ตอนที่ 414 มารยาทที่ควรมี

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 414 มารยาทที่ควรมี

ปีใหม่ของเผ่าหมาป่าพระจันทร์คล้ายคลึงกับประเทศเหยียนหวง

มู่เถาเยาสวมเสื้อกันหนาวลายตารางสีแดงที่เป่ยซีเลือกให้ ข้างในเป็นเสื้อคอเต่าสีขาว กางเกงยีนส์สีดำ รองเท้าบู๊ททรงสูงส้นเตี้ย แม้จะดูเรียบง่าย แต่กลับทันสมัย

ริมฝีปากแดงโดยไม่ต้องเติมแต่ง ใบหน้างดงามโดดเด่น ให้ความรู้สึกสดชื่นเป็นธรรมชาติ

ถึงแม้ความอ่อนเยาว์ของใบหน้าตุ๊กตายังคงอยู่ แต่เครื่องหน้าคมชัดยิ่งขึ้น ไม่ได้ดูเด็กน้อยเหมือนตอนอายุสิบห้าสิบหกแล้ว กลับเหมือนสาวน้อยสะพรั่งวัยสิบเจ็ดสิบแปด

พอขึ้นปีใหม่เธอก็อายุยี่สิบ เข้าสู่วัยสาวที่งดงามที่สุด สดใสที่สุด พลังเปี่ยมล้นที่สุด ดุจดอกไม้ที่แสนงดงามในชีวิต

คนตระกูลเย่ว์มองสิ่งล้ำค่าของพวกเขา ความสุขเอ่อล้นเกินจะบรรยาย

เป่ยซียิ้มหน้าบานคีบกับข้าวให้ลูกสาว “กินอาหารเช้าเสร็จพวกเราก็จะไปสวัสดีปีใหม่พวกผู้ใหญ่ เมื่อคืนปู่เทียดยังโทรมาหาพ่อถามถึงลูกด้วยนะ”

“พวกท่านคงคิดถึงพวกเรา”

ปู่เย่ว์ “ก่อนหน้าตอนหลานยังไม่กลับมา ปู่เทียดก็ถามถึงอยู่บ่อยๆ”

คนอื่นไม่รู้ว่าตระกูลเย่ว์ยังมีเจ้าหญิงน้อยอยู่อีกคน แต่พวกญาติสนิทของพวกเขาย่อมรู้

แต่ไหนแต่ไรมา ความเสียใจของพวกคนแก่คนเฒ่าไม่น้อยไปกว่าพวกเขา

ย่าเย่ว์ “เสี่ยวเยาเยา ย่าเทียดของหลานจากไปเร็ว ปู่เทียดต้องอยู่คนเดียวมาหกสิบกว่าปี พออายุเกินร้อยถึงยอมฟังคนอื่นให้ไปอยู่กับครอบครัวของปู่ทวดใหญ่…”

มู่เถาเยาถาม “ทำไมปู่เทียดไม่แต่งงานใหม่ล่ะคะ” มีคู่ชีวิตดูแลกันและกันอีกหลายสิบปีไม่ดีกว่าเหรอ

สังคมสมัยนี้หย่าแล้วแต่งมีเยอะแยะไป แล้วนับประสาอะไรกับปู่เทียดที่เสียภรรยา

ปู่เย่ว์ยิ้มพูด “คนทางเราไม่ค่อยแต่งงานใหม่กันหรอก ถึงแม้เผ่าเราจะศรัทธาในหมาป่า มีคู่ครองเดียวจนตาย แต่ก็ไม่ได้ต่อต้านการแต่งงานใหม่ แต่คนในเผ่าถ้ามีลูกหลานแล้วส่วนใหญ่ก็ไม่อยากแต่งงานใหม่กันหรอก”

เผ่าหมาป่าพระจันทร์พื้นที่กว้างขวางแต่ประชากรน้อย ทางเผ่าสนับสนุนให้มีลูกคนที่สามเพื่อการพัฒนาเผ่าในภายภาคหน้า

คนในเผ่าไม่ยากจน เรียนหนังสือก็ไม่ต้องจ่ายอะไรมาก มีลูกหลายคนย่อมรับผิดชอบไหว คนส่วนใหญ่ที่มีลูกได้จึงนิยมมีกันสองสามคน

ครอบครัวที่มีลูกคนเดียวอย่างตาเป่ยยายเป่ยจึงมีน้อยมาก

มู่เถาเยาพยักหน้า

มีศรัทธาเป็นเรื่องดี เพราะจะไม่มีเรื่องโสมมมากนัก

หลังกินอาหารเช้าเสร็จมู่เถาเยาก็ไปหยิบกล่องยาใบน้อยของตัวเองแล้วไปเยี่ยมปู่เทียดอายุร้อยยี่สิบกว่าปีที่บ้านเย่ว์อวี๋พร้อมปู่ย่า พ่อแม่ และพี่ชายทั้งสองคน

ชายชรากินอาหารเช้าเสร็จก็มานั่งคอยชะเง้อมองอยู่ตรงประตูบ้าน

พอเห็นรถก็รีบลุกพรวดจากเก้าอี้

เล่นเอาลูกชายคนโตอายุร้อยปี หลานชายคนโตอายุเจ็ดสิบกว่า เหลนชายอายุห้าสิบ ลื่อชายอายุยี่สิบ และคนอื่นๆ พากันตกใจเข้าไปรุมล้อมใหญ่

เย่ว์อวี่เฉิงรีบสาวเท้าเดินเข้าไปหา ก้มตัวถามด้วยความเป็นห่วง “เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ”

ชายชรายื่นมือออกไปปัดลื่อชายตัวเอง ไม่ขยับ ใช้ไม้เท้ากระทุ้งพื้น “หลบไป บังฉันดูเสี่ยวเยาเยา”

เย่ว์อวี่เฉิง “…” ลื่ออย่างเขามันไม่สดใหม่แล้วใช่ไหม

มือข้างหนึ่งของมู่เถาเยาคล้องแขนย่าเย่ว์ มืออีกข้างหิ้วกล่องยาใบน้อยเดินเข้าไปหาชายชรา ยิ้มตาโค้งทักทาย “สวัสดีปีใหม่ค่ะปู่เทียด…”

ทุกคนทักทายกัน

เนื่องจากก่อนหน้านี้พวกเขาเคยไปตำหนักพระจันทร์ อีกทั้งยังเป็นครอบครัวที่อายุยืนที่สุดในสายตระกูล มู่เถาเยาจึงตั้งใจจำครอบครัวนี้ไว้

ปู่เทียดยิ้มกว้างยื่นมือที่เหี่ยวชราออกไป “เสี่ยวเยาเยา…”

มู่เถาเยาปล่อยแขนย่าเย่ว์ เปลี่ยนไปช่วยพยุงปู่เทียดแทน

ปู่เย่ว์ยิ้มถาม “คุณอา ทำไมมารอกันที่ประตูหมดเลยล่ะครับ”

เย่ว์จือเซวียนลูกชายของปู่เทียดพูดด้วยความจนปัญญา “ก็ปู่เราน่ะสิ เอาแต่ชะเง้อมอง อยากจะมาดูรถที่วิ่งไปมาตรงหน้าประตูให้ได้น่ะสิ”

“อยากให้พวกเรารับปู่ไปอยู่ที่ตำหนักพระจันทร์สักระยะไหมครับ เสี่ยวเยาเยาเปิดเทอมถึงจะกลับไป”

ปู่เทียดได้ฟังก็ถามมู่เถาเยาที่ประคองเขาอยู่ด้วยความดีใจ “ครั้งนี้เสี่ยวเยาเยาอยู่นานขนาดนี้เลยเหรอ พวกอาจารย์ก็มาด้วยใช่ไหม งั้นทำไมไม่มาที่นี่ด้วยกันล่ะ”

“เปล่าค่ะ อาจารย์ใหญ่ไปเมืองหลวง อาจารย์รองกับอาจารย์แม่รองกลับบ้านเกิดไปแล้วค่ะ มีแค่อาจารย์สามที่มาด้วย ตอนนี้อยู่เป็นเพื่อนอาค่ะ ปู่เทียดคะ ครึ่งเดือนกว่านี้หนูไม่ยุ่ง ไปค้างที่ตำหนักพระจันทร์ด้วยกันนะคะ หนูจะได้ช่วยบำรุงร่างกายให้ด้วย”

“ได้ อวี่เฉิง รีบไปเก็บเสื้อผ้ามาให้สองชุดเร็วเข้า”

เย่ว์อวี่เฉิง “…” นี่ก็รีบเกินไปหรือเปล่า!

เย่ว์จือเซวียนลูกชายอายุร้อยปีถึงกับหมดคำจะพูด

เย่ว์ซีหลานชายอายุเจ็ดสิบกว่ารีบพูดขึ้น “ปู่ครับ พี่อาหมิงกับพี่สะใภ้เพิ่งมา อย่างน้อยก็กินข้าวกลางวันก่อนค่อยไปสิครับ พวกแม่ๆ ยังไม่ได้เจอหน้าเลยนะครับ!”

บรรดาหญิงสูงวัยกำลังสั่งพวกหลานเหลนสะใภ้ ลูกสาว ทำกับข้าวกับพ่อครัวอยู่ในครัว

พอได้ยินเสียงพูดคุย คนในห้องรับแขกจึงพากันออกมารับแขก

เมื่อถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันแล้ว บรรดาเด็กๆ ก็ได้รับอั่งเปากัน

มือข้างหนึ่งของมู่เถาเยาถือกล่องยาใบน้อย มืออีกข้างรับอั่งเปายังจะไม่ทัน

ตระกูลเย่ว์มีญาติเยอะมาก!

ปู่เทียดมีลูกชายสามคน ลูกสาวสองคน เย่ว์จือเซวียนเป็นลูกชายคนโต

ต่อมาเย่ว์จือเซวียนลูกชายคนโตก็มีลูกชายสองคน ลูกสาวสองคน พอโตเป็นผู้ใหญ่ลูกชายคนเล็กก็แยกไปอยู่ข้างนอก ลูกสาวก็แต่งออก

ต่อมาเย่ว์ซีหลานชายคนโตของปู่เทียดก็มีลูกชายสองคนลูกสาวหนึ่งคน…

เนื่องจากวันนี้ครอบครัวของเย่ว์หมิงจะมากันหมดยกเว้นเย่ว์เลี่ยงที่ตั้งท้องกับอวิ๋นไป๋ที่ต้องดูแลเธอ คนทั้งครอบครัวไม่ว่าจะลูกชายหรือลูกสาวต่างก็กลับมากันหมด ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าคนจะเยอะขนาดไหน!

แต่ไม่ว่าจะชาติก่อนหรือชาตินี้ มู่เถาเยาเห็นตระกูลใหญ่จนชินแล้ว จึงยิ้มแย้มพูดคุยกับญาติๆ อย่างใจเย็น ไม่มีสีหน้ารำคาญแม้แต่น้อย

ปู่เทียดมีความสุขมาก!

ถึงแม้เด็กสาวคนนี้จะไประหกระเหินอยู่ข้างนอกมาสิบแปดปี แต่มารยาทก็มีพร้อม ไม่ได้ด้อยไปกว่าเย่ว์หลั่งกับเย่ว์เลี่ยงเลย

เขาอยากเจออาจารย์สองท่านที่เลี้ยงดูเธอมาจนโตจริงๆ แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้กลับมาด้วยกัน ส่วนเขาก็อายุมากแล้ว เดินทางไกลไม่สะดวก

เมื่อคุยกันพอประมาณ มู่เถาเยาก็เปิดกล่องยาใบน้อย หยิบหมอนรองข้อมือออกมาแล้วยิ้มพูด “ปู่เทียดคะ หนูอยากจับชีพจรให้ค่ะ”

“เอาสิ”

ชายชรายื่นมือออกไปด้วยความเต็มใจ ไม่ถือสาเลยสักนิดที่โดนตรวจสุขภาพในวันปีใหม่

หลังจากที่มู่เถาเยาจับชีพจรมือทั้งสองข้างของชายชราเสร็จก็ยิ้มตาโค้งพลางพูด “ปู่เทียดร่างกายแข็งแรงใช้ได้เลยนะคะ มีป่วยเล็กน้อยเรื่องธรรมดา แต่รักษาได้ค่ะ”

เย่ว์ซีหลานชายคนโตถามด้วยความดีใจ “เสี่ยวเยาเยา แล้วจะรักษาให้หายได้ไหม”

“ได้ค่ะ เมื่อหลายวันก่อนหนู อาจารย์สาม พี่รอง ไปเก็บสมุนไพรในป่าพิษหมาป่ามา เอามาทำยาให้ปู่เทียด ปู่ทวด ย่าทวด กินวันละเม็ดก่อนนอน ให้คนละสองขวดกินได้สองเดือนค่ะ ไว้อีกสักระยะหนูจะมาจับชีพจรและปรับยาให้ใหม่ค่ะ”

มู่เถาเยาหยิบขวดใบน้อยออกมาจากกล่องยาแล้ววางลงบนโต๊ะ

“ตอนบ่ายปู่เทียดกลับตำหนักพระจันทร์กับพวกเรานะคะ ช่วงหลายวันนี้หนูจะฝังเข็มให้ เห็นผลเร็วขึ้นไปอีกค่ะ”

ลื่อชายเย่ว์อวี่เฉิงรีบพูดขึ้น “งั้นผมจะขึ้นไปเก็บเสื้อผ้า เดี๋ยวไปตำหนักพระจันทร์เป็นเพื่อนปู่เทียดด้วยครับ”

คนอื่นๆ ย่อมไม่คัดค้านอะไร