บทที่ 372 ปีศาจน้อย
บทที่ 372 ปีศาจน้อย
“???” ซูอันไม่เชื่อสิ่งที่ตัวเองเพิ่งได้ยิน เขาถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าไม่ได้หูฝาดไป “เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”
“ท่านแม่อคติกับท่าน นางไม่มีทางยอมให้ท่านรักษาพี่สาวของข้าแน่นอน ดังนั้นข้าก็เลยต้องจัดการนาง!” ฉู่ฮวนเจาอธิบาย “ข้าใช้ยาสลบ!”
ใบหน้าของซูอันมืดลง “เจ้ามีของแบบนั้นได้ยังไงกัน?”
“ข้ารู้สึกสนุก ๆ เลยซื้อมาน่ะ นอกจากยาสลบแล้ว ข้ายังมียาระบาย ยาปลุกกำหนัด และอื่น ๆ อีกเยอะแยะเต็มไปหมด! ท่านไม่รู้หรอกว่าก่อนหน้านี้ข้าสนุกแค่ไหนที่ได้เล่นกับคนรับใช้ด้วยของเหล่านั้น น่าเสียดายที่หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็เริ่มพากันหลบเลี่ยงข้า และวิ่งหนีไปอย่างบ้าคลั่ง” ฉู่ฮวนเจากล่าวอย่างเสียใจ
ตอนนี้เองที่ซูอันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า จริง ๆ แล้วน้องภรรยาของเขาคนนี้คือปีศาจน้อย เมื่อตอนที่เขาเพิ่งเข้ามาในโลกนี้ ฉู่ฮวนเจาได้ส่งสุนัขมาไล่กัดและเฆี่ยนตีเขาด้วยแส้คร่ำครวญของนาง ชายหนุ่มจำทุกอย่างได้อย่างแม่นยำ แต่ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเขาและนางได้พัฒนาขึ้น มันจึงทำให้เขามองนางต่างจากเดิมไปเล็กน้อย
“ข้ายอมเสี่ยงขนาดนี้เพื่อช่วยท่าน ดังนั้นท่านต้องรักษาพี่สาวของข้าให้ดี!” ฉู่ฮวนเจาเหวี่ยงหมัดของนางขณะที่จ้องมองเขาด้วยท่าทางที่คุกคามเล็กน้อย
“ไม่ต้องห่วง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้า!” ซูอันพูดพร้อมพยักหน้า
เฉิงโซวผิงกลับเข้ามาและกล่าวว่า “นายน้อย ข้าได้ของทั้งหมดตามที่สั่งมาแล้ว เอ๊ะ คุณหนูรองก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ?”
ฉู่ฮวนเจาเพิกเฉยต่อเฉิงโซวผิงและเดินตรงไปหาซูอัน นางเอียงคอของนางเพื่อดูสิ่งของที่เฉิงโซวผิงเอามาวางไว้ให้ซูอันบนโต๊ะอย่างระเกะระกะ “ของพวกนี้คืออะไร?”
“พวกนี้คือของสำคัญในการช่วยชีวิตพี่สาวของเจ้า!” ซูอันกล่าวขณะที่เขาเก็บของอย่างรวดเร็วหลังจากตรวจดูความเรียบร้อยแล้ว “ไปกันเถอะ เราต้องรีบแล้ว!”
“นายน้อย นี่ท่านคิดจะทำอะไร? มีอะไรให้ข้าช่วยมั้ย?’ เฉิงโซวผิงพูดพลางยิ้มประจบสอพลอ
“มี” ซูอันตอบ
“อะไร? อย่าลังเลที่จะใช้งานข้า ข้าเต็มใจฝ่าดงหนามหรือไม่ก็ทะเลเพลิงเพื่อท่าน!” เฉิงโซวผิงตบหน้าอกดังตุบขณะที่เขาให้สัญญา
ดูเหมือนว่าครั้งนี้ข้าจะลงเรือถูกแล้ว เมื่อพิจารณาว่าคุณหนูรองสนิทสนมกับนายน้อยเพียงใด แม้ว่าในอนาคตคุณหนูใหญ่จะทอดทิ้งเขา ก็ยังมีคุณหนูรองและอยู่เป็นเขยเล็กตระกูลฉู่ต่อไปได้
“หุบปากแล้วกลับไปที่ห้องของเจ้า” ซูอันตวาดกลับ อาการของฉู่ชูเหยียนถือเป็นความลับของตระกูลฉู่ หากข่าวรั่วไหลออกไปและกลุ่มอื่น ๆ รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ มันจะเป็นหายนะของตระกูลฉู่ ไม่มีทางที่ชายหนุ่มจะเล่าเรื่องนี้ให้กับคนที่ปากสว่างอย่างเฉิงโซวผิงฟัง
“เข้าใจแล้ว!” เฉิงโซวผิงไม่ได้ดูผิดหวังแม้แต่น้อย เขาหุบปากตามคำสั่งแล้วเดินกลับไปที่ห้องของตัวเองอย่างเชื่อฟัง
ฉู่ฮวนเจายังคงตื่นตระหนกอยู่ครู่หนึ่ง แต่คำตอบของเฉิงโซวผิงทำให้ใบหน้าของนางมีรอยยิ้ม “คนรับใช้ตัวน้อยของท่านเป็นคนที่น่าสนใจจริง ๆ”
ซูอันก็ประหลาดใจเช่นกันที่เห็นว่าเฉิงโซวผิงเชื่อฟังได้ขนาดนี้ “ข้าเดาว่าปากที่สว่างของเขาได้ทำให้เขาเกือบจะถูกฆ่าเอาบ่อย ๆ จนในที่สุดเขาก็เรียนรู้ที่จะเชื่อฟังคนอื่นบ้าง”
ทั้งสองรีบไปที่ห้องของฉู่ชูเหยียน ยามหน้าห้องพยายามจะหยุดพวกเขา อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาเห็นว่าเป็นฉู่ฮวนเจา พวกเขาทั้งหมดก็ถอยไปด้านข้างและปล่อยให้ผ่านเข้าไป
ซูอันรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก อะไรกันเนี่ย? ข้าซึ่งเป็นนายน้อยของตระกูลฉู่มาเยี่ยมภรรยาของตัวเอง แต่พวกเขาอนุญาตให้ข้าเข้าไปเพราะข้ามากับฉู่ฮวนเจาเท่านั้น?
ไม่มีใครแม้แต่สาวใช้สักคนอยู่ในห้องของฉู่ชูเหยียน มีเพียงฉินหว่านหรู นอนหมดสติอยู่ที่พื้นข้างเตียง ดูเหมือนกำลังหลับสนิท รูปร่างของนางดูยั่วยวนกว่ามากเมื่อเปรียบเทียบกับลูกสาวทั้งสอง น่าแปลกที่หล่อนไม่ได้ผอมแต่ก็ไม่ได้ดูอ้วนท้วน
เมื่อคิดถึงชีวิตของแม่ยาย ซูอันต้องยอมรับว่านางมีความสุขอย่างแท้จริง เพียบพร้อมไปด้วยรูปลักษณ์ที่ดูดี ร่ำรวยด้วยยศฐาบรรดาศักดิ์ น่าเสียดายที่ปากของนางแย่กว่าเสวี่ยเอ๋อร์เสียอีก
ซูอันรู้สึกว่าฮวนเจากล้าหาญมากที่ปล่อยให้แม่ของนางนอนหมดสติอยู่คนเดียวที่นี่ นางไม่กลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับแม่ตัวเองในขณะที่นางไม่อยู่เหรอ?
“หมอเปาไปไหนแล้ว?” ซูอันถามขณะที่เขามองไปรอบ ๆ
“ข้าไล่เขาออกไป ก็เขาไม่รู้ว่าจะรักษาพี่สาวของข้ายังไง อยู่ต่อไปก็เกะกะ!” ฉู่ฮวนเจาตอบ
“แน่ใจเหรอว่าไม่ใช่เพราะเจ้ากลัวว่าเขาจะสังเกตเห็นว่าเจ้าวางยาแม่ของตัวเอง?” ซูอันถามอย่างสงสัย
ฉู่ฮวนเจาหน้าแดงเล็กน้อยขณะที่นางรีบร้อนแก้ตัว “นั่นเป็นแค่เหตุผลหนึ่ง แค่ก ๆ อย่าไปสนใจกับรายละเอียดยิบย่อยแบบนั้นตอนนี้เลย พร้อมแล้วใช่มั้ย! ท่านรีบรักษาพี่สาวข้าเร็วเข้า!”
จู่ ๆ เสียงแผ่วเบาของฉู่ชูเหยียนก็ดังขึ้นจากเตียง “ฮวนเจา นั่นเจ้าเหรอ?”
ฉู่ฮวนเจารีบวิ่งไปที่ด้านข้างของพี่สาวตัวเองนางและแหวกผ้าม่านออก ขณะนี้ไม่มีบุคคลภายนอก ดังนั้นพวกนางจึงไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไร “พี่ใหญ่ นี่ข้าเอง”
ความเย็นยะเยือกทะลักออกมาทันทีที่ม่านถูกเปิดออก และสามารถมองเห็นฉู่ชูเหยียนนอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว
เมื่อนางเห็นซูอัน รอยแดงแผ่ซ่านบนแก้มของนางขณะที่พูดว่า “เจ้า… ก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ?”
ซูอันพยักหน้า “ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าช่วยเจ้าได้”
ฉู่ชูเหยียนส่ายหัวและพูดว่า “ข้ารู้สภาพของตัวเองดีที่สุด อา…ถ้าเพียงข้ารู้ว่าสิ่งต่าง ๆ จะกลายเป็นแบบนี้ ข้าคงไม่กินดอกบัวเร้นลักษณ์ ของดี ๆ ต้องเสียไปโดยเปล่าประโยช์เพราะคนอย่างข้า ถ้าเปลี่ยนเป็นเจ้ากินมันแทน เจ้าคงใกล้ถึงระดับที่ห้าแล้ว”
ซูอันนั่งที่ขอบเตียงขณะที่เสยผมของนางไปด้านข้างอย่างอ่อนโยนและพูดว่า “ไม่ต้องห่วง ข้าเคยช่วยเจ้าที่ใกล้ตายจากมิติลับมาแล้ว จะแปลกอะไรถ้าข้าจะช่วยเจ้าอีกครั้ง อาการแค่นี้ของเจ้าไม่คณามือข้าหรอก”
ฉู่ฮวนเจารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่ได้เห็นภาพนี้ นางรู้ว่าพี่สาวของนางไม่ใช่คนประเภทที่ยอมให้ผู้ชายเข้าใกล้ แต่ตอนนี้พี่สาวของนางกลับไม่ปฏิเสธการสัมผัสของซูอันเลย มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างพวกเขาสองคนในมิติลับกันแน่?
ฉู่ชูเหยียนคิดถึงวิธีที่ซูอันช่วยเหลือนางในมิติลับ นางก็ใจเต้นแรงขึ้นในทันที ซึ่งมันส่งผลกระทบกระเทือนร่างกายของนาง จากนั้นก็เริ่มไอ
ซูอันรีบพยุงนางขึ้นและตบหลังนางเบา ๆ เพื่อบรรเทาความไม่สบายตัวของนาง
อึก!
ฉู่ชูเหยียนกระอักออกมาเป็นเลือดที่เต็มไปด้วยเศษน้ำแข็ง แม้แต่ความอบอุ่นของเลือดก็ไม่สามารถละลายเศษน้ำแข็งเหล่านี้ได้ และพวกมันก็ปล่อยไอเย็นออกมาเป็นควัน
ฉู่ฮวนเจาน้ำตาคลอทันทีเมื่อเห็นมัน “พี่ใหญ่!”
“ไม่เป็นไรหรอก ข้าเป็นแบบนี้มาระยะหนึ่งแล้ว” ฉู่ชูเหยียนกล่าวขณะที่นางฝืนยิ้ม ทันใดนั้นนางก็สังเกตเห็นฉินหว่านหรูนอนหมดสติอยู่ข้าง ๆ จึงถามด้วยน้ำเสียงตกใจ “เกิดอะไรขึ้นกับท่านแม่?”
ฉู่ฮวนเจาปาดน้ำตาและอธิบายด้วยความเขินอายว่า “ไม่ว่าข้าจะพูดยังไง ท่านแม่ก็ไม่ยอมให้พี่เขยรักษาท่านสักที ดังนั้นข้า…ข้าเลยทำให้นางหลับไป…”
“เจ้าวางยาท่านแม่เหรอ!?” ฉู่ชูเหยียนยืดตัวในทันที ซึ่งทำให้นางมีอาการไออีกครั้ง
ฉู่ฮวนเจาประท้วงอย่างน้อยใจ “แล้วข้าจะทำอะไรได้? นางไม่ฟังเลยสักนิด!”
“…” ฉู่ชูเหยียน
นางมองดูน้องสาวตัวน้อยของนางด้วยสีหน้าซับซ้อนขณะที่นางถาม “ทำไมเจ้าถึงมั่นใจนักว่าเขาจะช่วยชีวิตข้าได้ ถึงขนาดต้องทำ…”
ฉู่ฮวนเจากัดริมฝีปากและตอบว่า “ข้ารู้สึกเหมือนพวกท่านทุกคนเข้าใจเขาผิด เขาไม่ใช่คนที่จะโกหกเรื่องร้ายแรงเช่นนี้ เขาไม่ได้โกหกเรื่องความมั่นใจในงานประลองระหว่างตระกูล ข้าเลยไม่คิดว่าเขากำลังโกหกเรื่องนี้เช่นกัน พี่ใหญ่…ท่านควรเชื่อในตัวเขามากกว่านี้ด้วย”
ซูอันรู้สึกประทับใจเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ อ่า น้องภรรยาของข้าดีที่สุดจริง ๆ เป็นเพราะการปรากฏตัวของเจ้าที่ทำให้ข้าไม่รู้สึกอ้างว้างในตระกูลฉู่อีกต่อไป
เมื่อเห็นแววตาน้องสาวของตัวเองที่จริงจังเป็นอย่างมาก ฉู่ชูเหยียนก็ทำได้แต่ถอนหายใจ และกล่าวว่า “ข้าก็เชื่อในตัวเขาเหมือนกัน…แต่ว่าเราย้ายท่านแม่ไปนอนที่เก้าอี้ตรงนู้นก่อนเถอะ ทิ้งท่านแม่ไว้บนพื้นแบบนี้มันดูไม่ดีสักเท่าไหร่”
ฉู่ฮวนเจาสะกิดซูอันและพูดว่า “พี่เขย เป็นหน้าที่ของท่าน”
นางมีรูปร่างเล็กทำให้นางไม่สะดวกที่จะอุ้มฉินหว่านหรู
ซูอันอยากจะบอกว่ามันดูไม่เหมาะ แต่ฉู่ชูเหยียนก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น พี่น้องทั้งสองดูเหมือนจะแอบกระซิบกระซาบอะไรกัน
ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นและเดินไปอุ้มฉินหว่านหรูที่หมดสติอย่างไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่ ร่างที่อวบอิ่มของนางค่อนข้างมีน้ำหนัก มันยากมากที่จะอุ้มคนที่หมดสติในท่าที่เหมาะสม โชคดี ที่นี่คือโลกแห่งการบ่มเพาะและความแข็งแกร่งของซูอันนั้นเหนือกว่าคนทั่วไปมาก