บทที่ 371 หรือว่าข้ามองเขาผิดไป?
บทที่ 371 หรือว่าข้ามองเขาผิดไป?
ในขณะเดียวกันนี้เองที่ ฉินหว่านหรูเดินออกมาจากห้องของฉู่ชูเหยียนอย่างโกรธจัดและตะโกนว่า “เจ้าใช้เวทมนตร์แบบไหนกับฮวนเจา ทำให้นางเข้าข้างเจ้าแบบนี้!?”
—
ท่านยั่วยุฉินหว่านหรูสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 678!
—
ซูอันยักไหล่แทนคำตอบ “ข้าไม่รู้ว่าท่านกำลังพูดถึงอะไร ฮวนเจาก็ไม่ใช่เด็ก ๆ นางมีความคิดและสามารถตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ได้เอง ท่านประเมินความฉลาดของลูกสาวตัวเองต่ำไปหน่อยหรือเปล่า?”
“ข้าไม่ชอบลิ้นที่ตลบแตลงของเจ้าจริง ๆ ข้าไม่รู้ว่าเจ้าหลอกชูเหยียนของเราได้ยังไง แต่อย่าฝันว่าเจ้าจะทำแบบเดียวกันนี้ได้กับฮวนเจาของข้า ข้าไม่ยอมให้เจ้าทำได้สำเร็จแน่นอน!” ฉินหว่านหรูชี้นิ้วไปที่ซูอันขณะที่ตะโกนอย่างโกรธจัด “ถ้าข้ารู้ว่าเจ้าคิดชั่วกับลูกสาวสองคนของข้า ข้าจะทำให้เจ้าตายอย่างไม่เหลือชิ้นดี!”
—
ท่านยั่วยุฉินหว่านหรูสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 777!
—
ใบหน้าของซูอันเย็นลง “พูดจบหรือยัง?”
ซูอันเหน็ดเหนื่อยมามากพอแล้ว ถ้าผู้หญิงคนนี้ยังคงพล่ามต่อไปและยัดเยียดข้อกล่าวหาเท็จที่นางคิดเองเออเองต่ออีก เขาอาจจะหมดความอดทนในท้ายที่สุด
“เจ้า…” ฉินหว่านหรูประหลาดใจ นางไม่คิดว่าบุตรเขยที่ไร้ค่าจะกล้าขึ้นเสียงใส่นางจริง ๆ
นางกำลังจะระเบิดอารมณ์อีกครั้ง แต่จู่ ๆ สาวใช้ก็ร้องบอกจากด้านหลัง “นายหญิง คุณหนูฟื้นแล้ว!”
ฉินหว่านหรูจ้องเขาเขม็ง “ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้าอีกที!”
หลังจากพูดจบนางก็รีบกึ่งวิ่งกึ่งเดินกลับเข้าไปในห้องของฉู่ชูเหยียน
ในขณะเดียวกัน ซูอันก็ลังเลเล็กน้อย แต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่ได้ตามเข้าไปในห้อง เขาถามหมี่ลี่เสียงเบา “ท่านแน่ใจนะว่าตอนนี้ชูเหยียนยังจะไม่เป็นไร?”
“นางป่วยหนัก แต่อาการของนางไม่ได้แย่จนถึงกับจะตายภายในวันสองวันนี้หรอก” หมี่ลี่ตอบอย่างเรียบเฉย
ในที่สุดหัวใจของซูอันก็สงบลง ชายหนุ่มรีบเรียกเฉิงโซวผิงให้ไปรวบรวมของที่เขาต้องการจากห้องเก็บยาของตระกูลฉู่ แม้ว่าตระกูลฉู่จะค่อนข้างไร้ประโยชน์ในหลาย ๆ ด้าน แต่อย่างน้อยที่สุด พวกเขาก็มีทรัพยากรมากมาย
หลังจากนั้น เขาก็ได้สร้างหุ่นฟางและเริ่มทดลองทำตามวิธีการรักษาที่หมี่ลี่สอนเขา
แม้ว่าซูอันจะมีพรสวรรค์ที่สูงส่ง แต่เขาก็ไม่มีประสบการณ์ในการรักษาผู้ป่วยเลย ต้องเข้าใจว่าบางอย่างในทางทฤษฎีกับทางปฏิบัตินั้นต่างกัน ชายหนุ่มจึงรู้สึกว่าจำเป็นต้องทดสอบกับหุ่นฟางก่อน
“เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?” จู่ ๆ เสียงแหบแห้งก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
ซูอันตกใจหันกลับมาเห็นผู้เฒ่ามี่ยืนอยู่ข้างประตู
“โธ่ เป็นท่านผู้อาวุโสนี่เอง” ซูอันประสานมือโค้งคำนับอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
ผู้เฒ่ามี่เหลือบมองหุ่นฟางก่อนถามอย่างสงสัย “ตอนนี้เจ้ากำลังเรียนรู้ทักษะการแพทย์อยู่หรือเปล่า?”
“ข้าแค่สงสัยนิดหน่อย เลยอยากลองดู” ซูอันตอบอย่างเขินอาย
“เจ้ากำลังคิดหาวิธีปลดผนึกของเจ้าอยู่เหรอ?” ผู้เฒ่ามี่ถามด้วยรอยยิ้มที่ดูสยดสยอง “ข้าได้ยินมาว่าเจ้ากับลูกสาวของหมอเทวะจี้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่อย่าหลงเชื่อคำพูดของนาง ผนึกของเจ้าไม่สามารถปลดออกได้จากภายนอก เจ้าควรมุ่งเน้นไปที่การบ่มเพาะเพื่อไปถึงระดับปรมาจารย์ให้ได้โดยเร็วที่สุด ”
“ข้าเข้าใจแล้วท่านผู้อาวุโส” ซูอันรู้สึกว่าเขาไม่ควรเปิดเผยความจริงที่ว่าเขาได้ทำลายผนึกในร่างกายไปแล้ว
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าสามารถรอดเงื้อมมือของนายน้อยตระกูลซือกลับมาได้ ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีโชคเจออะไรดี ๆ ในมิติลับหยกจรัสสินะ” ผู้เฒ่ามี่กล่าวอย่างสงสัย
“ข้าโชคดีที่ได้พบดอกบัวเร้นลักษณ์ซึ่งเพิ่มระดับการบ่มเพาะได้เล็กน้อย” ซูอันตอบด้วยความเคารพ
“ดอกบัวเร้นลักษณ์!” ผู้เฒ่ามี่หายใจแรงขึ้น “เจ้ากินหมดเลยเหรอ?”
ซูอันส่ายหัวและตอบว่า “ส่วนใหญ่ข้าให้ชูเหยียนกินเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของนาง”
“เจ้าโง่!” ผู้เฒ่ามี่ตบต้นขาตัวเองอย่างโมโห “ทำไมเจ้าไม่กินมันเอง!?”
—
ท่านยั่วยุมี่เหลียนอิ๋นสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 250!
—
ซูอันตกตะลึง เขาคิดว่าอีกฝ่ายโกรธเขาที่ไม่ได้นำดอกบัวเร้นลักษณ์มาให้ แต่กลับกลายเป็นว่า ผู้เฒ่ามี่โกรธเพราะชายหนุ่มไม่ได้เป็นคนกินมันเสียเอง?
ดูเขาเป็นห่วงข้ามากจริง ๆ เอ หรือว่า… ข้าเข้าใจเขาผิดไปหรือเปล่า?
“ในตอนนั้นเส้นลมปราณของชูเหยียนถูกทำลาย และชีวิตของนางก็แขวนอยู่บนเส้นด้าย เนื่องจากเราเป็นคนรักกัน ข้าไม่สามารถปล่อยให้นางจากไปต่อหน้าต่อตาได้” ซูอันตอบ
“คนรัก?” ผู้เฒ่ามี่เยาะเย้ย “เจ้ารู้ตัวเองดีกว่าใครว่าความสัมพันธ์ของเจ้ากับนางเป็นยังไง? มีใครในคฤหาสน์นี้บ้างไหมที่ปฏิบัติต่อเจ้าในฐานะนายน้อยของตระกูลฉู่?”
เท่าที่นับได้อย่างน้อยก็มีสองคนคือฉู่ฮวนเจาและเฉิงโซวผิง!
ซูอันคิดตอบกลับในใจ ส่วนฉู่ชูเหยียน… พูดตามตรงซูอันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่านางคิดยังไงกับเขา อย่างไรก็ตาม เนื่องจากชูเหยียนเคยอนุญาตให้เขาทำอย่างนั้นกับนาง แสดงว่าน่าจะยอมรับเขาบ้างแล้วใช่ไหม?
ผู้เฒ่ามี่ส่ายหัวให้กับความไร้เดียงสาของซูอันและกล่าวว่า “และตัวเจ้าเองไม่รู้เหรอว่าร่างกายของเจ้าในตอนนี้เป็นยังไง? เจ้ายังทำในสิ่งที่ผู้ชายคนหนึ่งทำไม่ได้ นับประสาอะไรคิดจะไปถนอมนาง!”
—
ท่านยั่วยุมี่เหลียนอิ๋นสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 666!
—
“…” ซูอัน
ท่านไม่พูดแรงเกินไปหน่อยเหรอ? หากเป็นตอนที่ข้ายังไม่ได้ปลดผนึกตัวเอง ข้าคงอายจนกลายเป็นโกรธอย่างแน่นอน ท่านโชคดีที่ข้าหายดีแล้ว ไม่อย่างนั้นข้าคงโกรธจนไม่อยากมองหน้าท่าน!
เมื่อเห็นว่าซูอันไม่มีทีท่าตอบสนองอะไร ผู้เฒ่ามี่ก็หมดความสนใจที่จะดุด่าซูอันต่อไป “ช่างมันเถอะ สิ่งที่ผ่านไปแล้วข้าพูดอะไรไปก็ใช่ว่าจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ แต่ข้าต้องการให้เจ้ารู้ว่าควรให้ความสำคัญกับการบ่มเพาะของตัวเองเป็นอันดับแรก ทุกสิ่งอย่างล้วนไม่มั่นคงยกเว้นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของตัวเจ้าเอง อ้อ ข้าได้ยินมาว่า เว่ยหงเต๋อได้เข้าไปในมิติลับด้วย เรื่องที่ข้ามอบหมายให้เจ้าไปเป็นยังไงบ้าง?”
ในขณะที่รักษาท่าทีของตัวเองให้คงที่ ซูอันตอบว่า “เราพบกันในมิติลับและข้าก็ได้ทำความรู้จักกับเขา ตอนนี้เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน”
ข้าถือว่าเขาเป็นเพื่อนของอีกฝ่ายไปแล้ว โดยที่ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะคิดเหมือนกันหรือไม่
คิ้วที่ขมวดแน่นของผู้เฒ่ามี่ ในที่สุดก็คลายออกเล็กน้อยในขณะที่ชายชราพูด “ดี อย่าลืมจับตาดูการเคลื่อนไหวของตระกูลเว่ย ไม่ว่าเรื่องจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ต้องกลับมารายงานให้ข้ารับรู้ นอกจากนี้ เจ้าต้องไม่ให้เขารู้ว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่ ข้าเชื่อว่าคนที่มีไหวพริบเฉียบแหลมอย่างเจ้าคงจะทำได้ดี”
“ไม่มีปัญหา” ซูอันตอบกลับ แต่ด้วยความอยากรู้ ชายหนุ่มจึงถามต่อว่า “ว่าแต่ท่านให้ข้าจับตาดูพวกเขาทำไม?”
“อย่าถามคำถามที่เจ้าไม่ควรถาม” ผู้เฒ่ามี่กล่าวอย่างเย็นชา ประกายตาของเขาคมขึ้นทันใด ก่อนที่จะโบกมือของเขาส่งผลให้กระบี่ไท่เอ๋อร์ ที่วางพิงอยู่ที่กำแพงพุ่งเข้าไปหามือของเขาเอง
ซูอันตื่นตระหนก เขาคิดจะเรียกกระบี่ไท่เอ๋อร์กลับมาทันที แต่ความแข็งแกร่งที่ต่างกันมากทำให้ชายหนุ่มไม่กล้าเคลื่อนไหวโดยประมาท
“มันเป็นอาวุธระดับสวรรค์จริง ๆ! ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงสามารถผ่ากระบี่ของซือคุนออกเป็นสองท่อนได้ ดูเหมือนว่าเจ้าได้รับผลประโยชน์อย่างมากในมิติลับ” ผู้เฒ่ามี่กล่าวขณะที่เขาสะบัดกระบี่เบา ๆ หลังจากนั้น เขาก็โยนกระบี่กลับไปให้ซูอันอย่างไม่ได้ใส่ใจและพูดว่า ‘ไม่ต้องห่วง ข้าไม่โลภอยากได้ของเจ้าหรอก’
เพราะสิ่งที่เป็นของเจ้าจะกลายเป็นของข้าในที่สุด! ผู้เฒ่ามี่คิดในใจ
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโส” ซูอันประสานมือคำนับให้กับผู้เฒ่ามี่ก่อนที่จะเดินออกไปส่งอีกฝ่ายที่นอกห้อง จากนั้นเมื่อชายหนุ่มกลับมาในห้องตัวเองก็จ้องเขม็งไปที่กระบี่ไท่เอ๋อร์ “เกิดอะไรขึ้นกับศักดิ์ศรีของท่าน? ทำไมท่านถึงบินไปทันทีที่เขากวักมือเรียก?”
ภาพเงาของหมี่ลี่ผุดขึ้นจากใบกระบี่เผยให้เห็นใบหน้าที่เคร่งเครียดของนาง “เจ้ารู้ไหมว่าระดับการบ่มเพาะปัจจุบันของเขาอยู่ที่เท่าไหร่?”
“เท่าไหร่?” ซูอันถาม เขาอยากรู้เรื่องนี้มาโดยตลอด
“เขาอยู่ในระดับที่เก้า!” หมี่ลี่กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นไหว “เขาไม่ได้ด้อยไปกว่าจางฮั่นเลย!”
“อา? เขาเป็นคนที่น่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?” ซูอันมึนงง เขารู้ว่าฉู่จงเทียนเป็นที่รู้จักว่าเป็นผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองจันทร์กระจ่าง แต่ถึงอย่างนั้นระดับการบ่มเพาะของเขาก็อยู่ในระดับที่แปดเท่านั้น ทว่า ชาวสวนร่างผอมของคฤหาสน์นี้จริง ๆ แล้วอยู่ที่ระดับเก้าซะงั้น!
อย่างไรก็ตาม ซูอันก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกในไม่ช้าและกล่าวว่า “ท่านเคยเอาชนะจางฮั่นมาแล้วนี่นา ท่านไม่เห็นจำเป็นต้องกลัวผู้เฒ่ามี่เลยนี่?”
หมี่ลี่มองซูอันอย่างจริงจังและกล่าวว่า “เจ้าไม่สามารถเอาเหตุการณ์ตอนนั้นมาเปรียบเทียบกับตอนนี้ได้ ข้าสามารถเอาชนะจางฮั่นได้ง่าย ๆ เพราะเขาต้องการตายตั้งแต่แรกแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ข้าเป็นเพียงวิญญาณ ซึ่งความแข็งแกร่งลดลงอย่างมากหลังจากต้องเปลี่ยนร่างถึงสองครั้ง ข้าในตอนนี้อ่อนแอเกินกว่าจะเป็นคู่มือของเขา ข้าขอเตือนว่าอย่าไปทำให้เขาขุ่นเคือง ข้าไม่อยากตายไปพร้อมกับเจ้า!”
“…” ซูอัน
พี่หญิงใหญ่ ต้นขาของท่านควรจะหนากว่านี้ข้าจะได้จับมันไว้เพื่อความปลอดภัย!
ซูอันกำลังจะพูดต่อ แต่ชายหนุ่มได้ยินเสียงของฉู่ฮวนเจาจากที่ไกล ๆ เสียก่อน “พี่เขย! รีบตามข้ามา เราจะไปช่วยพี่สาวกันเดี๋ยวนี้!”
ฉู่ฮวนเจาวิ่งเข้ามาหาเขาพร้อมกับหายใจหอบ ดูเหมือนว่านางจะรีบวิ่งมาตลอดทาง…
ซูอันมองดูนางอย่างสงสัย “แม่ของเจ้าอนุญาตให้ข้ารักษาพี่สาวของเจ้าเหรอ?”
“ไม่มีทาง! แต่ข้าจัดการไล่นางออกไปแล้ว!” ฉู่ฮวนเจาพูดออกมาโต้ง ๆ อย่างไร้เดียงสา