เจ้าก้อนน้อยได้ยินก็ดีใจ เลยรีบพยักหน้า
สวีฉางหลินพยักหน้า นึกถึงอาหารที่ภรรยาของตัวเองจะทำ ก็เฝ้ารออย่างมาก
พวกเขากินหม้อไฟร้อนๆ พูดคุยกัน ครึกครื้นเป็นอย่างมาก
ขณะที่กำลังกิน ได้ยินด้านนอกมีเสียงเคาะประตูดังมา
“วันฉลองตรุษจีน ใครมาเรือนพวกเราหรือ?”โจวกุ้ยหลานกล่าวพูดแล้วลุกขึ้นยืน
สวีฉางหลินวางถ้วยไว้ด้านข้างโต๊ะ ลุกขึ้นยืน กล่าวกับโจวกุ้ยหลานว่า“ข้าจะไปดูเอง เจ้ากินเลย”
โจวกุ้ยหลานตอบรับว่า“เช่นนั้นท่านรีบไปรีบกลับมานะ”
สวีฉางหลินพยักหน้า หยิบเสื้อนวมและหมวกของตัวเองมา สวมใส่เรียบร้อยแล้ว ก็เดินออกไปด้านนอก
เมื่อออกไป ยังได้ปิดประตูไว้ด้วย
โจวกุ้ยหลานพากันกินกับเจ้าก้อนน้อยสองคน ไม่นาน สวีฉางหลินก็กลับมา ที่ตามมาด้วยนั้นยังมีผู้หญิงอายุสามสิบกว่าปี พอมองดูแล้ว ก็คือโจวซ่านเย่ที่ไม่กลับบ้านมาเป็นปีนี่เอง
“ไอ๋หยากุ้ยหลาน เจ้านี่ไม่ธรรมดาเลย! เรือนหลังนี้ใหญ่มาก ใหญ่กว่าคนมีสตางค์ที่อยู่ในเมืองมากโข!”โจวซ่านเย่ร้องขึ้นด้วยความตื่นตะลึง และมองพิจารณาโดยรอบ
โจวกุ้ยหลานฉีกยิ้ม ถามโจวซ่านเย่ว่า“พี่สาวรอง ท่านกินข้าวหรือยังเจ้าคะ? กินกับพวกเราหน่อยไหมเจ้าคะ?”
โจวซ่านเย่เดินตรงมา เมื่อเห็นสิ่งของที่วางอยู่ในห้องโถง ภายในใจรู้สึกตื่นตะลึง
เพิ่งจะได้ยินกุ้ยหลานรวยแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะรวยขนาดนี้!
“เรือนหลังนี้สร้างขึ้นมาต้องใช้เงินไม่น้อยเลย? ความใหญ่นี้ ได้อยู่ ดูแล้วจะต้องจ่ายหลายร้อยตำลึงเลยนะ!”โจวซ่านเย่กล่าวพูด ก็เดินไปตรงกองสิ่งของในห้องโถง เพราะอยากจะดูว่าของเหล่านั้นมีอะไรบ้าง
โจวกุ้ยหลานไม่อยากวุ่นวาย เลยเดินไปดึงแขนของนาง แล้วเดินมาทางกระถางเผาถ่าน
“พี่สาวรองท่านไม่ได้กลับมาเป็นปีแล้ว นานทีจะกลับมา กินข้าวที่เรือนก่อนนะเจ้าคะ”โจวกุ้ยหลานกล่าวพูดแล้ว มองไปทางสวีฉางหลิน“รีบเอาถ้วยชามตะเกียบมาให้พี่สาวรองหนึ่งชุดเร็วเข้า ให้พี่สาวรองอบอุ่นๆร่างกาย!”
สวีฉางหลินรับทราบ ก้าวเท้าเข้าไปในห้องครัว
เมื่อเห็นเนื้อในถาด โจวซ่านเย่ถึงกับตาค้าง ดีจริงๆ เวลานางจะฉลองตรุษจีนล้วนระมัดระวัง ส่วนโจวกุ้ยหลานฉลองตรุษจีนกินอาหารหนึ่งมื้อก็มีเนื้อเยอะเช่นนี้?
“กุ้ยหลาน ทำไมเจ้าถึงมีเงินเช่นนี้? ดูของกินนี่สิ ถ้ารู้มาก่อนว่าเจ้าจะมีอาหารดีเช่นนี้ ข้าก็ไม่กินอาหารที่เรือนท่านแม่แล้ว!”โจวซ่านเย่กล่าวพูด น้ำเสียงมีความเสียใจภายหลังแฝงอยู่
“ตอนนี้ก็กินได้ ใช่แล้ว เด็กๆกับพี่เขยรองล่ะเจ้าคะ?”
“ตอนนี้หิมะตก ข้าไม่ได้ให้พวกเขามาหรอก ข้ากลัวว่าระหว่างเดินทางเด็กน้อยจะลื่นล้ม”กล่าวพูดแล้ว ภายในใจของโจวซ่านเย่โจวซ่านเย่ก็รู้สึกเสียใจภายหลังมาก ถ้ารู้มาก่อนว่าที่เรือนมีเนื้อเยอะแยะ นางก็ให้พวกเขามาแล้ว
แต่นี่ก็ไม่โทษนาง เรือนพ่อแม่ในวันปกติกินข้าวยังไม่อิ่มเลย จะกินเนื้อได้ยังไง?
เจ้าก้อนน้อยเข้าประชิดโจวกุ้ยหลาน แล้วกินอาหารของตัวเองเงียบๆ
โจวกุ้ยหลานเลยช่วยเขาคีบเลือดหมู ให้ลูกของเขากิน
“กุ้ยหลาน เรือนใหม่ของเจ้าใหญ่มาก ใช้เงินซ่อมแซมเท่าไหร่หรือ?”โจวซ่านเย่เห็นสวีฉางหลินไปแล้ว เลยรีบถามโจวกุ้ยหลาน
น้องสาวเล็กเป็นคนซื่อตรง หลอกง่ายเป็นที่สุด
โจวกุ้ยหลานยิ้ม กล่าวว่า “ไม่เท่าไหร่หรอกเจ้าค่ะ เหตุใดพี่สาวรองถึงได้ขึ้นเขามาด้วยตัวเอง?”
“ข้าไม่ใช่ได้ยินว่าเจ้ากลับมาบ้านแล้วหรือ ปีก่อนเจ้าแต่งงานออกเรือน ที่บ้านของข้ามีภารกิจมาไม่ได้เลยไม่ได้กลับมา เลยถือโอกาสช่วงตรุษจีนมาเยี่ยมดู เดิมทีต้าไห่จะมาส่งข้า ข้าก็ขบคิดว่าภูเขานี้ข้าคุ้นชิน นี่ไม่ใช่ว่าก็เลยมาเองแล้วหรือ? ใช่แล้ว เหตุใดเจ้าถึงได้สร้างเรือนหลังใหญ่โตอยู่บนภูเขาล่ะ? นี่ไม่ใช่ว่างอยู่หรือ? ถ้าอยู่ด้านล่าง อย่างนั้นก็ยังสามารถเอาท่านแม่กับต้าซานมาพักอยู่กับเจ้าได้ ดูบ้านนี้สิ จุ๊ๆ สิ้นเปลืองแค่ไหนกัน!”
โจวกุ้ยหลานหนังตากระตุก พูดแล้วไม่หนีห่างเรือนนี้เลย จะต้องอยากรู้ให้ได้อย่างแน่นอนว่านางใช้เงินไปเท่าไหร่?
“กุ้ยหลาน พี่สาวรองเห็นเจ้าใช้ชีวิตอย่างดีมีความสุขแล้ว ก็วางใจ เฮ้อ ครอบครัวของพี่สาวรองลำบาก ทั้งครอบครัวหวังกับเงินทำงานเล็กน้อยนั่นของพี่เขยรองเจ้า พวกเด็กๆกินเยอะข้าจวนจะไม่ไหวแล้ว….”
โจวซ่านเย่กล่าวพูดแล้ว สีหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นหมดอาลัยตายอยาก
“ครอบครัวของท่านดีกว่าครอบครัวอื่นมาก อย่างไรก็เป็นครอบครัวที่ก่อร่างสร้างฐานอยู่ในเมือง”โจวกุ้ยหลานพูดคล้อยตามด้วย
“นั่นคือเจ้ายังไม่รู้ นั่นคือคนอื่นไม่รู้ว่าครอบครัวข้าลำบาก! ภายในครอบครัวมีเด็กสามคน มื้อหนึ่งกินไม่น้อยเลยทีเดียว รายรับซื้อพวกเสบียงอาหารหมด นี่ก็ยังกินไม่อิ่มเลย!”โจวซ่านเย่กล่าวออกมา ใช้หางตาเหลือบมองโจวกุ้ยหลาน แต่ผ่านไปสักพักหนึ่งแล้ว ก็ยังไม่เห็นกุ้ยหลานเอ่ยปาก นางเลยโมโหในใจแล้ว
ขณะที่กำลังพูดคุยกัน สวีฉางหลินก็กลับมาแล้ว จากนั้นยื่นถ้วยกับตะเกียบไปตรงหน้านาง
ตอนนี้โจวซ่านเย่เลยไม่พูดแล้ว นางยิ้มให้กับโจวกุ้ยหลานและสวีฉางหลิน
“ถ้าพวกเจ้าไม่พอกิน อย่างนั้นข้าไม่กินแล้ว”โจวซ่านเย่พูดอย่างเกรงอกเกรงใจ
“ไม่เป็นไรพี่สาวรอง ต่อให้ไม่พอกิน วันตรุษจีนวันที่สามช่วงไปมาหาสู่ญาติก็ไม่สามารถที่จะไม่ให้ท่านกินอาหารที่บ้านไม่ได้เจ้าค่ะ ตลอดทั้งปีท่านไม่ได้กลับมา พวกเราอยากจะเชิญท่านกินอาหารสักมื้อยังไม่ได้เลย แบบนี้พวกเราก็ไม่กล้าไปที่บ้านท่านหรอกเจ้าค่ะ เพราะเกรงว่าเมื่อพวกข้าพาครอบครัวไป อาหารภายในเรือนจะไม่พอกิน”
โจวกุ้ยหลานพูดอย่างราบเรียบ
คำพูดเหล่านี้พูดแล้วเหมือนเกรงใจมีมารายาท แต่พอมาฟังเข้าอยู่ในหูของโจวซ่านเย่นั้นไม่เหมือนกัน ถึงยังไงนางก็ไม่ได้ชอบคนในบ้านพ่อแม่จริงๆ และก็ไม่ชอบสุงสิงด้วย
“กุ้ยหลานพูดอะไรกัน ต่อให้พี่สาวรองจนจะตาย อาหารให้เจ้ากินจะต้องมี จะขาดเกินไม่ได้หรอกนะ!”โจวซ่านเย่กล่าวพูด สายตาจับจ้องมองชิ้นเนื้อในหม้อ
โจวกุ้ยหลานไม่สนใจว่านางพูดจริงๆหรือว่าเสแสร้ง อย่างไรเสียก็เป็นพี่สาวรองของนาง อีกทั้งเป็นการฉลองตรุษจีน นางเองก็ไม่อยากให้ทุกคนเสียความรู้สึก
สวีฉางหลินที่อยู่ด้านข้างคีบหัวไชเท้าให้โจวกุ้ยหลาน โจวกุ้ยหลานรับมา แล้วก้มหน้ากิน
หัวไชเท้าขาวหลังจากต้มแล้วรสชาติหวาน อร่อยเหลือเกิน
โจวซ่านเย่เหลือบมอง ตัวเองก็ไม่รอช้า หยิบตะเกียบขึ้นมาคีบเนื้อเข้าปาก พอเคี้ยวแล้ว รู้สึกรสชาติดีมาก
ไอ๋หยา ครอบครัวของน้องสาวเล็กไม่ธรรมดาเลย เรือนใหม่นี้ สิ่งของกองในเรือน แล้วเนื้อนี้อีก มีฐานะดีกว่าตัวนางอีก ดูเหมือนว่าอนาคตจะต้องสานสัมพันธ์อันดีกับน้องสาวเล็กแล้ว
“นี่คือลูกของน้องเขยหรือ? หน้าตาดีมาก ขาวละมุน ก็เพราะน้องเขยดูดี มีฝีมือ!”โจวซ่านเย่กินแล้วพูดยิ้มแย้มกับทุกคน
ร่าเริงครึกครื้นไม่เหมือนพี่สาวรองที่อยู่ในภาพความทรงจำของโจวกุ้ยหลานเลย
สวีฉางหลินเงยหน้าขึ้น เหลือบมองโจวซ่านเย่ แล้วเรียกว่าพี่สาวรอง โจวซ่านเย่ดีใจจนจะไม่ไหว รีบกล่าวตอบรับ
โจวกุ้ยหลานคีบเนื้อออกมาจากในหม้อ ส่งไปในถ้วยของโจวซ่านเย่“ท่านพี่ วันนี้เนื้อเยอะ ท่านกินเยอะๆนะเจ้าคะ”
“ยังเป็นกุ้ยหลานที่รู้จักทะนุถนอมคน พี่สาวรองไม่เสียแรงที่รักทะนุถนอมเจ้าเลย!”โจวซ่านเย่หัวเราะคิกคัก กินเนื้อที่อยู่ในถ้วย
“ในเมื่อชอบกิน ก็กินเยอะๆเจ้าค่ะ”โจวกุ้ยหลานพูดแล้วคีบเนื้อให้นางเพิ่ม
เวลาต่อมา เป็นโจวซ่านเย่ที่กินไม่หยุด โจวกุ้ยหลานเป็นคนคีบเนื้อต้มเนื้อให้นางตลอด
รอกินเสร็จ โจวซ่านเย่ก็เป็นคนที่เสนอตัวช่วยโจวกุ้ยหลานเก็บถ้วยชาม ไม่ยอมให้สวีฉางหลินช่วย โจวกุ้ยหลานส่ายหน้าให้สวีฉางหลิน ให้เบาไปพักอยู่ด้านหนึ่ง