บทที่ 416 หวงไท่ซุน

เนื่องจากฮ่องเต้เซี่ยเจินถูกพิษกะทันหันทำให้การประชุมตอนเช้าถูกระงับลงชั่วคราว ทันใดนั้นเสียงระฆังที่ดังขึ้นที่ประตูวังก็ลอยไปถึงจวนต่าง ๆ

ดังนั้นนี่จึงเป็นครั้งแรกที่ราษฎรในเมืองหลวงได้เห็นบรรดาเจ้าหน้าที่ที่เดิมควรเข้าวังตอนยามเหม่า ต่างก็รีบร้อนนั่งเกี้ยวเข้าไปในวัง เจ้าหน้าที่บางคนที่อาศัยอยู่ในเขตชานเมืองและเป็นระดับสามขึ้นไป ก็ได้มีคนไปแจ้งแล้ว

ด้านนอกประตูเจี้ยนฝูเวลานี้จึงมีรถม้าจอดเต็มไปหมด ทุกคนเมื่อพบหน้ากันต่างก็สอบถามอีกฝ่าย ทว่าต่างก็ไม่มีใครรู้สาเหตุ และคิดว่าอาจเป็นเพราะฮ่องเต้เซี่ยเจินไม่ไหวแล้ว ทว่ากลับไม่ได้มีใครพูดถึงเรื่องนี้

แต่ละคนจึงเดินเข้าวังไปพร้อมกับความสงสัย เมื่อไปถึงหน้าท้องพระโรงตงซี ทุกคนก็ได้หยุดลงเพื่อรอผู้ตรวจการวังหลวงจางเคอ ที่ปกติจะมีหน้าที่ขานชื่อขุนนางที่มาทำงาน แต่วันนี้เขากลับมาสายเสียเอง ท่าทางราวกับไม่ได้นอนมาทั้งคืน ภายในท้องพระโรงตงซีก็เงียบสงัดไร้ซึ่งเสียงใด ๆ เมื่อจางเคอขานชื่อครบแล้ว ประตูด้านในจึงถูกเปิดออก

ขุนนางที่ถูกขานชื่อแล้วได้ยืนเรียงแถวอยู่บนบันไดตามลำดับขั้น ผู้บัญชาการดูแลประตูวังถือรายชื่อคนที่เข้าวังเอาไว้ในมือ แล้วเริ่มประกาศรายชื่อ คนที่มีรายชื่อเท่านั้นจึงจะสามารถเข้าไปได้ เมื่อถึงประตูบานที่สองก็ทำเช่นเดิมอีกครั้ง

เมื่อมาถึงประตูทงเฉียนและประตูกวนเซี่ยง พวกเขาจึงได้ส่งสายตาให้กัน ทว่าวันนี้คนที่หน้าตาคุ้นเคยหลายคนกลับไม่ได้มาด้วย ตามหลักแล้วนี่ก็ใกล้จะประชุมตอนเช้าเต็มที และพวกเขาก็ไม่ใช่คนที่อาศัยอยู่ในเขตชานเมือง จู่ ๆ ก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นนี้ หรือว่าจะลาหยุดกันหมด?

ทุกคนต่างบ่นพึมพำอยู่ในใจ และที่ผ่านมาเจ้าหน้าฝ่ายบุ๋นและเจ้าหน้าที่ฝ่ายบู๊ก็ต่างไม่ลงรอยกัน จึงเป็นไปไม่ได้ที่ทั้งสองฝ่ายจะหันหน้ามาหารือกันเรื่องนี้

หลังจากประตูทงเฉียนและประตูกวนเซี่ยงเปิดออก เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุ๋นได้เข้าไปก่อน ส่วนเจ้าหน้าที่ฝ่ายบู๊ก็ตามหลังเข้าไป โดยเข้ามาจากทางตำหนักเสวียนเจิ้งทางด้านตะวันตก เวลานี้ภายในตำหนักว่างเปล่า มีเพียงเสียงฝีเท้าหนักเบาของเหล่าขุนนางเท่านั้นที่ดังก้อง หลังจากยืนเข้าแถวเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็หันมองซ้ายมองขวา เมื่อเห็นคนรู้จักจึงได้รู้สึกอุ่นใจขึ้นมา

ขันทีที่ดูแลพิธีการเดินออกมาจากแถว พลางตะโกนขึ้นมา “คุกเข่า!”

ไท่ซ่างหวงสวมชุดฉลองพระองค์ของฮ่องเต้ที่ใช้ในพิธีการ จูงมือหนุ่มน้อยที่สวมชุดจูหมิงที่มีเพียงองค์รัชทายาทเท่านั้นที่จะสามารถสวมได้คนหนึ่งออกมาด้วย บนศีรษะมีหย่วนโหยวก่วน*ครอบอยู่ พร้อมกับคาดเข็มขัดหยก และสวมรองเท้าปักลายมังกรสะอาดสะอ้าน เดินผ่านหน้าเหล่าขุนนางทั้งหลายไป

* หย่วนโหยวก่วน (远游冠) หมายถึง เครื่องครอบมวยผมระดับสูงที่ฮ่องเต้และองค์รัชทายาทมักสวมใส่กัน

ทุกคนต่างก็ตื่นตระหนกกันอย่างมาก แต่ทำได้เพียงมองดูใบหน้าเรียบนิ่งไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ของไท่ซ่างหวงที่ซ่อนอยู่ภายใต้มงกุฎจิ่วหลิวหวัง** จนกระทั่งเสื้อคลุมนั่นค่อย ๆ ถูกลากขึ้นไปบนบัลลังก์มังกรที่อยู่บนแท่น และกั้นด้วยม่านที่หนักอึ้ง ขุนนางทั้งหลายจึงได้เอ่ยขึ้นมาโดยพร้อมเพรียงกันในทันที “ขอต้อนรับไท่ซ่างหวง ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนานพ่ะย่ะค่ะ”

** มงกุฎจิ่วหลิวหวัง (九旒王冕) หมายถึง เครื่องสวมศีรษะของฮ่องเต้ที่ใช้ในงานพิธีการ มีลูกปัดร้อยเป็นเส้นห้อยอยู่ด้านหน้าเก้าเส้น

“ทุกท่านลุกขึ้นได้” เสียงของไท่ซ่างหวงดังมาจากที่นั่งด้านบน

มีคนทนไม่ไหวเดินออกมาจากแถว แล้วเอ่ยถามขึ้นมา “ไม่ทราบว่าพระพลานามัยของฝ่าบาททรงเป็นเช่นไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ พระราชนัดดา เหตุใดถึงได้สวมชุดขององค์รัชทายาท ฝ่าบาททรงมีราชโองการแล้วใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

ไท่ซ่างหวงปัดมือเล็กน้อย จางตงไหลจึงใช้สองมือประคองราชโองการฉบับหนึ่งออกมา พลางเอ่ยอย่างสะอึกสะอื้น “ฝ่าบาททรงมีหนังสือสำนึกผิดมาป่าวประกาศ”

หัวใจของขุนนางทั้งหลายเต้นรัว และรีบคุกเข่าลงอีกครั้งโดยพร้อมเพรียงกัน

“นี่คือราชโองการ ข้าเสียใจกับเรื่องในอดีตอย่างสุดซึ้ง

ข้าขาดคุณธรรมที่จะสืบทอดบ้านเมือง เพื่อให้ใต้หล้าเกิดการเปลี่ยนแปลง คืนความรุ่งเรืองเฉกเช่นสมัยบรรพบุรุษ คิดไม่ถึงว่าข้าจะไว้ใจคนผิด…”

ราชโองการสำนักผิดที่ยาวเหยียดฉบับหนึ่ง เปิดเผยให้ทุกคนรู้ถึงการตายของเซี่ยอวี้ที่ไม่ยุติธรรม การที่คนของตำหนักบูรพามากกว่าร้อยชีวิตต้องตายในทะเลเพลิง เป็นหายนะที่เกิดจากความหวาดระแวงของฮ่องเต้ พี่น้องขัดแย้งกัน และประโยคสุดท้ายก็ทำให้ขุนนางทั้งหมดแทบอยากจะอุดหู เพราะกลัวว่าความคิดที่อยากจะฆ่าคนจะนำหายนะมาสู่ตัวเอง

ความเจ็บปวดภายในใจของชาวต้าจิ้นทุกคน แปดเมืองในหลงซีที่กลายเป็นที่ฝังศพของทหารต้าจิ้นกว่าแสนนาย ล้วนเป็นความผิดที่ฮ่องเต้เซี่ยเจินทำลงไปเพียงเพราะต้องการครองบัลลังก์!!

ตระกูลกู้แห่งหลงซีถูกใส่ร้าย สิ่งที่ราษฎรของแปดเมืองในหลงซีและทหารแสนนายนั้นต้องแบกรับมันคืออะไรกัน!

ทุกคนต่างก็ตกตะลึง จนกระทั่งจางตงไหลหยิบราชโองการฉบับที่สองขึ้นมา เสียงประกาศราชโองการแต่งตั้งองค์รัชทายาทก็ค่อย ๆ ดังขึ้น ทุกคนจึงได้สติกลับคืนมาอีกครั้ง

“เพื่อการสืบสันตติวงศ์ เพื่อความแข็งแกร่งของบ้านเมือง จึงได้ยึดตามแบบอย่างของบรรพชน ฝากฝังบ้านเมืองแก่คนที่เห็นความสำคัญ ทายาทที่จะมาสืบทอดตำแหน่งต้องเป็นคนดีมีคุณธรรม เซี่ยฉือ โอรสขององค์ชายใหญ่เซี่ยอวี้ ในฐานะทายาทคนแรกของตระกูล ชะตาฟ้าลิขิต อีกทั้งตามราชโองการฉบับแรก มีเกียรติที่จะสืบทอดตำแหน่ง จึงขอประกาศต่อใต้หล้า วงศ์ตระกูล และบ้านเมืองให้ทราบโดยทั่วกัน ขอแต่งตั้งเซี่ยฉือให้เป็นหวงไท่ซุน พร้อมตราประจำตำแหน่ง และให้ประทับในตำหนักบูรพา เพื่อการสืบสันตติวงศ์และให้บ้านเมืองร่มเย็นสืบไป ตัวข้าเจ็บป่วยมานาน คิดว่าภารกิจสำคัญไม่สามารถทิ้งร้างเอาไว้นานได้ จึงมีคำสั่งให้หวงไท่ซุนถือครองตราหยกและทรงงานที่ตำหนักเหวินหัว แต่เมื่อคำนึงถึงว่าเขายังทรงพระเยาว์อยู่ จึงขอแต่งตั้งขุนนางที่จะมาช่วยเหลือและคอยสนับสนุนอีกสามคน แบ่งเป็นดูแลการเมืองทั่วไป การทหาร และกิจการของบ้านเมือง ส่วนเรื่องที่เหล่าขุนนางยื่นฎีกามาทั้งหมด เนี่ยเจิ้งอ๋องเผยยวนและไท่ซ่างหวงจะเป็นคนตัดสินใจ จนกว่าหวงไท่ซุนจะอภิเษกสมรสและว่าราชการได้เอง จึงขอประกาศให้ทั้งใต้หล้ารับทราบโดยทั่วกัน”

เซี่ยฉือสวมชุดองค์รัชทายาทแล้ว ทั้งยังมีไท่ซ่างหวงพาเข้ามาด้วยตัวเอง ส่วนลูกชายที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วของฮ่องเต้เหล่านั้น คนหนึ่งก็ตั้งตนเป็นฮ่องเต้ อีกคนก็ได้ออกมายอมรับว่าเป็นคนวางแผนเรื่องคดีภาษีเกลือของอดีตองค์รัชทายาท ส่วนอีกคนหนึ่งก็ใช้ฮ่องเต้เป็นตัวประกัน ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดต่างก็ไม่มีคุณสมบัติสืบราชบัลลังก์ได้ เมื่อมองดูองค์ชายสิบผู้นั้นก็สู้เซี่ยฉือไม่ได้จริง ๆ

แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนคิดไม่ถึงก็คือ ฮ่องเต้เซี่ยเจินที่เกลียดเผยยวนเข้ากระดูกดำกลับแต่งตั้งเผยยวนเป็นเนี่ยเจิ้งอ๋อง ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าตอนนี้เซี่ยฉือนั้นได้เรียกเผยยวนว่าท่านพ่อ ก่อนที่เซี่ยฉือจะอภิเษกสมรส เผยยวนก็เท่ากับเป็นฮ่องเต้ตัวจริงที่คอยบงการอยู่เบื้องหลัง เช่นนี้ไท่ซ่างหวงก็ทรงเห็นด้วยอย่างนั้นหรือ?

แต่ไม่นานก็มีคนได้สติขึ้นมา ก่อนจะโขกหัวคำนับสามครั้งและรับราชโองการ

“กระหม่อมน้อมรับราชโองการ!”

“ขอแสดงความยินดีกับหวงไท่ซุนด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

ตำหนักฉินเจิ้ง

หลังจากที่ฮ่องเต้เซี่ยเจินได้รับการช่วยเหลือแล้ว จางเคอก็ให้คนวางฮ่องเต้เซี่ยเจินลงบนเตียง และเรียกคนมาทำความสะอาด จากนั้นก็ให้คนพาตัวเซี่ยซั่วไปอย่างรีบร้อน

ตอนอาฉือเดินเข้ามาจากด้านนอกตำหนัก ก็ได้พบกับขันทีน้อยสองคน

คงเป็นเพราะคิดไม่ถึงว่าเขาจะมา ขันทีน้อยจึงรีบคุกเข่าลงคำนับอย่างลนลาน “คารวะหวงไท่ซุนพ่ะย่ะค่ะ”

อาฉือชำเลืองมองภายในตำหนักเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้าไปด้านใน

เหล่าขันทีจึงรีบตามเข้าไปทันที “หวงไท่ซุนพ่ะย่ะค่ะ ด้านในสกปรก พวกกระหม่อมยังทำความสะอาดไม่เสร็จ พระองค์ทรงรอสักครู่เถิดพ่ะย่ะค่ะ”

เผยจี้ฉือส่ายหน้าแล้วเอ่ยขึ้นมา “พวกเจ้าออกไปเถอะ ข้าขอคุยกับเขาสักประเดี๋ยว”

“กระหม่อมกลัวพระองค์จะเหม็นพ่ะย่ะค่ะ”

“ที่ที่สกปรกและเหม็นกว่านี้ข้าก็เคยอยู่มาแล้ว”

เหล่าขันทีน้อยเห็นว่าเกลี้ยกล่อมไม่สำเร็จ จึงทำได้เพียงออกไปรออยู่ด้านนอก อย่างไรเสียภายภาคหน้าคนผู้นี้ต่างหากที่จะเป็นนายคนใหม่ของวังหลวง ส่วนคนที่อยู่ด้านในนับตั้งแต่หนังสือสำนึกผิดถูกประกาศออกไป คำก่นด่าของคนทั้งใต้หล้าเรียกได้ว่าสามารถทับเขาให้จมดินเลยก็ว่าได้

ฮ่องเต้เซี่ยเจินลืมตาอยู่ บาดแผลบนคอที่ถูกเซี่ยซั่วกรีดแม้จะถูกคนเอาผ้าพันเอาไว้แล้ว ทว่าในเลือดของเขาก็ยังมีพิษอยู่ ดังนั้นตำแหน่งที่เคยมีหนองไหลออกมา ทำให้เขารู้สึกคันเป็นอย่างมาก

เมื่อเขาได้ยินเสียงฝีเท้า ดวงตาของเขาก็ค่อย ๆ เบิกกว้างขึ้น แสงแดดตกกระทบลงพื้นกระเบื้อง ชั่วขณะหนึ่งเขาคิดว่าตัวเองเห็นเซี่ยอวี้

ตอนยังเป็นเด็กเซี่ยอวี้เคยเดินมาตรงหน้าของเขาเช่นนี้ เพื่อให้เขาดูบทความใหม่ที่เขาเขียนพร้อมรอยยิ้ม สีหน้าแฝงไว้ด้วยความคาดหวัง หวังว่าเขาจะเอ่ยชมสักประโยค

ทว่าเมื่อเห็นใบหน้าเล็กที่เย็นชานั่นชัดเจนแล้ว จึงพบว่าเด็กคนนี้เป็นเซี่ยฉือ

แววตาที่เผยจี้ฉือมองเขาเย็นชาราวกับน้ำแข็ง “บัดนี้ท่านพอใจในสิ่งที่ตัวเองเห็นหรือไม่?

อันที่จริงข้าไม่อยากจะใช้ชื่อว่าเซี่ยฉือ เพราะการที่มีสายเลือดเดียวกันกับท่านทำให้ข้ารู้สึกขยะแขยง แต่ชื่อนี้ท่านทวดเป็นคนตั้งให้ข้า เขาเป็นคนดีเพียงนั้น เหตุใดถึงมีลูกชายที่ไร้ความสามารถเช่นท่านได้กัน”

ฮ่องเต้เซี่ยเจินโมโหจนลำคอแดงก่ำ

“ข้าจะแต่งตั้งเสด็จพ่อของข้าเป็นฮ่องเต้ ส่วนท่านก็จะกลายเป็นทรราชที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของต้าจิ้น ชื่อเซี่ยเจินของท่านจะถูกประณามในประวัติศาสตร์ไปอีกนานแสนนาน”

ฮ่องเต้เซี่ยเจินเบิกตาโพลง ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาได้ยิน!

เขาจะประกาศเรื่องนี้ให้ทั้งใต้หล้าได้รับรู้ เขาไม่กลัวทุกคนจะหัวเราะเยาะต้าจิ้นเลยหรืออย่างไร?

“ข้ามีเรื่องจะพูดกับท่านเพียงเท่านี้ นับตั้งแต่นี้ไปท่านก็ทำได้เพียงมองดูข้า คนที่ท่านต้องการให้ตายไปซะนั่งบนบัลลังก์มังกรของท่าน ครอบครองแผ่นดินของท่าน ส่วนท่านก็จะกลายเป็นคนหัวเดียวกระเทียมลีบ และอยู่ในตำหนักเย็นต่อไปเช่นนี้

ข้าจะไม่โกรธแค้นท่านอีก เพราะท่านไม่คู่ควร”