บทที่ 387 ย้อนกลับไปไม่ได้ ก็ใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อชดเชยส่วนที่ขาดหายไป

ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ

ฟู่สีเกอถามแบบนี้ ชั่วขณะสายตาของทุกคนก็หยุดมองไปที่ซูสือจิ่น

เธอรู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาล เพียงแต่ทันทีหลังจากนั้นก็ยิ้มออกมา : “วางใจเถอะ ฉันมีความสุขดี! อีกอย่างฉันก็ไม่ได้ตัวคนเดียวด้วย!”

หยานชิงเจ๋อหยุดหายใจไปชั่วขณะ เธอบอกว่าไม่ได้ตัวคนเดียว หมายความว่า……

สือมูเฉินได้ฟังแล้ว ก็ตกตะลึง : “สือจิ่น คุณมีแฟนอยู่ที่ต่างประเทศด้วยเหรอ?”

ซูสือจิ่นหัวเราะ : “ฉันสวยขนาดนี้ แน่นอนว่าจะต้องมีคนมาจีบอยู่แล้ว! เอาล่ะ พวกคุณอย่าถามอะไรมากมายเลย รอให้แน่ใจก่อน แล้วจะบอกพวกคุณอย่างแน่นอน!”

หยานชิงเจ๋อฟังถึงตรงนี้ หัวใจก็เหมือนมีคลื่นลูกใหญ่ที่พัดเชี่ยว คำพูดของซูสือจิ่นที่บอกว่ามีแฟนแล้วยังก้องอยู่ในหูของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เขารู้สึกว่าตนเองเกือบจะหายใจไม่ออก จนกระทั่งขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมา จนไม่สามารถควบคุมได้ ด้วยเหตุนี้ จึงลุกขึ้นทันที : “ฉันขอไปห้องน้ำก่อนนะ”

พูดจบก็รีบเดินออกไป

ฟู่สีเกอเห็นหยานชิงเจ๋อเดินออกไป จึงพูดกับซูสือจิ่นอย่างจริงจังว่า : “สือจิ่น ท้ายที่สุดแล้วคุณต้องการอะไรจากชิงเจ๋อ? ฉันรู้ว่าในอดีตเขาทำอะไรไม่ดีเอาไว้ แต่เขาก็เสียใจและสำนึกผิดแล้วจริงๆ แล้วก็กำลังตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงอยู่ คุณให้โอกาสเขาสักครั้งเถอะ คุณเชื่อฉัน ถ้าเขาทำผิดอีกครั้ง ฉันกับอาเฉินจะช่วยสนับสนุนอยู่ข้างหลังคุณเอง!”

“อันที่จริง พวกคุณก็ไม่ได้รู้รายละเอียดที่ชัดเจน!” ซูสือจิ่นยิ้ม แต่ในสายตามีอารมณ์ที่สลับซับซ้อน : “รอให้จิตใจของฉันสงบลงแล้วค่อยว่ากัน วันนี้ไม่ได้มาฉลองวันเกิดให้ฉันหรอกเหรอ? ทำไมรู้สึกว่าเหมือนประชุมใหญ่เพื่อตัดสินโทษเลยล่ะ?”

เห็นเธอพูดแบบนี้แล้ว อีกอย่างหยานชิงเจ๋ออาจจะออกมาได้ทุกเมื่อ ฟู่สีเกอซักไซ้ไล่เลียงมากไปจะไม่ดี เพราะเหตุนี้ จึงปล่อยซูสือจิ่นไปชั่วคราว : “โอเค อย่างนั้นก็ขอให้คุณมีความสุขในวันเกิดอายุครบ 24 ปีนะ!”

ซูสือจิ่นหยิบน้ำอุ่นบนโต๊ะขึ้นมา ชนกับแก้วเหล้าของฟู่สีเกอ : “ขอบคุณค่ะ!”

“เดี๋ยวนะ!” ฟู่สีเกอมองแก้วน้ำของซูสือจิ่น : “ทำไมดื่มน้ำล่ะ? ยายข้าวผัดผัก เหล้าของคุณล่ะ? หาได้ยากที่จะมารวมตัวกัน เราต้องดื่มฉลองกันหน่อย!”

ซูสือจิ่นส่ายหัว : “ตอนนี้ไม่ดื่มเหล้าแล้ว”

ที่ด้านข้าง หลานเสี่ยวถางส่งน้ำผลไม้ให้ซูสือจิ่น : “เช่นนั้นดื่มน้ำผลไม้ก็ได้ ดื่มเหล้าตอนนี้จะไม่ดี ต้องรอให้ท้องไม่ว่างก่อนแล้วค่อยดื่มเหล้าได้”

ซูสือจิ่นส่ายหัว : “ไม่ใช่หรอก ตอนนี้ฉันไม่ดื่มเหล้า แล้วก็ไม่ดื่มของเย็นๆด้วย”

“ทำไมล่ะ?” เฉียวโยวโยวเอ่ยถาม : “กลัวประจำเดือนมาแล้วจะปวดท้องเหรอ?”

“ไม่ใช่” ซูสือจิ่นเงียบไปเล็กน้อย เห็นว่าทุกๆคนแปลกใจจริงๆ จึงค่อยๆพูดออกมาว่า : “ดื่มเหล้าดื่มของเย็นๆแล้ว แผลที่หลังมันจะเจ็บขึ้นมานะ”

ในห้องน้ำ หยานชิงเจ๋อที่เพิ่งจะออกมา จึงได้ยินคำถามของทุกๆคน

เขายังคิดว่า เสี่ยวจิ่นของเขาก่อนหน้านี้ตอนเด็กๆชอบแอบขโมยเหล้ามาดื่ม หลังจากที่ไปต่างประเทศจะเลิกดื่มเหล้าได้อย่างไร ด้วยเหตุนี้เขาจึงยืนอยู่หน้าประตูห้องอาหารและแอบฟังอย่างเงียบๆ

แต่เมื่อเขาได้ยินซูสือจิ่นพูดประโยคนั้นออกมา ก็รู้สึกเหมือนถูกคนเอามีดมาปักลงกลางใจของเขา!

เธอบอกว่า เจ็บบาดเแผลที่ด้านหลัง……

เมื่อกี้เขาเพิ่งจะโดนแผลของเธอไป เธอมีปฏิกิริยาตอบสนองทันที เขายังถามว่าเธอเป็นอะไรหรือเปล่า แต่เธอบอกว่าโอเคแล้ว

แต่ถ้าโอเคแล้วทำไมถึงเจ็บได้ล่ะ?

เขารู้สึกว่า เพราะประโยคคำพูดนี้ หัวใจของตนเองจึงรู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง ถึงขั้นกับอยากที่จะย้อนทุกอย่างกลับไป!

เขาจะไม่ไปเจอเธอในวันนั้น แม้ว่าจะเจอกันแล้ว เขาก็ไม่ต้องการให้เธอไปขวางมีดแทนเขา

เดิมทีเขาอยากจะปกป้องดูแลเธอให้ดี แต่ว่าไม่เพียงแต่ปกป้องเธอไม่ได้ กลับกันยังต้องให้เธอมาช่วยชีวิตเขา จนเกือบจะตายไปแล้ว!

อีกทั้งยังทิ้งรอยโรคอย่างนี้ไว้ให้อีก!

ในห้องอาหารบทสนทนายังคงดำเนินต่อไป

เพียงแค่สือมูเฉินได้ยินก็พูดขึ้นว่า : “ผ่านไปครึ่งปีแล้ว ทำไมยังเจ็บอยู่อีกล่ะ?” น้ำเสียงของเขาดูจริงจังอย่างมาก : “สือจิ่น ฉันรู้จักผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้ พรุ่งนี้ฉันจะติดต่อให้ แล้วจะพาคุณไปตรวจดูสักหน่อย”

“ใช่ๆ สิ่งนี้ควรจะให้ความสำคัญนะ” หลานเสี่ยวถางกล่าว : “โดยเฉพาะผู้หญิง ต่อไปเมื่อมีลูก อาจจะเกิดปัญหามากมายตามมาได้ สือจิ่น คุณต้องไปตรวจดูสักหน่อยนะ!”

ซูสือจิ่นพยักหน้า แล้วพูดด้วยหน้าตาทะเล้นกับทั้งสองคนว่า : “มีพี่ชายกับพี่สะใภ้อยู่นี่ดีจริงๆเลย! โอเค พี่เฉิน คุณติดต่อได้แล้วฉันก็จะลองไปตรวจดูสักหน่อย แต่ว่าหมอที่ทำการผ่าตัดให้ฉันบอกว่าการผ่าตัดค่อนข้างประสบความสำเร็จ ฉันคิดว่าเทคนิคของเขาไม่น่าจะแย่นะ!”

“หมอที่ต่างประเทศ จัดการแก้ไขปัญหามากที่สุดก็คือผู้บาดเจ็บของต่างประเทศ ซึ่งพื้นฐานร่างกายของพวกเขากับเราแตกต่างกัน สือจิ่น คุณกลับมาดูแลบำรุงร่างกายให้ดีๆเถอะ”

“โอเค อย่างนั้นฉันขอขอบคุณทุกๆคนที่เป็นห่วงด้วยนะ!” ซูสือจิ่นยกแก้วน้ำอุ่นของตัวเองขึ้นมา : “ฉันจะดื่มน้ำแทนเหล้า เพื่อเป็นการขอบคุณทุกคน!”

ที่หน้าประตูทางเข้าห้องอาหาร หยานชิงเจ๋อกำลังฟังบทสนทนาของทุกคนอยู่ เขายืนหลังพิงกำแพง จิตใจก็ไม่สามารถสงบลงได้ดังเดิม

เป็นเวลากว่าครึ่งปีแล้วที่เธอได้รับบาดเจ็บ วันคืนผ่านไปมากมายขนาดนั้น เธอจะต้องรู้สึกแย่ในวันที่ฝนตกใช่ไหม? เช่นนั้นจะใช้ชีวิตอย่างไรกัน?

ตอนที่เธออยู่ต่างประเทศ จะมีใครอยู่เป็นเพื่อนเธอในตอนที่ฟ้าร้องหรือเปล่า?

ตอนที่เธอไม่มีความสุข จะมีใครคอยปลอบใจเธอไหม?

อีกอย่างเธอต้องแอบดื่มเหล้าหรือของเย็นๆอย่างแน่นอน จึงได้พบว่าแผลตรงนั้นเจ็บขึ้นมาใช่ไหม? ในตอนนั้น เธอได้ไปโรงพยาบาลหรือเปล่า? มีใครดูแลเธอไหม?”

จู่ๆเขาก็พบว่า ตนเองมีชีวิตที่ย่ำแย่มาเกือบหนึ่งปี อันที่จริง ดูเหมือนว่าเธอจะปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่เบื้องหลัง และราวกับว่าจะแบกรับภาระมากเกินไป

เธอควรจะเป็นผู้หญิงที่เขาปกป้องดูแลอยู่ในมือ แต่ทว่า……

ที่ห้องอาหาร สือมูเฉินสังเกตได้ว่าเป็นเวลานานแล้วที่หยานชิงเจ๋อไม่ได้ออกมา ด้วยเหตุนี้จึงกล่าวว่า : “ฉันจะไปดูชิงเจ๋อสักหน่อยว่าเป็นอะไรหรือเปล่า”

เขาเดินไปถึงหน้าประตู ก็เห็นหยานชิงเจ๋อพิงอยู่ข้างประตู ด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด

“ชิง——” สือมูเฉินยังไม่ทันเรียกเขา หยานชิงเจ๋อก็ทำสัญญาณมือ: “ไปคุยกันตรงนั้น”

คนทั้งสองเดินมาถึงห้องด้านใน หยานชิงเจ๋อจึงเอ่ยปากว่า: “พี่เฉิน ในตอนนั้น เป็นฉันเองที่ไม่ดี ตอนนี้ ได้ฟังคำพูดเหล่านั้นของเธอแล้ว ฉันก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย ฉันรู้สึกพ่ายแพ้อย่างมาก”

“ชิงเจ๋อ การอยู่เคียงข้างกันก็เป็นการบอกรักที่ยั่งยืนที่สุดแล้ว” สือมูเฉินครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะแล้วจึงกล่าวว่า: “ถ้าย้อนกลับไปไม่ได้ อย่างนั้นก็ใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อชดเชยส่วนที่ขาดหายไปเถอะ!”

“พี่เฉิน——” หยานชิงเจ๋อได้รับผลกระทบจากอารมณ์เมื่อกี้นี้ น้ำเสียงจึงแฝงไปด้วยการตำหนิตัวเองและความไม่สบายใจ: “เธอบอกว่าเธอมีแฟนแล้ว อีกทั้ง เมื่อก่อนฉันยังทำเรื่องที่ทำให้เธอเจ็บปวดมากมายขนาดนั้น เธอยังจะ…..”

“เพียงแค่ยังไม่แต่งงาน คุณก็ยังมีโอกาส จะไปกลัวอะไรล่ะ?” สือมูเฉินตบเบาๆที่ไหล่ของหยานชิงเจ๋อ: “อย่างมากก็แค่แย่งชิงมาก็เท่านั้น!”

หยานชิงเจ๋อได้ฟังคำตอบที่ก้าวร้าวของสือมูเฉินแล้ว ก็รู้สึกคล้ายกับว่าภายในเลือดถูกซึมซับไปด้วยพลังเช่นเดียวกันนี้

ใช่แล้ว ในเมื่อสร้างความเจ็บปวดขึ้นแล้ว เขาจะมัวมาตำหนิตัวเองอยู่ก็ไม่มีประโยชน์ สู้ใช้ช่วงเวลาที่เหลือของชีวิต เพื่อชดเชยส่วนที่ขาดให้เธอจะดีกว่า

เขาเชื่อว่า บนโลกใบนี้ไม่มีใครหรอก ที่จะสามารถเข้าใจเธอได้ดีกว่าเขาในเวลานี้ เขาจะทุ่มเทอย่างสุดความสามารถ เพื่อทำให้ในอนาคตของเธอมีความสุขในทุกๆวัน!

คนทั้งสองกลับมาถึงที่นั่ง หยานชิงเจ๋อนั่งลงข้างๆซูสือจิ่น เขาเห็นเธอคีบผักตรงหน้าเขาไปจุ่มในน้ำซุป ด้วยเหตุนี้ จึงหยิบช้อนลวกสุกี้นำเครื่องในไปลวกให้เธอ แล้วใส่ลงในถ้วยของซูสือจิ่น

“ขอบคุณค่ะพี่ชิงเจ๋อ!” ซูสือจิ่นยิ้มๆให้เขา

“อยากทานอะไรอีก ฉันจะข่วยคีบให้คุณ?” หยานชิงเจ๋อกล่าวถามอีก

ซูสือจิ่นส่ายหน้า: “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ใช่หวันหว่านนะ ที่จะต้องให้ป้อน!”

ผ่านไปครู่หนึ่ง พ่อครัวก็เสิร์ฟกุ้งหมาล่ามาอีกจานหนึ่ง ซูสือจิ่นตาเป็นประกาย: “ว้าว ไม่ได้ทานอะไรแบบนี้นานแล้ว! กลิ่นหอมจังเลย!”

ฟู่สีเกอยิ้ม: “โอเค งั้นให้คุณหมดเลย!” พูดพลาง ยกจานวางลงตรงหน้าซูสือจิ่น

แต่หยานชิงเจ๋อที่อยู่ข้างๆหยิบจานไป จากนั้นก็สวมถุงมือ แล้วเริ่มปอกเปลือกกุ้งออก

“ชิงเจ๋อก็ชอบทาน คุณสองคนนี่เหมาะสมกันที่สุดเลย!” ฟู่สีเกอเอ่ยปากพูด

หยานชิงเจ๋อปอกเปลือกกุ้งอยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่ได้ทานสักตัวเดียว

เขานำกุ้งทั้งหมดที่ปอกเปลือกแล้ววางลงในจาน แล้วดันไปยังตรงหน้าซูสือจิ่น และกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า: “ทานเท่านี้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอเดี๋ยวฉันปอกให้คุณอีก แต่อย่าเพิ่งทานของเผ็ดมากจนเกินไปนะ คุณเพิ่งกลับมา ปรับตัวกับทางนี้ได้แล้วค่อยว่ากัน”

ซูสือจิ่นยังไม่ทันพูดอะไร เฉียวโยวโยวก็เอ่ยปากว่า: “ว้าว เอาใจใส่ดีจังเลย! ทำให้คนอื่นอิจฉาแล้วเนี่ย!”

ฟู่สีเกอกล่าวอย่างไม่ยอมว่า: “ฉันไม่เอาใจใส่เหรอ?”

“คุณไม่ปอกกุ้งให้ฉันเลย!” เฉียวโยวโยวบุ้ยปาก: “คุณดูพี่ชิงเจ๋อสิ แค่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็นผู้ชายที่รักครอบครัว เข้าสังคมก็ดีเข้าครัวก็ได้ เอาอกเอาใจพ่อตาอย่างดี ทำทุกอย่างได้อย่างเสมอภาค……”

เดิมทีเธออยากจะพูดว่าแม่ยาย แต่นึกขึ้นได้ว่าแม่ของซูสือจิ่นเสียชีวิตไปนานแล้ว ด้วยเหตุนี้ ก็ควรจะเปลี่ยนเป็นพ่อตา

ซูสือจิ่นหน้าแดงเล็กน้อย แต่หยานชิงเจ๋อยิ้มๆแล้วมองไปยังเธอ: “เสี่ยวจิ่น ทำไมไม่ทานล่ะ?”

หลานเสี่ยวถางเห็นฉากนี้แล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะพูดหยอกล้อว่า: “ชิงเจ๋อคือคนที่สามีควรจะเอาเป็นเยี่ยงอย่าง!”

สือมูเฉินที่อยู่ข้างๆจึงเลิกคิ้ว: “อืม คาดว่าเขาคงใช้เวลาอยู่กับฉันนาน จึงได้เรียนรู้ไป”

อวดเก่ง! หลานเสี่ยวถางมองค้อนสือมูเฉินทีหนึ่ง

เขาดีหมดทุกอย่าง แต่รับไม่ได้ที่เธอชื่นชมคนอื่น ถึงแม้คนคนนั้นจะเป็นน้องชายของเขาก็ตาม หลานเสี่ยวถางรู้สึกตลก แต่ก็รู้สึกหวานชื่น ด้วยเหตุนี้จึงคีบเครื่องในชิ้นหนึ่ง ป้อนใส่ปากของสือมูเฉิน

“คุณภรรยาน่ารักจังเลย!” สือมูเฉินทานเสร็จ ก็เช็ดปาก แล้วจุ๊บหนึ่งทีเพื่อเป็นรางวัลให้หลานเสี่ยวถาง

ฟู่สีเกอที่อยู่ตรงข้ามเห็นแล้ว ก็มองไปยังซูสือจิ่นที่กำลังก้มหน้าทานกุ้งอยู่แล้วกล่าวว่า: “สือจิ่น คุณดูสิ เสี่ยวถางป้อนเครื่องในให้อาเฉิน อาเฉินก็มีรางวัลให้เสี่ยวถาง ชิงเจ๋อของพวกเราปอกกุ้งให้คุณตั้งมากมายขนาดนั้น ไม่ว่ายังคุณก็ต้องแสดงออกสักหน่อยล่ะ!”

ใบหูของซูสือจิ่นร้อนผ่าวขึ้นมาทันที เธอเงยหน้าขึ้น ยิ้มให้กับทุกคนแล้วกล่าวว่า: “พี่ชิงเจ๋อคือเหลยเฟิง (เป็นทหารที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นยอดคนดี) ทำเรื่องดีแล้วก็ไม่หวังสิ่งตอบแทนหรอก! พวกคุณรู้น้อยเกินไปแล้ว!”

หยานชิงเจ๋อที่อยู่ข้างๆ มองซูสือจิ่นด้วยแววตาที่เป็นประกาย แล้วเอ่ยปากว่า: “เสี่ยวจิ่น ฉันไม่ใช่เหลยเฟิง”

ชั่วพริบตา ซูสือจิ่นก็รู้สึกตกตะลึง ทำอะไรไม่ถูก

สือมูเฉินที่อยู่ตรงข้ามเอ่ยปากว่า: “สือจิ่น คุณดูสิชิงเจ๋อรออยู่นะ”

“ใช่ๆ ต้องยุติธรรมสิ!” ฟู่สีเกอพูดเสริมอีกว่า: “จุ๊บให้สักทีหนึ่ง!”

เฉียวโยวโยวและหลานเสี่ยวถางก็ส่งเสียงเชียร์: “จุ๊บเลย! จุ๊บเลย!”

เห็นทุกคนมองมายังตนเอง ด้วยท่าทีที่รอคอย ซูสือจิ่นก็รู้สึกว่าตนเองใจเต้นรัว มือเท้าไม่รู้จะวางไว้ตรงไหนถูก

หยานชิงเจ๋อที่อยู่ข้างๆก็ยังคงมองเธออยู่ เพื่อรอที่จะถูกเธอหอมแก้ม

“เหอะๆ พวกคุณแน่ใจแล้วใช่ไหม?” ซูสือจิ่นกวาดสายตามองทุกคน

“แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์!” ฟู่สีเกอพยักหน้า ด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้น

ซูสือจิ่นมองไปยังหยานชิงเจ๋อ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้น ก็เข้าไปใกล้

หยานชิงเจ๋อกำลังเผชิญหน้าอยู่กับเธอ ถ้าเธอจูบ ก็จะต้องโดนริมฝีปากของเขา

ขณะที่ซูสือจิ่นเข้าไปใกล้ทีละน้อยๆ จู่ๆก็เอียงไปด้านข้าง จากนั้นก็จูบไปที่แก้มของหยานชิงเจ๋อ: “จุ๊บ!”

เสียงดังชัดเจน

เธอถอยกลับมาอย่างรวดเร็ว ระงับการเต้นของหัวใจที่บ้าคลั่ง แล้วแสร้งทำเป็นกล่าวอย่างสบายๆว่า: “ผิวของพี่ชิงเจ๋อแย่กว่าหวันหว่านเล็กน้อย แต่รสสัมผัสก็ไม่เลวนะ!”