บทที่ 336 กล่าวขอโทษแทนเหยาเอ้อหลาง

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม

บทที่ 336 กล่าวขอโทษแทนเหยาเอ้อหลาง

บทที่ 336 กล่าวขอโทษแทนเหยาเอ้อหลาง

เหยาซูเห็นพี่สะใภ้รองทำท่าอยากจะกล่าวอะไรออกมา จึงเอ่ยอย่างอบอุ่น “พี่สะใภ้รอง ปกติท่านเป็นคนสบาย ๆ เหตุใดวันนี้ดูเหมือนมีอะไรบางอย่าง หรือท่านเจอเรื่องราวที่ยากจะแก้ไขใช่หรือไม่”

พี่สะใภ้รองส่ายหน้า ยิ้มแต่ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา

“มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร….ถ้าพูดขึ้นมาก็ช่างน่าขายหน้านัก เป็นเรื่องของเอ้อหลางที่เมื่อวานทิ้งต้าเป่าไว้ทั้งวัน ดูเอ้อหลางเหมือนจะไม่ได้สนใจต้าเป่า และเอ้อหลางเองก็ไม่กล้ามาขอโทษจึงให้ข้ามาขอโทษต้าเป่าแทน ช่างดื้อรั้นเสียจริง”

เหยาซูหัวเราะออกมา และเช็ดน้ำที่หยดจากมือของตนแล้วกล่าวขึ้นว่า “พี่สะใภ้รองท่านกล่าวเกินไปแล้ว พวกเด็ก ๆ มักจะมีเรื่องขัดแย้งกันอยู่บ่อย ๆ ใช่เรื่องร้ายแรงเสียที่ไหน”

พี่สะใภ้รองส่ายหน้า “เจ้ายังไม่รู้นิสัยของเอ้อหลางที่รู้ว่าเรื่องใดถูกเรื่องใดผิด ผิดก็ว่าไปตามผิด เมื่อคืนเขาเองรู้สึกผิดมากจนนอนไม่หลับ ไม่ง่ายเลยที่น้องชายของเขาจะได้พักผ่อนหนึ่งวันเพื่อมาเล่นกับพวกพี่ ๆ ผลปรากฏว่ากลับลืมต้าเป่าทิ้งไว้…. ”

เหยาซูถอนหายใจออกอีกครั้งแล้วกล่าวอย่างเคารพ “อาจื้อเองก็มีปัญหาเหมือนกัน เขาเป็นเด็กที่มีจิตใจอ่อนไหวเลยคิดว่าพี่ ๆ ไม่ได้สนใจตน เมื่อวานก็เสียใจอยู่ทั้งวัน เรื่องนี้เป็นเพียงแค่ความประมาทเลินเล่อของเอ้อหลางเท่านั้น ข้าได้บอกกับเขาแล้วว่าอย่าได้ถือสาเก็บมาไว้ในใจเลย”

พี่สะใภ้รองก็รีบกล่าวขึ้น “ต้าเป่าเป็นเด็กดี ฉลาดและรู้เรื่องราว สามารถดูแลน้อง ๆ ได้ ใครจะไม่ชอบกัน อย่าให้เขาต้องรู้สึกลำบากเลย เอ้อหลางเป็นเด็กที่สะเพร่า ที่บ้านก็รู้ดี ข้ายังต้องอบรมเขาอีกมาก”

เหยาซูหัวเราะ “เรื่องขัดแย้งของเด็ก ๆ รอให้อาจื้อกลับมาตอนเย็น ถ้าเด็กทั้งสองได้พูดคุยกันก็น่าจะดีขึ้น”

พี่สะใภ้รองรู้ดีถึงความดื้อรั้นของเอ้อหลาง แต่ว่าหลังจากได้ยินเหยาซูบอกว่าได้พูดคุยกับลูกชายของตนแล้ว อาจื้อก็คงจะไม่ได้ติดใจอะไร

หญิงสาวถอนหายใจออกแล้วกล่าวว่า “ได้ยินเจ้าเอ่ยเช่นนี้ ข้าก็คงกลับไปทำธุระของข้าได้”

เหยาซูเองก็รู็สึกขบขัน “เอ้อหลางช่างน่าขบขันนัก”

ทั้งสองก็ได้พูดคุยเกี่ยวกับการศึกษาของเด็ก ๆ ต่ออีกสักพัก พี่สะใภ้รองทอดถอนใจ เด็กชายมีกำลังวังชาราวกับคนนับสิบคน นางเองก็คงจะดูแลไม่ไหว ส่วนเหยาซูนั้นก็มีอาการปวดศีรษะเวลาที่อาจื้อมักครุ่นคิดอย่างมาก ซึ่งทำให้ยากต่อการคาดเดา

สรุปได้ว่าทุก ๆ คนก็ล้วนมีปัญหาของตนเอง หญิงสาวทั้งสองก็ได้พูดคุยถึงความยากลำบากของตน และเรียนรู้จากกันและกัน

หลังจากที่ทั้งสองสนทนากันได้สักพัก หัวข้อในการพูดคุยก็เปลี่ยนเป็นเรื่องกิจการร้านอาหาร

“ครั้งที่แล้วที่พวกเราไปด้วยกันหนึ่งรอบ ดูเหมือนว่าทุก ๆ คนจะพึงพอใจ” เหยาซูเอ่ย

พี่สะใภ้รองพยักหน้าและกล่าวว่า “พ่อครัวผู้นั้นมีฝีมือยิ่งนัก อาหารเมืองหลวงมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ถ้าพัฒนาต่อไป กิจการต้องไปได้ดีแน่”

เหยาซูเห็นพี่สะใภ้รองที่เกิดและเติบโตในราชวงศ์ต้าเยี่ยนกล่าวชื่นชมฝีมือของพ่อครัว จึงรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก

หญิงสาวคิดสักพักแล้วกล่าวว่า “ถึงแม้ว่ารสอาหารจะไม่เลว แต่รสชาติสุราก็ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ”

พี่สะใภ้รองยิ้มและกล่าวว่า “เพียงเปลี่ยนมือมาไม่นานก็มีข้อเรียกร้องมากมายแล้ว พี่สะใภ้จะแนะนำเจ้าว่าอย่าคาดหวังให้ทุก ๆ อย่างล้วนสมบูรณ์แบบ เช่นนั้นอาจจะเป็นการทำลายความสัมพันธ์ทั้งหมดของคนในร้าน”

นับว่าเป็นการพูดคุยที่ตรงประเด็น

เดิมทีระหว่างเจ้าของใหม่และคนงานในร้านก็มีความขัดแย้งกันเล็กน้อย ไม่ว่าเจ้าของใหม่จะทำอย่างไร คนที่ทำงานในร้านก็ยังคงจะคิดถึงข้อดีของเจ้าของร้านคนเก่า ถ้าหากว่าเหยาซูจัดการเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด ก็ยากต่อการหลีกเลี่ยงจะไม่ให้มีความรู้สึกบาดหมาง

เหยาซูเองก็ได้พิจารณาเรื่องนี้แล้ว หลังจากได้ยินเช่นนี้จึงพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ที่พี่สะใภ้รองกล่าวมาก็ไม่ผิด เพียงแต่ว่าสุราที่ขายในร้านต้องไม่ใช่ปัญหาใหญ่ อย่างน้อยก็อย่าให้ใครมาวิจารณ์ได้ แต่ก่อนสุราของเราซื้อมาจากโรงกลั่นในเขตชานเมือง ไม่ต้องพูดถึงบ้านของเรา ร้านอาหารข้าง ๆ ก็มีสุราประเภทนี้ เพียงแต่ของคนอื่นทำได้ดีกว่าของพวกเรานิดหน่อย”

พี่สะใภ้รองที่ไม่ได้เข้าใจมาก่อนจึงถามขึ้นว่า “สุราของร้านอื่นเป็นอย่างไร”

เหยาซูหัวเราะ “สุราที่ดีคือสุราที่เราต้องกลั่นเอง”

“หืม?” พี่สะใภ้รองอุทาน หญิงสาวครุ่นคิดขึ้นมา ผ่านไปไม่นานก็กล่าวขึ้นว่า “ครั้งที่แล้วเจ้าก็เคยพูด สุราที่เรากลั่นเอง ข้าก็เคยนึกถึงเรื่องนี้เช่นกัน”

เหยาซูนั่งลงและกล่าวด้วยสีหน้าที่จริงจัง “เช่นนี้เอง”

เมื่อเห็นว่าเหยาซูมีท่าทีที่จริงจัง พี่สะใภ้รองจึงค่อย ๆ จัดแจงความคิด และเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง “สูตรการกลั่นสุราของบ้านเราสืบทอดมาจากบรรพบุรุษให้คนรุ่นหลัง โดยปกติก็ไม่ได้มีอะไร ถ้าหากว่านำไปขายที่ร้านอาหารของเรา หากขายได้ดีก็จะทำให้มีชื่อเสียง”

เหยาซูยิ้มแล้วพยักหน้า “นั่นก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดี”

พี่สะใภ้รองเองยิ้ม “ใช่ หรืออาซูคิดว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น?”

เหยาซูกล่าว “ข้าไม่ค่อยมั่นใจว่าการกลั่นสุราต้องทำอย่างไร แต่คงจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากไม่ใช่น้อย”

พี่สะใภ้กล่าวปลอบใจว่า “มันจะมีอะไรยาก ตระกูลเหยาของพวกเราเชี่ยวชาญเรื่องสุรา โดยเฉพาะท่านพ่อ แม้แต่ท่านแม่เองยังเรียนรู้มาไม่ใช่น้อย รอให้ท่านพ่อและท่านแม่มาถึง เพียงแค่พวกท่านสอนเจ้าไม่กี่ประโยค เจ้าก็จะกลายเป็นระดับอาจารย์เลยทีเดียว”

เหยาซูดีใจเป็นอย่างมาก ดวงตาดอกท้อหยีโค้งจนกลายเป็นรูปจันทร์เสี้ยว แล้วกล่าวขึ้นอย่างฮึกเหิม “ได้ยินพี่สะใภ้รองเอ่ยเช่นนี้ ข้าก็สบายใจเป็นอย่างมาก”

พี่สะใภ้รองเห็นว่าหญิงสาวสนใจในเรื่องสุรา ก็อดที่จะพูดต่อเกี่ยวกับเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่น่าสนใจไม่ได้

“ข้าจะเล่าเรื่องขบขันให้เจ้าฟัง ตอนที่ข้าแต่งงานใหม่ ๆ หมู่บ้านเราไม่มีสุราหรอก มีครอบครัวหนึ่งได้มาชิมสุราที่เรากลั่นเองแล้วคิดว่ามันมีรสชาติที่ดีมาก พวกเขาเลยยืนกรานที่จะรบกวนถามท่านพ่อว่าพวกเราทำสุราอย่างไร…”

เมื่อได้ยินพี่สะใภ้พูดขึ้นด้วยความดีใจ ก็อดที่จะค่อย ๆ ฟังไม่ได้

“ท่านพ่อก็ได้สอนให้กับชายผู้นั้น แต่น่าเสียดายที่ชายผู้นั้นโง่เขลานัก สอนอยู่หลายรอบก็ยังไม่สามารถทำได้…และท้ายที่สุดก็ทำสุราออกมาอย่างทุลักทุเล แต่ก็ยังเชื้อเชิญมิตรสหายมาลิ้มลอง ผลปรากฏว่าพอเปิดไหสุราออกมาทั้งหมดกลับกลายเป็นน้ำส้มสายชู”

“ฮ่า ๆ ๆ”เหยาซูหัวเราะลั่น “ข้าเคยได้ยิน กลั่นสุราแต่กลับกลายเป็นน้ำส้มสายชู นี่เป็นเรื่องจริงหรือ”

พี่สะใภ้เองก็หยุดหัวเราะไม่ได้ “เรื่องจริงแน่นอน ในตอนนั้นคนอื่น ๆ ก็ทำตัวไม่ถูกกัน ประจวบเหมาะกับวันนั้นบ้านของเขาต้มเกี๊ยวมาพอดี เขาจึงถือโอกาสใช้น้ำส้มสายชูของเขาจิ้มกับเกี๊ยวให้ทุก ๆ คนลิ้มลองความพยายามของเขาที่ได้ทำมา”

ได้ยินเช่นนั้นเหยาซูก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ “ดูเหมือนว่าการกลั่นสุราก็ต้องใช้ฝีมือเช่นกัน”

พี่สะใภ้รองพยักหน้า “แน่นอนว่าต้องใช้ฝีมือ ข้าเลยบอกว่ารอให้ท่านพ่อมาก่อน รับประกันว่าจะสามารถผลักดันกิจการสุราของร้านอาหารได้แน่”

ภายในใจของเหยาซูเต็มไปด้วยความสุข เวลานั้นนางเองก็อดที่จะเฝ้ารอให้สองผู้เฒ่าเดินทางมาถึงไม่ได้ “ไอหยา พอพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก็เหลือเพียงแค่หนึ่งเดือนแล้ว ท่านพ่อท่านแม่ยังจัดการเรื่องราวไม่เสร็จหรือ และจะเข้าเมืองหลวงวันใด”

พี่สะใภ้รองยิ้มแล้วปลอบหญิงสาว “อย่าได้รีบร้อนไป ในหมู่บ้านมีเรื่องมากมาย ไม่สามารถใช้เวลาเพียงครู่เดียวแล้วจะสามารถจัดการได้หมด”

เหยาซูทำได้เพียงพยักหน้า

ต่อให้จะมีฝีมือเพียงใดแต่พอขาดปัจจัยเสริมก็ไม่อาจทำให้สำเร็จได้ ในหัวของนางตอนนี้มีเพียงเรื่องขายสุราเท่านั้น แต่นางก็ไม่อาจแสดงออกมา

ทั้งสองพูดคุยสัพเพเหระจนดวงตะวันค่อย ๆ เคลื่อนสูงขึ้น พอดูเวลาแล้วเหยาซูก็ควรจะไปร้านอาหารเพื่อดูความเรียบร้อยเสียบ้าง

พี่สะใภ้รองลุกขึ้นและบอกลา แต่กลับถูกเหยาซูดึงไว้และพาไปร้านอาหารด้วยกัน พร้อมที่จะจัดการเรื่องราวที่จะเกิดขึ้น….

……………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ขอให้พี่น้องมาขอโทษกันแล้วหายกันนะคะ น่าสงสารกันทั้งคู่เลย

อาซูจะวางแผนขายเหล้ากลั่นเองออกมายังไงกันนะ

ไหหม่า(海馬)