บทที่ 370 เจ้าจะต้องการหัวใจของนางเพื่ออะไร

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 370 เจ้าจะต้องการหัวใจของนางเพื่ออะไร?
บทที่ 370 เจ้าจะต้องการหัวใจของนางเพื่ออะไร?

เมื่อได้ยินคำพูดของซูอัน หมี่ลี่ก็รู้สึกพึงพอใจขึ้นมาเล็กน้อยและพูดว่า “ผู้ชายอย่างน้อยควรจะรู้วิธีเก็บความแค้นไว้ ถ้าเจ้าตอบแทนความแค้นด้วยเมตตา แล้วจะตอบแทนความเมตตาด้วยอะไร? ความเป็นปฏิปักษ์ควรได้รับการชดใช้ด้วยความเกลียดชังเสมอ!”

ในที่สุดความเกรี้ยวกราดในน้ำเสียงของหมี่ลี่ก็ลดลงเล็กน้อย “ภรรยาของเจ้าอยู่ในสถานะที่ยากลำบากเพราะน้ำแข็งได้แทรกซึมเข้าไปในอวัยวะและเส้นลมปราณของนางแล้ว สิ่งที่เราต้องทำในตอนนี้คือการขับความเย็นออกจากร่างกายของนาง แต่ถ้าผิดพลาดแม้แต่เพียงเล็กน้อยก็สามารถทำลายเส้นลมปราณของนางได้อย่างง่ายดาย และสร้างความเสียหายอย่างหนักต่ออวัยวะของนาง นั่นจะทำให้นางตายเร็วขึ้น”

“นางเป็นคนที่คุ้นเคยกับร่างกายของตัวเองมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเส้นลมปราณหรืออวัยวะของนาง ดังนั้นตัวนางควรเป็นคนขับไล่ความเย็นในร่างกายออกมา แต่ปัญหาคือนางอ่อนแอเกินที่จะทำเช่นนั้น และธาตุที่นางบ่มเพาะก็คือน้ำแข็งด้วย ถ้านางโคจรธาตุน้ำแข็ง เข้าไปในร่างกายตัวเองตอนนี้ ปัญหาจะยิ่งแย่ลงไปอีก”

“แต่ถ้าจะตัดปัญหาเหล่านี้ เจ้ามีวิธีที่ง่ายที่สุดในการรักษานาง นั่นก็คือการผสานหยินและหยางเหมือนที่เจ้าสองคนเคยทำก่อนหน้านี้ในสุสานเพื่อใช้หยาง (ร้อน) ขับไล่ความเย็นจัดในตัวของนาง ยิ่งไปกว่านั้น เจ้ายังสามารถโคจรพลังปฐมบทไปยังเส้นลมปราณที่เสียหายและปกป้องอวัยวะของนางได้ ด้วยวิธีนี้ นางน่าจะฟื้นตัวได้เต็มที่ภายในเวลาครึ่งเดือนหรืออย่างช้าที่สุดก็ครึ่งปี”

ซูอันถามด้วยความประหลาดใจ “ทำไมมันใช้เวลานานขนาดนั้น?”

มีร่องรอยของความสนุกสนานอยู่ในเสียงของหมี่ลี่ ขณะที่นางตอบว่า “นี่เป็นคำถามที่โง่จริง ๆ เจ้าคิดว่าการทำคืนละเจ็ดครั้งจะเหมือนกับการทำคืนละครั้งเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์งั้นเหรอ?”

“…” ซูอัน

“เอ่อ…แต่วิธีการรักษานี้ค่อนข้างแปลกใหม่เกินไป…”

“หยุดพูดจาเป็นคนดีได้แล้ว! ข้ารู้ว่าตอนนี้ในใจของเจ้ากำลังเฉลิมฉลองต่อความสุขส้มหล่นนี้อยู่!” หมี่ลี่กล่าวอย่างเย็นชา เมื่อมองทะลุผ่านใบหน้าซูอัน

ใบหน้าของซูอันร้อนขึ้นในขณะที่เขาพูด “ข้าหมายความว่ามันเป็นสิ่งที่มีความสุขสำหรับข้า แต่ข้าไม่แน่ใจว่าชูเหยียนจะเต็มใจที่จะทำไหม?”

“เจ้าจะกังวลกับเรื่องเล็กน้อยแบบนั้นไปทำไมในสถานการณ์แบบนี้?” หมี่ลี่ตะคอกกลับขุ่นเคือง

ซูอันตอบกลับนางอย่างรวดเร็ว “การได้มาซึ่งร่างกายของบุคคลนั้นง่าย แต่การชนะใจคนนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ข้าต้องการให้นางยอมรับข้าด้วยความเต็มใจ แทนที่ข้าจะเอาเปรียบนางในช่วงเวลาแบบนี้”

ซูอันดูถูกตัวเองเล็กน้อยในระหว่างที่พูดเช่นนี้ อันที่จริงชายหนุ่มได้ครอบครองร่างกายของนางไปแล้ว แต่เขาต้องการหัวใจของฉู่ชูเหยียน ด้วย

“เจ้าจะต้องการหัวใจของนางไปเพื่ออะไร?” หมี่ลี่ตอบอย่างดูถูกเหยียดหยาม “ตราบใดที่ร่างกายของนางคุ้นเคยกับเจ้า อีกไม่นานหัวใจของนางก็จะกลายเป็นของเจ้าเช่นกัน เด็กอย่างเจ้าช่างไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าจิตใจของมนุษย์ทำงานอย่างไร ความรักเป็นสิ่งที่สั่งสมได้ตามกาลเวลา”

“…” ซูอัน

นี่ท่านเสียดสีข้าหรือเปล่าเนี่ย?

“พี่หญิงใหญ่ ท่านบอกว่านั่นเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด ซึ่งหมายความว่ามีวิธีที่ไม่ง่ายเช่นกัน ข้าขอทราบได้ไหมว่ามันคืออะไร?” ซูอันถาม

ในกระบี่ไท่เอ๋อร์ ใบหน้าของหมี่ลี่เปลี่ยนเป็นสีซีดขณะที่นางพูดว่า “เฮ้อ ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าตอนนี้เจ้ากำลังแสร้งทำตัวเป็นคนปัญญาอ่อนหรือเปล่า เจ้าที่ทำตัวเป็นคนโรคจิตอยู่เสมอ แต่ตอนนี้กลับทำตัวเป็นคนมีคุณธรรมเนี่ยนะ! ฟังให้ดี วิธีที่ยากนั้นเกี่ยวข้องกับ…”

กลับไปที่ห้อง ฉู่ฮวนเจาหยุดฉินหว่านหรูที่กระวนกระวายใจและพูดว่า “ท่านแม่ทำเกินไปอีกแล้ว พี่สาวของข้าพูดไปก่อนหน้านี้แล้วว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพี่เขย!”

“หุบปาก! เจ้าเอาแต่เข้าข้างคนนอก! เขาเป็นใครสำหรับเจ้า? เขาสำคัญกว่าพี่สาวคนโตของเจ้าหรือเปล่า? เขาสำคัญกว่าแม่เจ้าเหรอ?!” ฉินหว่านหรูตะโกน

ฉู่ฮวนเจาทำหน้าไม่พอใจ “ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น!”

“พอได้แล้ว!” ในที่สุดฉู่จงเทียน ก็หมดความอดทน เขาหันไปหาเปาโหย่วหลูและถามว่า “หมอเปา ไม่มีทางช่วยได้เลยจริง ๆ เหรอ?”

เปาโหย่วหลูส่ายหัวและตอบว่า “ต้องขออภัยจริง ๆ ที่ข้าไร้ความสามารถ ข้าไม่สามารถหาวิธีรักษานางได้จริง ๆ บางที หมอเทวะจี้อาจมีวิธีรักษาที่แปลกใหม่ในเรื่องนี้ แต่ข้าคิดว่าไม่ควรคาดหวังมากเกินไปสำหรับอาการของคุณหนูใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้น ข้าได้ยินมาว่าหมอเทวะจี้ออกเดินทางไปที่เมืองใกล้เคียงเมื่อไม่นานมานี้”

“ข้าจะไปพาเขากลับมาเดี๋ยวนี้!” ฉู่จงเทียนกล่าว

ฉินหว่านหรูพูดแทรกขึ้นอย่างรวดเร็ว “ข้าจะไปแทน เจ้าไม่ถูกกับเขา”

“ข้าจะปล่อยให้เจ้าไปหาเขาตามลำพังได้ยังไง?” ฉู่จงเทียนพูดขัดขึ้นด้วยสีหน้าเครียด

นี่จะไม่เป็นการส่งภรรยาคนสวยของเขาเข้าปากช้างงั้นเหรอ? และยิ่งไปกว่านั้นเขายังคงจำได้ชัดเจนว่า จี้เติ้งถูเคยเป็นหนึ่งในคู่ควงของฉินหว่านหรู!

ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น “ข้ามีคำเสนอแนะ”

เปาโหย่วหลูไม่พอใจเมื่อเห็นว่าคนที่พูดคือซูอัน เมื่อสักครู่นี้เองที่ชายชราพูดว่าเขาไม่มีทางรักษาได้ แต่ซูอันกลับพูดว่ามีข้อเสนอแนะ การกระทำดังกล่าวทำให้เปาโหย่วหลูรู้สึกเหมือนโดนหักหน้า

นอกจากนี้ เขาไม่เคยได้ยินว่าบุตรเขยของตระกูลฉู่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์มาก่อน

เปาโหย่วหลูถามด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าเพิ่งรู้ว่านายน้อยรู้เรื่องการรักษาโรคด้วย ขอทราบได้ไหมว่าท่านเรียนวิชามาจากหมอเทวะคนใด?”

แม้เขาจะยิ้ม แต่น้ำเสียงของเขาเผยให้เห็นถึงความรังเกียจที่มีต่อซูอัน

ซูอันส่ายหัวและพูดว่า “ข้าไม่ได้เรียนจากหมอเทวะคนไหนทั้งนั้น”

หมี่ลี่ส่งเสียงประท้วงในหัวของเขา “นี่เจ้านับข้าเป็นอะไร??”

“ท่านคือพี่หญิงใหญ่คนสวยของข้า ไม่ใช่อาจารย์ของข้า” ซูอันตอบ

“จะว่าแบบนั้นก็ใช่” หมี่ลี่พูดด้วยน้ำเสียงรื่นรมย์ แม้ว่าซูอันจะมองไม่เห็นนาง แต่ชายหนุ่มก็สามารถจินตนาการได้ว่าริมฝีปากของนางน่าจะกำลังหยักยกขึ้นเล็กน้อยด้วยความยินดี

ในขณะเดียวกัน ฉินหว่านหรูก็ไม่พอใจซูอันที่จู่ ๆ ก็พูดขึ้นมาเหมือนกับว่าเขาสามารถรักษาลูกสาวของนางให้หายได้ด้วยตัวเอง นางระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างทนไม่ไหว

“ถ้าไม่รู้อะไรเลยก็ถอยออกไปแล้วหุบปากซะ! อย่าทำให้พวกเราเสียเวลา! จงเทียน ท่านควรรีบไปตามหาจี้เติ้งถูที่เมืองใกล้เคียง ไม่ว่าท่านจะใช้วิธีไหน ท่านก็ต้องพาเขามาให้ได้!”

“อย่าห่วงเลย ลูกสาวของเราตกอยู่ในอันตรายแบบนี้ แน่นอนว่าข้าจะต้องพาเขามาให้ได้ ต่อให้ข้าจะต้องขอร้องเขาอย่างไร้ยางอายก็ตาม แต่ว่าระหว่างที่ข้าออกไปตามหาจี้เติ้งถู เรื่องทางนี้คงต้องฝากให้เจ้าจัดการด้วย” ฉู่จงเทียนตอบกลับอย่างเคร่งขรึม

แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาค่ำคืนแล้ว หลังจากพูดจบ ฉู่จงเทียนก็โผทะยานออกจากห้องไปโดยไม่ลังเลและหายตัวไปในความมืดมิด

ซูอันยักไหล่และเดินออกไปด้วย ส่วนฉินหว่านหรูก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่นางก็หันกลับมาสนใจลูกสาวของนางอย่างรวดเร็ว

“เจ้าออกมาทำไม” หมี่ลี่ถามอย่างแปลกใจ

“ไม่ว่าข้าจะพูดอะไร ก็ไม่มีทางที่ฉินหว่านหรูจะเชื่อใจข้า ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์ที่จะต้องไปหายใจทิ้งที่นั่น” ซูอันตอบ

“เจ้าจะไม่ช่วยภรรยาของเจ้าแล้วงั้นเหรอ?” หมี่ลี่ถามอย่างล้อเล่น

ซูอันเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “ข้าจะคิดหาทางออกอื่น”

ทันใดนั้น ร่างที่สวยงามก็วิ่งออกมาและตะโกนว่า “รอเดี๋ยว พี่เขย!”

ซูอันหันกลับมามองและเห็นว่าเป็นฉู่ฮวนเจา ใบหน้าของเขาดูอ่อนโยนขึ้นเล็กน้อยในขณะที่พูด “ฮวนเจา…เป็นเจ้านี่เอง”

ฉู่ฮวนเจาจ้องมองเขาด้วยดวงตากลมโตของนางและถามขึ้นอย่างมีความหวัง “ท่านมีวิธีที่จะช่วยพี่ใหญ่จริง ๆ เหรอ?”

แม้ว่าก่อนหน้านี้นางจะน้อยใจเขาอยู่ แต่นาทีนี้ไม่มีอะไรสำคัญมากไปกว่าความปลอดภัยของพี่สาวของนาง

“ข้าคิดว่าวิธีของข้าน่าจะใช้ได้” ซูอันตอบในขณะที่เขานึกถึงวิธีที่หมีลี่สอนเขา ชายหนุ่มไม่คิดว่าหมี่ลี่จะหลอกตัวชายหนุ่มเอง

“เจ้าหมายถึงอะไรโดย ‘ข้าคิดว่า’? มันจะได้ผลจริงหรือไม่จริงกันแน่?” ฉู่ฮวนเจาถามอย่างกังวล

“แน่นอน มันจะได้ผล” ซูอันยืนยัน

“ก็ได้ งั้นข้าจะคุยกับท่านแม่ให้รู้เรื่องเอง”

ฉู่ฮวนเจากลับไปที่ห้อง และในไม่ช้า เสียงทะเลาะวิวาทก็ดังออกมาภายใน โดยฉู่ฮวนเจายืนกรานที่จะให้ซูอันมีโอกาสทดลองรักษาฉู่ชูเหยียน แต่ถูกก็ฉินหว่านหรูปฏิเสธอย่างรุนแรง…

ในที่สุด ฉู่ฮวนเจาก็วิ่งออกมาด้วยน้ำตานองหน้า นางจ้องที่ซูอันและพูดว่า “ไม่ต้องห่วง ข้าจะทำให้ท่านได้มีโอกาสช่วยพี่สาวของข้าแน่ ๆ!” หลังจากนั้นนางก็วิ่งหายเข้าไปในเงามืดยามค่ำคืน

ซูอันรู้สึกงงงวยกับคำพูดของนาง