บทที่ 224 ผู้ชายต้องปกป้องลูกเมีย

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา

โจวกุ้ยหลานมองสวีฉางหลินที่มาอยู่ตรงหน้าของนางตาปริบๆ ภายในใจรู้สึกดีใจ ตอนนี้เอามือทั้งสองข้างของตัวเองไขว้หลัง เดินไปข้างหน้าสองก้าว หัวเราะคิกคัก กล่าวขึ้นว่า“รู้หรือยัง ผู้ชายของข้าถึงเรียกว่าผู้ชายแท้!”

“โก่วต้าน!”โจวคายจือร้องขึ้นด้วยความตื่นตะลึง

“พี่สาวใหญ่ ผู้ชายจะต้องปกป้องลูกกับเมีย ผู้ชายของท่านปกป้องท่านตอนไหนหรือ? ”โจวกุ้ยหลานตบที่ไหล่ของสวีฉางหลิน แล้วหันมามองโจวคายจือ

สวีฉางหลินปล่อยซุนโก่วต้านลงถึงแม้รับรู้การบอกของภรรยาตนเอง สายตาของเขาอึมครึม “ท่านคิดจะทำอะไรภรรยาของข้าหรือ?”

ซุนโก่วต้านถูกบีบจนเปล่งเสียงในลำคอออกมาไม่ได้ มือและเท้าพยายามดิ้นรน ก็ไม่ได้มีเสียงออกมา

“ไอ๋หยาฉางหลิน เจ้าจะทำเขาตายแล้ว ปล่อยเขาลงมาก่อนเถอะ”เหล่าไท่ไท่เหลือบมองสีหน้าของซุนโก่วต้าน ก็ร้อนรนใจขึ้นมา

เหล่าเด็กน้อยก็หวาดกลัว ท่านพ่อของเขาถูกคนยกขึ้น ต้าญาที่มีความกล้าหาญ ตอนนี้ก็สีหน้าก็ซีดเผือดแล้ว

“พอแล้ว เขาก็ไม่ได้ทำอะไรข้า เจ้าปล่อยเขาลงก่อนเถอะ หลีกเลี่ยงที่จะทำให้ทุกคนเป็นกังวล”โจวกุ้ยหลานไร้หนทาง ทำได้เพียงเกลี้ยกล่อมสวีฉางหลิน

รอสักพักหนึ่งแล้ว สวีฉางหลิน ยังไม่ปล่อยมือ นางเลยอ้อนวอนข้างกกหูของเขาว่า“ท่านทำให้ทุกคนสบายใจเถอะ ถ้าเขาถูกท่านทำให้ตายขึ้นมาจริงๆ ท่านจะต้องไปเข้าคุก ท่านแข็งใจพอที่จะเห็นข้ากับเสี่ยวเทียนไม่มีที่พึ่งพิงได้หรือ?”

“ตายไม่ได้”สวีฉางหลินตอบแล้วปล่อยมือ

ซุนโก่วต้านคนทั้งคนหล่นลงมากองอยู่บนพื้น

โจวคายจือที่อยู่อีกด้านรีบลุกขึ้น วิ่งไปประคองเขา เด็กทั้งห้าคนก็วิ่งไปด้วย ทั้งหมดล้อมซุนโก่วต้านไว้

ซุนโก่วต้านไอแค๊กๆออกมา ใบหน้าแดงก่ำนั้นถึงค่อยๆอ่อนลง

“พี่เขยใหญ่ ท่านดูครอบครัวของท่านสิ เกิดเรื่องกับท่านเล็กน้อย พวกเขาก็ร้อนใจ ล้วนโอบล้อมท่านไว้ ข้ากลุ้มใจจริงๆ เหตุใดท่านถึงได้เหี้ยมโหดทำกับพวกเขาได้?”โจวกุ้ยหลานใช้มือข้างหนึ่งดึงสวีฉางหลิน นางกลัวเขาจะลงมืออีกครั้ง แต่ทว่าสายตากลับมองไปทางซุนโก่วต้านที่อยู่บนพื้น

ซุนโก่วต้านเกิดความรู้สึกหวาดกลัวในภายหลัง เมื่อครู่เขาหายใจไม่ออก ยังคิดว่าตัวเองจะตายแล้ว ตอนนี้ได้ฟังที่โจวกุ้ยหลานพูด เหลือบมองภรรยาและลูกๆที่อยู่ข้างเขา เกิดรู้สึกอบอุ่นใจ เขาเลยยื่นมือเอื้อมไปโอบพวกเขามาในอ้อมแขน

ช่วงปีนี้ เขาก็รู้ว่าท่านพ่อท่านแม่ของตัวเองไม่เห็นลูกกับเมียของตัวเองอยู่ในสายตา แต่นั่นก็เป็นพ่อแม่เขา เขาก็ควรที่จะกตัญญู ก็เลยอดทนอดกลั้นมาตลอด และก็ให้ภรรยากับลูกอดทนอดกลั้นด้วย……..

“คนที่เผาถ่านเป็นคือผู้ชายของข้า พวกท่านที่เป็นครอบครัวแบบนี้อย่าคิดที่จะมาร่วมวงครึกครื้นด้วยเลย ถ้าหากพวกท่านแยกบ้าน พวกเด็กๆกินไม่อิ่ม ข้ากับท่านแม่ก็ไม่มีทางให้ท่านหิวตาย พวกท่านสองคนที่เป็นผู้ใหญ่ทำงานเอง ยังจะเลี้ยงดูเด็กไม่กี่คนให้มีชีวิตรอดไม่ได้หรือ?”โจวกุ้ยหลานที่อดทนมาแสนนาน ตอนนี้พูดออกมาอย่างคล่องแคล่วแล้ว

“ใช่ ควรจะแยกบ้าน ลูกสาวและหลานของข้าออกมาใช้ชีวิตด้านนอก แค่ข้าสวีเหมยฮวามีชีวิตอยู่ ก็ไม่มีทางให้ครอบครัวพวกเจ้าอดตายหรอก!”เหล่าไท่ไท่ได้ยินเรื่องที่โจวกุ้ยหลานพูดว่าแยกเรือน ก็เลยรีบตอบรับทันที

ถ้าเกิดสามารถแยกเรือนได้ นางก็สามารถดูแลลูกสาวคนโตได้ ถ้าพวกเขาไม่แยกเรือน อยากจะให้นางสวีเหมยฮวาไปเลี้ยงดูครอบครัวนั้นนะหรือ? ไม่มีทาง !

โจวคายจือกับพวกเด็กๆได้ยินประโยคนี้ก็รู้สึกตื่นตะลึง นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่อยากจะเชื่อ แต่ตอนนี้ถูกพูดออกมา นั่นก็ไม่เหมือนกันแล้ว โดยเฉพาะต้าญา ภายในใจนึกถึงเรื่องแยกเรือน ตอนนี้ได้ดึงชุดของซุนโก่วต้านแล้วพูดว่า “ท่านพ่อ พวกเราแยกออกมาอยู่เถอะเจ้าค่ะ ข้าจะเพาะปลูกร่วมกับท่าน ปลูกธัญพืชเลี้ยงดูน้องๆเอง!”

“ท่านพ่อ ข้าอยากอาศัยอยู่กับท่านยาย……”น้ำเสียงเล็กๆของซานญากล่าวพูดขึ้น

ซุนโก่วต้านสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก หลังจากเขาลุกขึ้นนั่งอยู่บนพื้น มองสายตาที่เฝ้าปรารถนาของภรรยาและลูกๆ รู้สึกหงุดหงิดใจพูดขึ้นว่า“ท่านพ่อกับท่านแม่ยังอยู่ จะแยกบ้านได้อย่างไร?”

โจวกุ้ยหลานกรอกตาขาวมองบน ดึงชุดของสวีฉางหลินแล้วพูดว่า“พอแล้ว พวกเราไม่สนใจพวกเขาแล้ว”

พูดจบ โจวกุ้ยหลานก็หมุนตัวมองไปทางเหล่าไท่ไท่“ท่านแม่ พวกข้าไม่กินข้าวเที่ยงที่เรือนแล้ว รอผ่านไปอีกไม่กี่วันพวกข้าค่อยมาเยี่ยมเยียนท่านนะเจ้าคะ”

“ไอ๋หยา พี่สาวรองของเจ้ายังไม่กลับมาเลย อาหารเที่ยงอีกประเดี๋ยวข้าก็ทำเสร็จแล้ว…..”

เหล่าไท่ไท่ทำใจไม่ได้ที่ลูกสาวคนเล็กของตัวเองยังไม่ได้กินข้าวก็จะพากันกลับไป เลยรีบรั้งไว้

“ที่เรือนของข้ามีทุกอย่าง ห่างกับท่านไม่ไกล ผ่านไปอีกไม่กี่วันข้าค่อยมากินข้าวกับท่าน กินมื้อเที่ยงอยู่ที่นี่ ข้ากลัวข้ากินไม่ลงเจ้าค่ะ”พูดแล้ว โจวกุ้ยหลานก็เหลือบมองซุนโก่วต้านทางด้านหลัง

อย่างไรเสียนี่ก็เป็นลูกสาวคนเล็กของตัวเอง เหล่าไท่ไท่จะยังไม่รู้นิสัยของนางหรือ?

ตอนนี้นางเลยไม่รั้งพวกเขาไว้ กล่าวขึ้นว่า “อย่างนั้นพวกเจ้ากลับไปกินของดีๆล่ะ ฉลองตรุษจีน ก็ต้องครึกครื้น”

โจวกุ้ยหลานพูดเรื่อยเปื่อยกับเหล่าไท่ไท่อยู่พักหนึ่ง จากนั้นหันไปอุ้มเจ้าก้อนน้อยขึ้น เรียกสวีฉางหลินแล้วเดินออกไปทางด้านนอก

สวีฉางหลินสาวท้าวเดินไปทางด้านหลังไม่กี่ก้าว จากนั้นอุ้มเอาเจ้าก้อนน้อยออกมาจากอ้อมแขนโจวกุ้ยหลาน มือข้างหนึ่งอุ้มเจ้าก้อนน้อย ทักทายเหล่าไท่ไท่กับโจวต้าไห่แล้ว ก็เดินตามรอยเท้าเก่าไปด้านนอก

ส่วนโจวต้าไห่ก็เดินตามไป บอกว่าจะไปส่งพวกเขาถึงเชิงเขาค่อยกลับมา

โจวคายจือที่อยู่ในห้องเห็นสวีฉางหลินกับโจวกุ้ยหลานจูงมือกัน ก็อิจฉาชื่นชมอยู่ภายในใจ น้องเขยทะนุถนอมน้องสาวเล็กจริงๆ ใช้ชีวิตก็ดี หันกลับมามองซุนโก่วต้าน เห็นเขาเอามือทั้งสองข้างกุมขมับอยู่ ก็หัวใจเจ็บแปลบ เมื่อสมัยนั้นนางรู้สึกว่าเขาเป็นคนดี กตัญญู ถึงแน่วแน่ที่จะติดตามเขา แต่ตอนนี้ นางใช้ชีวิตแบบไหนกัน?

เหล่าไท่ไท่รอพวกโจวกุ้ยหลานไปไกลแล้ว ถึงได้กลับมาปิดประตูเข้า ตัวเองนั่งอยู่ด้านข้างเตาถ่านผิงไฟ

เมื่อเห็นนางไม่กล่าวพูด โจวคายจือเลยหยั่งเชิงกล่าวว่า“ท่านแม่ ท่านโกรธข้าใช่หรือไม่?”

“โกรธเจ้าหรือ? เจ้าทำอะไรให้ข้าโกรธล่ะ? ลูกโง่ ข้าสงสารหลานสาวหลานชาย!”เหล่าไท่ไท่กล่าวขึ้น ทอดถอนหายใจออกมา“เจ้าดูว่ากุ้ยหลานใช้ชีวิตยังไง แล้วดูตัวเจ้าสิ! เจ้านี่แก่จนจะทันแม่ของเจ้าแล้ว!”

ภายในใจของโจวคายจือรู้สึกไม่ดีมาโดยตลอด แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าต่อปากต่อคำกับเหล่าไท่ไท่

ซุนโก่วต้านก็ขมวดคิ้ว นึกถึงคำพูดที่โจวกุ้ยหลานพูดเมื่อสักครู่นี้ ภายในใจก็รู้สึกขลาด เขาสะกิดผลักโจวคายจือ โจวคายจือทำเหมือนไม่เห็น ตัวเองกอดซานญาผิงไฟอยู่

เมื่อเห็นว่าในห้องนี้มีเหล่าไท่ไท่คนเดียวแล้ว นึกถึงคำพูดของท่านพ่อท่านแม่ที่อยู่เรือน ซุนโก่วต้านเลยอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากอีกครั้งว่า“ท่านแม่ขอรับ เรื่องการเผาถ่าน ท่านพูดกับกุ้ยหลานให้พวกเราไปเผาถ่านด้วยได้หรือไม่ขอรับ? ครอบครัวยากจน เด็กๆก็กินไม่อิ่ม…..”

“ท่านพ่อ มีเพียงแค่ครอบครัวของพวกเราที่กินไม่อิ่ม ลุงใหญ่ของข้าพวกเขากินอิ่มแปล้เลย!”ต้าญากล่าวแทรกขึ้น

เมื่อครู่ตอนที่ท่านพ่อของนางถูกยกขึ้น นางก็เป็นห่วงมาก แต่ครั้งนี้ก็รู้สึกว่าท่านพ่อไม่ควรพูดอีก

“เจ้าเด็กคนนี้พูดอะไรกัน!”ซุนโก่วต้านรู้สึกเสียหน้าแล้ว

เหล่าไท่ไท่เอื้อมมือไปดึงต้าญา แล้วเอามือลูบศีรษะของนาง ใบหน้านับว่ามีรอยยิ้ม กล่าวว่า“ต้าญา เจ้าถึงเหมือนเป็นลูกสาวของข้า!”

คำพูดนี้เข้าหูโจวคายจือ โจวคายจือก็รู้สึกเพียงแค่หูร้อนวูบวาบขึ้นมา