บทที่ 239 แซวผมอีกแล้วอ่อ

อ้อนรัก คุณภรรยาคนสวย

“ฮวนฮวน ความหมายของคุณก็คือไม่ให้รุ่มร่ามข้างถนน แต่หลังจากที่กลับบ้านไป…….” เฟิงหานชวนส่งเสียงหัวเราะเบา ๆ

สำหรับเขาแล้ว เฉินฮวนฮวนไร้ซึ่งความกลัวและขลาดกลัวใด ๆ ดังนั้นเขาจึงพยายามที่จะลวนลามเธอ เพราะจะทำให้เธอหลุดพ้นจากเงาภายในจิตใจของเธอได้

“ไม่ ไม่ใช่นะ เฟิงหานชวน คุณ……” เฉินฮวนฮวนผลักผู้ชายตรงหน้าออกไป ก่อนจะรีบลุกขึ้นมานั่ง ให้ตัวเองและเฟิงหานชวนรักษาระยะห่างระหว่างเบาะคนขับและเบาะข้างคนขับไว้

“ผมทำไม? ฮวนฮวน คุณเขินเหรอ?” เฟิงหานชวนมองออกอย่างชัดเจน ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนแดงระเรื่อและค่อย ๆ ลามไปถึงลำคออย่างเห็นได้ชัด

“เปล่าสักหน่อย ฉันไม่ได้เขินนะ ฉันละอายใจต่างหาก!” เฉินฮวนฮวนม้วนผมเล็กน้อย พร้อมกับรู้สึกร้อนผ่าวอยู่บริเวณหน้าผาก เธอกัดริมฝีปากเล็กน้อย และพูดด้วยเสียงเบา ๆ ว่า : “เพราะคุณเลย วันนี้ฉันเลยเสียหน้า”

“อือ? เพราะผม?” เฟิงหานชวนไม่เข้าใจ

เฉินฮวนฮวนชำเลืองตามองไปทางเขา จากนั้นก็หันกลับมามองทางข้างหน้าอีกครั้ง และบ่นพึมพำว่า : “คุณไม่เห็นฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าใช่ไหมเนี่ย?”

“อ่อ ไม่สิ วันนี้คุณออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้า ก็เลยไม่เห็นว่าฉันแต่งตัวออกจากบ้านยังไง” เธอพบว่าตัวเองนั้นเข้าใจผิด ก็เลยรีบแก้ต่าง

“ฮวนฮวน มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? คุณเปลี่ยนชุด? ผมก็ว่าอยู่ว่าทำไมชุดนี้ถึงไม่ค่อยเหมือนกับสไตล์ที่คุณชอบแต่งเป็นประจำ” เฟิงหานชวนขมวดคิ้วเข้าหาเล็กน้อย พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ช่างเถอะ ๆ ไม่มีอะไรหรอก เรากลับกันเถอะ จอดรถข้างทางแบบนี้มันดูไม่ดี” เฉินฮวนฮวนรีบส่ายหน้าทันที ถึงอย่างไรการพูดคุยอยู่ข้างทางก็เป็นเรื่องแปลกมากพออยู่แล้ว

มุมปากของเฟิงหานชวนกระตุกยิ้ม น้ำเสียงกลับยังคงราบเรียบเช่นเดิม แต่ความหมายที่แฝงอยู่ภายในกลับคลุมเครืออยู่ไม่น้อย : “คุณหมายความว่า กลับไปค่อย ๆ คุยกันงั้นเหรอ?”

“อื้อ” เฉินฮวนฮวนไม่อยากคิดมาก ก็เลยพยักหน้ากลับไป

“ได้ งั้นเรากลับกันเถอะ” ในขณะที่พูด เฟิงหานชวนก็รีบสตาร์ทรถและเหยียบคันเร่งออกไปทันที

…….

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป

เฟิงหานชวนก็ได้ขับรถมาจอดอยู่หน้าคฤหาสน์หลังหนึ่ง แต่เฉินฮวนฮวนกลับพบว่า นี้ไม่ใช่บ้านตระกูลเฟิง

“อาฟาน ที่นี่ที่ไหน?” เฉินฮวนฮวนถามขึ้นด้วยความสงสัย

“นี่คือบ้านที่เราจะอยู่ด้วยกันยังไงล่ะ” เฟิงหานชวนรีบตอบกลับไป

“บ้านที่เราอยู่ด้วยกัน? แล้วคืนนี้เราไม่กลับบ้านตระกูลเฟิงเหรอ? “เฉินฮวนฮวนเกิดความแปลกใจ เรื่องนี้ทำให้เธอค่อนข้างตั้งตัวไม่ทัน

“ก่อนที่คุณจะไปค่าย เรานัดกันแล้ว หลังจากที่คุณกลับมา เราจะย้ายออกจากบ้านตระกูลเฟิง?” เฟิงหานชวนเอื้อมมือออกไปลูบผมที่ตรงเรียบของเธอ พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

เฉินฮวนฮวนพยักหน้า และตอบกลับไปว่า : “อื้อ เรานัดกันไว้แล้วจริง ๆ แต่เรายังไม่ได้เก็บกระเป๋าเลยนะ”

“ผมให้คนไปหาซื้อเสื้อผ้าและของใช้และของที่จำเป็นมาเพิ่มแล้ว ซึ่งเพิ่มเติมได้ตลอดเวลา” เฟิงหานชวนเคาะไปบนศีรษะของเธอเบา ๆ ก่อนจะเปิดประตูและลงจากรถ

ถึงแม้ว่าเฉินฮวนฮวนจะรู้สึกตั้งตัวไม่ทันก็ตาม แต่ถึงอย่างไรก็ได้มีการพูดคุยกันแล้วก่อนหน้านั้น ซึ่งเธอเองก็ยอมรับความจริงเรื่องนี้นานแล้ว

ในขณะที่เธอหันข้างกำลังจะเปิดประตูรถนั้น เฟิงหานชวนก็ได้เดินอ้อมรถมาถึงฝั่งของเธอแล้ว จากนั้นก็ช่วยเปิดประตูรถให้กับเธอและกุมมือของเธอลงจากรถ

สำหรับการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเฟิงหานชวน ได้สร้างความอบอุ่นภายในหัวใจให้กับเฉินฮวนฮวนไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลิ่นมินต์จากร่างกายของเขาที่ให้ความรู้สึกสบาย เธออดเอื้อมมือทั้งสองข้างออกไปกอดเฟิงหานชวนไม่ได้

มือของเฟิงหานชวนที่กำลังจะปิดประตูรถนั้นได้หยุดชะงักค้างกลางอากาศทันที เขาไม่ได้ขยับตัว ปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้กอดตัวเองต่อไป

เฉินฮวนฮวนนำหน้าซุกเข้าไปในอ้อมกอดของเฟิงหานชวน เธอสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะคลี่ยิ้มด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข : “อาหาน อ้อมกอดของคุณอบอุ่นที่สุดเลยค่ะ”

“แล้วเมื่อกี้ใครกันนะที่ผลักผม?” เฟิงหานชวนตั้งใจถามขึ้น

เฉินฮวนฮวนรีบปล่อยเขาทันที จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น ใบหน้าที่ขาวนวลเนียนนั้นได้มองไปยังผู้ชายตรงหน้า ก่อนจะเม้มปากเล็กน้อยและพูดว่า : “แล้วใครใช้ให้คุณพูดเรื่องพวกนั้นเล่า……..”

ในตอนที่รถจอดอยู่ข้างทางนั้น เฟิงหานชวนทั้งขบทั้งกัดใบหูของเธอ และยังพูดว่าจะลงโทษเธอะไรก็ไม่รู้ด้วย ดังนั้นเธอก็เลยผลักเขาออกไป

“ผมไม่พูดแล้วก็ได้ มานี่มา มากอดหน่อย” เฟิงหานชวนกางมือทั้งสองข้าง จากนั้นก็ดึงตัวเธอเข้ามากอดแน่น โดยไม่ได้สนใจว่าเธอจะยอมหรือไม่แต่อย่างใด

เฉินฮวนฮวนก็ไม่ได้ขัดขืน ปล่อยให้เฟิงหานชวนกอดตัวเองอย่างว่าง่าย อีกทั้งแขนเรียวเล็กทั้งสองข้างของเธอก็กำลังโอบกอดรอบเอวที่แข็งแรงของผู้ชายคนนี้ด้วย

หลังจากนั้น มือเล็ก ๆ ก็ทำการกระแทกเข้าใส่อย่างไม่พอใจ และพูดอย่างทอดถอนใจว่า : “อาหาน ทำไมรูปร่างของคุณถึงได้ดีแบบนี้นะ~”

เฟิงหานชวนตัวแข็งทื่อไปในทันที จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า : “แซวผมอีกแล้วอ่อ?”

“เปล่านะ ฉันก็พูดไปงั้นแหละ ทำไมคุณถึงชอบเข้าใจผิดอยู่เรื่อยเลย?” ครั้งนี้เฉินฮวนฮวนไร้เดียงสาจริง ๆ

เธอแค่ทอดถอนใจกับรูปร่างที่น่าดึงดูดใจของเฟิงหานชวน ผลสุดท้ายผู้ชายคนนี้กลับคิดว่าเธอจะแซวเขา ซึ่งในความเป็นจริงเธอไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นเลย

“คุณไม่ได้แซวผมจริง ๆ เหรอ?” เฟิงหานชวนก้มหน้าลง ก่อนที่ฝ่ามือจะเลื่อนมาตรงลำคอด้านหลังของเธอ จากนั้นก็ยื่นหน้าไปตรงหน้าของเธอ และถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“ไม่ได้แซวจริง ๆ นะ” เฉินฮวนฮวนรีบส่ายหน้า ก่อนจะยกมือขึ้นมาทำสัญลักษณ์สาบาน พร้อมกับแสดงความบริสุทธิ์ใจ : “ถ้าฉันตั้งใจจะแซวคุณจริง ๆ ขอให้ฟ้าผ่าเลย”

“ชู่ว์!” นิ้วชี้ของเฟิงหานชวนเลื่อนมาแตะที่ปากของผู้หญิงตรงหน้าทันที เพื่อให้เธอหยุดพูด

“อย่าสาบานแบบนี้ ผมไม่ชอบ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

เมื่อเห็นท่าทางที่ดูเหมือนจะโกรธของเขา เฉินฮวนฮวนทำการกัดริมฝีปากเล็กน้อย จากนั้นก็พูดเสียงเบา ๆ ว่า : “ฉันแค่อยากพิสูจน์ว่าฉันไม่ได้พูดโกหกเท่านั้นเอง”

“ผมเชื่อคุณ” เฟิงหานชวนพูดอย่างไม่ลังเล

คำตอบแค่สามพยางค์เพียงสั้น ๆ กลับทำให้หัวใจของเฉินฮวนฮวนเต้นเร็วขึ้น เธอรีบหมุนตัวกลับไป ด้วยสีหน้าที่แดงก่ำเล็กน้อย จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาปิดแก้มและพูดว่า : “รีบเข้าไปข้างในกันเถอะ ฉันอยากเห็นบ้านที่เราจะอยู่ด้วยกันแล้ว”

ในขณะที่พูด เธอก็รีบเดินตรงไปยังประตู แต่แค่ประตูยังคงปิด เธอจึงเข้าไปไม่ได้

“เปิดเองสิ รหัสก็วันเกิดของคุณ” เฟิงหานชวนเอามือล้วงกระเป๋า ก่อนจะเดินไปหาเฉินฮวนฮวนด้วยท่าทางสบาย ๆ เขายืนอยู่ด้านหลังของเธอ และเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

หัวใจดวงน้อย ๆ ของเฉินฮวนฮวนเต้นเร็วขึ้น เธอพยักหน้า จากนั้นก็เอื้อมมือออกไปยังที่กดรหัส และกดตัวเลข 6 หลัก

เสียง “แก็ก” ดังขึ้น ประตูถูกเปิดออก

เฉินฮวนฮวนหมุนตัวไปพูดกับผู้ชายที่อยู่ข้างหลังด้วยความตื่นเต้นว่า : “เปิดได้แล้ว เปิด…….”

เธอหยุดชะงักลงทันที เมื่อเห็นผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าของตัวเอง เธอยิ้มอย่างลำบากใจ : “คุณก็ไม่ได้ตาบอดนี่เนอะ คงจะเห็นว่าประตูมันเปิดแล้ว ฉัน……”

“คุณหาว่าผมตาบอด” เฟิงหานชวนพูดด้วยท่าทางจริงจัง

เฉินฮวนฮวน : “???”

ยิ่งอยู่เธอก็ยิ่งพบว่าเฟิงหานชวนพูดเก่งขึ้นเยอะ ไม่เหมือนกับ——คนที่ไม่เห็นใจคนอื่นอะไรแบบนั้น

“อาหาน ฉันอยากถามคำถามคุณสักหนึ่งคำถาม” เฉินฮวนฮวนเงยหน้ามองเฟิงหานชวน และถามขึ้นด้วยสีหน้าจริงจังว่า : “คุณทำดีแค่กับฉันใช่ไหม?”

ทัศนคติที่เฟิงหานชวนมีต่อคนในตระกูลเฟิง เฉินฮวนฮวนเคยเห็นมาแล้ว รวมทั้งทัศนคติที่เขามีต่อเธอก่อนหน้านั้นด้วย ความเย่อหยิ่ง ความใจร้อนและความโหดร้ายในบางครั้ง โดยสรุปก็คือเขามักจะแสดงท่าทางที่ไม่อยากสนใจคนอื่น

“ไม่ใช่ ไม่ใช่แค่ฉัน” ทันใดนั้น เฉินฮวนฮวนก็ส่ายหน้าฉับพลัน เธอปฏิเสธคำถามนี้

“อือ?” เฟิงหานชวนกำลังจะตอบกลับ จู่ ๆ ผู้หญิงตรงหน้าก็ปฏิเสธทันใด ทำให้เขาต้องขมวดคิ้วแน่นและพูดว่า : “นอกจากคุณแล้ว ยังมีใครอีกเหรอ?”

“ยังมีหลีซืออวิ๋นอีกคน!”

เฉินฮวนฮวนโพล่งออกไป ซึ่งเธอก็เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองนั้นใจแคบเกินไป เธอรีบส่ายหน้าอีกครั้ง ก่อนจะพูดว่า : “ไม่ใช่ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างอื่นนะ ฉันแค่รู้สึกว่าพวกคุณเข้ากันได้ดี ซึ่งคุณเองก็ไม่ได้โหดร้ายแบบนั้นกับทุกคน”

ถึงอย่างไรก่อนหน้านั้นเฟิงหานชวนก็ได้อธิบายไปแล้ว เขาและหลีซืออวิ๋นเป็นแค่เพื่อนกัน เธอไม่ควรเข้ามาพัวพันกับเรื่องแบบนี้ แต่ตัวเองกลับกระวนกระวายใจอย่างเห็นได้ชัด

“ถ้าคุณคิดว่าผมดีกับเธอ ภายในขอบเขตแบบนี้ ก็ไม่ถือว่ามีคุณแค่คนเดียวนะ” เฟิงหานชวนหัวเราะเบา ๆ ราวกับไม่ได้เป็นกังวลแต่อย่างใด

“หา? ไม่ได้มีฉันแค่คนเดียว?” เฉินฮวนฮวนเบิกตากว้างอย่างรวดเร็ว

เธอไม่เข้าใจว่าเฟิงหานชวนหมายความว่ายังไง หรือว่าเฟิงหานชวนยังมีเพื่อนผู้หญิงคนอื่นที่มีความสัมพันธ์ที่ดีอีกเหรอ?

“หึงเหรอ?” เฟิงหานชวนเลิกคิ้วสูง และตั้งใจถาม

“เพื่อนผู้หญิงของคุณ…..เยอะขนาดนี้เลยเหรอ? สรุปมีกี่คนกันแน่?” เฉินฮวนฮวนเริ่มร้อนใจทันใด เธอร้อนรุ่มและกระวนกระวายใจมาก

เธอรู้สึกว่าในโลกใบนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงค่อนข้างจะหาความบริสุทธิ์ใจได้ยาก ถ้าเพื่อนผู้หญิงของเฟิงหานชวนมีจำนวนมาก ก็พิสูจน์ได้ว่าเขาค่อนข้างเจ้าชู้นะสิ?

เฟิงหานชวนเห็นความวิตกกังวลของเฉินฮวนฮวนได้อย่างชัดเจน เขาไม่ได้โกรธแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกลับรู้สึกดีใจอยู่ในใจไม่น้อย

นี่ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าเฉินฮวนฮวนแคร์เขามากแค่ไหน

“ผมไม่มีเพื่อนผู้หญิงแล้ว คนภายในที่คุณคิดว่าผมน่าจะดีด้วยก็มีแค่หรงจิ่นซิว โม่เหวินโจวรวมทั้งอาเยี่ยน” เฟิงหานชวนไม่ได้ล้อเล่น แต่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง

ถึงอย่างไร ถึงจะล้อเล่นต่อไป ก็กลัวว่าเฉินฮวนฮวนจะคิดมาก

“เหลวไหล คุณดีกับหรงจิ่นซิวและอาเยี่ยนตรงไหน? แม้แต่โม่เหวินโจวคนนั้น ฉันก็ยังไม่เคยเจอเลย ไม่รู้สถานการณ์ด้วยซ้ำ” เฉินฮวนฮวนบ่นพึมพำอยู่เงียบ ๆ

ถึงอย่างไรเธอก็เคยมีปฏิสัมพันธ์กับเฟิงเฉินเหยี่ยนและหรงจิ่นซิวมาก่อน ย่อมเห็นทัศนคติที่เฟิงหานชวนมีต่อทั้งสองคนนี้ สั้น ๆ ก็คือชอบทำหน้าตาเย็นชาราวกับภูเขาน้ำแข็งอยู่เสมอ

“ฮวนฮวน ท่าทางหึงหวงของคุณนี่น่ารักจริง ๆ เลยนะ” เฟิงหานชวนหัวเราะอย่างเย็นชา ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่น่าดึงดูดใจว่า : “เพราะสนิทกับเขามาก ดังนั้นจึงไม่จำเป็นจะต้องเกรงใจมาก ไม่ใช่จะทำไม่ดีกับพวกเขาสักหน่อย”

“อาเยี่ยนเป็นหลานชายของผม จิ่นซิวและเหวินโจวก็เป็นพี่น้องที่อยู่กับผมมานานกว่า 10 ปีแล้ว ถ้าผมทำไม่ดีกับพวกเขา คนแบบผมจะยังมีคุณค่าให้คุณวางใจไหม?”

เฉินฮวนฮวนอึ้งงันไปในทันที รู้สึกว่าที่เฟิงหานชวนพูดก็มีเหตุผล เธอพยักหน้าอย่างเข้าใจ และพูดว่า : “คุณพูดถูก”

“เราเข้าไปข้างในกันเถอะ ไหนบอกว่าอยากเห็นสิ่งแวดล้อมในบ้านที่เราจะอยู่ด้วยกันไม่ใช่เหรอ?” เฟิงหานชวนตัดสินใจเปลี่ยนหัวข้อสนทนานี้ เพราะเขาพบว่าเฉินฮวนฮวนนั้นมีศักยภาพชักจูงไปในเรื่องที่ไม่มีประโยชน์

“ก็ได้” เฉินฮวนฮวนหมุนตัว และเปิดประตูเดินเข้าไปในคฤหาสน์

ส่วนเฟิงหานชวนก็เดินตามเธอเข้าไป

หลังจากที่เดินเข้ามาถึงในห้องรับแขก จู่ ๆ เฉินฮวนฮวนก็ดูเหมือนจะคิดอะไรได้ เธอหมุนตัวกลับมาทันที ซึ่งในจังหวะนั้นหน้าผากของเธอก็ชนเข้ากับแผงอกของผู้ชายคนนี้พอดี

“ไอหยา!” เธอยกมือขึ้นมากุมศีรษะของตัวเอง

“เจ็บไหม?” เฟิงหานชวนดึงมือที่แตะอยู่บนหน้าผากของเฉินฮวนฮวนออก และรีบใช้มือของตัวเองเข้าไปวางแทนที่ ก่อนจะลูบหน้าผากของเธอเบา ๆ