บทที่ 385 เธอมอบของ Only one ให้กับเขา!

ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ

“ อาซ้อ ไม่เจอกันนานเลยนะคะ !” ในขณะที่พูดซูสือจิ่นก็ได้วางกระเป๋าสัมภาระลง จากนั้นก็ยื่นแขนไปกอดหลานเสี่ยวถาง

เมื่อได้ยินการเคลื่อนไหว ดังนั้น สือมูเฉินก็เลยจับไปที่ไหล่ของฟู่สีเกอดและพาเขาเดินออกมา

และหยานชิงเจ๋อก็เดินอยู่ด้านหลังของทั้งสองคน แล้วในอ้อมแขนก็ยังคงอุ้มเสี่ยวหวันหว่าน

ซูสือจิ่นก็ปล่อยหลานเสี่ยวถาง จากนั้นก็ยื่นมือออกไปจับเฉียวโยวโยว : “ พี่โยวโยว ได้ยินพี่สีเย็นบอกว่าพี่ท้องแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าท้องจะโตขนาดนี้ !”

“ ใช่ นี่ก็ห้าเดือนกว่าแล้ว ” เฉียวโยวโยวก็ทำปากมุ่ย : “ ฉันกลายเป็นคนอ้วนขึ้นแล้ว !”

“ ไม่เลย ยังคงสวยมากๆอยู่ !” ในขณะที่ซูสือจิ่นพูดนั้นก็เพิ่งจะเงยตามองไปยังสือสูเฉิน : “ พี่เฉิน ”

สือมูเฉินเดินไป จากนั้นก็ยื่นแขนออกมากอดเธอพร้อมกับพูดว่า : “ สุขสันต์วันเกิดนะ !”

“ ว้าว ยังไงก็ยังคงเป็นพี่เฉินที่ดีที่สุด !” ซูสือจิ่นหัวเราะอย่างเป็นธรรมชาติ

ฟู่สีเกอก็เดินไปและกอดซูสือจิ่นสักแป๊บ : “ ซู่สือจิ่น กลับบ้านมาครั้งนี้ ต่อไปก็คงจะไม่วิ่งหนีไปเรื่อยอีกแล้วใช่ไหม ?”

“ ค่ะ แต่คงต้องรอให้ฉันกลับไปอีกรอบ เพื่อไปย้ายของจากสตูดีโอกลับมา หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว ” ซูสือจิ่นก็พูด

ฟู่สีเกอก็ปล่อยเธอ แล้วก็เดินไปอยู่ข้างๆ และในเวลานี้ ซูสือจิ่นก็ได้ขยี้ตา จากนนั้นก็เห็นหยานชิงเจ๋อที่กำลังอุ้มหวันหว่านอยู่ตรงหน้า

เธอก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นเริ่มหายใจติดๆขัดๆเล็กน้อย และผู้ชายที่ตรงหน้าก็ดูเหมือนว่าจะเกรงยิ่งกว่าเธอสักอีก

เขามองไปยังเธอโดยสายตาไม่ได้คลาดเคลื่อนเลย และมือที่อยู่ข้างลำตัวนั้นก็ดูเหมือนจะไม่รู้ว่าควรจะวางไว้ยังไง

ภายในห้องก็รู้สึกแปลกประหลาดและเงียบไปหนึ่งวิ จากนั้นซูสือจิ่นก็เป็นคนยิ้มอย่างเบิกบานก่อน : “ พี่ชิงเจ๋อ มาช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้พี่เฉินตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ? แล้วมีค่าใช้จ่ายไหม ?”

หยานชิงเจ๋อเหลือบมองหวันหว่านก่อนแล้วค่อยมองไปยังซูสือจิ่น ดูเหมือนว่าอยากจะเข้าไปกอดเธอ แต่ทว่าในมือมีหวันหว่านอยู่เขาก็เลยทำมันไม่ได้

ก็ยังเป็นหลานเสี่ยวที่เข้าใจความปรารถนาของคน เธอก็เลยเดินไปอุ้มหวันหว่านจากอ้อมกอดของหยานชิงเจ๋อ และช่วยหยานชิงเจ๋อออกมือ : “ นานมากแล้วที่หวันหว่านไม่ได้เจอคนเยอะขนาดนี้ แน่นอนว่าเจ้าน้อยจะต้องจะตื่นเต้นดีใจ ”

ซูสือจิ่นหัวเราะและพูดว่า : “ ใช่ ฉันที่เป็นป้าคนหนึ่งยังไม่เคยอุ้มแกเลย !”

ในขณะที่พูดนั้นก็กำลังจะเดินไป

แต่ทว่าเธอยังไม่ทันจะก้าวไปข้างหน้า ก็ได้มีเงาหนึ่งอยู่ตรงหน้าเธอ

น้ำที่ไพเราะก็ได้ดังมาจากด้านหน้า : “ เสี่ยวจิ่น ยินดีต้อนรับกลับมานะ ”

พอซูสือจิ่นเงยหน้าขึ้นมาก็สบสายตากับหยานชิงเจ๋อพอดี

ดูเหมือนว่าจะมีอะไรอยู่ในสายตาของเขาเป็นอย่างมาก และเขาก็มองเธอแล้วยิ้ม แล้วดูเหมือนว่าสีหน้าท่าทางที่แสดงออกจะดูเย็นชามาก แต่มันก็ทำให้คนรู้สึกว่าเป็นคนที่ลึกซึ้งมากโดยไม่ต้องมีมูลเหตุ

“ อื้ม ” ซูสือจิ่นก็ยิ้มสักแป๊บ และดูว่ากำลังจะพูดอะไร แต่ในทันใดนั้นหยานชิงเจ๋อก็กางแขนออกมา จากนั้นกอดเธอเอาไว้ในอ้อมกอด

อ้อมกอดแบบนี้ พอทุกวันนี้นึกขึ้นมา มันต่างกันอย่างมากราวกับคนละยุคสมัย

บางทีมันอาจจะต่างกันอย่างมากราวกับคนละยุคสมัยก็ได้มั้ง ? เป็นเพราะมีดที่แทงไปในตอนนั้น หลายสิ่งหลายอย่างมากมาย มันก็เลยทำให้นึกเรื่องในอดีตจริงๆ และทำให้ฝุ่นเหล่านั้นกลบหัวใจของเธอ

ซูสือจิ่นเธอรู้สึกว่าหยานชิงเจ๋อกอดเธอแน่นเล็กน้อย เธอก็ขยับเล็กน้อย แต่ดูเหมือนว่าเขากำลังพูดอธิบายอยู่บนเหนือศีรษะของเธอ : “ ทุกคนก็กอดแล้ว ฉันจะไม่มีสวัสดิการแบบนี้ไม่ได้ ”

น้ำเสียงของหยานชิงเจ๋อผ่อนคลายลง แต่มีเพียงเขาที่รู้เท่านั้นว่าในเวลานี้เขากำลังพยายามสุดความสามารถเพื่อที่อดกลั้นน้ำตาที่แทบจะไหลออกมาเพราะความตื่นเต้น

แขนของเขาสั่นเล็กน้อย หัวใจของเขาเต้นแรงในขณะนี้ และเลือดก็กำลังเด่อดพล่าน

เขาอยากที่จะออกแรงให้มากกว่านี้เล็ก เพื่อที่เธอจะได้เข้าไปในสายเลือด แต่ก็ทำได้เพียงอาศัยระยะห่างนี้เท่านั้น ส่วนการพูดก็ทำได้อย่างคร่าวๆ แล้วก็ดมกลิ่นอายความคิดถึงเป็นอย่างมาก

ภายในห้องนั้นเงียบมาก ซูสือจิ่นรู้สึกเกร็งๆ ดังนั้นก็เลยยื่นแขนก็ออกไปตบหลังของหยานชิงเจ๋อ : “ พอแล้ว ฉันจะแจกของขวัญแล้ว !”

หยานชิงเจ๋อรู้สึกได้ถึงการต่อต้านของเธอ ถึงแม้จะไม่อยากปล่อย แต่ถึงอย่างไรก็ยังคงต้องปล่อยเธอ

ซูสือจิ่นออกมาจากอ้อมกอดของเขา จากนั้นก็เดินไปยังกระเป๋าสัมภาระของตัวเอง

เธอก็เปิดกระเป๋าสัมภาระออก ทันใดนั้นมีทั้งกล่องถุงมากมาย เธอเอามันออกพร้อมกับพูดว่า : “ อาซ้อ นี่ให้ซ้อค่ะ ส่วนอีกอันเป็นของพี่เฉิน ”

จากนั้นก็หยิบกล่องที่เป็นเครื่องประดับออกมาและยื่นให้หลานเสี่ยวถาง : “ ด้านในมีกิ๊บหนีบผมและสร้อยข้อมือทั้งหมดนี้ล้วนแล้วให้หวันหว่าเจ้าหญิงตัวน้อยของพวกเรา ”

หลานเสี่ยวถางรับมาและเปิดดู : “ ขอบคุณนะสือจิ่น สวยมากเลย !”

ซูสือจิ่นยังคงมอบต่อไปให้กับฟู่สีเกอและเฉียวโยวโยว จากนั้นก็หยิบถุงใบหนึ่งออกมาและยื่นให้หยานชิงเจ๋อ พร้อมกับพูดจาสง่า : “ พี่ชิงเจ๋อ อันนี้ให้พี่ ขอให้พี่หล่อขึ้นเรื่อยๆนะคะ !”

หยานชิงเจ๋อถึงกับกลืนน้ำลาย จากนั้นก็รับมา พอเขาเปิดดูด้านในก็มีเน็คไทหนึ่งเส้น แล้วก็ยังมีเข็มกลัดเน็คไทอีกอัน และพอเขาดูโลโก้ที่อยู่บนเข็มกลัดเน็คไทแล้วก็ถึงกับใจสั่น

คาดไม่ถึงว่าจะเป็นของ Onlyone !

เธอมอบของ Onlyone ให้กับเขา เพื่อที่จะบอกว่า เธอให้เพียงแค่เขาคนเดียว และหลังจากนี้จะไม่ให้คนอื่นอีกอย่างนั้นเหรอ ?

เขารู้สึกหัวใจกำลังเต้นเร็วขึ้น เข็มกลัดเน็คไทที่อยู่ในมือก็รู้สึกว่ายิ่งร้อนขึ้นเรื่อยๆ

ซูสือจิ่นดูเหมือนจะสังเกตเห็นว่าหยานชิงเจ๋อนั้นกำลังสงสัย เธอก็พูดอย่างเป็นธรรมชาติว่า : “ อันที่จริงแล้วฉันเป็นนักออกแบบ Onlyone ดังนั้นไม่ต้องทำตามข้อกำหนดของเว็บไซต์ตัวเอง พี่ก็รู้นิ มีแค่มีคนภายในที่จะเอามันมาได้ ! และฉันก็ให้พี่โยวโยว ที่เป็น Onlyone เหมือนกัน ”

หยานชิงเจ๋อรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่เขาก็คิดแค่ว่า ตราบใดที่เป็นของที่เธอให้ ไม่ว่าอะไรเขาก็ชอบมัน

ดังแล้ว หยานชิงเจ๋อก็ยิ้มมุมปาก ดวงตาที่ใสสะอาดก็เต็มไปด้วยแสงเห็นความอบอุ่น

พอแจกของขวัญเรียบร้อยแล้ว สือมูเฉินก็เอ่ยปากพูดว่า : “ วันนี้ก็หม้อไฟ พ่อครัวได้เตรียมวัตถุดิบเอาไว้เรียบร้อยแล้ว พวกเราพักผ่อนกันสักแป๊บจากนั้นก็เตรียมตัวเริ่มกินได้เลย ?”

“ ดีเลย !” ดวงตาของซูสือจิ่นก็เป็นประกายขึ้นมาในทันที : “ ตอนที่อยู่ต่างประเทศวันวันกินแต่พวกสลัด กราแตงอะไรพวกนั้น น่าเบื่อจะตายอยู่แล้ว ? ! อยากกินหม้อไฟตั้งนานแล้ว ! ฉันจะกินเผ็ด !”

ฟู่สีเกอมองบนใส่เธอ : “ ใครบอกให้หนีไปโดยที่ไม่บอกกันสักคำละ หนีไปครั้งหนึ่งก็ไปนานขนาดนี้ ?” !

เมื่อประโยคนี้จบลง ทันใดนั้น ทุกคนก็ต่างมองไปยังซูสือจิ่นและหยานชิงเจ๋อ

สือมูเฉินออกมาพูดไกล่เกลี่ย : “ โอเคพอแล้ว สือจิ่นก็อยากออกไปเพื่อพัฒนา ตอนนี้กลับมาแล้วก็โอเคละ ”

เมื่อเขาแบบนี้ ซูสือจิ่นก็ฉวยโอกาสนี้ทุบตีฟู่สีเกอ : “ จะดุขนาดนี้ทำไมกัน ? ยังไงฉันก็มีพี่เฉินคอยหนุนหลัง ดูสิ้พี่จะทำยังไงกับ !”

ในเวลานี้ หยานชิงเจ๋อก็พูดกับฟู่สีเกอว่า : “ เสี่ยวจิ่นชอบไปก็ไป เรื่องนี้จะโทษเธอไม่ได้ ”

แป๊บเดียวเท่านั้นฟู่สีเกอก็กลายเป็นเป้าที่ทุกคนโจมตี โดยเฉพายิ่ง เดิมทีเขาเห็นว่าหยานชิงเจ๋อทั้งๆที่ในเวลานี้รู้ไม่สบายใจ และวันวันก็เฝ้ารอคอยซูสือจิ่นกลับมา ดังนั้นแล้วเขาถึงได้จงใจบ่นสองประโยคนี้ออกมา

ผลที่ออกมาคือ ไอ้คนที่เห็นแฟนดีกว่าเพื่อนไม่เพียงแต่ไม่ซาบซึ้งในพระคุณเขา แต่ยังคงกลับมาว่าเขาอีกด้วย !

เขาขยับเข้าใกล้ริมหูของหยานชิงเจ๋อและพูดด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำว่า : “ ต่อไปฉันจะรอดูนายถูกควบคุม !”

ไม่ต้องรอต่อไป……ตอนนี้ก็ถูกควบคุมไปเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ เขายังภาวนาให้เธอยอมควบคุม และขอให้เธอควบคุมเขาอย่างเคร่งครัด !

หยานชิงเจ๋อมองไปซูสือจิ่นอย่างเอาใจใส่และคาดหวัง จากนั้นจู่ๆก็นึกอะไรขึ้นมาได้และมองไปยังผมที่ปล่อยอยู่

เมื่อวานเธอกลับไปที่บ้านก็น่าจะได้รับของขวัญละมั้ง ? แต่ทว่าเธอไม่ได้ใช้มัน ?

เธอไม่เต็มใจที่จะรับของที่เขาให้เธออย่างนั้นเหรอ ?

ในใจก็รู้สึกตุ้มๆต่อมๆขึ้นมาอีกครั้ง

ในเวลานี้ หลานเสี่ยวก็ได้ไปหยิบกล่องเล็กที่อยู่ในบ้านออกมา : “ สือจิ่น สุขสันต์วันเกิดนะ ! ก่อนหน้านี้ฉันเกือบจะกังวลใจว่าจะให้ของขวัญชิ้นนี้ไม่ได้ ”

ซูสือจิ่นก็ยิ้มแย้มขึ้นมา : “ ขอบคุณนะคะอ้าซ้อ ”

เฉียวโยวโยวก็เดินไปเหมือนกันและก็ได้ให้การ์ดใบหนึ่งกับซูสือจิ่น : “ สือจิ่น นี่เป็นของขวัญที่พี่สีเกอให้เธอ เป็นเพราะว่าจำเป็นต้องให้เธอไปลองใส่ แล้วก็ปรับแก้ขนาดไซส์ ดังนั้นพวกเราก็เลยไม่ได้เอาชุดราตรีมาด้วย ”

“ ว้าว พี่สีเย็นผลิตเองมันจะต้องดีมากอย่างแน่นอน !” ซูสือจิ่นก็พูด

ในเวลานี้ หยานชิงเจ๋อเพิ่งจะเดินไปถึงตรงหน้าซูสือจิ่นและพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาเล็กน้อย : “ เสี่ยวจิ่น เธอได้รับของขวัญที่ฉันส่งไปให้ไหม ?”

ซูสือจิ่นนึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานกลับบ้านไปมีกล่องใบหนึ่ง แล้วด้านในก็ยังกิ๊บหนีบผมที่ออกแบบและทำมือเองอีกด้วย หัวใจก็เริ่มเต้นและเธอก็พยักหน้า : “ อื้ม ขอบคุณนะคะ พี่ชิงเจ๋อ มันสวยมากเลยค่ะ และฉันก็ชอบมันมาก !”

“ แล้วเธอใช้มันไหม ?” หยานชิงเจ๋อก็ถามอีกครั้ง

“ อยู่ในกระเป๋า ” ในขณะที่ซูสือจิ่นพูดนั้น ก็กำลังหาในกระเป๋าตัวเอง จากนั้นก็เอากิ๊บหนีบผมออกมา ใบหน้าที่เป็นธรรมชาติก็พูดว่า : “ ปกติแล้วฉันชินกับการปล่อยผม อีกเดี๋ยวตอนที่กินหม้อไฟค่อยใช้มันละกันนะ !”

หยานชิงเจ๋อรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองนั้นกำลังพองโตตามคำพูดของเธอ ราวกับกำลังนั่งรถไฟเหาะ บางครั้งก็สูงและในบางครั้งก็ต่ำ

ในเวลานี้ เขาเห็นว่าปลายนิ้วของเธอกำลังจับไปที่รูปร่างเล็กๆตรงนั้น ในตอนที่เขาสั่งทำมันได้ตั้งชื่อกิ๊บหนีบผมว่า‘มีเพียงแค่รัก’ และรู้สึกว่ากระแสน้ำที่อยู่ในใจนั้นไหลเชี่ยวเป็นอย่างมาก

แต่ถึงอย่างไรเขาก็ข่มอารมณ์ที่มีทั้งหมดลง และเพียงแค่ยิ้มพร้อมพยักหน้า

หลังจากที่ทุกคนได้นั่งลงบนโซฟาก็ได้เริ่มคุยเล่นกัน และรอให้น้ำซุปของหม้อไฟเดือด

บอกว่าเป็นการคุยเล่นกัน แต่อันที่จริงหลักๆแล้วซูสือจิ่นเป็นคนพูด

หยานชิงเจ๋อมองขนตาที่งอนยาวของเธอก็ถึงกับใจลอยไปเล็กน้อย

ดูเหมือนว่าเธอจะกลับมาเป็นคนเดิมในตอนนั้น แล้วก็หัวเราะอย่างเป็นธรรมชาติต่อหน้าพวกเขา และเล่าสิ่งตัวเองพบเจอตอนที่อยู่ต่างประเทศ บางครั้งฟู่สีเกอและเธอต่างก็จะเหน็บแนมซึ่งกันและกัน ขณะที่พูดคุยเล่นกัน ก็พรางกินลูกเกดที่อยู่บนโต๊ะด้วย

มันดีมากจริงๆ เธอกลับมาแล้ว และอยู่ในที่ที่ใกล้แค่เอื้อม

ดูเหมือนว่าเพียงแค่เขายื่นมือออกไปก็สามารถที่จะสัมผัสถึงตัวเธอจริงๆ และเมื่อพยายามดมก็จะได้กลิ่นอายความน่ารักบริสุทธิ์เฉพาะตัวของเธอ

“ ชิงเจ๋อ ทำไมไม่พูดอะไรเลยละ ?” สือมูเฉินมองไปหยานชิงเจ๋อที่นั่งอยู่ข้างๆไม่พูดอะไร เขาก็เลยสร้างโอกาสดีๆให้กับเขา เพราะแม้แต่เสียงของหยานชิงเจ๋อยังไม่มีเลย แล้วเขาจะพูดแลกเปลี่ยนกับซูสือจิ่นได้อย่างไร ?

เมื่อหยานชิงเจ๋อได้ยินสือมูเฉินพูด ก็สึกงุนงงอยู่สักแป๊บ ก็เลยตอบไปในทันทีว่า : “ ผมกำลังฟังเสี่ยวจิ่นพูดอยู่ ”

เมื่อหลานเสี่ยวได้ยินแบบนี้ ก็ถึงก็ทำอะไรไม่ถูก เธอก็ลุกขึ้นและพาหวันหว่านที่หลับอยู่นั้นอุ้มไปวางไว้บนเตียง จากนั้นก็พูดกับสือมูเฉินว่า : “ มูเฉิน คุณมานี่หน่อยสิ ”

เมื่อเขาลุกออกไปพร้อมกันแบบนี้ ระหว่างหยางชิงเจ๋อและซูสือจิ่น นอกจากที่นั่งที่ว่างเปล่า ก็ไม่มีอะไรเลย

เมื่อหยานชิงเจ๋อมองไปยังที่นั่งที่ว่างเปล่านั้น หัวใจก็เต้นเร็วขึ้น

เขารู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย แต่ถึงอย่างไรก็ค่อยๆขยับเข้าไปใกล้ซูสือจิ่นที่ละนิด

แม้ว่าซูสือจิ่นจะคุยกับฟู่สีเกอ แต่ก็ยังสามารถสังเกตเห็นว่าหยานชิงเจ๋อกำลังเข้ามาใกล้

เธอก็เลยตั้งใจที่จะไม่มองไปข้างๆ แกล้งทำเป็นว่าไม่รู้ จากนั้นก็ถามเฉียวโยวโยวว่าตั้งแต่ท้องรู้สึกเป็นยังไงบ้าง แล้วมีตรงไหนที่ไม่สบายอะไรหรือเปล่า

พอคุยกันได้พอประมาณ หยานชิงเจ๋อก็ได้นั่งอยู่ข้างเธอแล้ว

และด้วยสัญชาตญาณซูสือจิ่นก็มองไปยังด้านข้างก็สบสายตากับหยานชิงเจ๋อพอดี

ในขณะที่สบตากัน หยานชิงเจ๋อก็รู้สึกเกร็งเล็กน้อย ดูเหมือนว่าตัวเองได้ทำอะไรลงไป และถูกคนที่อยู่ตรงนั้นจับได้

เขารู้อารมณ์เสียเล็กน้อย ที่ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็นที่โทรหา หรือส่งอีเมล์หาก็ตาม และดูเหมือนว่าฝีปากของยังดี แต่ถึงอย่างไร มันก็ไม่ได้เจอกันง่ายๆ แล้วก็กลับไม่รู้เลยว่าควรจะพูดอะไร

โชคดีที่ซูสือจิ่นดูเหมือนจะไม่เปิดโปงกระทำลับๆเมื่อกี้ของเขา แถมยังพูดกับเขาว่า : “ ใช่สิ พี่ชิงเจ๋อช่วงนี้กำลังยุ่งกับอะไรอยู่หรอ ? ได้ยินพี่เฉินบอกว่าปกติแล้วพี่จะยุ่งมาก ยุ่งมากซะจนผอมไปเลย ”

เมื่อหยานชิงเจ๋อได้ยินประโยคท้ายๆ ก็เริ่มใจเต้นขึ้นมา : “ เสี่ยวจิ่น แล้วเธอละ? รู้สึกว่าฉันผอมลงไปไหม ?”

ซูสือจิ่นก็พินิจพิเคราะห์เขาอีกครั้งหนึ่ง : “ ดูเหมือนว่าจะผอมลงไปจริง ทำไมถึงได้ทุ่มสุดกำลังขนาดนี้ ? เงินทองเป็นเพียงแค่ของนอกกายเท่านั้น การที่ดูแลสุขภาพร่างกายให้ดีต่างหากถึงจะเป็นสิ่งที่แท้จริง”

“ เสี่ยวจิ่น นี่เธอกำลังเป็นห่วงฉันหรอ ?” สายตาของหยานชิงเจ๋อก็ล็อคเป้าไปที่เธอ