บทที่375 ความเซอร์ไพรส์ที่คาดไม่ถึง
ครั้งนี้……ลี่จุนถิงคิดว่าตัวเองต้องทำหน้าที่พ่อให้ดีที่สุด
เมื่อเข้าไปในสนามแข่งขัน ก็มีคนเอาสมุดขั้นตอนการสมัครมาให้ลี่จุนถิง
ลี่จุนถิงทำตามคำอธิบายในนั้น ก่อนจะพาถวนจื่อไปลงชื่อที่ช่องลงชื่อสีแดง พอจับฉลากแล้ว ก็เลือกเบอร์ของผู้เข้าแข่งขันได้พอดี
หลังจากที่จัดแจงทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ยังเหลือเวลาก่อนการแข่งขันสักหน่อย ลี่จุนถิงเลยพาถวนจื่อไปเดินเล่นอยู่รอบๆ นั้น และก็หวังว่าจะได้ทำให้ถวนจื่อไม่เครียดก่อนการแข่งขัน
เมื่อเดินเล่นอยู่สักพัก ก็พบว่าทุกคนต่างเป็นเด็กเก่งๆ ทั้งนั้น แถมยังเคยเห็นเด็กพวกนี้ในโทรทัศน์ด้วย
ลี่จุนถิงมองไปรอบๆ ก็พบว่าถวนจื่อเหมือนจะเป็นคนที่เด็กที่สุด
“ถวนจื่อ คุณเหมือนจะเด็กที่สุดเลยนะ?” ลี่จุนถิงมองถวนจื่อสักพัก เพื่อจะดูว่าเขานั้นจะกลัวไหม
“อือ” ถวนจื่อเองก็รู้ถึงบรรยากาศนั้นเหมือนกัน
ลี่จุนถิงยิ้มเบาๆ ตรงมุมปาก พลางมีแม่ที่พาเด็กมาแข่งหลงเขาไม่น้อยเลย: “งั้นคุณกลัวหรือเปล่า?”
ถวนจื่อส่ายหัว: “แด๊ดดี้ อย่าคิดว่าเพราะฉันเด็กแล้วคิดว่าฉันจะทำไม่ได้นะ ครูบอกแล้ว ว่าความสามารถไม่ได้อยู่ที่อายุ”
“ฮ่าๆ” เมื่อได้ยินลูกชายพูดแบบนี้ ลี่จุนถิงก็คิดว่าถวนจื่อนั้นเป็นเด็กอนาคตไกล เลยอารมณ์ดีขึ้นมาก “ไม่เลวเลย พูดได้ดี ครั้งนี้อยากจะได้คะแนนเท่าไหร่กันล่ะ?”
ถวนจื่อคิดอยู่สักพัก: “แด๊ดดี้ ครั้งนี้ฉันไม่ได้คิดเยอะขนาดนั้น แต่อยากจะมาฝึกเฉยๆ น่ะ”
อันที่จริงมันก็เหมือนกับการลองเชิงนั่นแหละ
ถ้าเกิดคุณฝึกอยู่ที่บ้านอย่างเดียว คุณจะไม่มีทางรู้ว่าตัวเองนั้นขาดอะไรไป แต่ถ้าออกไปแข่งข้างนอก มีการแข่งกับคนอื่นและเปรียบเทียบกันขึ้นมา ก็จะรู้สึกที่ตัวเองยังขาดอยู่ในไม่ช้า ถึงจะมีพัฒนาการ
“อือ ไม่เลวเลย อารมณ์มั่นคงก็ดีแล้วล่ะ” ลี่จุนถิงลูบหัวของถวนจื่อเบาๆ “แด๊ดดี้เอาใจช่วยนะ”
เมื่อทั้งสองคนเห็นว่าเวลาได้ที่แล้วก็เริ่มเข้าไปในสนามการแข่งขัน
ก่อนที่จะเริ่มแข่งนั้น ทางผู้จัดก็ได้คละกลุ่มของคนที่เก่งในด้านต่างๆ ออก เพื่อความเท่าเทียม
การแข่งขันนั้นแบ่งเป็นสองแบบ และจะมีการรวมคะแนนใครที่คะแนนสูงที่สุดจะเป็นผู้ชนะ
สนามแรกคือการคัดลอกตามแบบ ทางผู้จัดได้เตรียมตัวอักษรเอาไว้แล้ว เพื่อดูว่าใครจะเขียนได้เหมือนที่สุด
เพราะว่าสำหรับคนที่เรียนการเขียนนั้นต้องเริ่มจากการคัดลอกตามแบบ ต้องรู้เป้าหมายของการฝึกก่อน ถึงจะเรียนรู้ต่อไปได้อีกไกล
ส่วนสนามที่สองคือการเขียนตามใจตัวเอง เพื่อเขียนตัวที่คิดว่าสวยที่สุดออกมา
เนื้อหาการแข่งขันนั้นไม่ได้ยากมาก สิ่งที่ยากคือการจะเขียนอย่างไรให้สวยที่สุดท่ามกลางเด็กที่เก่งกาจเหล่านี้ แล้วทำให้ตัวเองมีประสบการณ์ที่ดีเอาไว้
เพียงไม่นานการแข่งขันแรกก็เริ่มขึ้น
กรรมการในครั้งนี้ ทางผู้จัดได้เชิญนักเขียนระดับอาจารย์มาได้ด้วย
ตอนที่การแข่งขันยังไม่เริ่มขึ้น อาจารย์คนนี้ก็สังเกตเห็นถวนจื่อ
เด็กคนนี้ไม่เพียงแค่หน้าตาหล่อเหลา แต่ยังเป็นผู้เข้าแข่งขันที่เด็กที่สุดอีกด้วย แต่ใบหน้าที่ไม่ยอมแพ้นั้นดึงดูดสายตากรรมการเป็นอย่างมาก
อาจารย์คนนี้จำได้ว่าครั้งก่อนที่ไปที่เมืองจิ่งเฉิงเหมือนจะได้เห็นการเขียนของถวนจื่อที่เข้าแข่งขันเมื่อครั้งก่อน ตอนนั้นเขาคิดว่าลายมือของถวนจื่อนั้นยังหนาเกินไป แต่ว่าถ้าเกิดได้รับการแนะนำอีกสักหน่อย จะเขียนได้สวยกว่าเดิมแน่นอน แถมยังดูมีอนาคตไกลอีกด้วย
ดังนั้นเลยสนใจถวนจื่อมากเป็นพิเศษ
ระหว่างการแข่งขัน กรรมการต่างเดินไปดูผู้เข้าแข่งขัน เพื่อดูการแข่งขันของพวกเขา เพื่อการให้คะแนนภายหลัง
แต่เมื่ออาจารย์มักจะเดินไปข้างๆ ถวนจื่อ
เพื่อดูการเขียนเลียนแบบของถวนจื่อ และก็พบว่าเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน ถวนจื่อมีการพัฒนาเป็นอย่างมาก ดูแล้วเหมือนจะฝึกที่บ้านอยู่บ่อยๆ เขาคงจะชอบการคัดลายมือมากจริงๆ
ใกล้จะหมดเวลาแล้ว การคัดลายมือเลียนแบบนั้นก็ถูกเก็บไป ก่อนจะส่งให้กรรมการ
หลังจากที่ผู้เข้าแข่งขันได้พักเป็นเวลาสิบนาที ก็เข้าไปในสนามแข่งอีกครั้ง
การแข่งขันสนามที่สองนั้นก็จบลงอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่การแข่งขันจบลง ถวนจื่อไม่ติดในรายชื่อ เขาเลยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแย่อยู่บ้าง พลางถอนหายใจเล็กน้อย
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มาเพื่อรางวัลอะไร แต่ว่าการไม่ติดลำดับนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็อดไม่ได้ที่จะรู้แย่อยู่บ้าง
“โอเค ไม่เป็นไร ถวนจื่อทำได้ดีมากเลยนะ แด๊ดดี้ถ่ายเอาไว้ด้วย เดี๋ยวจะเอาให้หม่ามี้ดู” สีหน้าของเด็กน้อยนั้นปรากฏออกมาอย่างชัดเจน พลันดูออกทันทีว่าถวนจื่อนั้นไม่ได้มีความสุขเท่าไหร่
“แด๊ดดี้ ฉันไม่เป็นไร” ถวนจื่อทำท่าทีปกติอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวแด๊ดดี้จะพาคุณไปกินอะไรอร่อยๆ นะ ฉลองกันหน่อย”
ลี่จุนถิงพูดพลางคิดว่าจะพาถวนจื่อออกไป
ในตอนนี้เอง มีคนเดินมาขวางพวกเขา: “สวัสดี คุณผู้ชายกับเด็กน้อย คุณผู้ชายของพวกเราเชิญทางนี้”
ลี่จุนถิงมองคนที่เดินมาสักพัก ก่อนจะมองดูสายตาของเขา ก็พบว่าคุณผู้ชายที่เขาพูดนั้น หมายถึงอาจารย์ใหญ่ที่เป็นกรรมการที่มีชื่อเสียงในครั้งนี้
ลี่จุนถิงเห็นว่าอาจารย์คนนี้ดูไม่มีพิษมีภัยอะไร เลยมองถวนจื่อพลางยิ้มให้ เพื่อเป็นการตอบตกลงไป
พ่อลูกเดินมาอยู่ตรงหน้าอาจารย์ จากนั้นถวนจื่อก็ทักทายอย่างมีมารยาท: “สวัสดีคุณปู่”
“สวัสดีๆ” อาจารย์คนนี้เป็นอาจารย์อาวุโสอายุราวๆ หกสิบแล้ว เมื่อเห็นเด็กน้อยน่ารักก็ดีใจเป็นอย่างมาก
“ไม่ทราบว่าอาจารย์อยากพบพวกเราเรื่องอะไรเหรอ?” ลี่จุนถิงรู้ว่าการที่อาจารย์มาตามหาถวนจื่อนั้นจะต้องมีเหตุผลบางอย่างแน่นอนเลยล่ะ
“คือแบบนี้นะ ตอนที่มีการแข่งขันอยู่ เห็นว่าลูกของคุณมีพรสวรรค์เป็นอย่างมาก เลยอยากจะรับเขาไว้เป็นลูกศิษย์ เลยอยากจะมาถามความเห็นของพวกคุณสักหน่อย”
ลี่จุนถิงกับถวนจื่อได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกเซอร์ไพรส์เป็นอย่างมาก
“จริงเหรอคุณปู่? ” ถึงแม้ว่าถวนจื่อจะไม่เคยมีอาจารย์มาก่อน แต่ถ้าเกิดมีคำแนะนำจากอาจารย์จริงๆ ตัวเองจะต้องพัฒนาได้เร็วแน่นอนเลยล่ะ
อาจารย์ยิ้มจนตาปิด พลางพยักหน้า: “จริงสิ ฉันไม่มีทางโกหกใครหรอก”
จู่ๆ ถวนจื่อก็คิดขึ้นได้ ว่าเรื่องนี้จะต้องได้รับการอนุญาตจากลี่จุนถิงก่อน เลยเงยหน้าขึ้นมองลี่จุนถิง
ลี่จุนถิงเองก็ดีใจไม่น้อย: “ถ้าเกิดคุณอยากมีอาจารย์ก็ดี แด๊ดดี้สนับสนุนคุณนะ คุณทำเรื่องที่คุณเองอยากจะทำเถอะ”
อาจารย์ท่านนี้เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของลี่จุนถิงมาบ้าง เพราะเป็นคนมีอิทธิพลในวงการธุรกิจเป็นอย่างมาก
ถ้าเกิดได้รับการช่วยเหลือจากเขา ถวนจื่อจะต้องเก่งมากแน่นอน
สิ่งสำคัญคือถวนจื่อเองก็คงชอบ ลี่จุนถิงเองก็ไม่ขัดขวางอะไร
จากนั้นหลายๆ คนก็เข้าไปในห้องโล่งห้องหนึ่ง จากนั้นถวนจื่อก็ไหว้ครูอย่างมีความสุข
ตอนแรกอาจารย์อยากจะเลี้ยงข้าวลูกศิษย์คนใหม่สักหน่อย แต่อาจารย์เกิดมีธุระขึ้นมากะทันหัน เลยต้องออกไปก่อน แล้วจะเลี้ยงข้าววันหลัง
ส่วนถวนจื่อกับลี่จุนถิงก็กลับโรงแรมไป
ถวนจื่อดีใจเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าครั้งนี้จะไม่ชนะอะไรเลย แต่ว่ากลับมีอาจารย์ ถือเป็นเรื่องเกินฝันไปมากเลยล่ะ
ถวนจื่อเองก็วิดีโอคอลกับเจียงหยุนเอ๋อ เพื่อบอกเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้น