บทที่ 226 ท่านไปซื้อน้ำส้มสายชูเถอะ

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 226 ท่านไปซื้อน้ำส้มสายชูเถอะ

“ไส้หมูก็ได้ แต่มันเตรียมค่อนข้างช้า”โจวกุ้ยหลานลูบใต้คางของตัวเอง แล้วคิดพิจารณา

“เกี๊ยวทอด!”เจ้าก้อนน้อยตะโกนขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

โจวกุ้ยหลานขมวดคิ้วเป็นปมอีกครั้ง“แต่พวกเรายังไม่ได้คลึงนวดแป้งเกี๊ยวเลย อันนี้ถ้าทำเสร็จ ก็ถือเป็นอาหารเย็นแล้ว”

เมื่อถูกปฏิเสธถึงสองครั้งเจ้าก้อนน้อย เลยสิ้นหวัง ดึงมือกลับ คอตก ไม่มีชีวิตชีวา

สวีฉางหลินที่อยู่ด้านข้างเลยพูดขึ้นว่า “ซี่โครงหมูเปรี้ยวหวาน?”

“อันนี้ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้……แต่ที่เรือนไม่มีน้ำตาลกับน้ำส้มสายชู ต้องรอให้หิมะหยุดตกถึงไปซื้อในตำบลได้…..”โจวกุ้ยหลานลูบคาง มองของกินที่อยู่ห้องโถง แล้วคิดไตร่ตรอง

“ว่าแล้วข้านะอยากกินปลา แต่อากาศหนาวเหน็บขนาดนี้จะไปหาปลาที่ไหนล่ะ?”ไอ๋หยา ของกินที่เรือนมีไม่น้อย แต่เครื่องปรุงน้อย

เมื่อครู่คิดแค่อยากจะกลับ ลืมเอาพวกเครื่องปรุงรสกลับมาด้วยเลย…..

อืม ไม่ได้ก็ย่างเนื้อกิน? แต่ไม่มีน้ำผึ้ง รสชาติของเนื้อที่ย่างก็แย่ไม่น้อย…..

“พวกท่านหิวหรือไม่?”โจวกุ้ยหลานถามคนตัวโตคนตัวเล็กอีกครั้ง

ทั้งสองคนส่ายหน้า ก่อนหน้านี้ทุกคนกินบะหมี่ถ้วยใหญ่มา ตอนนี้อิ่มพุงกางแล้ว

“เอาอย่างนี้ไหม เดี๋ยวข้าจะทำหม้อไฟให้พวกท่านกิน? ต้มกินบนกระถางไฟ เป็นยังไง?”โจวกุ้ยหลานคิดแล้วถามทั้งสองคนขึ้น

เจ้าก้อนน้อยสีหน้าลังเล ไม่รู้ว่าหม้อไฟคืออะไร แต่สวีฉางหลินที่อยู่ด้านข้างหรี่ตาเล็กน้อย”เจ้ายังรู้จักหม้อไฟด้วยหรือ?”

โจวกุ้ยหลานตื่นตะลึง ทันทีด็นึดถึงว่าในความทรงจำของเจ้าของร่างว่าจะไม่มีหม้อไฟอยู่!

แต่ได้ฟังความหมายของสวีฉางหลิน คือยุคสมัยนี้มีหม้อไฟ………

“เอ่อยังไงล่ะ แม้จะไม่เคยกินเนื้อหมู แต่ก็เคยเห็นหมูวิ่ง? ข้าไม่ใช่ได้ยินเถ้าแก่ไป๋เล่าว่าพอถึงช่วงฤดูหนาวเขาจะต้องตั้งหม้อไฟหรือ ก็เลยถามเขาว่าอะไรคือหม้อไฟ”

สวีฉางหลินขมวดคิ้วเป็นปม ภายในใจอิจฉาตาร้อน กล่าวว่า“เจ้าเจอกับไป๋ยี่เซวียนตั้งแต่เมื่อไหร่?”

ทุกครั้งที่ภรรยาของเขาไปในเมืองก็ไปกับเขา นางกับไป๋ยี่เซวียนพูดคุยอะไรกันเขาจำได้อย่างชัดเจน และไม่ได้ยินไป๋ยี่เซวียนพูดถึงหม้อไฟเลย

โจวกุ้ยหลานตื่นตะลึงอีกครั้ง เมื่อครู่นางก็แค่อยากจะพูดโกหกนอกเรื่องไปอย่างนั้นแหละ ตอนนี้ถึงนึกขึ้นได้ว่าสวีฉางหลินเป็นคนขี้หึง เลยฝังตัวเองทั้งเป็นแล้ว…..

โจวกุ้ยหลานจิตใจกระสับกระส่ายแล้ว แต่สีหน้ายังคงรักษารอยยิ้มไว้อยู่“ไอ๋หยา เรื่องนี้พูดไปแล้วมันยาว ต่อมาท่านไม่ใช่เผาถ่านอยู่ตลอดหรือ ไป๋ยี่เซวียนให้คนมาถามข้าเรื่องของขนมหัวไชเท้า เลยพูดเรื่องช่วงฤดูหนาวเขาจะทำหม้อไฟด้วย”

“ใครเป็นคนมาบอกหรือ?”สายตาเล็กยาวของสวีฉางหลินเต็มไปด้วยการหยั่งเชิง

เอ่อ…..

“คนในหมู่บ้าน ข้าก็เลยบอกว่าทำขนมหัวไชเท้าไม่ได้ ท่านสบายใจได้ ข้าไม่ได้พูดอะไรเยอะแยะเลย!”โจวกุ้ยหลานรีบแสดงความบริสุทธิ์ใจของตัวเอง

ไอ๋หยา พ่อคนขี้หวงนี้ฉลาดเกินไปแล้ว ไม่มีหนทางที่จะโกหกได้เลย!

แต่ทุกครั้งที่นางไปในเมือง ก็ไปด้วยกันกับเขา อันนี้ก็โกหกหลบหลีกไม่ได้……ถ้าเดาสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้เร็วกว่านี้ นางจะบอกว่าตอนเด็กได้ยินคนอื่นพูดกันอย่างแน่นอน……

สวีฉางหลินขมวดคิ้วเป็นปม“เจ้าติดต่อกับไป๋ยี่เซวียนแบบส่วนตัวด้วยหรือ? เหตุใดจะต้องทำลับหลังข้า?”

“ไม่ได้ทำลับหลังท่าน! ข้าไม่ได้ออกไปไหน! พอแล้วๆ เมื่อครู่ข้าพูดไปมั่ว เรื่องนี้ไม่ใช่ไป๋ยี่เซวียนบอกข้าหรอก ข้าก็แค่หาข้ออ้าง ถึงอย่างไรนะ ข้ารู้ได้ยังไงจะต้องบอกท่านไม่ได้อยู่แล้ว”

โจวกุ้ยหลานเทหมดหน้าตัก หน้าด้านไร้ยางอายแบบนี้เลย

สวีฉางหลินมองพิจารณาโจวกุ้ยหลาน เมื่อเห็นนางมั่นอกมั่นใจ เลยมีความเชื่อใจภรรยาของตนเองขึ้นมาบ้าง

“ท่านแม่ เสี่ยวเทียนอยากกินหม้อไฟ”เจ้าก้อนน้อยดึงกางเกงของโจวกุ้ยหลาน เงยหน้ามองโจวกุ้ยหลานแล้วพูดกับนาง

“ได้ๆๆ พวกเราไปเตรียมวัตถุดิบกัน!”โจวกุ้ยหลานจูงมือของเจ้าก้อนน้อยไป

สวีฉางหลินเห็นภรรยาตัวเองกับเจ้าก้อนน้อยเดินไปแล้ว เลยเดินตามไปด้วย

นางกลัวเขาจะสืบสาวราวเรื่องอีก โจวกุ้ยหลานเลยตัดบทสนทนาของสวีฉางหลิน ล้างผัก ล้างจาน หั่นผักเอง

เจ้าก้อนน้อยช่วยเอาใส่จาน ทั้งสามคนงุ่นง่านยุ่งกับงาน รอจัดการกับผักเรียบร้อยแล้ว โจวกุ้ยหลานเลยเริ่มผสมเครื่องปรุง อะไรก็ไม่มี นางเลยใช้กระดูกทำเป็นซุป บวกกับใส่ผักดองลงไป เมื่อรอต้มเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงยกหม้อใหญ่ขึ้น มาวางบนกระถางไฟ จากนั้นทั้งสามคนเลยพากันกินหม้อไฟ

เป็นครั้งแรกที่เจ้าก้อนน้อยกินหม้อไฟ เขาดีใจตื่นเต้นมาก เลียนแบบท่าทางของโจวกุ้ยหลาน เอาผักลงไปต้มในหม้อพอสุกแล้วเอาขึ้นมากิน

โจวกุ้ยหลานกลัวว่าเขาจะทำลวกตัวเอง เลยได้หยิบผ้ามาชั้นหนึ่งยัดเข้าไปด้านในเสื้อ ห้อยอยู่ตรงหน้าอกเขา

โจวกุ้ยหลานคีบหัวไชเท้าชิ้นหนึ่งลงไปต้มในหม้อ แล้วตักขึ้นมา ยัดเข้าไปในปาก อืม รสชาติค่อนข้างจืด

“ท่านแม่ ต่อไปกินหม้อไฟทุกวันดีไหมขอรับ?”ตาทั้งสองข้างของเจ้าก้อนน้อยเปล่งประกายถามขึ้น

“วันนี้หม้อไฟไม่อร่อย รอผ่านช่วงนี้ไป แม่จะเข้าเมืองไปซื้อวัตถุดิบมา ให้พวกเจ้าได้รู้ว่าอะไรคือของอร่อย อันนี้นะ ก็แค่ผักสุดเท่านั้น”โจวกุ้ยหลานพูดอย่างไม่ค่อยพึงพอใจกับคุณภาพอาหารเท่าไหร่

แต่หม้อไฟดีที่สุดคือกินอบอุ่น หาได้ยากมากที่ร่างกายของนางจะอบอุ่นแบบนี้

“อร่อยมาก!”เจ้าก้อนน้อยรู้สึกว่าอาหารนี้อร่อยมาก เลยรีบบอกกับโจวกุ้ยหลาน

สวีฉางหลินกินลิ้มรสช้าๆไม่รีบร้อน แม้จะบอกว่ารสชาติจืด แต่ก็หลายปีมาแล้วไม่ได้กินหม้อไฟ นี่ก็ถือว่าไม่เลวเลย

“อย่างนั้นต่อไปแม่ทำอร่อยกว่านี้ให้เจ้ากินดีไหม?”โจวกุ้ยหลานหัวเราะคิกคักคุยกับเจ้าก้อนน้อย

เจ้าก้อนน้อยออกแรงพยักหน้า บอกใบ้เป็นนัยๆว่าตกลง

โจวกุ้ยหลานอารมณ์ดีมีความสุขมาก

ทุกครั้งที่นางทำอาหารเจ้าก้อนน้อยตอบรับดีตลอด นี่ทำให้นางรู้สึกพอใจเหลือเกิน……

สวีฉางหลินตอกไข่หนึ่งใบใส่ไปในหม้อ เห็นว่าต้มได้พอประมาณแล้ว จึงตักขึ้นมา ก้มหน้าก้มตา ยิ้มเล็กน้อยแล้วกัดไข่ไก่หนึ่งคำ

อืม อร่อยกว่าเมื่อก่อน

โจวกุ้ยหลานกินเสร็จ เลยตอกไข่ลงไปสองฟอง รอต้มสุก นางก็คีบขึ้นมาหนึ่งฟอง สวีฉางหลินฉวยโอกาสยื่นชามไปตรงกลาง

รู้ตัวเองขนาดนี้เลย?

โจวกุ้ยหลานยิ้มให้เขาอย่างร่าเริงแจ่มใส ตามด้วยเบี่ยงมือทันที จากนั้นเอาไข่ใส่ลงไปในถ้วยของเจ้าก้อนน้อย

หันกลับไปดูอีกครั้ง ก็เห็นสวีฉางหลินมองถ้วยของเจ้าก้อนน้อยด้วยสีหน้าเย็นชา

โจวกุ้ยหลานตลกขบขัน เลยเอื้อมมือไปคีบอีกฟองที่อยู่ในหม้อขึ้นมา จากนั้นเอาใส่ไปในถ้วยของสวีฉางหลิน

“อ๊ะ กินเลย ท่านนี่ชอบหึงหวง ไปขายน้ำส้มสายชูจบละ!”

สวีฉางหลินดึงมือกลับ รู้สึกดีใจอยู่ภายในใจ แต่ชั่วประเดี๋ยวเดียว เขาก็กล่าวขึ้นว่า“ข้าไม่ชอบกินน้ำส้มสายชู”

“ท่านดู ในห้องนี้มีแต่กลิ่นน้ำส้มสายชู ท่านไม่ชอบกินน้ำสายชู?”โจวกุ้ยหลานขมวดคิ้ว ยังใช้มือโบกทำท่าได้กลิ่น

“ในบ้านไม่มีน้ำส้มสายชูนะ”สวีฉางหลินตอบกลับอีกครั้ง

โจวกุ้ยหลานรู้ว่าเขาฟังไม่เข้าใจ เกี่ยวกับการอุปมาว่าน้ำส้มสายชูเป็นว่าคนขี้หึงหวง ก็เลยไม่พูดกับเขาแล้ว นางช่วยเจ้าก้อนน้อยคีบผัก ตามด้วยเอาเลือดหมูลงไปต้มทันที

“รอหิมะหยุดตก ข้าจะไปซื้อเครื่องปรุงรส ถึงตอนนั้นจะทำหม้อไฟเนื้อแกะให้พวกท่านกิน”โจวกุ้ยหลานกล่าวแล้ว นึกถึงรสชาติอันโอชะของหม้อไฟเนื้อแกะ ตัวเองก็จะน้ำลายไหลออกมาแล้ว