บทที่ 223 ท่านก็นับว่าเป็นชายหรือ?

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา

นางไม่เสียใจภายหลังหรือ? เมื่อสมัยนั้นนางถูกตาต้องใจกันกับซุนโก่วต้าน นางก็ยืนหยัดที่จะแต่งงานกับเขา เวลาต่อมาเหล่าไท่ไท่เลยให้นางแต่งออกไป แต่ใครจะรู้แม่สามีรู้สึกว่านางเป็นคนแทนที่จะขายได้เงิน กลับแถมเงินให้อีกด้วย ไม่ต้องการสินสอดทองหมั้นอะไรเลย ก็เลยไม่เห็นนางเป็นคน รอนางคลอดลูกออกมาสองคน แม่สามีก็ด่าทอตีนาง และยังบังคับซุนโก่วต้าน ซุนโก่วต้านกตัญญูกตเวทีต่อแม่ของเขา วันทั้งวันล้วนบอกให้นางอดทนอดกลั้น

วันเวลาแบบนี้ นางทนทุกข์ทรมานมาวันแล้ววันเล่า นางคิดว่าเมื่อไหร่ที่แม่สามีเสียชีวิต วันนั้นนางก็รอดพ้นแล้ว

“ฝีมือของนังแก่ที่บ้านของพวกเจ้า ทำให้หลานชายหลานสาวข้าหิวโซ ข้าสวีเหมยฮวาจะเอาชีวิตของพวกเขา! ไป ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ ไปที่บ้านตระกูลซุนของพวกเจ้า ข้าต้องการคำอธิบาย!”

เหล่าไท่ไท่ยังไม่หายโกรธ ตอนนี้เข้าไปดึงลากโจวคายจือหมายจะเดินออกไปข้างนอก

ซุนโก่วต้านที่อยู่ด้านข้างไม่พูดไม่จามาโดยตลอด เห็นเหตุการณ์แบบนี้เลยขลาดกลัว รีบสาวเท้าเดินไป ดึงแขนเหล่าไท่ไท่ แล้วเกลี้ยกล่อมว่า“ท่านแม่ นั่นคือท่านแม่ที่เลี้ยงดูข้ามา ข้า…..ข้าจะไม่กตัญญูได้อย่างไรขอรับ? ท่าน…..ท่านจะไปหาเรื่องตระกูลข้าในวันฉลองตรุษจีนได้อย่างไร?”

ความเดือดดาลของเหล่าไท่ไท่ที่มีอยู่ในใจยังไม่ได้รับการระบายออกมา ตอนนี้ตบไปที่หน้าของซุนโก่วต้านอีกครั้ง ซุนโก่วต้านคนนั้นถูกตบจนเซ่อ เหมือนกับถูกผู้ชายใช้หมัดต่อยศีรษะเลย คนทั้งคนเลยล้มไปทางด้านหลัง

เมื่อพวกเด็กๆที่อยู่ด้านหนึ่งเห็นเลยหวาดกลัว ภายในใจของต้าญาก็รู้สึกไม่ดี แต่นางยังคว้าจับต้าหู่กับเสี่ยวหู่ไว้ เพื่อไม่ให้พวกเขาไปข้างหน้า

เมื่อโจวกุ้ยหลานเห็น นางรู้สึกพึงพอใจในตัวของต้าญามาก เวลานี้สามารถแยกแยะผิดชอบชั่วดีได้ นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

“เป็นพ่อแม่ที่ให้กำเนิดเลี้ยงดูเจ้าแล้วทำไมหรือ? เจ้ารู้กตัญญู พี่น้องเจ้าสามคนนั้นไม่กตัญญูหรือ? ตัวเจ้ากตัญญู แล้วทำไมจะต้องเอาภรรยากับลูกของเจ้าไปรับความลำบากยากเข็ญด้วย? ซุนโก่วต้าน ข้าจะบอกเจ้าให้นะ เรื่องของตระกูลซุนข้าไม่ยุ่ง แต่ถ้าทำให้ลูกสาวและหลานๆของข้าได้รับโทษรับทุกข์ ข้าสวีเหมยฮวาก็สามารถโวยวายจนตระกูลซุนของพวกเจ้าวุ่นวายไม่สงบได้! ขวางข้าอีก ข้าจะสั่งให้ต้าไห่เฆี่ยนเจ้าตาย!”

ซุนโก่วต้านถูกเหล่าไท่ไท่ด่าจนหน้าแดงก่ำ ตอนนี้ไม่กล้าพูดอะไรออกมาแล้ว

อย่างไรเสียนั่นก็คือท่านแม่ท่านพ่อของเขา เขาจะไม่กตัญญูได้ยังไง?

เมื่อโจวกุ้ยหลานเห็นท่าทางปอดแหกไร้น้ำยาของเขา ภายในใจหยามเหยียดว่าลูกชายติดแม่!

เหล่าไท่ไท่ดึงลากโจวคายจือหมายจะออกไปด้านนอก โจวคายจือนึกถึงพ่อสามีแม่สามีที่อยู่เรือน รู้สึกขลาดกลัว นางนั่งอยู่บนม้านั่งไม่ยอมลุก เพียงแค่อ้อนวอนว่า“ท่านแม่ ท่านปล่อยพวกเราไปเถอะนะเจ้าคะ ไม่อย่างนั้นวันข้างหน้าข้าก็ใช้ชีวิตได้ยากลำบากแล้ว……”

“พี่ใหญ่ ท่านเหลวแหลกเสียจริง หรือว่าต้องรอให้ลูกของท่านทั้งห้าคนถูกทรมานตายก่อน ท่านถึงจะทะนุถนอมสงสารพวกเขา?”โจวกุ้ยหลานอยู่อีกด้านพูดสอดแทรกขึ้นมา

โจวคายจือชะงักงัน สายตาแฉลบมองไปทางโจวกุ้ยหลาน แล้วรีบส่ายหน้า กล่าวขึ้นว่า“ไม่มีทาง…..ไม่มีทาง อย่างไรเสียนี่ก็เป็นหลานชายหลานสาวของพวกเขา…..”

“อย่าไร้เดียงสา ถ้าเห็นเด็กเหล่านี้เป็นหลานชายหลานสาวของตัวเองจริงๆ จะไม่ให้พวกเขากินข้าวได้หรือ? ท่านหิวตายก็เป็นแค่ลูกสะใภ้ อย่างมากก็แค่สั่งให้ลูกชายตัวเองครองโสด เด็กเหล่านี้? ตายแล้วคนกินข้าวก็ลดน้อยลง พวกเขายังมีหลานชายหลานสาวตั้งมากมาย เพิ่มขึ้นมาหน่อยก็ถือว่าไม่มาก น้อยลงไปหน่อยก็ไม่ได้ถือว่าน้อยมาก”

ตอนนี้ยังไว้หน้าอะไร พวกเขาทำได้ ยังกลัวพวกเขาจะว่าหรือ?

โจวคายจือได้ยินสีหน้าก็ซีดเผือด พอคิดที่กุ้ยหลานกล่าวเมื่อสักครู่นี้ ใจของนางก็สั่นสะท้าน ไม่……ไม่ได้! ลูกของนางเป็นอะไรไปไม่ได้!

“ไม่….ไม่มีทาง ท่านพ่อกับท่านแม่ของข้าไม่มีทางทำอย่างนั้นกับลูกสาวลูกชายข้า! พวกเขาให้กำเนิดเลี้ยงดูข้า เพียงแค่พวกท่านพาพวกเราสามพี่น้องเผาถ่านด้วย เมื่อครอบครัวมีเงินก็กินอิ่มแล้ว!”

เมื่อครู่นี้ซุนโก่วต้านค่อนข้างกระสับกระส่าย แต่พอพูดถึงตอนท้าย สายตาก็เปล่งประกาย ดูฮึกเหิมมีชีวิตชีวา

“อะไรนะ?”มือของเหล่าไท่ไท่ชะงักหยุด หรือเมื่อครู่นี้นางหูตึง ฟังผิด?

โจวต้าไห่มองไปทางซุนโก่วต้านอย่างไม่อยากจะเชื่อ เมื่อครู่นี้พี่เขยใหญ่คนนี้พูดอะไรออกมาหรือ? ให้เอาครอบครัวใหญ่โตของพวกเขาเผาถ่านด้วยหรือ?

ทางด้านสวีฉางหลินที่ไม่ได้สนใจเรื่องราวทางด้านนี้เลยก็มองมาทางซุนโก่วต้าน

“ท่านแม่ พวกท่านไม่ใช่ว่าเผาถ่านแล้วได้เงินไม่น้อยหรือ? ยังมีบะหมี่กับเนื้อกินด้วย ครอบครัวเรายังกินข้าวโพดอยู่ และยังกินไม่อิ่ม ท่านช่วยพวกเรา ให้พี่น้องของพวกเราไม่กี่คนนี้เผาถ่านหาเงินกับพวกท่านเถอะ ลูกๆของพวกเราก็จะได้กินอิ่ม ท่านพ่อกับท่านแม่ของข้าก็ไม่มีทางที่จะทำไม่ดีกับเด็กๆแล้ว!”ซุนโก่วต้านยิ่งพูดยิ่งคึก คนยังเดินมาข้างหน้าไม่กี่ก้าวด้วย

โจวกุ้ยหลานขมวดคิ้วเป็นปม หันกลับไปมองเด็กๆ ก็เห็นพวกเขาจับมือซึ่งกันและกัน ก้มศีรษะไม่กล้าเอ่ยวาจา

“ต้าญา เจ้าคิดอย่างไร?”โจวกุ้ยหลานมองไปทางต้าญาแล้วถามขึ้น

ถ้าเด็กคนนี้คิดแบบนี้เหมือนกัน อย่างนั้นความเป็นความตายของครอบครัวนี้นางก็ไม่ยุ่งอีกแล้ว

ต้าญาถูกน้าคนนี้มองมา ภายในใจก็รู้สึกหวาดกลัว มักจะรู้สึกว่าความสงบของน้าทำให้นางหวาดกลัวได้

เด็กอายุยังน้อย ตกใจกับสถานการณ์ตอนนี้จนตัวสั่นระริก แต่ประโยคนี้ในเมื่อถามนาง นางเลยพูดขึ้นว่า“พวกเราแซ่ซุน แน่นอนว่าตระกูลซุนให้ข้าวให้น้ำกินเจ้าค่ะ บ้านของท่านยายมีสิ่งของเยอะแค่ไหน นั่นก็คือของท่านยายเจ้าค่ะ ท่านยายรักทะนุถนอมสงสารพวกข้า มักให้ของกินอร่อยกับพวกเรา ข้ารู้จักพอใจในสิ่งที่ตนมี”

อืม เด็กคนนี้ไม่เลว นางถูกชะตา

ในเมื่อเป็นเด็ก เช่นนั้นเรื่องนี้นางก็จะต้องยุ่ง

โจวกุ้ยหลานคิดไตร่ตรองภายในใจ เหล่าไท่ไท่ที่อยู่ด้านข้างได้ยินคำพูดที่เป็นผู้ใหญ่รู้ความของต้าญา ภายในใจก็รู้สึกสับสน ปล่อยมือจากโจวคายจือ แล้วเดินผ่านไป อุ้มต้าญาเข้ามาในอ้อมกอด กล่าวขึ้นว่า“หลานรัก เจ้าต้องประสบความยากลำบากแล้ว…..”

“พี่ใหญ่ ท่านคิดว่าอย่างไร?”โจวกุ้ยหลานเบนสายตามองไปทางโจวคายจือที่อยู่ด้านข้างอีกครั้ง เมื่อครู่ตอนแรกเริ่มนางไม่ได้เอ่ยพูดขึ้นเลย

“ข้า…..ข้า……ข้าไม่รู้…..”โจวคายจืออ้ำอึ้ง สายตามองใบหน้าของโจวกุ้ยหลานแล้วหันไปมองซุนโก่วต้านทันที ตามด้วยรีบก้มศีรษะลง

“อะไรคือไม่รู้? เรื่องนี้ปฏิกิริยาของท่านคืออะไรกัน? คือรู้สึกว่าครอบครัวฝ่ายท่านแม่ควรที่จะเลี้ยงดูครอบครัวแม่สามีของท่าน หรือรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองควรจะใช้ด้วยตัวเอง ท่านจะต้องพูดวิธีการออกมาเจ้าค่ะ”

โจวกุ้ยหลานไม่ให้โอกาสการหลบหลีก ถามขึ้นตรงนี้เลย

“เดิมทีพวกเราก็ควรจะเลี้ยงดูท่านพ่อท่านแม่ ท่านแม่บอกกับข้าแล้วว่า เพียงแค่ได้เผาถ่านหาเงินกับพวกเจ้า นางจะต้องให้ทุกคนกินอิ่มหนำแน่นอน…..”

ซุนโก่วต้านยังอยากจะพูด สายตาเฉียบแหลมของโจวกุ้ยหลานตวัดมา กล่าวว่า“หุบปาก!”

ซุนโก่วต้านขมวดคิ้วเป็นปม กล่าวว่า“ข้าเป็นพี่เขยใหญ่ของเจ้า เหตุใดเจ้าถึงพูดจาเช่นนี้กับข้า?”

“ท่านก็นับว่าเป็นชายหรือ? ขี้ขลาด!”โจวกุ้ยหลานตอบกลับอย่างเยือกเย็น

ซุนโก่วต้านขมวดคิ้ว สาวเท้าเดินไปข้างหน้าไม่กี่ก้าว ตะคอกขึ้นด้วยความไม่พอใจว่า“เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเจ้า?”

สวีฉางหลินเหลือบมองความเหิมเกริมจากตัวของซุนโก่วต้านที่แผ่ซ่านออกมาใส่ภรรยา เลยรีบลุกขึ้นยืน เอาเจ้าก้อนน้อยวางไว้อีกด้าน จากนั้นสาวเท้าก้าวเข้ามา จับคอเสื้อของซุนโก่วต้าน และใช้มือข้างเดียวยกคนทั้งคนขึ้น

ซุนโก่วต้านมองสวีฉางหลินด้วยความหวาดกลัว ขาทั้งสองข้างกวัดแกว่งในอากาศ ภายในใจสั่นไหวหวาดหวั่น

น้องเขยคนนี้ ตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ไม่ตอบโต้ คิดไม่ถึงว่าจะพลังแรงเยอะเช่นนี้? !

“เจ้า…..เจ้าปล่อยข้าลง…..”ซุนโก่วต้านพูดติดอ่าง