บทที่ 368 แม้แต่เทพก็ช่วยนางไม่ได้

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 368 แม้แต่เทพก็ช่วยนางไม่ได้
บทที่ 368 แม้แต่เทพก็ช่วยนางไม่ได้

“ดีแล้ว เจ้าเหนื่อยมามากหลังจากทุกสิ่งที่เราผ่านมา เจ้าควรพักผ่อนให้เพียงพอ” ฉู่ชูเหยียนกล่าวก่อนจะหันหลังเดินจากไป

แต่ครู่ต่อมา นางก็หยุดฝีเท้าและหันกลับมามองชายที่เดินตามหลังนางมาด้วยความงุนงงและถามว่า “เจ้าตามข้ามาทำไม?”

ซูอันยักไหล่เพื่อตอบกลับว่า “ก็เจ้าไม่ได้บอกให้ข้าพักผ่อนหรอกเหรอ?”

ฉู่ชูเหยียนขมวดคิ้ว “แล้วเจ้าตามข้ามาทำไม? ห้องของเจ้าอยู่ทางนั้น!”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ซูอันก็เลิกคิ้วขึ้นและตอบกลับอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ที่รัก เจ้าคงไม่ลืมสิ่งที่สัญญากับข้าไว้ในมิติลับใช่ไหม? เจ้าบอกว่าเจ้าจะนอนห้องเดียวกับข้า! ห้องของข้าเล็กเกินไปสำหรับเราสองคน ดังนั้น…จะดีกว่าถ้าข้าเป็นฝ่ายย้ายไปที่ห้องของเจ้า…”

เมื่อได้ยินว่าซูอันเริ่มพูดพล่ามไปถึงว่าควรปรับปรุงห้องอย่างไร ฉู่ชูเหยียนก็รู้สึกว่าอาการปวดหัวกำเริบขึ้น “ข้าไปสัญญาเมื่อไหร่ว่าเราจะอยู่ด้วยกัน?”

ซูอันขมวดคิ้วแน่น “ตอนนี้เจ้าแสร้งทำเป็นไม่รู้งั้นเหรอ? ข้ารู้ว่าอัจฉริยะอย่างเจ้ามีความทรงจำเหมือนการถ่ายภาพ นี่เป็นการพยายามผิดคำสัญญาของเจ้าหรือเปล่า?

“ข้า…” ในที่สุดฉู่ชูเหยียนก็จำได้ว่านางเคยพูดอะไรบางอย่างตามนั้นจริง ๆ ซึ่งมันทำให้นางหน้าแดงทันที “น…นั่นไม่นับ! ข้าพูดไปเพียงเพราะตอนนั้นเราอยู่ในสถานการณ์พิเศษ ยิ่งไปกว่านั้น…ข้าเองก็…ข้าเองก็ไม่อาจตกลงด้วยอีกต่างหาก!”

“มากไปแล้ว!” ซูอันไม่พอใจ “คุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่จะทรยศต่อคำสัญญาของตัวเองงั้นเหรอ? ได้ ข้าจะบอกทุกคนว่าข้าและเจ้ามีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งด้วยกัน แล้วจะได้รู้กันว่าข้าจะได้อยู่กับเจ้าหรือไปจากที่นี่!”

ซูอันกระทืบเท้าแล้วหันหลังกลับทันทีหลังจากพูด

“ด…เดี๋ยวก่อน!” ฉู่ชูเหยียนรีบหยุดเขาอย่างรวดเร็ว อันที่จริงนางเป็นคนขี้อายมาก และนางคงไม่กล้าที่จะเดินออกไปตามถนนอีกต่อไป ถ้าคนอื่นรู้เรื่องนี้เข้า

อย่างไรก็ตาม ซูอันยังคงเดินจากไปโดยไม่สนใจนาง

สิ่งนี้ทำให้นางวิตกกังวลอย่างไม่น่าเชื่อ ทันใดนั้น ความรู้สึกฝาดชาก็พุ่งเข้ามาในลำคอของนาง และนางก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก

เมื่อได้ยินเสียงกระอักเลือดของอีกฝ่ายจากด้านหลัง ซูอันรีบหันกลับไปและพุ่งตัวเข้าไปประคองฉู่ชูเหยียนทันที “เจ้าเป็นอะไรมากไหม? ข้าแค่ล้อเจ้าเล่น เจ้าไม่ต้องวิตกกังวลจนกระอักเลือดออกมาแบบนี้ก็ได้!”

ตอนนี้เองที่ชายหนุ่มสังเกตเห็นเศษน้ำแข็งจำนวนมากในเลือดที่นางพ่นออกมาก่อนหน้านี้ และมันก็ทำให้เขาตกตะลึง

เขากำลังจะถามนางเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่จู่ ๆ ร่างของนางก็ทรุดตัวลงกับพื้นจนซูอันต้องออกแรงประคองมากกว่าเดิม และทันใดนั้นเองที่ชายหนุ่มสังเกตเห็นว่าริมฝีปากของนางซีดขาวไปหมดแล้ว และมีชั้นน้ำแข็งปกคลุมร่างกายของนาง

“ที่รัก! เจ้าเป็นอะไรไป?!” ซูอันถามอย่างกังวล

“ข้า… ข้าสบายดี มันก็แค่ปัญหาเก่า…” ฉู่ชูเหยียนกล่าวอย่างอ่อนแรง นางต้องการอธิบายว่านี่เป็นความทุกข์ทรมานที่นางได้รับตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพียงแต่มันแย่ลงหลังจากงานประลองระหว่างตระกูล แต่นางก็เป็นลมก่อนที่นางจะพูดจบ

“ที่รัก ไม่ต้องกลัวนะ ข้าจะให้หมอมารักษาเจ้า!” ซูอันละล่ำละลักพูดขณะที่เขาอุ้มนางขึ้น

“อย่าพยายามเลย หมอธรรมดาไม่สามารถรักษานางได้”

เสียงที่ไพเราะที่ฟังดูสูงส่งแต่ก็เย้ายวนก็ดังขึ้น แน่นอนว่าเสียงนั้นมาจากหมี่ลี่

“พี่หญิงใหญ่! ท่านตื่นแล้วเหรอ?” ซูอันรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง

หมี่ลี่ตอบกลับอย่างเย็นชา “ข้าตื่นนานแล้ว แต่ข้าต้องตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบข้างของเจ้าดูก่อนเพื่อดูว่ามีภัยคุกคามเกิดขึ้นรอบตัวเจ้าหรือไม่ ไม่เช่นนั้น ข้าคงต้องเอาตัวเข้าไปยุ่งยากด้วยเพราะความโง่เขลาของเจ้า”

“แล้วท่านเจออะไรไหม?” ซูอันถามด้วยความสงสัย

“ไม่ล่ะ ข้าไม่พบอะไรเลย แต่…” จู่ ๆ หมี่ลี่ก็เปลี่ยนน้ำเสียงและพูดอย่างเฉียบขาด “ข้าเห็นว่าผู้หญิงที่ชื่อฉินหว่านหรูทำให้เจ้าอับอาย ข้าคิดว่าเจ้าค่อนข้างเป็นคนที่ไม่ยอมใคร แต่ใครจะไปคิดว่าเจ้าจะยอมถูกดูหมิ่นในคฤหาสน์นี้?

ซูอันรู้สึกผิดหวังกับมันเช่นกัน “ข้าจะทำอะไรกับนางได้? นางเป็นผู้ปกครองของตระกูลฉู่ ไม่ต้องพูดถึงว่านางคือแม่ของชูเหยียนและฮวนเจา”

“นั่นไม่นับว่าเป็นอะไรได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ ข้ารู้สึกราวกับว่านางกำลังดุด่าข้าเช่นกัน!” น้ำเสียงของหมี่ลี่ จู่ ๆ ก็คมชัดอย่างน่ากลัว “เป็นแค่ชายาอ๋องแต่กล้าแสดงท่าทางหยิ่งผยอง ย้อนกลับไปในอดีตของข้า แม้แต่อ๋องและชายาที่มีอิทธิพลที่สุดยังไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงต่อหน้าข้า ฮึ่ม! ข้าควรจับนางไปที่อื่นและกำจัดทิ้งดีไหม? การมีคนอย่างนางอยู่ด้วยมีแต่จะเกิดปัญหาใหญ่ในอนาคต!”

ความปลอดภัยของซูอันเกี่ยวพันกับความปลอดภัยของนางเช่นกัน ในความเห็นของนาง ภัยคุกคามทั้งหมดควรถูกกำจัดให้สิ้นซาก ชีวิตและความตายของฉินหว่านหรูไม่มีความหมายอะไรสำหรับนางเลย นางยอมสังหารหมู่ผู้บริสุทธิ์เป็นพัน ๆ คน มากกว่าปล่อยให้คนร้ายเพียงคนเดียวหนีไปได้…

“อย่านะ!” ซูอันหยุดนางด้วยความตกใจ

เขาเองก็ไม่ชอบฉินหว่านหรูเช่นกัน แต่การที่จะฆ่านางเพราะเรื่องแค่นี้มันก็มากเกินไป

“อ้อ ข้าเข้าใจแล้ว” หมี่ลี่พยักหน้ารับรู้ “ฉินหว่านหรูมีใบหน้าที่สวยงามและรูปร่างที่ดี ข้าไม่เคยคิดว่าเจ้าจะชอบผู้หญิงที่มีอายุมากกว่าแบบนี้ ได้ ข้าจะจับนางไว้เพื่อที่เจ้าจะได้ทำทุกอย่างที่ต้องการกับนาง เราสามารถกำจัดนางได้เสมอหลังจากที่เจ้าสนุกกับนางจนพอใจแล้ว”

ซูอันอึ้ง

นี่ท่านเห็นข้าเป็นคนยังไง?

“ทำไมวิธีแก้ทุกปัญหาของท่านมีแต่การเข่นฆ่า?” ซูอันโกรธเคือง “นางเป็นแม่ของภรรยาข้า…”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ หมี่ลี่ได้พูดแทรกด้วยเสียงอันเยือกเย็นว่า “เจ้าคิดอย่างนั้นเพราะเจ้าไม่เคยสัมผัสกับความชั่วร้ายของมนุษย์ ในฐานะราชวงศ์ผู้ปกครองอาณาจักร ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาเจ้ารู้ไหมว่ามีกี่คนที่ทรยศต่อคนสายเลือดเดียวกัน? สำหรับสมาชิกราชวงศ์แล้ว เป็นเรื่องปกติที่พี่น้องจะฆ่ากันเองและอ้างสิทธิ์ในภรรยาของอีกฝ่าย… สิ่งที่ข้าทำอยู่นั้นไม่มีอะไรที่แปลกไปเลย!”

“…” ซูอัน

ซูอันเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบอย่างจริงจัง “วังวนของอำนาจย่อมซับซ้อนเสมอ แต่ข้าไม่ใช่คนที่สูงส่งจนต้องกลัวว่าใครจะมาทรยศ!”

“เด็กน้อยเอ๋ย เจ้าพูดอย่างนี้เพราะเจ้ายังอ่อนแอเกินกว่าจะเข้าสู่สังคมชั้นสูงได้ต่างหาก!” หมี่ลี่เยาะเย้ย

“ถ้างั้นก็เอาไว้อนาคตเราค่อยว่ากันอีกที ว่าแต่ตอนนี้อาการของภรรยาข้าเป็นยังไงบ้าง? ทำไมท่านถึงบอกว่าหมอธรรมดาไม่สามารถรักษานางได้?” ซูอันรีบถามเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าร่างกายของภรรยาของเขาเริ่มเย็นลงเรื่อย ๆ

“วิธีการบ่มเพาะของนางมีปัญหา หรือข้าควรบอกว่านี่เป็นปัญหาทั่วไปที่ผู้บ่มเพาะธาตุน้ำแข็งทุกคนต้องทนทุกข์ทรมาน? ใครก็ตามที่ฝึกฝนการบ่มเพาะธาตุน้ำแข็งจะต้องดูดซับความเย็นเข้าสู่ร่างกาย และเมื่อเวลาผ่านไป มันจะนำไปสู่การสะสมของน้ำแข็งในเส้นลมปราณของร่างกาย และอวัยวะภายใน”

“แม้ว่าจะมีวิธีที่ทราบกันดีในการบรรเทาผลกระทบด้านลบที่เกิดจากการสะสมของน้ำแข็ง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะกำจัดมันให้หมดจด ท้ายที่สุด การบ่มเพาะคือการต่อสู้กับสวรรค์ เป็นเรื่องปกติที่จะได้รับผลกรรมบางอย่างจากการบ่มเพาะ”

ซูอันรู้สึกสับสน “หากมีความเสี่ยงมากในการบ่มเพาะธาตุน้ำแข็ง ทำไมใคร ๆ ถึงพยายามจะเรียนรู้มันด้วย?”

“แม้จะมีข้อเสียในการบ่มเพาะ แต่ธาตุน้ำแข็งก็เป็นธาตุที่ทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ มีข้อได้เปรียบมากมายที่ธาตุอื่นไม่สามารถเทียบได้” หมี่ลี่ อธิบาย “เป็นเรื่องปกติที่จะเสียสละบางสิ่งเพื่อพลังที่ยิ่งใหญ่กว่า”

“อย่างที่ข้าพูด แม้ว่าผู้บ่มเพาะธาตุน้ำแข็งส่วนใหญ่มักจะมีอายุขัยที่สั้นกว่าและมีภาวะเจริญพันธุ์ต่ำ แต่โดยปกติแล้วจะไม่เป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อชีวิตพวกเขา อาการของภรรยาเจ้าน่าจะมาจากการพัฒนาของระดับการบ่มเพาะที่รวดเร็วเกินไปของนาง ยิ่งไปกว่านั้น นางได้พบวิธีที่แตกต่างไปจากเคล็ดลับการบ่มเพาะธาตุน้ำแข็งตามปกติ ซึ่งมันสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งและยกระดับการบ่มเพาะของนางได้มากกว่าของคนทั่วไป แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ทำให้ผลด้านลบของธาตุน้ำแข็งนั้นยิ่งเด่นชัดขึ้นด้วย”

“ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าป้อนดอกบัวเร้นลักษณ์ให้นาง ซึ่งเพิ่มระดับการบ่มเพาะของนางอย่างก้าวกระโดด นั่นทำให้รากฐานของนางสั่นคลอนและขยายปัญหาที่นางมีอยู่แล้ว การจู่โจมชายชราจากตระกูลซือคนนั้น เปรียบเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ในที่สุดปัญหาทั้งหมดที่นางสะสมมาจนถึงตอนนี้ก็ระเบิดออกมา ตอนนี้…ความเย็นได้แทรกซึมไปทั่วทุกอณูของพลังชีวิตนางหมดแล้ว แม้แต่เทพบนสวรรค์ก็คงยากที่จะช่วยนางได้”