เพื่อที่จะให้ซุนโก่วต้านฟัง ! ผู้ชายคนหนึ่ง ปอดแหกจนกลายเป็นแบบนั้นแล้ว!

ดวงตาคู่นี้ของโจวคายจือแดงก่ำขึ้น เม้มริมฝีปากไม่กล่าววาจา นางเติมน้ำลงบนแป้งขาว จากนั้นนวดคลึงช้าๆ

โจวกุ้ยหลานหมุนเอี้ยวตัวหยิบเอาเนื้อที่หั่นเรียบร้อยแล้วออกมาจากด้านในตู้ จากนั้นหยิบเอาพวกซอสถั่วเหลืองแป้งข้าวโพดเทลงไปหมัก แล้วหมุนตัวอีกครั้งเพื่อไปเอาไข่ไก่ในตู้ออกมา

“ท่านแม่ ท่านล้วนไม่ได้ใช้เครื่องปรุงรสเหล่านี้ แต่ก่อนทำอาหารอย่างไรหรือเจ้าคะ?”โจวกุ้ยหลานเหลือบมองของที่อยู่ด้านในตู้ กล่าวสนทนาคุยกันกับเหล่าไท่ไท่

“ข้าทำอาหารไม่ต้องใช้ของเหล่านั้นหรอก”เหล่าไท่ไท่ตอบกลับโจวกุ้ยหลาน

“จะทำอย่างนั้นได้ยังไงเจ้าคะ? สิ่งเหล่านั้นที่ท่านทำ มันล้วนเป็นของที่ทำให้หมูกินนะเจ้าคะ”โจวกุ้ยหลานกล่าวขึ้น จากนั้นหยิบไข่ไก่ออกมาจำนวนหนึ่ง

เหล่าไท่ไท่ตลกขบขัน กล่าวว่า“อย่างนั้นพวกเจ้าก็คือลูกหมูน้อยแล้วล่ะ! ของที่หมูกินนี้ล้วนเลี้ยงป้อนพวกเจ้าจนเติบโต!”

“อย่างนั้นท่านเลี้ยงพวกเราเหมือนหมู เห็นพวกเราเป็นหมู ต่อไปชีวิตดีขึ้น อย่างไรเสียก็ต้องขบคิดว่าจะต้องทำอาหารยังไง ไม่อย่างนั้นวันข้างหน้าหลานชายของท่านไม่ชอบกินอาหารที่ท่านทำนะ ข้าจะดูว่าท่านจะทำยังไง!”โจวกุ้ยหลานกระซิบกระซาบกล่าวขึ้น

ได้ยินคำว่าหลานคำนี้ขึ้นมา เหล่าไท่ไท่ก็รู้สึกว่ามีความสุขไม่น้อยเลย บทสนทนานี้ถูกโจวกุ้ยหลานพูดนอกเรื่องเรื่อยเปื่อย เมื่อพูดคุยสนทนากับโจวกุ้ยหลานไปๆมาๆ เลยไม่ได้จิตใจว้าวุ่นแล้ว

โจวคายจือที่อยู่ด้านข้างเหลือบมองดู ภายในใจก็รู้สึกอิจฉาชื่นชม

ทุกครั้งที่ท่านแม่คุยกับนางล้วนด่านางตะคอกนาง แต่เมื่อสนทนากับกุ้ยหลาน น้ำเสียงจะเบาสบายๆรื่นหูมาก

นางใช้แขนเสื้อปาดเช็ดซับน้ำตาของตัวเอง สูดหายใจเสียงจมูกดังฟุดฟิด แล้วนวดหมี่ก้อนต่อ

เมื่อหม้อกระทะร้อนแล้ว โจวกุ้ยหลานเลยเอาน้ำมันหมูถ้วยนั้น ตักลงไปในหม้อกระทะเพียงครึ่งช้อน

เหล่าไท่ไท่เหลือบเห็น ภายในใจรู้สึกสงสารเหลือเกิน! แต่เมื่อนึกถึงเด็กน้อยจำนวนหนึ่งที่อยู่ด้านนอก ที่ตลอดทั้งปีไม่ได้กินของดีเลย นางเลยอดทนอดกลั้นไม่กล่าวสิ่งใดออกมา

รอน้ำมันร้อน โจวกุ้ยหลานเลยเอาไข่ไก่ที่คลุกเคล้าเรียบร้อยแล้วเทลงไปในน้ำมัน กลิ่นหอมฉุยของไข่ไก่โชยออกมา จนถึงห้องโถง เด็กน้อยจำนวนหนี่งเลยพากันขยับปีกจมูก กลิ่นหอมนั้นทำให้พวกเขาน้ำลายไหล ทันใดนั้น พวกเขาก็รู้สึกว่าตัวเองหิวมากขึ้น

แม้แต่ซุนโก่วต้าน ก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงคอ ท้องก็ร้องจ๊อกๆตามมา

รอไข่ไก่ทอดเสร็จแล้ว โจวกุ้ยหลาน ช้อนขึ้นมา จากนั้นใช้กระบวยตักเอาน้ำใส่ลงในหม้อกระทะ ตามด้วยปิดฝาหม้อกระทะไว้

โจวคายจือทำงานคล่องแคล่วว่องไว ตอนนี้เส้นได้นวดเรียบร้อยแล้ว

“ท่านพี่ ข้าหั่นเอง?”โจวกุ้ยหลานกล่าวขึ้น แล้วเอื้อมมือไปรับ

“ไม่ต้องหรอก อีกประเดี๋ยวเดียวข้าก็ทำเสร็จแล้ว”โจวคายจือกล่าวขึ้น แล้วทำอย่างรวดเร็ว

ใช้ไม้นวดแป้งคลึงให้แป้งราบเรียบ แล้วรีบใช้มีดหั่นผักตัด

โจวกุ้ยหลานเหลือบเห็นเลยไม่เกรงใจมากแล้ว นางหมุนตัวหยิบผักกาดขาว ล้างแล้วใช้มือฉีกเป็นชิ้นละเอียดวางพักไว้รออยู่อีกด้าน

ก่อนน้ำเดือด บะหมี่ของโจวคายจือได้หั่นเรียบร้อยแล้ว

รอจนน้ำเดือด โจวกุ้ยหลานจึงนำเส้นบะหมี่เทลงไปต้มในหม้อกระทะ

เหล่าไท่ไท่ที่กำลังก่อไฟอยู่เหลือบมอง ก็สั่งกำชับโจวกุ้ยหลานว่า“ตอนนี้เอาเนื้อติดมันลงไปต้มได้ ไม่อย่างนั้นอีกประเดี๋ยวก็ต้มไม่สุกแล้ว”

“ข้าเตรียมจะเอาลงคือเนื้อแดงเจ้าค่ะ”โจวกุ้ยหลานปิดฝาหม้อกระทะเรียบร้อยแล้ว จากนั้นปัดผงแป้งสีขาวที่อยู่บนมือตัวเอง

เหล่าไท่ไท่ขมวดคิ้ว กล่าวขึ้นว่า “เนื้อติดมันดี มีน้ำมัน เอาบำรุงให้เด็กน้อยนะ”

คนยุคสมัยนี้ไม่มีน้ำมันอะไร เมื่อมีเนื้อที่ติดมันเลยรู้สึกปรีดา ส่วนเนื้อแดง กินแล้วไม่มีรสชาติเนื้ออะไร พวกเขาเลยไม่ชอบ เนื้อติดมันนี้เลยล้ำค่า เนื้อแดงเลยด้อยค่าถูกมาก

“ข้าทำอาหาร ท่านสบายใจได้เลยเจ้าค่ะ พวกเขาจะต้องกินอย่างมีความสุขแน่นอน”โจวกุ้ยหลานตอบกลับ

“เจ้านี่เก่งจริงๆ! ช่างเถิด อย่างนั้นอีกเดี๋ยวเอาเนื้อติดมันผัดกับผักกาดขาว รอพี่สาวรองของเจ้ากลับมาแล้วทำกิน”เหล่าไท่ไท่ไม่พูดอะไรกับโจวกุ้ยหลานมากมาย อย่างไรเสียนี่ก็ไม่ใช่การทำอาหารวัว

โจวคายจือทำในส่วนของตัวเองเรียบร้อยแล้ว นางเหลือบมองโจวกุ้ยหลานอยู่บ่อยๆ แล้วมองไปทางเหล่าไท่ไท่ สุดท้ายไม่ได้พูดอะไรออกมา

รอหลังจากเส้นบะหมี่ในหม้อสุกแล้ว โจวกุ้ยหลานก็ได้นำเนื้อที่หมักเรียบร้อยแล้วใส่ลงไปในหม้อ ส่วนผักกาดขาวที่ล้างเสร็จแล้วก็เอาใส่เข้าไปด้วยเช่นกัน หม้อเดือดปุดๆ ตามด้วยใส่เกลือใส่อะไรลงไป ปรุงรสเรียบร้อยแล้ว จึงปิดฝาหม้อลง แล้วให้เหล่าไท่ไท่ดับไฟ

เหล่าไท่ไท่ลุกขึ้นยืน หยิบถ้วยขนาดใหญ่ที่อยู่ในตู้ออกมา วางเรียงอยู่บนชั้นวางเตา หยิบทัพพีตักบะหมี่ จากนั้นช่วยกันยกออกไปกับโจวกุ้ยหลานและโจวคายจือ

บะหมี่ถ้วยนั้นของเหล่าไท่ไท่ยื่นส่งให้สวีฉางหลิน ส่วนอีกถ้วยยกให้ซุนโก่วต้าน

ลูกเขยสองคนรีบลุกขึ้นยืน สวีฉางหลินโค้งเอวให้เหล่าไท่ไท่เล็กน้อย มือทั้งสองข้างรับถ้วยมา ซุนโก่วต้านโค้งเอวลงเยอะ มือทั้งสองข้างกำลังสั่นระริก ถึงแม้จะบอกว่าไม่พอใจลูกเขยใหญ่ของตัวเอง แต่เหล่าไท่ไท่ก็ไม่มีทางว่าเขาต่อหน้าคนอื่นหรอก

โจวกุ้ยหลานกับโจวคายจือยื่นส่งถ้วยบะหมี่ที่อยู่ในมือให้เด็กๆ ส่วนคนอื่นที่ยังไม่ได้ ก็สั่งให้พวกเขาไปยกเอง

เด็กน้อยเหล่านั้นก้มศีรษะลง ในมือของแต่ละคนถือถ้วยบะหมี่อยู่ เหลือบมองควันอายร้อน ปีกจมูกก็เคลื่อนไหว แทบที่จะหยิบตะเกียบขึ้นมาตักกินเลย

เมื่อเหล่าไท่ไท่เห็น เลยรีบบอกพวกเขาว่า“รีบกินเถอะ อีกเดี๋ยวจะเย็นหมด กินหมดแล้วในหม้อยังมีอีก!”

“ท่านยาย ท่านดีจริงๆ……”ต้าญากล่าวขึ้น ก็ดวงตาแดงก่ำ

นางอายุสิบสามขวบแล้ว มีหลายเรื่องที่นางรู้เรื่องรู้ความดี ทุกครั้งที่มาเรือนท่านยาย ไม่ว่าอย่างไรท่านยายก็ต้องทำอาหารให้พวกเขากิน แต่ตอนอยู่เรือน ท่านย่าไม่เคยให้พวกนางกินอิ่มเลย ต่อให้นางป่วยจนลุกไม่ขึ้น ท่านย่าก็ไม่ยอมรักษาให้นาง ล้วนเป็นท่านยายให้เงิน

เด็กน้อยที่อยู่ด้านข้างเห็นอายความร้อนของบะหมี่พัดโชยขึ้นก็น้ำตาไหลรินลงมา

เมื่อเหล่าไท่ไท่เห็นภายในใจก็รับไม่ไหว เลยทำหน้าดุกล่าวขึ้นว่า “ฉลองตรุษจีนจะร้องไห้ทำไมกัน? รีบกิน ถ้าพากันกินไม่หมด ข้าจะตีคนนะ!”

เมื่อได้ยินเหล่าไท่ไท่กล่าวขึ้น เหล่าเด็กน้อยเลยพากันกุมถ้วยใหญ่ หยิบตะเกียบขึ้นมาคีบบะหมี่ใส่ปากใครปากมัน

“พวกเจ้ากินช้าๆหน่อย อย่าให้ลวก!”โจวต้าไห่พูดเตือนหลานๆ

โจวกุ้ยหลานเห็นชุดที่เด็กสวมใส่ขาดรุ่งริ่ง เห็นแล้วมักจะรู้สึกเจ็บหัวใจแปลบ นางที่เป็นผู้ใหญ่แค่เสื้อคลุมก็ปาไปสองตัวแล้ว เด็กน้อยเหล่านี้ใส่เสื้อผ้าตัวใหญ่ๆขาดรุ่งริ่ง เหมือนเป็นชุดที่คนอื่นไม่เอาแล้ว ประมาณว่าคนในครอบครัวสืบทอดมา นี่มันจะให้ความอบอุ่นได้ที่ไหนกัน?

เด็กน้อยเหล่านี้ไม่ได้มาสนใจพูดอะไรแล้วตอนนี้ สนใจแค่รีบกินบะหมี่เข้าไป และรู้สึกแค่ว่าบะหมี่อร่อยมาก มีเนื้อด้วย แล้วก็อร่อยเกินเหตุ

ไม่นาน เด็กน้อยก็พากันกินหมด เหล่าไท่ไท่พาพวกเขาไปห้องครัว แล้วเอาบะหมี่ที่เหลือแบ่งให้พวกเขา เหล่าเด็กน้อยพากันกินเสร็จต่างเลียริมฝีปาก

เหล่าไท่ไท่พาเด็กน้อยไปนั่งผิงไฟที่ห้องโถง ให้พวกเขากินเมล็ดแตงโมถั่วลิสงกัน

ซานญาที่อายุน้อยสุดเงยหน้ามองเหล่าไท่ไท่ กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลขึ้นว่า“ท่านยาย ครั้งหน้าข้ามาที่นี่ ยังจะได้กินบะหมี่หรือไม่เจ้าคะ?”

“ซานญา!”ซุนโก่วต้านตะคอกใส่นาง แล้วส่งสายตาให้นาง

“นางเป็นเด็กอายุแค่หกขวบ อยากกินของอร่อยแล้วทำไมหรือ เจ้าตะคอกใส่นางทำไมกัน?”เหล่าไท่ไท่ไม่พอใจ ดุใส่ซุนโก่วต้านหนึ่งยก

ตามด้วยหันไปกล่าวกับซานญาว่า“ครั้งหน้าซานญามา ท่านยายจะยังต้มบะหมี่ให้เจ้ากินนะ แล้วจะเพิ่มไข่ไก่ให้เจ้าด้วย!”