลี่คุยกับฮูหยินกู้อยู่สักพัก หลังจากนั้นจึงได้ออกจาจวนสกุลกู้ไป

“ทำไมเจ้าต้องบอกเสี่ยวหลี่เสียทุกเรื่อง” ฮูหยินกู้แกล้งพูดกับแม่นมจ้าวอย่างโกรธเคือง

“ฮูหยิน บ่าวทราบดีว่าท่านไม่อยากให้คุณหนูกังวล แต่ถ้ายิ่งปิดบังนางมากเท่าไหร่ นางจะยิ่งกังวลมากเท่านั้น บ่าวจึงคิดว่าพูดความจริงกับนางไปจะดีกว่าเจ้าค่ะ” แม่นมจ้าวอธิบายให้ฮูหยินกู้ฟังอย่างแยบคาย ฮูหยินกู้นิ่งคิดก่อนพยักหน้า ลูกสาวของนางเป็นเด็กฉลาดเกินไป

ฉลาดมากก็ดี แต่จะเกิดทุกข์ได้ง่ายเพราะฉลาดเกินไป

ถังหลี่กับซานเป่า ออกจากจวนสกุลกู้ นางเดินไปที่จวนสกุลไป๋ คิดจะไปบอกเขาถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในระหว่างขากลับจากเมืองหลวง

นางติงส่งคนไปปล้นสะดมขบวนสินค้าเห็นได้ชัดว่าภายในสกุลไป๋มีอันตรายแอบแฝงอยู่ นางต้องไปเตือนพี่ชายให้ระวังตัว ถังหลี่พาซานเป๋าไปที่จวนสกุลไป๋ บ่าวรับใช้เข้าไปรายงาน ไม่นานนักพ่อบ้านฝูก็เดินมาหา เมื่อเห็นถังหลี่ เขารีบพูดออกมาอย่างร้อนใจ

“คุณหนูท่านมาทันเวลาพอดี นายน้อยเขา…”

ถังหลี่ขมวดคิ้ว “พี่ชายข้าเป็นอะไรไปหรือ? เกิดอะไรขึ้น?”