ตอนที่ 380 ส่งอาหารให้คุณยายเถียน

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 380 ส่งอาหารให้คุณยายเถียน

เมื่อตื่นขึ้นมา ก็พบว่าเป็นอีกวันที่อากาศร้อนจัด

หลินม่ายเปลี่ยนเสื้อผ้า ไปที่หลังบ้านเพื่อล้างหน้าล้างตา เตรียมทำอาหารเช้า

ก่อนเห็นว่าคุณปู่ฟางมีปาท่องโก๋ ขนมงาทอด และข้าวเหนียวไก่อยู่ในตะกร้า

อีกมือหนึ่งถือกระปุกเครื่องเคลือบที่เต็มไปด้วยเต้าฮวย เดินเข้ามาจากข้างนอกอย่างมีความสุข

คุณยายฟางรีบเข้าไปรับตะกร้าจากในมือเขา พูดเสียงขุ่นว่า “ฉันให้คุณไปซื้ออาหารเช้า คุณก็ซื้อมาเยอะขนาดนี้เลยนะ พวกเรามีไม่กี่คนจะกินหมดได้ยังไง ทิ้งไว้ถึงตอนเที่ยงมันจะไม่เสียเหรอ?”

คุณปู่ฟางแก้ตัว “พวกนี้ฉันไม่ได้ซื้อมา ฉันไปซื้ออาหารเช้าแล้วคนอื่นก็บังคับให้เอามา”

คุณย่าฟางจึงไม่ดุเขาต่อ หันไปมองหลินม่ายยิ้มๆ “ฉันกับปู่ฟางได้อาศัยบารมีของเธอกับโต้วโต้วแท้ๆ ถึงได้กินอาหารเช้ามื้อใหญ่ขนาดนี้”

อาหารเช้ามีมากเกินไป คนสี่คนกินไม่หมดแน่นอน

ก่อนที่จะได้กิน คุณย่าฟางก็แบ่งอาหารเช้าเกือบครึ่งออกมา ให้หลินม่ายเอาไปให้ครอบครัวฟู่เฉียงทีหลัง

หลินม่ายรีบกินอาหารเช้าจะได้เอาอาหารออกไปให้ครอบครัวฟู่เฉียง

โต้วโต้วถือขนมงาทอดไว้ในมือ อีกมือถือข้าวเหนียวไก่ ก่อนไถลร่างนุ่มนิ่มลงมาจากเก้าอี้ พูดแบบเด็กๆ ว่า “แม่คะ หนูอยากไปด้วย”

หลินม่ายเห็นว่าสิ่งที่หล่อนถืออยู่ล้วนเป็นข้าวเหนียว

เด็กๆ กินข้าวเหนียวเยอะเกินไปจะย่อยไม่ค่อยดี จึงให้โต้วโต้ววางมันลงหนึ่งอย่างแล้วถึงจะออกไปด้วยกันได้

เด็กน้อยมองไปที่ขนมงาทอดและข้าวเหนียวไก่ในมือสลับไปมา เพราะหล่อนอยากกินทั้งสองอย่าง

หลินม่ายจึงกระตุ้นหล่อน “ให้เวลาตัดสินใจแค่สามนาทีนะ ถ้าเลยสามนาทีแล้วลูกตัดสินใจไม่ได้ แม่จะไปคนเดียว”

โต้วโต้วจึงต้องตัดใจจากของรัก ส่งข้าวเหนียวไก่ให้คุณปู่ฟาง สองแม่ลูกจึงได้ออกจากบ้าน

เพื่อนบ้านทักทายอย่างอบอุ่นตลอดทาง

โต้วโต้วเอ่ยว่า “แม่ได้รับการต้อนนับอย่างดีเลย!”

หลิยม่ายยิ้มและตอบว่า “เพราะแม่เคยช่วยคนที่นี่ มันเรียกว่าการให้ดอกกุหลาบกับคนอื่นแล้วในมือยังเหลือกลิ่นหอม”

จากนั้นจึงอธิบายอย่างอดทนว่าอะไรคือให้ดอกกุหลาบกับคนอื่นแล้วในมือยังเหลือกลิ่นหอม

โต้วโต้วยังเล็กมาก ฟังแล้วจึงสับสนงุนงง

หลินม่ายเองก็ไม่สนใจ

สำหรับเด็ก ตราบใดที่เป็นตัวอย่างที่ดีให้ เธอจะเติบโตเป็นเด็กดีที่มีความเอาใจใส่

พี่น้องบ้านฟู่เฉียงออกจากบ้านไปที่ไร่นาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ทำงานเสร็จแล้วจึงกลับมา กำลังจะทำอาหารเช้า ก็เห็นสองแม่ลูกถือตะกร้าข้าวเหนียวไก่ ปาท่องโก๋และอย่างอื่นมา

นอกจากฟู่เฉียงที่สามารถยับยั้งตัวเองได้ คนอื่นๆ รวมถึงแม่ของฟู่เฉียงกลับจ้องไปที่อาหารเช้าเหล่านั้นพลางน้ำลายสอ กลืนน้ำลายดังอึก

ฟู่เฉียงเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “พี่ม่ายจื่อมาได้ยังไงครับ?” ขณะที่พูดก็พาสองแม่ลูกเข้าไปในบ้าน

หลินม่ายนำตะกร้าอาหารเช้าวางลงบนโต๊ะ ตอบโดยไม่ปิดบัง “ตอนเช้าคุณปู่ฟางออกไปซื้อกับข้าว มีหลายคนให้อาหารเช้าพวกนี้มา พวกเรากินกันไม่หมดก็เลยแบ่งมาให้พวกคุณกิน”

เมื่อคิดถึงความภาคภูมิใจในตัวเองของครอบครัวฟู่เฉียง หลินม่ายรีบสำทับว่า “อาหารเช้าพวกนี้ไม่ใช่ของที่เรากินเหลือ ที่เรากินแบ่งไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว”

ฟู่เฉียงยิ้มตอบ “ถึงพี่จะกินเหลือก็ไม่เป็นไรครับ”

โต้วโต้วเอ่ยบอกให้น้องๆ ของฟู่เฉียงกินอาหารเช้าเหมือนผู้ใหญ่ตัวน้อย “พวกคุณรีบกินนะ แม่บอกว่าอาหารพวกนี้กินร้อนๆ ถึงจะอร่อย”

แม้ว่าน้องๆ ของฟู่เฉียงจะอยากกินมาก แต่ก็ไม่มีใครกล้าเอื้อมมือไปหยิบมัน ทุกสายตาจ้องไปที่ฟู่เฉียง

ฟู่เฉียงพูดอย่างใจดี “ไม่ต้องมาจ้องฉัน หยิบไปกินสิ”

น้องๆ ทั้งหลายรีบรวมตัวกินหยิบอาหารเช้า แต่ไม่มีใครวุ่นวาย ในความรีบร้อนยังเป็นระเบียบ

น้องสาวคนโตหยิบปาท่องโก๋อันหนึ่งส่งให้คนข้างๆ ด้วยรอยยิ้ม กลืนน้ำลายแล้วพูดกับแม่ว่า “แม่คะ กินด้วยกันสิ”

แม่ของฟู่เฉียงโบกมือไหวๆ พูดลิ้นรัวว่า “แม่ไม่กิน พวกลูกกิน”

ฟู่เฉียงเห็นดังนั้นจึงเดินเข้าไปหยิบปาท่องโก๋ยัดใส่มือแม่ แล้วพูดด้วยใบหน้าบูดบึ้ง “ให้กินก็กินเถอะ!”

แม่กลัวลูกชายคนโตของตนอยู่หน่อย รับปาท่องโก๋มาโดยดี กินอย่างเบิกบานและยิ้มอย่างมีความสุข

น้องๆ เองก็เช่นกัน

น้องคนโตหยิบขนมงาทอดและปาท่องโก๋สองชิ้นไปที่ห้องของพ่อ

ต่อมาก็ได้ยินพ่อของหล่อนถามขึ้นมาว่า “พวกนี้มาจากไหน?”

“พี่ม่ายจื่อให้”

หลินม่ายเห็นว่าในตะกร้ายังเหลือปาท่องโก๋หนึ่งชิ้นและข้าวเหนียวไก่สองชิ้น จึงรู้ว่าน้องๆ ของฟู่เฉียงเหลือไว้ให้เขา

จึงพูดกับเขาว่า “เธอรีบหยิบข้าวเหนียวไก่กับปาท่องโก๋ไปเถอะ ฉันจะเอาตะกร้ากลับบ้านแล้ว”

ฟู่เฉียงตอบกลับ “คุณรอสักครู่ครับ”

พูดจบก็เข้าไปในห้องของตัวเองและออกมาอย่างรวดเร็ว ในมือมีธนบัตรหลายใบ

เขายื่นธนบัตรเหล่านั้นให้หลินม่าย

หลินม่ายเข้าใจดี แต่แสร้งทำเป็นงุนงง “เธอให้เงินฉันทำไม?”

“นี่เป็นเงินที่เมื่อวานคุณวางไว้บนตู้ของพ่อ ถ้าคุณไม่มา ผมก็จะเอาไปให้อยู่ดี”

หลินม่ายถาม “ทำไมต้องเอาเงินไปให้ฉัน?”

ท่าทางของฟู่เฉียงดูเป็นธรรมชาติ “คุณช่วยพวกเราเยอะเกินไปแล้ว ผมรับเงินคุณไม่ได้หรอก”

หลินม่ายถอนหายใจ “เวลาคนเราลำบาก ก็ต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับความช่วยเหลือจากคนอื่น ต่อไปเมื่อมีกำลังแล้วค่อยตอบแทนสังคม”

พูดจบแทนที่จะรับเงินจากฟู่เฉียง ก็เอาข้าวเหนียวไก่และปาท่องโก๋วางไว้บนโต๊ะ พาโต้วโต้วออกมา

ฟู่เฉียงตามมาถึงหน้าประตู ครุ่นคิดมองแผ่นหลังของเธอที่เดินไปไกล

เมื่อออกมาจากบ้านฟู่เฉียงแล้ว ตอนที่เดินผ่านสหกรณ์จัดหาตลาด หลินม่ายคิดถึงตอนมื้อเย็นเมื่อวาน คุณปู่ฟางพูดว่าอยากกินหมูตุ๋นและหมี่หมูนึ่ง ดังนั้นวันนี้เธอจะทำให้เขากิน

เธอจึงเข้าไปในสหกรณ์ ซื้อหมูสามชั้นหนึ่งกิโลห้าร้อยกรัมที่คุณภาพสูง

ในเมื่อจะทำหมูตุ๋นกับหมี่หมูนึ่งให้คุณปู่คุณย่าฟางกินอยู่แล้ว ก็ถือโอกาสนี้ทำแบ่งไปให้คุณยายเถียนกับหลานและโจวฉายอวิ๋นด้วย

ฤดูนี้เป็นฤดูของรากบัว หลินม่ายไปที่ตลาดเพื่อซื้อรากบัว คิดว่าจะใช้รากบัวเป็นพื้นฐานของหมี่หมูนึ่ง

แบบนี้ก็จะได้ออกมาเป็นหมี่หมูนึ่งมี่มีกลิ่นหอมของรากบัว อร่อยเป็นพิเศษ

การทำหมี่หมูนึ่งและหมูตุ๋นใช้เวลานาน

ก่อนเที่ยง หลินม่ายอยู่บ้านทำอาหารทั้งสองอย่างนี้และถือโอกาสพูดคุยกับคุณย่าฟางไปด้วย

คุณปู่ฟางทำหนังสติ๊กอันเล็กๆ พาโต้วโต้วออกไป ‘ล่าสัตว์’

เล่นกันจนถึงประมาณสิบเอ็ดโมง สองปู่หลานก็กลับบ้านมือเปล่าอย่างเบิกบานใจ

คุณย่าฟางถามติดตลกว่า “พวกคุณล่าอะไรได้บ้าง?”

โต้วโต้วยืนพิงคุณปู่แล้วส่งยิ้ม พูดแบบเด็กๆ ว่า “นกกระจอกบินสูงเกินไป กระต่ายป่าก็วิ่งเร็วเกินไป หนูล่าไม่ได้สักอย่าง”

ทุกคนหัวเราะออกมาเสียงดัง

หลินม่ายดึงหล่อนมาข้างๆ “ดูที่ลูกเล่นสิ กระโปรงชุ่มเหงื่อหมดแล้ว แม่จะอาบน้ำให้”

คุณย่าฟางโบกมือ “ฉันเอง เธอรีบเอาอาหารไปให้ยายเถียนเถอะ ไปถึงช้าพวกเขาก็กินข้าวกันแล้ว เดี๋ยวอาหารพวกนี้จะเสียเปล่า”

หลินม่ายทำตาม นำหมี่หมูนึ่งและหมูตุ๋นที่ทำให้คุณยายเถียนไปที่บ้านของนาง

โจวฉายอวิ๋นเพิ่งจะกลับมาจากไปเก็บผักจากแปลงผัก ทั้งสองคนเจอกันที่ทางเข้าหมู่บ้าน

โจวฉายอวิ๋นถามอย่างยินดี “เธอมาได้ยังไงเนี่ย?”

หลินม่ายตบตะกร้าที่เธอกอดไว้ในอ้อมแขน “เอาของอร่อยมาให้คุณกับคุณยายเถียนแล้วก็หลานน่ะค่ะ”

โจวฉายอวิ๋นส่ายหน้า “ฉันไม่ได้หมายถึงแบบนั้น ฉันถามถึงว่าทำไมจู่ๆ เธอถึงมาที่เมืองซื่อเหม่ย? คุณต้องไม่ได้มาที่นี่เพื่อเจอฉันเท่านั้นใช่ไหม”

หลินม่ายเล่าเรื่องทั้งหมดให้หล่อนฟังและถามหล่อนว่าเรียนทำซอสพริกและกะปิจากคุณยายเถียนเป็นอย่างไรบ้าง

โจวฉายอวิ๋นโอ้อวดว่า “เรียนจบหลักสูตรแล้ว”

หลินม่ายพูดว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ อีกไม่กี่วันก็กลับเจียงเฉิงกับฉันได้”

โจวฉายอวิ๋นส่ายหัวปฏิเสธ “ฉันตัดสินใจว่าอีกครึ่งเดือนถึงจะกลับ”

หลินม่ายถามอย่างไม่เข้าใจ “ทำไมล่ะ?”

“ฉันอยากช่วยยายเถียนเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงก่อนแล้วค่อยกลับ ยายเถียนกับหลานสองคนมีแต่แก่กับเด็ก ให้พวกเขาเก็บเกี่ยวกันเองมันลำบากเกินไป!”

หลินม่ายพยักหน้าเห็นด้วย ถามคนข้างๆ ว่ามีเงินพอหรือไม่ ถ้าไม่พอเธอกลับไปจะเอาเงินมาให้

แม้ว่าเธอจะเอาเงินบนตัวให้ฟู่เฉียงไปหมดแล้ว แต่ในกระเป๋ายังมีเงินอยู่อีก

ทุกครั้งที่เธอออกจากบ้านจะถือเงินมามากหน่อย

เรียกว่าบ้านจนถนนรวย

อยู่บ้านจะจนหน่อยก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าออกไปข้างนอกแล้วไม่มีเงินก็ทำอะไรไม่ได้เลย

โจวฉายอวิ๋นยังคงส่ายหัว “ไม่ต้องแล้ว ฉันไปทีไรเธอก็ให้เงินสองร้อยหยวน ไม่ได้ใช้ถึงครึ่ง”

หลินม่ายถามถึงสถานการณ์ของยายเถียนและหลาน

โจวฉายอวิ๋นบอกว่าทุกอย่างปกติดี

หลินม่ายเดินไปถึงบ้านยายเถียนพร้อมกับโจวฉายอวิ๋น คุณยายเถียนมีความสุขมาก อยากให้เธออยู่กินข้าวเที่ยงด้วยกัน

หลินม่ายนำอาหารทั้งสองอย่างจากในตะกร้าออกมาวางบนโต๊ะ ปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม “ครั้งหน้าแล้วกันค่ะ คุณปู่คุณย่ารอให้ฉันกลับไปกินข้าวอยู่”

ยายเถียนส่งเธอกลับไปอย่างผิดหวัง หลานของนางยืนอยู่ข้างหลังมองดูหลินม่ายจากไปด้วยกัน

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ต้องพาน้องโต้วโต้วมาให้รู้จักกับการรับการให้ตั้งแต่เล็กแล้ว จะได้โตขึ้นเป็นคนมีน้ำใจ

ไหหม่า(海馬)