ตอนที่ 227 ผู้สมัครเครื่องมือเวทมนุษย์ (1)
เมื่อโหย่วฉินเสวียนหย่าจากไป ก็เป็นยามอรุณรุ่งแล้ว
หลังจากที่ศิษย์น้องหญิงของเขา หลิงเอ๋อร์ อาจารย์ลุงไม่แท้ของเขา จิ่วอู่ และอ๋าวอี่รองเจ้าสำนักให้ปฏิญญาต้าเต๋าแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็หยิบแม่แบบเดียวกันของปฏิญญาต้าเต๋าออกมาอีกครั้ง
ปฏิญญาต้าเต๋าเกิดขึ้นด้วยการบันทึกรับรองของเต๋าสวรรค์ ทั้งสองฝ่ายล้วนทำข้อตกลงรักษาความลับนั้น บนหลักการที่เป็นมิตร ช่วยเหลือและเอื้อประโยชน์ต่อกันด้วยความสุข แต่เมื่อโหย่วฉินเสวียนหย่าขี่เมฆจากไป สีหน้าท่าทีของนางดูงุนงงเล็กน้อยขณะที่ขับขี่เมฆไปอย่างไม่มั่นคงเล็กน้อย…
“เซียนเสิ่น”
หลี่ฉางโซ่วยืนอยู่ท่ามกลางแสงอรุณในยามเช้าและกล่าวในใจว่า “ข้ามีความสุขที่ได้อยู่กับเจ้า” จากนั้นเขาก็ขี่เมฆไปที่ทะเลสาบ
ในขณะนี้ หลี่ฉางโซ่วเอ่ยอันใดไม่ออก
เขากังวลใจในรายละเอียด เช่น เขาไม่อาจอธิบายว่าการฝึกบำเพ็ญของเขามาได้อย่างไร ไม่มีผู้ใดจะเชื่อเขาอย่างแน่นอน หากเขากล่าวว่าเขาเกิดจิตอริยะขึ้นในทุกๆ สองสามวัน
เขาไม่คิดว่าจะไม่ต้องเสียเวลาใช้ความพยายามใดๆ ในการชี้แจงเพราะไม่มีผู้ใดสนใจเรื่องนั้น
โหย่วฉินเสวียนหย่า…
สตรีผู้นั้น ภายนอกดูเย็นชา แต่อบอุ่นภายใน นางเป็นองค์หญิงแห่งอาณาจักรหนึ่งในแดนมนุษย์ตั้งแต่ยังเยาว์ หลังจากที่นางเข้ามาสู่สำนัก นางก็กลายเป็นที่สนใจของทุกคน
ในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา นางมีหยวนชิงซึ่งตายไปอย่างน่ากลัว คอยอยู่เคียงข้างนาง…
ท่ามกลางสภาพแวดล้อมของการเติบโตมาเช่นนี้ เป็นเรื่องยากมากที่นางจะรักษาจิตใจให้ซื่อสัตย์ และยังเป็นเหตุผลที่นางจะไม่รู้วิถีของโลก
หลี่ฉางโซ่วหวนนึกถึงความรู้สึกทั้งหลายในใจของเขา
นั่นคือ เมื่อโหย่วฉินเสวียนหย่าโค้งคำนับเขาให้เขาและกล่าวว่านางเป็นตัวแทนในนามของศิษย์ทั้งหมด นั่นทำให้เขามีความรู้สึกเล็กน้อยอยู่ในใจ…
เขาส่ายศีรษะและยิ้ม
หลี่ฉางโซ่วไม่อยากให้ผู้อื่นประทับใจหรือยกย่องเขา เขาเพียงแต่ไม่ชอบเป็นที่สนใจของผู้อื่น
ท่านเจ้าสำนักยังคงไม่มั่นคงเล็กน้อย เขาต้องไปที่สถานที่พักของท่านเจ้าสำนักเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมในเวลาครึ่งเดือน ในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็สามารถพูดคุยกับท่านเจ้าสำนักได้เป็นอย่างดีและคิดหาวิธีที่จะให้ท่านเจ้าสำนักดูแลปกป้องเขาในอนาคต
คราวนี้เขาบังเอิญเผยไพ่ตายเรื่องระดับพลังปราณของเขาให้เจ้าสำนักและศิษย์น้องโหย่วฉินรู้โดยไม่ตั้งใจ แม้จะมีอันตรายซ่อนอยู่ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอย่างสิ้นเชิง
ทุกเรื่องล้วนมีทั้งด้านดีและร้ายเกี่ยวข้องกัน หากเขาสามารถ “พิชิต” ท่านเจ้าสำนักนักพรตเต๋าจี้อู๋โหย่วได้สำเร็จ เขาจะสามารถทำให้สภาพแวดล้อมในการฝึกบำเพ็ญของเขาในสำนักมีเสถียรภาพมากขึ้นในอนาคตได้
คงจะดีที่สุด หากท่านเจ้าสำนักแอบออกคำสั่งห้ามมิให้บรรดาศิษย์ไปรบกวนยอดเขาหยกน้อย และมอบสมบัติล้ำค่าให้เขามากขึ้นรวมถึงให้เงินรายเดือนเขามูลค่าหลายร้อยเดือน…
เขากำลังคิดมากเกินไป
หลี่ฉางโซ่วขี่เมฆบินผ่านเหนือทะเลสาบ แต่ไม่มีผู้ใดมาทักทายเขา
ในขณะนี้ หลิงเอ๋อร์และหัวหน้ากลุ่มรักษาความปลอดภัยขั้นสูงของยอดเขาหยกน้อย สงหลิงลี่ กำลังยุ่งอยู่กับกรงสัตว์วิญญาณ
ก่อนหน้านี้ หลี่ฉางโซ่วได้มอบหมายภารกิจให้กับหลิงเอ๋อร์ไปขอให้ผู้อาวุโสของหอไป่ฝาน ซึ่งสนิทใกล้ชิดกับศิษย์พี่ชายและศิษย์พี่หญิงของพวกเขาเพื่อแลกเปลี่ยนเงินรายเดือนของพวกเขาสำหรับอีกสองปีถัดไป รวมถึงเงินค่าใช้จ่ายรายเดือนของสงหลิงลี่ เป็นเวลาสิบปีข้างหน้าเพื่อสัตว์วิญญาณ
สิ่งที่ทำให้ผู้อาวุโสที่ดูแลกิจการภายนอกรู้สึกฉงนงงงวยคือ คำขอร้องของหลิงเอ๋อร์…
ในด้านการเลือกสัตว์วิญญาณรุ่นเยาว์ นางไม่ได้แสวงหาสัตว์วิญญาณคุณภาพสูง สติปัญญาสูง และหาได้ยากอย่างยิ่ง แต่เป็นสัตว์วิญญาณบางตัวที่เลิศรส เนื้ออร่อย และสดใหม่ สามารถผสมพันธุ์และเลี้ยงดูง่าย ทั้งยังมีวงจรการเติบโตและชีวิตสั้น
ในไม่ช้าผู้อาวุโสบางคนก็เข้าใจสาเหตุ พวกเขารู้สึกว่า ยอดเขาหยกน้อย ได้เริ่มสร้างสัตว์ “สายพันธุ์” ใหม่หลังจากปลาวิญญาณ!
มีกลวิธีมากมาย!
ดังนั้นบรรดาผู้อาวุโสที่ดูแลกิจการภายนอกเหล่านั้นจึงกังวลในเรื่องนี้ มาก พวกเขาแต่ละคนทำตามที่พวกเขาพอใจและได้รับสัตว์วิญญาณรุ่นเยาว์มามากมาย
ผู้อาวุโสที่ดูแลกิจการภายนอกยังถึงกับเอาเงินออกจากกระเป๋าของตัวเอง และใช้เงินเหล่านั้นเป็นทุนสำหรับแผนการขยายพันธุ์สัตว์วิญญาณ ‘ประเภทเนื้อ’ ของยอดเขาหยกน้อย…
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา สงหลิงลี่ก็ถึงกับน้ำตาซึมจากความกระตือรือร้นของผู้อาวุโสเหล่านี้ น้ำตาของนางรินไหลออกมาอย่างมิอาจควบคุมได้…
แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องเล็กน้อย
หลี่ฉางโซ่วให้หลิงเอ๋อร์จัดการเรื่องนั้น ซึ่งยังเป็นการทดสอบความสามารถของหลิงเอ๋อร์ในการทำสิ่งต่างๆ และจนถึงตอนนี้ หลิงเอ๋อร์ก็ทำได้ดีทีเดียว
ส่วนรางวัลจากการทำงานของนาง…
แค่การไม่ถูกลงโทษก็ถือเป็นรางวัลที่ดีที่สุดอยู่แล้ว!
หลี่ฉางโซ่วรู้นิสัยของหลิงเอ๋อร์ดี นางจะภูมิใจและยินดีปรีดาจนลอยขึ้นฟ้าได้ด้วยคำชมเล็กน้อยเท่านั้น!
นอกจากนี้ หลังจากหลิงเอ๋อร์มีอายุได้สิบแปดปี เมื่อใดที่หลี่ฉางโซ่วเอ่ยชมนาง ก็จะมีเหตุการณ์มากมายที่นางจงใจเมาปรากฏขึ้นทีละเรื่อง ถึงแม้ในตอนท้าย นางจะเป็นเหมือนเย่กงชอบมังกร[1]ที่ไม่เคยกล้าทำจริงๆ ก็ตาม
ทัณฑ์สวรรค์เซียนจิน ทัณฑ์สวรรค์เซียนจิน
หลี่ฉางโซ่วค่อยๆ เดินไปที่กระท่อมมุงจากของท่านอาจารย์ของเขา พลางครุ่นคิดในใจและเริ่มหันไปคิดถึงเรื่องสำคัญเกี่ยวกับตัวเขาเอง
แม้เขาจะตัดเต๋าของตัวเขาเองไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ยามนี้เขาอยู่ห่างจากเซียนเทียนที่สมบูรณ์แบบเพียงก้าวเดียวเท่านั้น ในเวลานี้ เขาจึงไม่กล้าที่จะนั่งสมาธิและฝึกบำเพ็ญเพียรเลย
เขาต้องเตรียมสมบัติทุกประเภทสำหรับการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์เซียนจินให้เร็วที่สุด
แม้เขาจะยังคงใช้วิธีตัดเต๋าของตัวเองได้ แต่เขาได้ตัดรากฐานเต๋าของตัวเขาเองในส่วนที่ยุ่งเหยิงและไม่เสถียรออกไปเกือบทั้งหมดแล้ว
ในช่วงเวลาหนึ่ง แม้หลังจากนี้ เขาจะตัดเต๋าอีกครั้ง แต่ผลกระทบจะไม่ชัดเจนเท่าใดนัก อย่างมากที่สุด ก็จะทำให้ขอบเขตของเขาลดลงมาบางส่วนเล็กๆ เท่านั้น
หลี่ฉางโซ่วได้ก้าวขึ้นสู่เซียนหยวน และเซียนเสิ่น ด้วยการตรัสรู้ที่เขาได้รับหลังจากข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ในอดีต
การฝึกบำเพ็ญเต๋าก็เหมือนการสร้างปราสาททรายบนชายหาดที่มี “ฟองอากาศ” มากมายในรากฐานเต๋า ของเขาเอง
ทัณฑ์สวรรค์เซียนจิน ยังเป็นที่รู้จักกันในนาม ทัณฑ์สวรรค์สรรสร้างเต๋า
ก่อนที่เขาจะกลายเป็นเซียนจิน เขาจะพัฒนาปรับปรุงเต๋าอันยิ่งใหญ่อย่างต่อเนื่อง เริ่มจากการปรับแต่งแก่นร่างและเปลี่ยนพลังปราณจนไปถึงเซียนเทียน และจนกระทั่งปราณวิญญาณและร่างกายของเขาบรรลุความสมบูรณ์แบบ จากนั้นเขาก็จะสามารถหลอมรวมเต๋าของตัวเองและสร้างผลเต๋าอายุยืนได้
ใต้หล้านี้ ไม่มีกลีบบุปผาสองกลีบที่เหมือนกันทั้งหมด เฉกเช่นไม่มีสองเต๋าอันยิ่งใหญ่ที่ล้วนเหมือนกัน
ปรมาจารย์ไท่ชิง และศิษย์ของเขาคือ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตู ถือเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด แม้พวกเขาทั้งสองจะดูคล้ายกัน คนหนึ่งเป็นคนอยู่ติดบ้าน ส่วนอีกคนก็เกียจคร้าน ความจริงแล้ว พวกเขาแตกต่างกันมากจริงๆ
เต๋าของหลี่ฉางโซ่วมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากยิ่งขึ้น รากฐานของเต๋านิรกรรมไท่ชิงนั้น มั่นคงอย่างยิ่ง …
การที่สิ่งมีชีวิตจะคงชีพอยู่ตลอดไปหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าเต๋าของตัวเองจะคงอยู่ในระหว่างสวรรค์และปฐพีได้หรือไม่ จะสามารถคงอยู่ได้นานเคียงคู่สวรรค์และปฐพี และส่องแสงด้วยดวงสุริยันจันทราได้หรือไม่ และจะข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์เซียนจินได้หรือไม่
ทัณฑ์สวรรค์เซียนจิน นั้นแตกต่างจากทัณฑ์สวรรค์ขึ้นสู่เซียนเล็กๆ
แม้กระทั่งล่อหรือม้ายังต้องได้รับการตรวจสอบจากเต๋าสวรรค์…
เนื่องจากพลังต้นกำเนิดที่อุดมท่วมท้นในโลกบรรพกาล วิธีการฝึกบำเพ็ญเพียรของสำนักบำเพ็ญเต๋าจึงแพร่หลายไปอย่างกว้างขวางและชะตากรรมของเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็เจริญรุ่งเรือง มีผู้ฝึกบำเพ็ญเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่สามารถข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ขึ้นสู่เซียนได้เป็นจำนวนมาก
แต่ภายหลัง เมื่อกลายเป็นเซียนแล้ว ก็มีผู้ฝึกฝึกบำเพ็ญเพียรเพียงไม่กี่คนที่สามารถบรรลุเซียนเทียนสมบูรณ์แบบได้ก่อนที่อายุขัยของพวกเขาจะถึงจุดสิ้นสุด
และยังมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์เซียนจินได้
ที่มีปรมาจารย์มากมายหลายคนในโลกบรรพกาลนั้น เพราะพวกเขาค่อยๆ สะสมจำนวนขึ้นมาจากสมัยโบราณด้วยเวลายาวนานนับไม่ถ้วน
…………………………………………………………………..
[1] เย่กงชอบมังกรเป็นการเปรียบเปรยกับคนที่ภายนอกแสดงออกว่าชื่นชอบในบางสิ่งบางอย่าง แต่แท้จริงแล้วในใจจริงกลับไม่คิดเช่นนั้น ซึ่งมีที่มาจากเจ้าเมืองเย่แห่งแคว้นฉู่ ในสมัยชุนชิว เจ้าเมืองเย่ชื่นชอบทุกอย่างเกี่ยวกับมังกรมากจนเป็นที่เลื่องลือไปถึงมังกรตัวจริง จนมังกรไปหาเพื่อขอบคุณ แต่เมื่อเจ้าเมืองเย่พบมังกรตัวจริงก็กลัวมากจนร้องเรียกให้คนช่วย ซึ่งหมายถึงว่าไม่ได้ชื่นชอบอย่างแท้จริง