บทที่ 374 เจ้าก็เพียงแค่เพื่อตัวเจ้าเอง

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่374 เจ้าก็เพียงแค่เพื่อตัวเจ้าเอง

“อ้อ~เจ้าเอาแต่พูดว่าเจ้าคือคนที่เข้าใจอ๋องเย่ดีที่สุด งั้นก็ดี พวกเรามาเปรียบเทียบกันเสียหน่อยว่าเรื่องของอ๋องเย่นั้น ข้าจะรู้เยอะกว่า หรือเจ้าจะรู้เยอะกว่า?”

หลานเยาเยาเลิกคิ้วเล็กน้อย

เปิดโหมดการพูดให้คนติดกับ

“เฮอะ!”

“ในเมื่อเจ้าไม่ปฏิเสธ งั้นข้าพูดก่อน

อันดับแรก อ๋องเย่เคยทะนุถนอมพระชายาเย่สุดใจ เป้าหมายที่แท้จริงก็เพื่อหลอกใช้

อันดับสอง สาเหตุที่อ๋องเย่ให้พระราชธิดาจาวหยางอยู่ที่จวนอ๋องเย่ ก็เพราะบุญคุณที่ช่วยชีวิต

อันดับสาม สาเหตุที่อ๋องเย่เพิกเฉยต่อเจ้า ก็เพราะนอกจากเขาจะไม่ชอบเจ้าแล้ว ก็ยังเกลียดเจ้ามากด้วย

อื้อ! ก็ประมาณนี้ ตาเจ้าแล้ว”

คนที่ใช้สมองเก่ง ก็ควรกระตุ้นเสียหน่อย ถึงจะพูดความลับที่น่าทึ่งออกมา

หลังจากที่นางพูดจบก็เห็นท่าทางที่ไม่ใส่ใจของหลานจิ่นเอ๋อ ก็รู้ได้ว่าสิ่งที่นางพูดนั้นมีประโยชน์

ตอนนั้น หลานจิ่นเอ๋อก็พูดเสียดสีว่า:

“ฮ่าๆ! ก็คือพวกนี้? เจ้ายังกล้าพูดว่าเข้าใจอ๋องเย่อีกงั้นหรือ? น่าขันเสียจริง

เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนที่อ๋องเย่ยังเด็กเคยคุกเข่าร้องไห้บนซากปรักหักพังทั้งวันทั้งคืน”

เจ้าเคยรู้หรือไม่ว่าทำไมเขาถึงชอบสวมเสื้อคลุมสีดำ แล้วก็ไม่เคยสวมเสื้อผ้าสีอื่นเลย?

แล้วเจ้าเคยรู้หรือไม่ว่าคนที่เขาคิดถึงมากที่สุดคือใคร?

พวกนี้ เจ้าไม่รู้ใช่ไหม?”

ได้ยินดังนั้น!

หลานเยาเยาก็แอบแปลกใจ สิ่งเหล่านั้นที่หลานจิ่นเอ๋อพูดนางไม่รู้เลย

แต่พวกนี้หลานจิ่นเอ๋อไปรู้จากที่ไหนมา?

เจอเองกับตางั้นหรือ?

แต่ว่า……

หลานเยาเยายกมุมปาก พูดใช้น้ำเสียงโกรธเคือง:

“แม้ข้าจะไม่รู้ในสิ่งที่เจ้าพูดนั้น แต่สักแปดเก้าส่วนนั้นโกหก

เพราะอ๋องเย่เคยน้ำตาไหลต่อหน้าข้า แล้วก็เคยสวมเสื้อสีอื่น!”

ชุดด้านในสีขาว นับว่าเป็นสีอื่นไหม?

ขนาดเย่แจ๋หยิ่งไม่ใส่เสื้อผ้า นางก็เห็นมาตั้งหลายครั้ง!

พวกนี้นางโม้เหรอ?

ก็ไม่นะ!

“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้แน่ๆ เจ้าก็แค่พูดไปมั่วซั่ว พวกเจ้าเพิ่งรู้จักกันนานแค่ไหนเชียว! อยากให้อ๋องเย่มาร้องไห้เพราะเจ้า ชาติหน้าก็เป็นไปไม่ได้”

แม้ปากของหลานจิ่นเอ๋อจะบอกว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ในแววตาที่เด็ดเดี่ยวของนาง หลานจิ่นเอ๋อได้เชื่อไปแล้ว

นางหัวเราะร้องไห้อย่างขวัญหนีดีฝ่อ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ

“เจ้าไม่เข้าใจเขาขนาดนี้ แล้วเจ้าจะเหมาะสมกับเขาได้ยังไง?

เจ้ารู้หรือไม่ว่ารักที่ข้ามีต่ออ๋องเย่มันมากขนาดไหน?

ตั้งแต่ครั้งแรกที่ข้าเจอเขา ข้าก็รู้แล้วว่าในชีวิตนี้อ๋องเย่เป็นคนที่ข้าหลานจิ่นเอ๋อจะต้องแต่งงานด้วย เพื่อคำมั่นสัญญานี้ ข้ารอมาสิบปี

ข้าสามารถวางยาพิษ สามารถฆ่าคน สามารถทำอะไรก็ได้ทุกวิถีทาง แต่ข้าไม่ยอมเห็นเขามองข้าด้วยท่าทางเย็นชาไร้ความรู้สึก

ข้าทุ่มไปเยอะ ทำไมถึงไม่ได้รับสิ่งตอบแทนสักนิด?

ข้าอยากเจอเขา ข้าอยากถามเขา ทำไมเจ้ากับหลานเยาเยาถึงได้สายตาของเขามาง่ายๆ แล้วข้าที่พยายามแค่ไหนยังไงก็ไม่ได้?

เจ้าต้องใช้วิธีหลอกล่อแน่ๆ?

ใช่สิ เจ้าเป็นวิชาการรักษา หลานเยาเยาก็เป็นวิชาการรักษา อีกอย่างวิชาการรักษาของพวกเจ้าเก่งกาจมาก ต้องเป็นเพราะพวกเจ้าวางยาอ๋องเย่แน่ๆ ถูกๆๆ ต้องอย่างนี้แน่ๆ

ข้าจะบอกอ๋องเย่ เขาจะได้ไม่ต้องประสบกับสิ่งที่เจ้าหลอกลวง อ๋องเย่ อ๋องเย่ เขาเป็นของข้า เขาเป็นของข้าเท่านั้น นอกจากข้า ก็ไม่มีใครเหมาะสมกับเขาอีกแล้ว……”

หลานจิ่นเอ๋อก็ยังคงพูดเสียใจกับความผิดพลาดของตนเอง น้ำตาคลอเบ้า

ท่าทางตอนนี้ราวกับเป็นคนบ้า

หลานเยาเยายกริมฝีปากแดง นัยน์ตาไม่มีความเห็นใจสักน้อย

ยังพูดอะไรได้อีก?

พูดได้แค่เพียงความทุ่มเทผิดที่ของนาง ที่ให้ใจไปกับคนที่ไม่รักนาง แม้แต่ใจของนางก็ไม่เต็มใจที่จะรับไว้

แต่นางเข้าใจโง่ๆว่า ตราบใดที่ทุ่มเทไปก็จะได้สิ่งตอบแทน

ที่น่าขันยิ่งกว่านั้นก็คือ นางไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าทุ่มเทให้ไปกับใคร

“เจ้าทุ่มเทอะไรเพื่ออ๋องเย่บ้าง? เคยช่วยเขา หรือยกชีวิตให้เขา? ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเลย!

เจ้าคิดว่าเจ้าวางยาพิษฆ่าคน โยนความผิดให้ผู้อื่นและกำจัดองค์ชายสี่ก็คือเพื่อเขางั้นหรือ? เจ้าไม่รู้สึกว่ามันน่าขันงั้นหรอ?

อา!พูดเยอะแยะมากมาย สุดท้ายเจ้าก็แค่ทำเพื่อตัวเอง

เจ้ารู้ว่าองค์ชายสี่ทำตัวไม่เหมาะสมและบ้ากาม แล้วก็รู้ว่าด้วยการเป็นขุนนางของหลานเฉินมู๋เอง ไม่มีทางที่จะยกเลิกงานแต่งงาน

ดังนั้นเจ้าทำได้เพียงแค่พึ่งตนเอง และสิ่งที่เจ้าทำทั้งหมดก็เพื่อตัวเอง

จากนั้นก็เอาความรักปรารถนาเพียงข้างเดียวกลับมาอ้างว่าทำเพื่ออ๋องเย่ เจ้าไม่คิดว่ามันน่าขันหรอ?”

แน่นอน!

หลานจิ่นเอ๋อรักเย่แจ๋หยิ่งฝังจนรากลึกขนาดนั้น นางต้องไม่ยอมรับ

แต่ใครเคยกำหนดไว้ว่ามีคนชอบเจ้า แล้วเจ้าก็จะต้องชอบคนนั้นด้วยหล่ะ?

“เจ้าพูดไร้สาระ ข้ารอเขามาสิบปี คิดถึงแต่เขาตลอดสิบปี”

“เฮอะ! ยมราชยังรอเจ้ามาเป็นสิบกว่าปี! ทำไมเจ้าไม่ชอบมันหล่ะ?”

“เจ้า……”

ตอนนั้นเอง!

หลานเยาเยาก็ลุกขึ้น พูดอย่างแสนเบื่อหน่ายว่า

“คุยกับเจ้าไม่มีคุณค่าสาระแม้แต่น้อย”

เดิมทีนางยังอยากถามหลานจิ่นเอ๋อเกี่ยวกับเรื่องของแม่ แต่ตอนนี้พอคิดๆแล้วไปถามจ้าวซื่อแม่ผู้ให้กำเนิดหลานจิ่นเอ๋อเองดีกว่า

พูดจบ

หลานเยาเยาก็ลุกขึ้นแล้วเดินจากไป

“เจ้าไม่อยากรู้ขั้นตอนเรื่องราวต่างๆหรือ?”

วันนี้พวกเขามากันเยอะขนาดนั้น ทรมานบีบถาม ไม่ใช่ว่าเพื่อให้นางพูดขั้นตอนของเรื่องราวออกมาหรอ?

ที่เทพธิดาอยู่ต่อก็ต้องเพื่อเรื่องนี้แน่ๆ

แต่ทำไมตอนนี้นางไปแล้วหล่ะ หลานจิ่นเอ๋อมีความไม่พอใจ

ถึงอย่างไร!

นางอยากพบอ๋องเย่ ก็มีเพียงให้เทพธิดาไปพูดกับอ๋องเย่ อ๋องเย่ถึงอาจจะมาได้

ดังนั้น นางจึงรอ รอให้เทพธิดาบอกว่าอยากรู้ขั้นตอนของคดีก่อน นางก็จะสามารถพูดคุยเงื่อนไขนี้กับนางได้

แต่ว่า······

ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น?

ทำไมนางไม่ถามอะไรก็ไปเสียแล้ว?

“สิ่งที่ข้าอยากถาม เจ้าก็ได้ตอบไปเกือบหมดแล้ว ยังอยากให้ข้าถามอะไรอีก? แม้เจ้าจะอยากให้ข้าถาม ข้าก็ขี้เกียจจะถาม!

ยิ่งไปกว่านั้น ขั้นตอนของเรื่องราว ข้าก็รู้เรื่องมาส่วนใหญ่แล้ว ไม่มีอะไรต้องถาม

อีกอย่าง สิ่งที่ข้าสนใจ ไม่ใช่ตัวคดี แต่เป็นผลสรุปของคดีรวมจนถึงชะตากรรมของพวกเจ้าเหล่าจวนแม่ทัพ

ไม่อย่างนั้น เจ้าคิดว่าทำไมข้าต้องสืบหาคดีนี้เองด้วย?”

หลานเยาเยาเดินไป พูดเรียบๆไปโดยไม่หันกลับมามอง พูดจบก็ไป

“เจ้าพูดอะไร?”

เป้าหมายของนางคือจวนแม่ทัพ?

เป็นไปได้ยังไง?

หรือว่าตั้งแต่แรก……

พอนึกถึงความเป็นไปได้บางอย่าง หลานจิ่นเอ๋อก็ตกใจเหงื่อแตกที่หลัง

จิตใจของคนคนนี้······น่ากลัวเกินไป

ถ้าตนเองไม่ได้ถูกลดขั้นกลายเป็นนักโทษ คาดว่าชีวิตนี้ก็คงไม่ได้รู้ความลับนี้!

งั้นสิ่งที่ตนเองทำไปทั้งหมดก่อนหน้านี้ ไม่ใช่ว่าเป็นการไปกระตุ้นมันอีกหรอเนี่ย?

ไม่นะ!

เป็นไปไม่ได้……

——

เมื่อออกจากคุกสิงปู้มา หลานเยาเยาก็พบว่ามีคนจ้องอยู่ หลังจากแยกกับเย่หลีเฉินแล้ว หลานเยาเยาก็นั่งรถม้าไปตลาดดำ เพื่อเอาถิงเมี่ยนออกมา

จากนั้นก็ออกประตูเมืองไป แล้วก็ไปหยุดอยู่สถานที่ที่ไกลโพ้น

“ลงมา!”

หลานเยาเยาพูดกับถิงเมี่ยน

“ที่นี่หรือ?”ถิงเมี่ยนสงสัย แต่ก็ลงรถม้าอย่างเชื่อฟัง

ที่นี่ไม่ว่าจะดูยังไงก็ไม่ใช่สถานที่ที่อยากพูดคุยการค้านะ?

และหลานเยาเยาก็ยกยิ้มตามแบบฉบับของเทพธิดา

ไร้สาระ!

ไม่ใช่ที่นี่ หรือจะให้ไปในย่านชุมชน ให้คนอื่นมองว่านางเทพธิดาผู้สง่างามเอาคนอื่นมาเป็นโล่?