บทที่ 386 คุณมาตรวจดูหน่อยสิ ว่าฉันยังมีกล้ามหน้าอกอยู่ไหม

ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ

“ใช่ เราเติบโตมาด้วยกัน คุณก็เหมือนกับพี่ชายของฉัน เป็นห่วงเป็นใยเป็นเรื่องปกติ!” ซูสือจิ่นพูดจบ ก็ชี้ไปที่หน้าอกของหยานชิงเจ๋อด้วยหน้าตาทะเล้น : “ไม่ได้ผอมจนกล้ามหน้าอกไม่เหลือแล้วใช่ไหม?”

หยานชิงเจ๋อได้ยินเธอพูดว่า ‘พี่ชายของตนเอง’ หัวใจก็เจ็บแปลบขึ้นมาทันที

ไม่ได้ เรื่องราวที่ผ่านมาเหล่านั้น เขายังจะสามารถให้เธอเป็นน้องสาวได้อย่างไร? อีกอย่างเขาก็ไม่อยากให้เธอเป็นน้องสาวด้วย เพราะว่าเธอเป็นได้แค่ภรรยาของเขาเท่านั้น!

ในขณะที่ไม่รู้ว่าฟู่สีเกอกับเฉียวโยวโยวไปไหนแล้ว หยานชิงเจ๋อจึงกวาดสายตามองไปรอบๆ แล้วพบว่าที่ห้องรับแขกมีแค่เขากับซูสือจิ่นเท่านั้น

หัวใจของเขาเต้นแรง พร้อมกับยืดหน้าอกขึ้น : “เสี่ยวจิ่น อย่างนั้นคุณมาตรวจดูหน่อยสิว่า ฉันยังมีกล้ามหน้าอกอยู่ไหม?”

ซูสือจิ่นพบว่า ตนเองยังถูกพัวพันอยู่ภายใน

เพียงแต่เธอยังคงยกมือขึ้นอย่างรวดเร็ว : “ได้ ให้ฉันดูหน่อยสิว่าช่วงนี้คุณฟิตหรือเปล่า!”

พูดจบ ฝ่ามือของเธอก็สัมผัสอยู่ที่หน้าอกของหยานชิงเจ๋อแล้ว

ในชั่วพริบตา หยานชิงเจ๋อรู้สึกเพียงว่ากระแสไฟฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนถูกปล่อยออกมาจากจุดที่ฝ่ามือของเธอสัมผัส และแพร่กระจายอย่างรวดเร็วไปยังเส้นประสาทของร่างกายทั้งหมด

เขาแทบหายใจไม่ออก ขยับตัวไม่ได้ ราวกับถูกเวทมนตร์สะกดให้อยู่กับที่ เวลาหยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหว

เขาพยายามใช้พละกำลัง เพื่อให้หลุดพ้นจากพันธการนี้ ทำให้ร่างกายกลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง

เลือดกำลังเดือดพล่าน พุ่งเข้าสู่สมอง แววตาเปลี่ยนเป็นลึกซึ้งขึ้นมา

ซูสือจิ่นลูบๆ แล้วก็ตบๆลงไปสองที ยิ้มแล้วพูดว่า : “เอ๊ะ ยังมีอยู่นะ? ดูเหมือนว่าจะไม่ได้หายไป……”

เธอยังไม่ทันพูดจบ จู่ๆหยานชิงเจ๋อก็โน้มตัวเข้ามา จากนั้นก็จับเอวกับต้นคอของเธอไว้ ก้มหน้าแล้วจูบลงไป!

“คุณ——” เธอยื่นมือออกไปผลักเขา แต่พละกำลังของเขามีมากกว่า ท่าทีดูแน่วแน่ เธอไม่เพียงแต่ไม่สามารถดิ้นหนีได้ กลับกันยังถูกเขากอดไว้แน่นยิ่งขึ้น

แต่เธอยังไม่ได้คิดให้ดีๆ ยังไม่รู้ท่าทีที่แท้จริงของเขา และลั่วฝานหวาก็ยังไม่ได้บอกวิธีทดสอบหยั่งเชิงให้กับเธอเลย……

หัวใจของซูสือจิ่นสับสนไปหมด จึงออกแรงดิ้นรน

เมื่อเห็นว่าเธอกีดกันจริงๆ หัวใจก็เจ็บปวดขึ้นมา แค่หายใจก็รู้สึกเหมือนมีเข็มทิ่มแทงอยู่

เขาผละออกจากริมฝีปากเธอ แต่ไม่ได้ปล่อยเธอไป

เขานำศีรษะฝังลงบนไหล่ของเธอ พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาที่แฝงไปด้วยการอ้อนวอนว่า : “เสี่ยวจิ่น อย่าโกรธเลยนะ ฉันเพียงแค่ไม่อาจหักห้ามใจตัวเองได้……”

“ฉันจะอดทน แล้วให้เวลากับคุณ” หยานชิงเจ๋อพูดจบ ก็กอดแน่นยิ่งขึ้น : “เพียงแค่ให้ฉันกอดหน่อยได้ไหม? แค่สักพักก็พอ แล้วฉันจะไม่ยุ่งวุ่นวายกับคุณอีก!”

ซูสือจิ่นได้ฟังคำพูดที่ดูต่ำต้อยไร้ค่าของเขา แล้วยังได้กลิ่นที่คุ้นเคยอยู่ปลายจมูก เดิมทีที่เธอพยายามควบคุมจิตใจให้สงบลง ตอนนี้คลื่นลูกใหญ่ก็ค่อยๆพัดถาโถมขึ้นมา

ด้วยเหตุนี้ในห้องรับแขก ชั่วขณะหนึ่งก็เงียบสงัด หยานชิงเจ๋อกอดซูสือจิ่นอยู่แบบนั้น ไม่ขยับเคลื่อนไหว

เขาไม่กล้าไปขั้นตอนต่อไป ในขณะเดียวกัน ก็ตัดใจไม่ลงที่จะปล่อยมือออก

ในห้องด้านใน ฟู่สีเกอพูดกับสือมูเฉินว่า : “อาเฉิน คุณว่า ตอนนี้พวกเขาจะเลื่อนขั้นไปถึงไหนกันแล้ว?”

สือมูเฉินยังไม่ทันจะพูดอะไร เฉียวโยวโยวก็มองค้อนเขาทันที : “อยู่ในห้องรับแขก ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครอยู่เลย แต่ก็สามารถออกไปได้ทุกเมื่อ ยังจะสามารถคืบหน้าไปถึงไหนได้ล่ะ? อย่างมากสุดก็แค่กอดจูบลูบคลำเท่านั้น!”

หลานเสี่ยวถางกะพริบตาปริบๆ : “อย่างนั้นฉันจะไปแอบๆดูสักหน่อยดีกว่า?”

สือมูเฉินจับเอวของเธอไว้ : “อยากจะกอดจูบลูบคลำ สามีก็ทำให้คุณพึงพอใจได้ ไม่ต้องไปอยากรู้อยากเห็นเรื่องของคนอื่นหรอก”

หลานเสี่ยวถางหน้าแดง แล้วกระแทกไปที่สือมูเฉินเล็กน้อย : “โยวโยวกับสีเกอยังอยู่นะ!”

สือมูเฉินเลิกคิ้ว แล้วพูดกับฟู่สีเกอว่า : “ตอนนี้คุณก็ไม่กล้าแล้วใช่ไหม?”

ฟู่สีเกอถลึงตาใส่ : “อาเฉิน นี่คุณแก้แค้นที่ฉันบอกว่าเมล็ดพันธุ์ของคุณไม่ดีเท่าของฉันใช่ไหม?! กลายเป็นคนขี้น้อยใจแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?!”

“เมล็ดพันธุ์อะไรไม่ดี?” เฉียวโยวโยวหันไปทางฟู่สีเกอ แล้วหรี่ตามอง

“อะแฮ่ม ฉันไม่ได้พูดอะไร” ฟู่สีเกอหันหน้าหนีไป

หลานเสี่ยวถางเห็นว่ามีเรื่องที่ปิดบัง จึงหันไปมองสือมูเฉิน

เวลานี้ สองคนพี่น้องแสดงออกอย่างพร้อมเพรียงกัน แสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่รู้อะไรทั้งนั้น

ผ่านไปสองวินาที ฟู่สีเกอจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา : “อะแฮ่ม หรือว่า คืนนี้เราจะรวมหัวกันมอมเหล้าพวกเขาดีไหม?”

เฉียวโยวโยวชำเลืองมองเขา : “ยังจะบอกว่าตนเองเป็นพี่ชายอยู่อีกเหรอ! หักหลังน้องสาวตนเองแบบนี้!”

“นี่ไม่ใช่การช่วยเหลือพี่น้องหรอกเหรอ?” ฟู่สีเกอพูดถึงตรงนี้ ก็หรี่ตามองเฉียวโยวโยว แฝงไปด้วยอารมณ์ลึกซึ้ง : “ดื่มเหล้าเมาแล้ว ก็ทำเรื่องดีๆกัน!”

ในฉับพลันเฉียวโยวโยวก็นึกถึงสองครั้งก่อนหน้านี้ที่เธอดื่มจนเมา ก็ถูกเขา……

เธอเขินอายขึ้นมาทันที ยื่นมือไปหยิกฟู่สีเกอ

หลานเสี่ยวถางพอจะคาดเดาอะไรได้ ก็หัวเราะออกมา

ที่ด้านข้าง สือมูเฉินก็กระซิบเบาๆข้างหูเธอว่า : “ฉันก็ชอบที่คุณดื่มจนเมาแล้วทำท่าจะข่มขืนฉัน……”

หลานเสี่ยวถางตาโต หันไปหยิกสือมูเฉิน

แตกต่างจากบรรยากาศที่ผ่อนคลายของทุกๆคนในเวลานี้ ในห้องรับแขก หยานชิงเจ๋อก็กอดซูสือจิ่นอยู่ตลอดไม่ยอมปล่อย

จนกระทั่ง ซูสือจิ่นรู้สึกไม่ค่อยเป็นธรรมชาติมากขึ้นเรื่อยๆ เธอจึงตบๆที่หลังของหยานชิงเจ๋อ “เอาล่ะ พี่ชิงเจ๋อ อย่าทำอย่างนี้เลย”

ทันใดหยานชิงเจ๋อก็นึกถึงก่อนหน้านี้ เรื่องที่ซูสือจิ่นบอกว่าตนเองมีแฟนแล้ว หัวใจของเขาเจ็บปวดอย่างมาก อยากจะถามต่อหน้าให้ชัดเจน แต่ก็กลัวได้คำตอบที่ทำร้ายจิตใจตัวเอง

เป็นเวลานาน เขาจึงค่อยๆปล่อยซูสือจิ่น แต่ก็ไม่ได้แยกห่างจากกัน เพียงแค่มองไปยังเธอ: เสี่ยวจิ่น ตลอดหนึ่งปีมานี้ คุณสบายดีไหม?”

ซูสือจิ่นไม่ค่อยชินกับน้ำเสียงของเขาเวลานี้ เหมือนกับว่าเธอสามารถได้ยินความเศร้าโศกจากในน้ำเสียงที่อ่อนโยนของเขา

เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามทำให้ตนเองแสดงออกอย่างผ่อนคลาย: “ก็ดีค่ะ เว็บไซต์ของฉันทำออกมาได้ไม่เลวเลย สามารถเปลี่ยนงานอดิเรกที่ตนเองสนใจเป็นอาชีพได้ ฉันรู้สึกมีความสุขอย่างมาก!”

“มีความสุขก็ดีแล้ว ฉันชอบเห็นคุณยิ้มอย่างมีความสุข” หยานชิงเจ๋อมองเธอ ยื่นมือออกไป ช่วยนำผมที่อยู่บนใบหน้าไปทัดหูให้ซูสือจิ่น

ซูสือจิ่นต้องการจะปัดป้อง แต่หยานชิงเจ๋อจับมือของเธอ กุมเอาไว้ในฝ่ามือ ดมกลิ่นหอมที่ผมของเธอ แล้วเอ่ยปากว่า: “พวกเราแยกจากกันไปนานจริงๆ ผมของคุณยาวขนาดนี้แล้ว จำได้ว่าครั้งล่าสุดที่คุณไว้ผมยาว ก็คือตอนเรียนมัธยม”

ซูสือจิ่นฉีกยิ้มมุมปาก: “ความจำของคุณดีจริงๆเลย”

หยานชิงเจ๋อจ้องมองเธอ: “เรื่องราวในอดีตที่เราเคยผ่านมาด้วยกัน ฉันจำได้ทั้งหมด”

“มิน่าเล่าคุณถึงสอบได้ที่หนึ่ง” ซูสือจิ่นเปลี่ยนเรื่องคุยกับเขา

“เสี่ยวจิ่น” หยานชิงเจ๋อไม่อยากให้เธอเปลี่ยนหัวข้อสนทนา มองซูสือจิ่นอย่างจริงจังแล้วกล่าวว่า: “ฉันจำได้แค่เรื่องระหว่างพวกเรา”

ซูสือจิ่นหายใจติดขัด ยักไหล่เล็กน้อย: “ไม่เป็นไรหรอก ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ฉันลืมไปหมดแล้วล่ะ”

หยานชิงเจ๋อได้ยินว่าเธอลืมไปแล้ว ภายในใจก็รู้สึกเจ็บปวด เขามองเธอ: “ไม่เป็นไร ฉันจำได้ทั้งหมด แต่ถ้าคุณลืมไปแล้ว ก็ลืมไปเถอะ”

“เสี่ยวจิ่น เรื่องราวก่อนหน้านี้ล้วนเป็นฉันที่ไม่ดีเอง” เขาพูดพลาง ออกแรงกุมมือของเธอแน่น: “พวกเรา เริ่มต้นกันใหม่ได้ไหม?”

ซูสือจิ่นเบิกตาโพลง: “หมายความว่ายังไง?”

“ที่ผ่านมาพวกเรามีความทรงจำมากมาย มีทั้งสุข มีทั้งทุกข์” หยานชิงเจ๋อกล่าว: “ฉันรู้ว่าฉันทำเรื่องมากมายที่ทำให้คุณต้องเสียใจ แต่ต่อไปนี้จะไม่ทำอีกแล้ว ต่อจากนี้ไปฉันจะรักและทะนุถนอมคุณให้ดี พวกเรามาเริ่มต้นกันใหม่ได้ไหม?”

ซูสือจิ่นรู้สึกว่า ตนเองแทบจะไม่มีช่องว่างให้หลบหนีแล้ว เธอจึงมองเข้าไปยังห้องด้านในอย่างร้อนใจ และงุ่นง่านอย่างมาก ทำไมทุกคนยังไม่ออกมาอีกนะ?

เธอเม้มปากอยู่เป็นเวลานาน จึงกลั้นใจพูดออกมาประโยคหนึ่งว่า: “ได้สิ ถึงอย่างไรคุณก็เป็นพี่ชายของฉัน คุณว่ายังไงก็ว่าตามนั้นแหละ”

“เสี่ยวจิ่น ฉันไม่ใช่พี่ชายของคุณ” หยานชิงเจ๋อรู้สึกว่าดวงตาร้อนผ่าวเล็กน้อย แต่น้ำเสียงเด็ดเดี่ยวเป็นพิเศษ: “ฉันอยากเริ่มต้นใหม่กับคุณ เป็นแฟนกับคุณ เป็นคู่หมั้นสามีภรรยา แต่งงานกันอีกครั้ง จากนั้น ก็เหมือนกันกับพวกพี่เฉินและสีเกอ ให้กำเนิดลูกที่น่ารัก”

เวลานี้ซูสือจิ่นกำลังหยิบน้ำดื่ม ได้ยินคำพูดของเขา มือของเธอก็สั่น ดื่มน้ำเข้าไปอึกใหญ่ แล้วก็สำลัก

เธอไอขึ้นมาอย่างรุนแรง หยานชิงเจ๋อที่อยู่ข้างๆจึงรีบยื่นมือไปตบเบาๆที่หลังของเธอ ช่วยให้เธอหายใจสะดวกขึ้น

แต่เมื่อเขาตบลงมาเบาๆ เธอก็ขดตัวเล็กน้อย คล้ายกับเป็นสัญชาตญาณ

ปลายนิ้วของหยานชิงเจ๋อที่อยู่บนหลังของซูสือจิ่น ร้อนผ่าวขึ้นมาทันที

เขาลืมไปได้ยังไง ตรงนั้น เธอเคยช่วยเขาขวางมีดเอาไว้……

เขารู้สึกจุกในลำคอเล็กน้อย ภายในใจที่รู้สึกสงสารเธอก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น เขามองเธอ: “เสี่ยวจิ่น บาดแผลของคุณ……”

ซูสือจิ่นเข้าใจในทันที เธอโบกมือ เพราะสำลัก จึงพูดค่อนข้างลำบาก: “หายแล้ว”

“เสี่ยวจิ่น ฉันยอมให้คนที่บาดเจ็บในตอนนั้นเป็นฉันดีกว่า…..” หยานชิงเจ๋อพูดพลาง นำปลายนิ้วของเขาลูบผ่านด้านหลังของซูสือจิ่น ไม่รู้ว่าเขาเข้าใจผิดหรือไม่ ดูเหมือนว่าคลำได้ถึงรอยแผลนั้นผ่านเสื้อเสวตเตอร์อย่างรางๆ

ซูสือจิ่นไม่สบายใจเล็กน้อย เธอก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง แล้วลุกขึ้นยืน: “ฉันจะไปห้องน้ำ”

พูดจบ ก็รีบออกไปทันที

หยานชิงเจ๋อมองภาพด้านหลังของเธอ ประกายในดวงตา เปลี่ยนเป็นมั่นคงขึ้นมาทีละน้อยๆ

ไม่ว่ายังไง เธอก็กลับมาแล้ว ถึงแม้ว่าเธออาจจะมีแฟนแล้ว แต่เขาก็ยังสามารถพบเจอเธอได้ตลอด ก็ยังคงมีโอกาส

เขามีความอดทน สามารถรอให้เธอยอมรับเขาอีกครั้งได้ เขาจะใช้ความพยายามอย่างถึงที่สุด เพื่อทำให้เธอเชื่อใจเขาอีกครั้ง!

ซูสือจิ่นเข้าห้องน้ำเสร็จออกมา ก็จงใจเดินไปในห้องรอบหนึ่ง: “คุยอะไรกันอยู่เหรอ? ซุบซิบลึกลับ ไม่อยากให้ฉันได้ยินเหรอ?”

หลานเสี่ยวถางยิ้มๆให้เธอ: “เปล่าหรอก พอดีพวกคุณสามีทั้งสองพูดบางอย่างผิด และกำลังได้รับการสั่งสอนจากเหล่าภรรยาน่ะ!”

เวลานี้ พ่อครัวได้เข้ามา บอกกับสือมูเฉินว่าเปิดหม้อไฟแล้ว และให้ทุกคนเตรียมเข้าไปทานอาหารได้แล้ว

ด้วยเหตุนี้ ทุกคนจึงเดินไปยังโต๊ะอาหารพร้อมกัน

สำหรับที่นั่ง อันที่จริงก่อนหน้านี้สือมูเฉินและคนอื่นๆที่อยู่ในห้องได้ปรึกษากันดีแล้ว

ดังนั้น ฟู่สีเกอและเฉียวโยวโยวเดินไปถึงหน้าโต๊ะอาหาร จึงนั่งลงในตำแหน่งที่กำหนดเอาไว้ก่อน

สือมูเฉินและหลานเสี่ยวถางก็ว่องไวอย่างมาก หน้าโต๊ะกลม เวลานี้เหลือเพียงสองที่นั่งที่ติดกัน

ซูสือจิ่นมองดูแล้ว ก็รู้ว่าทุกคนจงใจ แต่ก็ทำได้เพียงนั่งลง และหยานชิงเจ๋อ ก็นั่งลงข้างๆเธอด้วยความดีใจอย่างมาก

“เอาล่ะ ตอนนี้พวกเราควรจะอวยพรเจ้าของวันเกิดของพวกเราก่อน!” ฟู่สีเกอหยิบแก้วเหล้าขึ้นมา: “สือจิ่น ยินดีต้อนรับการกลับมา สุขสันต์วันเกิดนะ!”

ซูสือจิ่นชะงักไปเล็กน้อย: “ทำไมถึงไม่เรียกฉันว่าผัดผักแล้วล่ะ?”

“ก่อนหน้านี้ที่คุณมอบของขวัญวันแต่งงานให้ฉัน ฉันได้อ่านโน้ตข้างในแล้ว” ฟู่สีเกอกล่าวอย่างจริงจังว่า: “อื่นๆไม่ต้องพูดถึงแล้ว อันที่จริง ฉันต้องขอบคุณอย่างมากกับคำพูดเหล่านั้นของคุณ!”

ซูสือจิ่นได้ฟังแล้ว ก็รู้สึกใจสั่น ในดวงตาร้อนผ่าวขึ้นมาทันที: “อันที่จริง ฉันรับรู้มาตลอดว่าคุณเป็นพี่ชายที่ดีคนหนึ่ง ถึงแม้จะชอบใช้ปากมารังแกฉันอยู่บ่อยๆก็เถอะ! เห็นคุณมีความสุขแล้ว ฉันก็รู้สึกยินดีจากใจจริง! ต่อไป คลอดลูกแล้ว ฉันจะไปเป็นแม่บุญธรรมนะ!”

“ได้ ไม่มีปัญหา!” ฟู่สีเกอกล่าว: “เพียงแต่ คุณพูดเสมอว่าดีใจที่ได้เห็นพวกเรามีความสุข แล้วคุณล่ะ?”